บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Victor Catania, MD. ดร.คาตาเนียเป็นแพทย์ทางเวชศาสตร์ครอบครัวที่มีใบรับรองในเพนซิลเวเนีย เขาสำเร็จปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยอเมริกาส์ในปี 2012
มีการอ้างอิง 29 ข้อที่อ้างอิงอยู่ในบทความ ซึ่งสามารถพบได้ทางด้านล่างของบทความ
บทความนี้ถูกเข้าชม 6,567 ครั้ง
ไตจะอยู่บริเวณหน้าท้องช่วงบนใกล้ๆ กับกล้ามเนื้อหลัง[1] ถ้าคุณรู้สึกปวดหลังตรงช่วงระหว่างซี่โครงกับก้น หรือแม้กระทั่งไล่ลงมาด้านข้างจนถึงบริเวณขาหนีบ คุณก็อาจกำลังปวดไตอยู่ก็ได้[2] หากคุณมีอาการปวดไต ให้ปรึกษาแพทย์ทันทีเพราะมันอาจเป็นสภาพทางการแพทย์ร้ายแรงได้หลายๆ โรค[3] การรักษาอาการปวดไตจะต่างกันไปแล้วแต่สาเหตุ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ที่สามารถให้คำแนะนำในการรักษาอาการปวดไตของคุณได้ดีที่สุด[4]
ขั้นตอน
- ดื่มน้ำเยอะๆ. นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเพียงสิ่งเดียวในการบรรเทาอาการปวดไต ช่วงที่แข็งแรงดีคุณควรดื่มน้ำวันละ 2-3 ลิตร แต่คุณอาจจะต้องดื่มมากกว่านั้นเพื่อช่วยพัดนิ่วในไตให้หลุดออกมา[5] น้ำช่วยชะล้างแบคทีเรียและเนื้อเยื่อที่ตายแล้วออกจากไต ปัสสาวะที่คั่งค้างอยู่นานเป็นสื่อกลางชั้นดีที่เสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้เกิดการไหลของน้ำผ่านไตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยป้องกันการเจริญเติบโตและการเพิ่มจำนวนของแบคทีเรียได้[6]
- นอกจากนี้นิ่วในไตขนาดเล็ก (<4มม.) ยังสามารถพัดออกจากร่างกายได้พร้อมกับปัสสาวะหากมีการไหลของน้ำมากพอ
- จำกัดปริมาณกาแฟ ชา และโคล่าให้ไม่เกิดวันละ 1-2 ถ้วย[7]
- ประคบร้อนเพื่อลดอาการปวด. คุณอาจวางแผ่นประคบร้อนหรือผ้าอุ่นๆ ไว้ตรงบริเวณที่ปวดเพื่อลดอาการปวดชั่วคราว ความร้อนเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและลดการรับรู้ทางประสาท ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ช่วยลดความปวดได้ ความร้อนอาจช่วยได้มากเป็นพิเศษหากอาการปวดของคุณเกิดจากการชักกระตุกของกล้ามเนื้อ[11]
- อย่าใช้ความร้อนมากเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดรอยไหม้ได้ ใช้แผ่นประคบร้อน แช่ตัวในน้ำร้อน หรืออาจจะใช้ผ้าที่จุ่มในน้ำร้อน (แต่ไม่ใช่น้ำเดือด)
- ใช้ยาแก้ปวด. มียาแก้ปวดที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปบางอย่างที่สามารถต่อสู้กับอาการปวดไตได้ อะเซตามีโนเฟน/พาราเซตามอลเป็นยาที่แนะนำกันทั่วไปว่าให้รับประทานเพื่อลดอาการปวดที่เกิดจากการติดเชื้อหรือนิ่วในไต[12] ทั้งนี้คุณควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยาแก้ปวดใดๆ ก็ตาม เพราะยาแก้ปวดบางชนิดอาจยิ่งทำให้ปัญหาเรื่องไตแย่ลงหรือมีปฏิกิริยากับสภาพทางการแพทย์อื่นๆ[13]
- อย่ารับประทานแอสไพรินปริมาณสูง เพราะแอสไพรินเพิ่มความเสี่ยงของการมีเลือดออกและทำให้ภาวะอุดตันของหลอดเลือด เช่น นิ่วในไต แย่ลง
- ยาแก้อักเสบอาจเป็นอันตรายได้ถ้าไตของคุณทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อย่ารับประทานไอบูโพรเฟนหรือนาพรอกเซนถ้าไตมีปัญหา นอกจากว่าแพทย์จะเป็นผู้แนะนำให้รับประทาน[14]
- ปรึกษาแพทย์เรื่องยาปฏิชีวนะ. ยาปฏิชีวนะควรใช้หากคุณติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ นิ่วในไตจะทำให้ปัสสาวะที่คั่งค้างอยู่กลับขึ้นไปที่ไต ซึ่งจะทำให้เกิดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ ถ้าเป็นกรณีนี้แพทย์จะสั่งยาปฏิชีวนะให้คุณ[15]
- ยาปฏิชีวนะทั่วไปที่ใช้กับการติดเชื้อประเภทนี้ได้แก่ ไตรเมโทพริม ไนโตรฟูแรนโทอิน ไซโปรฟลอกซาซิน และเซฟาเลกซิน หากเป็นการติดเชื้อเพียงเล็กน้อยถึงปานกลาง ผู้ชายควรรับประทานยาเป็นเวลา 10 วันและผู้หญิงควรรับประทานยา 3 วัน
- รับประทานยาปฏิชีวนะให้หมดตามที่แพทย์สั่งเสมอแม้ว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นแล้วและอาการจะหายไปแล้วก็ตาม
- เลี่ยงการรับวิตามินซีมากเกินไป. โดยทั่วไปวิตามินซีมีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องของการรักษาบาดแผลให้หายและกระบวนการสร้างกระดูก แต่วิตามินซีในปริมาณที่มากเกินไปจะถูกเปลี่ยนเป็นออกซาเลตในไต ซึ่งออกซาเลตนี้จะกลายเป็นนิ่ว เพราะฉะนั้นคุณจึงไม่ควรได้รับวิตามินซีมากเกินไปหากคุณมีแนวโน้มที่จะเป็นนิ่วในไต หรือมีคนในครอบครัวเคยเป็นนิ่วมาก่อน[16]
- คนที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วจากแคลเซียมออกซาเลตควรจำกัดปริมาณการบริโภคอาหารที่มีออกซาเลตสูง เช่น บีต ช็อกโกแลต กาแฟ โคล่า ถั่วเปลือกแข็ง พาร์สลีย์ ถั่วลิสง รูบาร์บ ผักปวยเล้ง สตรอว์เบอร์รี่ ชา และรำข้าวสาลี[17]
- ดื่มน้ำแครนเบอร์รี่เป็นประจำ. น้ำแครนเบอร์รี่เป็นยาจากธรรมชาติที่ช่วยรักษาการติดเชื้อในไตและทางเดินปัสสาวะได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 8 ชั่วโมงหลังจากรับประทานโดยการเข้าไประงับไม่ให้แบคทีเรียเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวน และยังช่วยละลายนิ่วสตรูไวท์และนิ่วบรูชิตได้ด้วย[18][19]
- เลี่ยงน้ำแครนเบอร์รี่ถ้าคุณมีนิ่วออกซาเลต เพราะน้ำแครนเบอร์รี่มีวิตามินซีปริมาณมากและมีออกซาเลตสูง
โฆษณา
- พบแพทย์หากคุณคิดว่าอาจมีการติดเชื้อที่ไตหรือเป็นกรวยไตอักเสบ. การติดเชื้อที่ไตเริ่มจากการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะก่อนและขึ้นไปติดเชื้อที่ไต ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อไตถาวรหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที[20] การติดเชื้ออาจเกิดที่ไตข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ ทำให้เกิดอาการปวดลึกๆ ในช่องท้อง หลัง ข้างลำตัว หรือขาหนีบตลอดเวลา ถ้าคุณมีอาการดังต่อไปนี้ ให้รีบพบแพทย์ทันที[21][22]
- มีไข้ และอาจมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย
- ปัสสาวะบ่อย
- รู้สึกปวดปัสสาวะมากๆ ไม่หาย
- แสบร้อนหรือปวดเวลาปัสสาวะ
- มีหนองหรือเลือดปนมากับปัสสาวะ (อาจเป็นสีแดงหรือสีออกน้ำตาล)
- ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็นหรือสีขุ่น
- เข้ารับการรักษาฉุกเฉินหากคุณมีอาการดังกล่าวร่วมกับอาการคลื่นไส้และอาเจียน[23]
- ปรึกษาแพทย์หากคุณคิดว่าเป็นนิ่วในไต. นิ่วในไตเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอาการปวดที่ไต ซึ่งอาการปวดจะเกิดขึ้นเมื่อไตพยายามจะขับนิ่วออกมาแต่ขับออกมาไม่ได้ ซึ่งการปวดแบบนี้โดยทั่วไปจะมาเป็นระลอก[24]
- ไปที่ห้องฉุกเฉินหากคุณคิดว่าอาจมีเลือดออกที่ไต. เลือดที่ออกอาจเกิดจากการบาดเจ็บ โรค หรือยา ซึ่งอาการผิดปกติที่ทำให้เลือดออกอาจทำให้เกิดการก่อตัวของลิ่มเลือดในไต เมื่อลิ่มเลือดขัดขวางการหล่อเลี้ยงของเลือดที่ไตไม่ว่าจะส่วนใดก็ตาม ก็จะเริ่มมีอาการปวด ซึ่งการปวดนี้ก็จะมาเป็นระลอกเหมือนกันแต่โดยทั่วไปจะรู้สึกปวดที่สีข้าง ซึ่งอยู่ระหว่างท้องส่วนบนกับหลัง[27] อาการอื่นๆ ของการบาดเจ็บที่ไตได้แก่[28][29]
- ปวดช่องท้องหรือท้องบวม
- มีเลือดปนมาในปัสสาวะ
- ง่วงซึมหรือง่วงนอน
- มีไข้
- ปัสสาวะน้อยลงหรือปัสสาวะขัด
- อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น
- คลื่นไส้และอาเจียน
- เหงื่อออก
- ผิวเย็นและชื้น
โฆษณา
เคล็ดลับ
- รักษาร่างกายไม่ให้ขาดน้ำ คุณต้องพัดเอาแบคทีเรียในไตออกมาด้วยการดื่มน้ำมากๆ
- ยารักษา “ตามธรรมชาติ” อย่างดอกแดนดิไลออน น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล โรสฮิปส์ และหน่อไม้ฝรั่งไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุนว่าช่วยรักษานิ่วในไตได้ เพราะฉะนั้นพยายามดื่มน้ำมากๆ และพบแพทย์เพื่อหาทางรักษาด้วยวิธีอื่น[30][31]
คำเตือน
- ถ้าคุณรู้สึกปวดที่ไต ให้ปรึกษาแพทย์ทันที
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.medicinenet.com/kidney_pain/article.htm#where_are_the_kidneys_located
- ↑ http://www.medicinenet.com/kidney_pain/page2.htm
- ↑ http://www.medicinenet.com/kidney_pain/page3.htm
- ↑ http://www.medicinenet.com/kidney_pain/page5.htm#how_is_kidney_pain_treated
- ↑ http://www.mayoclinic.org/healthy-living/nutrition-and-healthy-eating/in-depth/water/art-20044256
- ↑ http://www.medicinenet.com/cystinuria/page2.htm
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000135.htm
- ↑ http://www.nhs.uk/Conditions/Kidney-infection/Pages/Treatment.aspx
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/001065.htm
- ↑ http://www.healthline.com/symptom/flank-pain
- ↑ http://www.uofmmedicalcenter.org/healthlibrary/Article/116080EN
- ↑ http://www.medicinenet.com/kidney_pain/page5.htm#how_is_kidney_pain_treated
- ↑ http://www.nhs.uk/Conditions/Kidney-infection/Pages/Treatment.aspx
- ↑ https://www.kidney.org/atoz/content/painMeds_Analgesics
- ↑ http://www.medicinenet.com/kidney_pain/page5.htm# how_is_kidney_pain_treated
- ↑ http://www.bui.ac.uk/PatientInfo/ureterstent.html
- ↑ http://www.upmc.com/patients-visitors/education/nutrition/Pages/low-oxalate-diet.aspx
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/kidney-infection/basics/lifestyle-home-remedies/con-20032448
- ↑ http://umm.edu/health/medical/altmed/condition/kidney-stones
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/kidney-infection/basics/definition/con-20032448
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/kidney-infection/basics/symptoms/con-20032448
- ↑ http://www.medicinenet.com/kidney_pain_symptoms_and_causes/views.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/kidney-infection/basics/symptoms/con-20032448
- ↑ http://kidney.niddk.nih.gov/kudiseases/pubs/stonesadults/#symptoms
- ↑ http://www.medicinenet.com/kidney_stones/page6.htm
- ↑ http://www.medicinenet.com/kidney_stones/page6.htm
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/003113.htm
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/001065.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/symptoms/kidney-pain/basics/when-to-see-doctor/sym-20050902
- ↑ ”Natural treatments for kidney stones,” Salem Press Encyclopedia of Health, 2012
- ↑ https://www.kidney.org/atoz/content/kidneystones
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.