วิธีการ รักษาเนื้องอกไขมันด้วยวิธีธรรมชาติ

ดาวน์โหลดบทความ

ดาวน์โหลดบทความ

ภายในบทความนี้:

รักษาเนื้องอกไขมันด้วยน้ำมันธรรมชาติและสมุนไพร

ปรับเปลี่ยนเรื่องการรับประทานอาหาร

เมื่อไหร่ที่ต้องเข้ารับการรักษาทางการแพทย์

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้ออ้างอิง

เนื้องอกไขมันคือการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเนื้องอกธรรมดา (ไม่ใช่เนื้อร้าย) ที่เป็นเนื้อเยื่อไขมัน โดยมักจะขึ้นที่ลำคอ ไหล่ หน้าท้อง แขน ต้นขา หรือหลัง เนื้องอกไขมันไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ ไม่เป็นอันตราย และเจริญเติบโตช้ามาก เนื่องจากเนื้องอกไขมันจะขึ้นอยู่ระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อ เวลาที่สัมผัสจึงรู้สึกเหมือนเป็นฟองน้ำและเคลื่อนที่ไปมาอยู่ใต้ผิวหนัง แม้ว่าเนื้องอกไขมันจะไม่เป็นอันตราย แต่มันก็อาจจะจำกัดการเคลื่อนไหวและทำให้รูปลักษณ์เปลี่ยนไปได้ โชคดีที่คุณสามารถรักษาเนื้องอกไขมันให้หดลงได้ด้วยวิธีธรรมชาติ แต่ถ้าคุณรู้สึกเจ็บ มีก้อนนูนบวมขึ้นมาใหม่ หรือมีปัญหาในการเคลื่อนไหว ให้ไปพบแพทย์

ขั้นตอน

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 3:

รักษาเนื้องอกไขมันด้วยน้ำมันธรรมชาติและสมุนไพร

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ทำขี้ผึ้งจากน้ำมันธรรมชาติและสมุนไพร. น้ำมันธรรมชาติอย่างน้ำมันสะเดาและเมล็ดแฟลกซ์เป็นสารตั้งต้นที่ดีในการทำขี้ผึ้ง ทดลองนำสมุนไพรกับน้ำมันต่างๆ มาผสมกัน

   • น้ำมันสะเดาเป็นยาสมานที่ช่วยปกป้องผิว แพทย์แผนอายุรเวท (อินเดียโบราณ) นิยมใช้ในการรักษาเนื้องอกไขมัน
   • น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์มีระดับกรดไขมันโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 สูง กรดไขมันโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ช่วยลดการอักเสบ แต่คุณต้องซื้อน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ที่ได้รับการรับรองว่าปราศจากโลหะหนัก เช่น ตะกั่วและปรอท

   เคล็ดลับ: แม้จะไม่ใช่น้ำมันธรรมชาติ แต่ชาเขียวเย็นก็เป็นสารตั้งต้นที่ดีเช่นเดียวกัน เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่ช่วยควบคุมน้ำตาลและไขมันในเลือด
2. 
   2
   ผสมหญ้าลูกไก่กับน้ำมันธรรมชาติหรือชา. ผสมหญ้าลูกไก่ 1 ช้อนชากับน้ำมันสะเดาหรือน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ 2-3 ช้อนโต๊ะ จากนั้นทาขี้ผึ้งลงบนเนื้องอกไขมัน

   • หญ้าลูกไก่ใช้ในการลดไขมัน
   • ในการทำยาทานั้น คุณสามารถใช้ชาเขียวเย็น 1-2 ช้อนโต๊ะแทนน้ำมันสะเดาหรือน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ได้
3. 
   3
   ลองทำขี้ผึ้งจากขมิ้น. ผสมขมิ้น 1 ช้อนชากับน้ำมันสะเดาหรือน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ 2-3 ช้อนโต๊ะ ปาดขี้ผึ้งลงบนเนื้องอกไขมัน ผิวของคุณจะกลายเป็นสีส้มหรือสีเหลืองหน่อยๆ เพราะขมิ้น จากนั้นใช้ผ้าพันแผลแปะลงบนเนื้องอกไขมันเพื่อไม่ให้เปรอะเสื้อผ้า

   • ขมิ้นก็นิยมใช้ในแพทย์แผนอายุรเวทเช่นเดียวกับน้ำมันสะเดา
   • ในการทำเป็นยาทานั้น ให้ใส่ชาเขียวเย็น 1-2 ช้อนโต๊ะลงไปในขมิ้นแทนน้ำมันสะเดาหรือน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์
4. 
   4
   เติมใบเสจแห้งลงในน้ำมันสะเดาหรือน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์. ผสมใบเสจแห้ง ½ - 1 ช้อนชากับน้ำมันสะเดาหรือน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ 2-3 ช้อนโต๊ะ จากนั้นทาบาล์มที่ได้เคลือบลงบนเนื้องอกไขมัน

   • ถ้าทำเป็นยาทาให้ใช้ชาเขียวเย็น 1-2 ช้อนโต๊ะแทนน้ำมันสะเดาหรือน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์
   • แพทย์แผนจีนโบราณใช้ใบเสจละลายเนื้อเยื่อไขมันเช่นเดียวกัน
   โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 3:

ปรับเปลี่ยนเรื่องการรับประทานอาหาร

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   รับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น. ผักและผลไม้มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดไขมันในเลือด

   • เลือกผักผลไม้สีสันสดใสเพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระมากที่สุด ผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงก็เช่น บลูเบอร์รี ราสพ์เบอร์รี แอปเปิล พลัม ผลไม้ตระกูลส้ม ผักใบเขียว แตงโม และพริกหยวก
2. 
   2
   รับประทานปลาให้มากขึ้น. ปลามีไขมันโอเมกา-3 ที่ดีต่อสุขภาพและโปรตีนคุณภาพดีในปริมาณมาก ไขมันโอเมกา-3 ช่วยลดการอักเสบและอาจช่วยจำกัดการเจริญเติบโตของเนื้องอกไขมันได้

   • ปลาแซลมอนและปลาทูน่าเป็นแหล่งกรดไขมันโอเมกา-3 คุณภาพดี และยังมีโปรตีนสูงอีกด้วย
   • แหล่งกรดไขมันโอเมกา-3 ที่ดีอื่นๆ ได้แก่ ปลาจะละเม็ด ปลาสำลี ปลาดุก ที่มีวิตามินบี-12 สูงด้วยเช่นกัน
3. 
   3
   จำกัดการบริโภคเนื้อแดง. ถ้าคุณจะรับประทานเนื้อแดง ต้องเป็นเนื้อแดงจากสัตว์ที่เลี้ยงด้วยหญ้าที่ไม่มียาปฏิชีวนะหรือฮอร์โมน เพราะเนื้อแดงที่ได้จากสัตว์ที่เลี้ยงด้วยหญ้าอุดมไปด้วยไขมันโอเมกา-3 และโอเมกา-6 ที่ดีต่อสุขภาพ

   • นอกจากเนื้อแดงแล้ว เนื้อไก่ เต้าหู้ และถั่วก็เป็นตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพที่มีโปรตีนสูงเช่นเดียวกัน
   โฆษณา

เปลี่ยนไปรับประทานอาหารออร์แกนิกให้ได้มากที่สุด. การเปลี่ยนไปรับประทานอาหารออร์แกนิกช่วยลดจำนวนสารกันบูดและสารปรุงแต่งที่คุณบริโภคเข้าไป ทำให้ตับสามารถกำจัดสารพิษที่สะสมอยู่ในเนื้อเยื่อไขมันของเนื้องอกไขมันได้เต็มที่

รู้หรือไม่ การจำกัดการบริโภคอาหารที่ผ่านการปรุงแต่งและอาหารบรรจุพร้อมขายยังช่วยจำกัดปริมาณสารปรุงแต่งและสารกันบูดที่คุณได้รับจากอาหารด้วย

วิธีการ 3

วิธีการ 3 ของ 3:

เมื่อไหร่ที่ต้องเข้ารับการรักษาทางการแพทย์

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ไปพบแพทย์เมื่อคุณรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายตัว มีก้อนเนื้อขึ้นมาใหม่ หรือสังเกตเห็นว่ามันบวม. เป็นไปได้ว่าก้อนเนื้อที่ดูเหมือนเนื้องอกไขมันจริงๆ แล้วอาจจะเป็นอย่างอื่นก็ได้ เนื่องจากว่าเนื้องอกไขมันไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บ ความรู้สึกเจ็บจึงอาจเป็นสัญญาณที่บอกว่าก้อนเนื้อที่ว่านี้เป็นอย่างอื่น เช่นเดียวกันคือคุณไม่ควรลองรักษาก้อนเนื้อที่ขึ้นมาใหม่หรือบริเวณที่บวมจนกว่าจะให้แพทย์ตรวจดูแล้ว

   • ก้อนเนื้อที่ขึ้นมาไม่น่าเป็นสิ่งที่ทำให้ต้องกังวล แต่ก็คงจะดีกว่าถ้าคุณรู้แน่ชัดว่ามันเป็นเนื้องอกไขมัน ไม่ใช่อย่างอื่น
2. 
   2
   แพทย์อาจจะตัดเนื้อเยื่อไปตรวจ หรือตรวจด้วยเอ็กซเรย์ เอ็มอาร์ไอ หรือซีทีสแกน. การตรวจเหล่านี้ช่วยให้แพทย์แน่ใจได้ว่า ก้อนเนื้อของคุณเป็นเนื้องอกไขมันจริงๆ และส่วนใหญ่แล้วแพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยอย่างรวดเร็วในห้องตรวจ

   • ระหว่างที่แพทย์ตัดเนื้อเยื่อคุณจะไม่รู้สึกเจ็บ แต่ก็อาจจะไม่สบายตัวบ้าง ก่อนตัดเนื้อเยื่อไปตรวจ แพทย์จะทำให้บริเวณรอบๆ เนื้องอกไขมันชาก่อน จากนั้นแพทย์ก็ใช้เข็มบางๆ เก็บตัวอย่างจากก้อนเนื้อเล็กน้อย และสุดท้ายก็จะใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูตัวอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเนื้องอกไขมัน
   • เอ็กซเรย์ เอ็มอาร์ไอ และซีทีสแกนคือการถ่ายภาพรังสีทั้งหมด ส่วนใหญ่แพทย์จะเลือกตรวจแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง เอ็กซเรย์ก็จะทำให้เห็นเงาว่าก้อนเนื้อไขมันอยู่ตรงไหน ในขณะที่เอ็มอาร์ไอและซีทีสแกนจะทำให้เห็นเนื้องอกไขมันละเอียดขึ้น
3. 
   3
   ถามแพทย์ว่า การดูดไขมันสามารถรักษาเนื้องอกไขมันที่กวนใจคุณได้หรือไม่. ถ้าเนื้องอกไขมันก้อนเล็กๆ ก่อให้เกิดปัญหาในชีวิตประจำวัน แพทย์ก็อาจจะใช้วิธีการดูดไขมันเพื่อกำจัดเนื้องอกไขมันได้ ในการรักษาด้วยวิธีนี้ แพทย์จะทำให้บริเวณที่อยู่ใกล้เนื้องอกไขมันชาเพื่อไม่ให้คุณรู้สึกเจ็บ จากนั้นก็จะใช้เข็มดูดเนื้อเยื่อไขมันออกมาจากเนื้องอกไขมัน

   • วิธีการรักษาทั่วไปแบบนี้ใช้เวลาไม่นานและไม่ต้องพักฟื้นมากนัก แต่คุณก็อาจจะรู้สึกปวด ไม่สบายตัว และมีรอยฟกช้ำบ้าง
4. 
   4
   ผ่าตัดเอาเนื้องอกไขมันออกถ้ามันมีผลกับการเคลื่อนไหว. ถ้าแพทย์คิดว่าการผ่าตัดเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับคุณ แพทย์มักจะให้ยาระงับประสาทก่อนผ่าตัด ในการผ่าตัดเนื้องอกไขมันออกนั้น แพทย์จะกรีดเป็นรอยแผลเล็กๆ จากนั้นก็เอาเนื้องอกไขมันออกจากร่างกาย และแพทย์ก็จะเย็บแผลในขั้นตอนสุดท้าย

   • หลังการผ่าตัด รอบๆ บริเวณนั้นก็อาจจะเป็นแผลเป็น แต่ก็จะเห็นไม่ชัดมาก นอกจากนี้คุณก็อาจจะรู้สึกไม่สบายตัวและมีรอยฟกช้ำอยู่หลายวันหลังการผ่าตัด
   • นอกจากนี้คุณก็อาจจะเข้ารับการผ่าตัดหากเนื้องอกไขมันมีผลต่อความรู้สึกที่คุณมีต่อรูปลักษณ์ของตนเอง

   เคล็ดลับ: ถ้าคุณกำจัดเนื้องอกไขมันด้วยวิธีการผ่าตัด มันจะมีโอกาสกลับมาขึ้นใหม่น้อยมาก

   โฆษณา

เคล็ดลับ

• คุณควรปรึกษาแพทย์ก่อนรักษาด้วยวิธีธรรมชาติเสมอ
• ทาขี้ผึ้งสมุนไพรเยอะๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
• อย่าพยายามบีบหรือทำให้เนื้องอกไขมันระคายเคืองเด็ดขาด

โฆษณา

คำเตือน

• วิธีการรักษาด้วยสมุนไพรที่กล่าวในข้างต้นยังไม่มีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ โดยหลักฐานที่พบนั้นเป็นการบอกเล่าต่อๆ กันมา และไม่สามารถทดแทนการประเมินและการรักษาทางการแพทย์ได้

โฆษณา