วิธีการ บอกว่าบลูชีสเสีย

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

บลูชีสมีราที่กินได้ซึ่งช่วยให้มีรสและกลิ่นแรง ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะชื่นชอบบลูชีสแต่มันก็สามารถกินได้อย่างปลอดภัยแน่นอน อย่างไรก็ตามบลูชีสสามารถเสียได้เช่นเดียวกับชีสอื่นๆ และการรู้ว่าจะสังเกตได้อย่างไรนั้นเป็นส่วนสำคัญในการกินชีสอย่างปลอดภัย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

การตรวจสอบชีส

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ดมกลิ่นชีส.
    วิธีที่ดีที่สุดเพื่อบอกว่าบลูชีสเสียหรือเปล่าก็คือการดมกลิ่น บลูชีสที่สดใหม่จะมีกลิ่นแรง แต่กลิ่นจะเปลี่ยนไปเมื่อเริ่มเสีย ลองดมชีสดูและถ้ามีกลิ่นคล้ายแอมโมเนียก็แสดงว่าอาจจะเสีย
    • ทางที่ดีควรจะดมกลิ่นบลูชีสตั้งแต่คุณนำกลับถึงบ้าน วิธีนี้จะทำให้คุณจะรู้ว่ากลิ่นตอนที่ยังใหม่เป็นอย่างไรและจะสังเกตได้ดีขึ้นเมื่อกลิ่นเริ่มเปลี่ยนไป
  2. How.com.vn ไท: Step 2 พิจารณาสี.
    บลูชีสที่สดใหม่นั้นมีราอยู่แล้ว ซึ่งโดยทั่วไปจะมีสีฟ้าหรือสีเขียว อย่างไรก็ตามคุณต้องใส่ใจกับสีของส่วนที่เป็นครีมของชีส ปกติจะเป็นสีขาว สีน้ำตาลอ่อน หรือสีเหลือง ถ้าคุณสังเกตว่ามันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพู น้ำตาล หรือเขียว แสดงว่าบลูชีสน่าจะเสียแล้ว
    • ให้แน่ใจว่าสังเกตสีของบลูชีสตอนที่ยังสดใหม่เช่นเดียวกับตอนที่ดมกลิ่นชีส เพื่อให้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้นถ้ามันเสีย
    • นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงของสีแล้ว ให้ตรวจสอบชีสเพื่อดูว่าพื้นผิวของมันดูแฉะหรือมีราขึ้นเป็นขุยขาวๆ หรือไม่ และถ้าคุณสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในเนื้อสัมผัสก็ให้ทิ้งไป
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ชิมชีส.
    ถ้าบลูชีสยังมีกลิ่นเหมือนเดิมและยังไม่เปลี่ยนสี คุณจะสามารถบอกได้ว่ามันเสียหรือไม่โดยการลองชิม แม้ว่าบลูชีสที่สดใหม่จะมีรสชาติที่เข้มข้นและแหลม แต่ชีสเก่าจะแรงเป็นพิเศษเมื่อมันเริ่มเสีย ถ้าคุณชิมบลูชีสเล็กน้อยและมีรสรุนแรงเกินกว่าจะกินได้ คุณควรจะทิ้งมันไป
    • ในกรณีส่วนใหญ่ การกินบลูชีสเสียเข้าไปในปริมาณเล็กน้อยนั้นจะไม่ทำให้คุณป่วย ดังนั้นการชิมจึงไม่เป็นอันตราย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

การติดตามวันหมดอายุ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 หลังจากผ่านไป 2 วันให้โยนชีสที่ไม่ได้แช่เย็นทิ้งไป....
    หลังจากผ่านไป 2 วันให้โยนชีสที่ไม่ได้แช่เย็นทิ้งไป. บลูชีสควรจะแช่เย็นเพื่อคงความสดใหม่ ดังนั้นถ้าคุณปล่อยทิ้งไว้บนเคาน์เตอร์ก็จะทำให้เสียเร็วขึ้น ในกรณีส่วนใหญ่คุณจะสังเกตได้ว่ามันจะเสียหลังจากผ่านไปแค่สองสามวัน ถ้าคุณทิ้งบลูชีสไว้ข้างนอกโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็ควรจะทิ้งไปถ้าผ่านไป 2 วันแล้วหรือนานกว่านั้น
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ทิ้งชีสแช่เย็นหลังจากผ่านไป 3-4 สัปดาห์แล้ว.
    เมื่อเก็บบลูชีสไว้ในตู้เย็นมันจะสามารถอยู่ได้สักพักหนึ่ง ให้เช็ควันหมดอายุบนชีส ในกรณีส่วนใหญ่มันจะยังคงกินได้อยู่ในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังจากวันหมดอายุ โดยทั่วไปหมายความว่ามันจะมีอายุอยู่ในตู้เย็นได้ 3-4 สัปดาห์[1]
    • ให้แน่ใจว่าไม่ได้ตั้งอุณหภูมิในตู้เย็นไว้สูงกว่า 4 องศาเซลเซียสเพื่อเก็บรักษาบลูชีสให้สดใหม่ได้นานที่สุด
  3. How.com.vn ไท: Step 3 กำจัดชีสแช่แข็งหลังจาก 6 เดือน.
    ถ้าเก็บบลูชีสไว้ในช่องแช่แข็งที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียสจะสามารถอยู่ได้ตลอดไป ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถแช่แข็งชีสส่วนเกินที่คุณไม่ได้วางแผนจะใช้ภายใน 1 เดือนไว้เพื่อป้องกันไม่ให้มันเสีย อย่างไรก็ตามเพื่อรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ดีที่สุดคุณไม่ควรแช่แข็งเก็บไว้นานเกินครึ่งปี[2]
    • จำใส่ใจว่ารสชาติและเนื้อสัมผัสของบลูชีสอาจเปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังละลาย รสชาติฉุนๆ ของมันจะลดลงบางส่วนและมักจะแตกตัวได้ง่ายกว่า
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

การเก็บบลูชีส

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ตัดชีสสำหรับแช่แข็ง.
    ถ้าคุณต้องการเก็บบลูชีสไว้ในช่องแช่แข็งคุณต้องหั่นเป็นชิ้นที่มีขนาดไม่เกินชิ้นละประมาณ 230 กรัม สำหรับบลูชีสบดให้แบ่งเป็นส่วนๆ ที่มีน้ำหนักใกล้เคียงกัน ใช้เครื่องชั่งอาหารเพื่อชั่งน้ำหนักแต่ละชิ้นหรือแต่ละส่วนก่อนเตรียมสำหรับจัดเก็บ[3]
    • คุณสามารถแช่แข็งบลูชีสที่คุณเปิดหรือกินไปแล้วได้ เพียงให้แน่ใจว่าได้ตัดชิ้นชีสที่เหลือหรือแบ่งเศษชีสออกเป็นส่วนๆ ขนาดประมาณ 230 กรัมตามที่แนะนำ
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ห่อชีส 2 ชั้น.
    ไม่ว่าคุณจะวางแผนที่จะเก็บบลูชีสไว้ในตู้เย็นหรือช่องแช่แข็งก็ตาม ต้องห่ออย่างถูกต้องเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะคงความสดใหม่ไว้ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ขั้นแรกให้ห่อชีสด้วยกระดาษไขหรือกระดาษรองอบ จากนั้นห่อด้วยแร็ปพลาสติกหรือฟอยล์บนกระดาษอีกชั้นหนึ่งเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่แห้ง[4]
    • ถ้าคุณจะแช่แข็งชีส ให้นำชีสที่ห่อสองชั้นนั้นใส่ในถุงพลาสติกสำหรับแช่แข็งเพื่อป้องกันไม่ให้ชีสสูญเสียความชื้นระหว่างการแช่แข็ง
    • ถ้าคุณกังวลว่าชีสจะดูดกลิ่นหรือรสชาติของสิ่งอื่นๆ ภายในตู้เย็นแล้วล่ะก็ คุณอาจจะต้องใส่ไว้ในภาชนะสุญญากาศหลังจากห่อเพื่อป้องกันเพิ่มเติม
  3. How.com.vn ไท: Step 3 เก็บไว้ที่ชั้นล่างสุดในตู้เย็น.
    บลูชีสยิ่งเย็นเท่าไหร่ก็จะยิ่งคงความสดใหม่นานเท่านั้น เนื่องจากส่วนล่างของตู้เย็นมักจะเย็นที่สุดคุณจึงควรเก็บชีสไว้ในชั้นล่างเพื่อเก็บรักษาไว้ให้นานที่สุด ถ้าตู้เย็นของคุณมีลิ้นชักที่ด้านล่าง นั่นจะเป็นที่ที่เหมาะสำหรับเก็บบลูชีสเพราะว่าน่าจะเป็นที่ที่คุณไม่ได้เปิดทุกครั้งตอนคุณดูในตู้เย็น ดังนั้นอุณหภูมิจะคงที่
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าบลูชีสแสดงสัญญาณว่าเสียตั้งแต่ตอนคุณเปิดครั้งแรก ก็อย่ากลัวที่จะส่งคืนร้าน นำหลักฐานการซื้อไปด้วยและขอเงินคืนหรือขอเปลี่ยน
  • บลูชีสที่มีความชื้นสูงจะเสียเร็วกว่าแบบที่แห้งกว่า
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้ามีเพียงบางส่วนของชีสที่เปลี่ยนสี แฉะ หรือมีราขึ้นเป็นขุยขาวๆ อย่าตัดส่วนนั้นออกและกินชีสที่เหลือ ควรทิ้งไปทั้งชิ้นเลยเพราะว่าอาจจะยังมีแบคทีเรียหรือเชื้อราอยู่
  • ถ้าคุณกินบลูชีสที่สงสัยว่าเสียเข้าไปและเริ่มรู้สึกไม่สบาย คุณควรจะไปพบแพทย์
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Ollie George Cigliano
ร่วมเขียน โดย:
เชฟส่วนตัวและครูสอนการทำอาหาร
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Ollie George Cigliano. ออลี จอร์จ ซิกลิอาโนเป็นเชฟส่วนตัว ครูสอนการทำอาหาร และเจ้าของ Ollie George Cooks ซึ่งตั้งอยู่ที่ลองบีช รัฐแคลิฟอร์เนีย เธอเชี่ยวชาญการใช้ส่วนผสมที่สดใหม่ให้เกิดประโยชน์และความสนุก รวมทั้งการนำเทคนิคการทำอาหารแบบดั้งเดิมมาผสมผสานกับเทคนิคการทำอาหารแบบใหม่ โดยมีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ออลี จอร์จได้รับปริญญาศิลปศาสตร์บัณฑิต สาขาวรรณคดีเปรียบเทียบ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์และได้รับประกาศนียบัตรด้านโภชนาการและการดำรงชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีจากมหาวิทยาลัยอีคอร์เนล บทความนี้ถูกเข้าชม 6,878 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,878 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา