วิธีการ ทำให้หยุดอาเจียนและหายท้องเสีย

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

ถ้าคุณอาเจียนและท้องเสีย ก็แสดงว่าร่างกายกำลังพยายามกำจัดสิ่งที่เป็นต้นเหตุออกมา เช่น การอาเจียนสามารถกำจัดสารพิษที่เกิดจากอาหารเป็นพิษ หรืออาจจะกำจัดไวรัสหากคุณติดเชื้อโนโรไวรัส อาการอาเจียนและท้องเสียอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และพยาธิ หรืออาจจะเกิดจากสารพิษ การรับประทานอาหารที่มีเชื้อโรค หรือยาและอาหารบางชนิดก็อาจจะย่อยยากเนื่องมาจากหลายปัจจัย แม้ว่าการอาเจียนและท้องเสียนั้นมักจะเกิดขึ้นและหายไปเอง แต่มันก็อาจทำให้เกิดอาการขาดน้ำอย่างรุนแรงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กทารก เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ[1]

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ควบคุมการอาเจียนและท้องเสียด้วยอาหาร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 รักษาร่างกายไม่ให้ขาดน้ำ.
    พยายามดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไป นอกจากนี้คุณก็สามารถดื่มชาสมุนไพร (เช่น คาโมมายล์ ลูกซัด หรือขิง) ที่ช่วยลดอาการคลื่นไส้ หรือจินเจอร์แอลไม่อัดแก๊ส นอกจากนี้ก็มีเครื่องดื่มหลายชนิดที่คุณควรหลีกเลี่ยงเนื่องจากจะทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้ระคายเคือง ซึ่งจะทำให้ยิ่งท้องเสียหนักกว่าเดิม เครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยงได้แก่:[2]
    • กาแฟ
    • ชาดำ
    • เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
    • น้ำอัดลม
    • แอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งทำให้ร่างกายขาดน้ำมากกว่าเดิม
  2. How.com.vn ไท: Step 2 รับประทานใยอาหารให้มากขึ้น.
    ในการรักษาอาการท้องเสียนั้น ให้รับประทานอาหาร เช่น ข้าวกล้อง ข้าวบาร์เลย์ ธัญพืชเต็มเมล็ด หรือน้ำผักคั้นสด (เช่น แคร์รอตหรือเซเลอรี) เพราะใยอาหารจากอาหารเหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายดูดซับน้ำและทำให้อุจจาระแข็งขึ้น ซึ่งจะช่วยชะลอและทำให้หายท้องเสีย หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง มันๆ หรือเผ็ดๆ อาหารที่มีกรด (เช่น น้ำส้ม มะเขือเทศ ผักดอง) ช็อกโกแลต ไอศกรีม และไข่
    • ในการทำอาหารอ่อนๆ ที่อุดมไปด้วยใยอาหารนั้น ให้ต้มธัญพืชในซุปไก่หรือซุปมิโสะ โดยให้น้ำซุปมากกว่าธัญพืชอย่างน้อย 2 เท่า เช่น ต้มข้าวบาร์เลย์ ½ ถ้วยกับซุปไก่ 1-2 ถ้วย
  3. How.com.vn ไท: Step 3 รับประทานโพรไบโอติกส์.
    ซื้อโพรไบโอติกส์เสริมและรับประทานตามที่ผู้ผลิตหรือแพทย์แนะนำ โพรไบโอติกส์ช่วยเพิ่มสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ถ้าคุณรับประทานโพรไบโอติกส์ในช่วงที่ท้องเสีย มันก็จะไปต่อสู้กับแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค แหล่งโพรไบโอติกส์ที่ดีหรือประเภทของโพรไบโอติกส์ได้แก่ :
  4. How.com.vn ไท: Step 4 Lactobacillus rhamnosus
    GG, Lactobacillus acidophilus และ bifidobacteria
  5. How.com.vn ไท: Step 5 รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย.
    ถ้าคุณรับประทานอะไรไม่ค่อยลง ให้รับประทานแครกเกอร์รสเค็มเล่นๆ เพื่อลดอาการคลื่นไส้หรืออาเจียน เมื่อคุณพร้อมที่จะรับประทานอาหารแล้ว ให้เลือกอาหารอ่อนๆ ได้แก่ กล้วย ข้าว ซอสแอปเปิล และขนมปังปิ้ง (ธัญพืชเต็มเมล็ด) เพราะจะทำให้อุจจาระแข็งขึ้นและทดแทนสารอาหารที่เสียไปได้[4]
    • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์นม เพราะจะไปกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ทำให้ยิ่งท้องเสียหนักกว่าเดิม
    • ถ้าคุณอาเจียนถี่ หลีกเลี่ยงอาหารแข็งและติดต่อแพทย์
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ดื่มชา.
    ชาขิงหรือชาสมุนไพรทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้สงบลงได้ และชาบางชนิดยังมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียและไวรัสได้ด้วย เลือกชาขิงหรือจินเจอร์แอลที่เป็นขิงจริงๆ และไม่อัดแก๊ส ขิงปลอดภัยกับหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร และเด็กอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป[5]
    • คุณอาจจะดื่มชาที่ทำมาจากใบแบล็กเบอร์รี ใบราสป์เบอร์รี บิลเบอร์รี หรือแครอบ แต่ถ้าคุณรับประทานยาเจือจางเลือดหรือเป็นโรคเบาหวาน ควรเลี่ยงชาบิลเบอร์รี
    • ดื่มชาคาโมมายล์ (ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่) หรือชาลูกซัด (ถ้าเป็นผู้ใหญ่) แช่คาโมมายล์หรือลูกซัด 1 ช้อนชาไว้ในน้ำร้อน 1 ถ้วย ดื่มวันละ 5-6 ถ้วย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

รับประทานยาและใช้การรักษาทางเลือก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 รับประทานยาแก้ท้องเสีย.
    แม้ว่าการรอให้หยุดถ่ายเองจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด แต่คุณก็อาจจะอยากชะลออาการท้องเสียด้วยการรับประทานยา คุณสามารถรับประทานยาที่หาซื้อเองได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ เช่น บิสมัท ซับซาลิไซเลตหรือใยอาหาร (เทียนเกล็ดหอย) เสริม ผู้ใหญ่สามารถรับประทานเทียนเกล็ดหอยได้วันละ 2.5-30 กรัม โดยแบ่งรับประทานวันละหลายครั้ง[6]
    • บิสมัท ซับซาลิไซเลตสามารถใช้รักษา "อาการท้องร่วงของนักเดินทาง" ได้ และมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียอ่อนๆ
    • เทียนเกล็ดหอยปลอดภัยต่อหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร
  2. How.com.vn ไท: Step 2 รับประทานขิงชนิดแคปซูล.
    ถ้าเป็นการอาเจียนที่เกิดจากอาหารเป็นพิษ โรคกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กอักเสบ และสาเหตุอื่นๆ ที่ไม่ร้ายแรงส่วนใหญ่ ให้รับประทานขิงชนิดแคปซูลวันละ 1,000-4,000 มก. (แบ่งรับประทานวันละ 4 ครั้ง) เช่น รับประทานครั้งละ 250-1,000 มก. วันละ 4 ครั้ง[7] ขิงใช้รักษาอาการคลื่นไส้และอาเจียนที่เกิดจากหลายสาเหตุ รวมทั้งอาการคลื่นไส้ที่เกิดจากการทำเคมีบำบัดและแพ้ท้องด้วย
    • งานวิจัยพบว่า ขิงสามารถบรรเทาอาการคลื่นไส้หลังการผ่าตัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะขิงช่วยยับยั้งหรือระงับหน่วยรับความรู้สึกของสมองและลำไส้บางชนิดที่เกี่ยวข้องกับอาการคลื่นไส้[8]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ชงชาขิง.
    ล้างขิงสดและหั่นเป็นชิ้นขนาด 2 นิ้ว ปอก "เปลือก" สีน้ำตาลออกหรือปอกจนเห็นเนื้อขิงสีเหลืองอ่อนด้านใน หั่นหรือขูดขิงออกเป็นชิ้นเล็กๆ ให้ได้ 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ขิงลงไปในน้ำเดือด 2 ถ้วย ปิดฝาและต้มน้ำต่ออีก 1 นาที ปิดไฟและแช่ขิงไว้ในน้ำต่ออีก 3-5 นาที จากนั้นรินใส่ถ้วยและเติมน้ำผึ้งลงไปตามชอบ ดื่มวันละ 4-6 ถ้วย
    • ใช้ขิงสดแทนการใช้จินเจอร์แอล เพราะจินเจอร์แอลส่วนใหญ่ไม่มีส่วนประกอบของขิงจริงๆ และมีสารให้ความหวานในปริมาณมาก ซึ่งคุณควรหลีกเลี่ยงสารให้ความหวานเวลาที่คุณคลื่นไส้ เพราะโดยทั่วไปแล้วน้ำตาลจะยิ่งทำให้คุณรู้สึกคลื่นไส้มากกว่าเดิม[9]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ชงชาสมุนไพร.
    แม้ว่าจะยังไม่มีงานวิจัยมารับรองอย่างเพียงพอ แต่ก็เชื่อกันว่าสมุนไพรบางชนิดสามารถลดการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ทำให้คลื่นไส้ได้ อย่างน้อยที่สุดชาสมุนไพรก็ช่วยให้คุณผ่อนคลายและลดอาการคลื่นไส้ได้ ในการชงชาสมุนไพรนั้น ให้คุณเติมผงหรือใบสมุนไพรแห้ง 1 ช้อนชาและแช่ไว้ในน้ำเดือด 1 ถ้วย คุณจะเติมน้ำผึ้งหรือเลมอนลงไปด้วยก็ได้ตามชอบ สมุนไพรที่แนะนำมีดังนี้ :
    • เปปเปอร์มินต์
    • กานพลู
    • อบเชย
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ใช้การบำบัดด้วยกลิ่นหอม.
    หยดน้ำมันหอมระเหยจากเปปเปอร์มินต์หรือเลมอนลงบนข้อมือและขมับทั้งสองข้าง น้ำมันเปปเปอร์มินต์และน้ำมันเลมอนนั้นใช้ในการรักษาอาการคลื่นไส้มาตั้งแต่ในสมัยโบราณ งานวิจัยพบว่า น้ำมันเหล่านี้ลดอาการคลื่นไส้โดยการช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย หรือออกฤทธิ์ต่อสมองส่วนที่ควบคุมอาการคลื่นไส้[10]
    • ดูให้ดีว่าผิวหนังของคุณไม่ได้บอบบาง หรือไม่ก็ลองหยดน้ำมัน 1 หยดลงบนข้อมือก่อน ถ้าผิวหนังบอบบาง คุณก็อาจจะมีผื่นขึ้น เป็นรอยแดง หรือคัน ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ให้เปลี่ยนไปใช้น้ำมันชนิดอื่นหรือเปลี่ยนวิธีการรักษา
    • ใช้น้ำมันหอมระเหยเท่านั้น อย่าอมลูกอมหรือใช้น้ำหอมแทนเพราะมันไม่ได้มีส่วนผสมของน้ำมันเปปเปอร์มินต์หรือน้ำมันเลมอนจริงๆ และไม่มีส่วนผสมของน้ำมันมากพอที่จะช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ฝึกควบคุมการหายใจ.
    นอนหงายและวางหมอนหลายๆ ใบไว้ใต้เข่าและคอเพื่อความสบาย วางฝ่ามือลงบนหน้าท้องใต้ซี่โครง ประสานมือเพื่อให้รู้สึกถึงนิ้วแต่ละนิ้ว วิธีนี้จะทำให้คุณรู้ว่าคุณหายใจถูกหรือเปล่า หายใจเข้าลึกๆ ยาวๆ ช้าๆ ด้วยการขยายหน้าท้อง หายใจผ่านกะบังลมแทนที่จะเป็นซี่โครง กะบังลมจะสร้างแรงดูดที่ดึงอากาศเข้าสู่ปอดมากขึ้น ซึ่งสามารถทำได้โดยการขยายซี่โครง
    • งานวิจัยพบว่าการหายใจลึกๆ แบบควบคุมสามารถบรรเทาอาการคลื่นไส้ได้ ส่วนการศึกษาอื่นๆ ก็พบว่า การหายใจช่วยควบคุมอาการคลื่นไส้หลังการผ่าตัดได้[11]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ทำให้เด็กหยุดอาเจียนและหายท้องเสีย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ให้เด็กหมั่นดื่มน้ำ.
    เด็กเล็กๆ มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียน้ำมากกว่าผู้ใหญ่ พยายามให้ลูกดื่มน้ำให้ได้มากที่สุดขณะที่รอพบแพทย์ แต่เนื่องจากว่าเด็กอาจจะไม่อยากดื่มน้ำ คุณก็สามารถให้เขารับประทานของเหลวอื่นๆ ได้ เช่น :[12]
    • แผ่นน้ำแข็ง (ถ้าไม่ใช่ทารก)
    • ไอศกรีมแท่ง (ถ้าไม่ใช่ทารก)
    • น้ำองุ่นขาว
    • น้ำผลไม้ปั่น
    • นมแม่ (ถ้าเด็กยังดื่มนมแม่อยู่)
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ป้อนอาหารอ่อนๆ ให้ลูก.
    ถ้าลูกอายุเกิน 1 ปี คุณสามารถป้อนซุปไก่หรือซุปผักใสได้ (ซุปเนื้อก็ได้เช่นกัน แต่มันมักจะทำให้ท้องไส้ยิ่งปั่นป่วน) หรือคุณจะป้อนน้ำผลไม้ผสมน้ำเปล่าในอัตราส่วนที่เท่ากันก็ได้
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ป้อนเกลือแร่.
    ถ้าทารก เด็กวัยหัดเดิน หรือเด็กเล็กท้องเสียนานกว่า 2-3 ชั่วโมง ให้โทรศัพท์หากุมารแพทย์ แพทย์อาจจะแนะนำให้เด็กดื่มเกลือแร่ เช่น พีเดียไลท์ ที่ประกอบด้วยของเหลวและอิเล็กโทรไลต์ (แร่ธาตุ) ที่ป้องกันการขาดน้ำ คุณสามารถหาซื้อเกลือแร่ได้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านขายยาส่วนใหญ่
    • สำหรับเด็กทารกและเด็กเล็ก ให้เริ่มจากป้อนน้ำเกลือแร่ 1 ช้อนชาทุก 1 หรือ 2 นาทีก่อน ถ้าเด็กสามารถรับประทานได้โดยที่ไม่อาเจียนออกมา ให้ค่อยๆ ป้อนเพิ่มทีละน้อย[14] คุณจะป้อนโดยใช้ช้อน ที่หยดยา หรือถ้วยก็ได้ ถ้าเป็นเด็กทารก คุณอาจจะเอาใช้ผ้าฝ้ายจุ่มในเกลือแร่แล้วบิดใส่ปากหากลูกไม่ยอมเข้าเต้าหรือดูดจากขวด
    • สำหรับเด็กทารกที่ดื่มนมจากขวด ให้ใช้นมผงสูตรไม่มีแลคโตสเพราะน้ำตาลแลคโตสอาจทำให้อาการท้องเสียแย่ลงได้
    • คุณสามารถใช้พีเดียไลท์ที่เป็นไอศกรีมแท่งแทนได้ถ้าลูกไม่ยอมดื่มเกลือแร่
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อาการท้องเสียแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ถ่ายเหลว (อุจจาระเป็นน้ำ) ถ่ายเป็นน้ำ (มีน้ำปนอยู่ในอุจจาระ) หรือถ่ายเป็นมูกเลือด (มีเลือดและมูกปนอยู่ในอุจจาระ) แต่ละสาเหตุก็ทำให้เกิดอาการท้องเสียแตกต่างกันไป แม้ว่าจะสามารถรักษาได้ด้วยวิธีเดียวกันก็ตาม[15]
  • หลีกเลี่ยงกลิ่นแรง ควัน ความร้อน และความชื้น เพราะสิ่งเหล่านี้อาจจะไป “กระตุ้น” อาการคลื่นไส้หรืออาเจียนได้
  • ถ้าคุณให้นมลูกอยู่แล้ว ก็ให้นมลูกระหว่างที่ลูกท้องเสียต่อไป เพราะการดื่มนมแม่จะช่วยทดแทนน้ำที่เสียไปและทำให้เด็กสบายตัว
  • ถ้าคุณท้องเสียหรืออาเจียนนานกว่า 2-3 วัน (หรือมากกว่า 12 ชั่วโมงถ้าเป็นทารก เด็ก หรือผู้สูงอายุ) ให้โทรศัพท์นัดแพทย์
  • ถ้าแพทย์แนะนำ ให้ลูกรับประทานอาหารเสริมจากเทียนเกล็ดหอย เด็กอายุ 6-11 ปีให้รับประทานวันละ 1.25-15 กรัม โดยแบ่งรับประทานวันละหลายครั้ง
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าคุณหรือลูกมีไข้นานกว่า 24 ชั่วโมง ให้โทรศัพท์หาแพทย์ทันที
  • เด็กเล็กมีความเสี่ยงที่จะขาดน้ำมากกว่า เพราะฉะนั้นต้องให้ลูกดื่มน้ำให้ได้มากที่สุดระหว่างที่รอพบแพทย์
  • ถ้าคุณมีเลือดหรือมูกปนในอุจจาระ ให้โทรศัพท์หาแพทย์ทันที
  • อย่ารักษาเด็กทารกอายุต่ำกว่า 2 ขวบด้วยวิธีธรรมชาติ และอย่ารักษาเด็กโตด้วยวิธีธรรมชาติโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน โทรศัพท์หากุมารแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการรักษาเด็กทุกช่วงวัย
  • ถ้าลูกไม่ยอมดื่มน้ำหรือปัสสาวะ ให้โทรศัพท์หากุมารแพทย์ทันที
โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

  1. http://familydoctor.org/familydoctor/en/diseases-conditions/vomiting-and-diarrhea.html
  2. https://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000122.htm
  3. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3296087/
  4. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/15802416
  5. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/15802416
  6. http://www.drugs.com/dosage/psyllium.html
  7. Ozgoli, G., Goli, M., and Simbar, M. Effects of ginger capsules on pregnancy, nausea, and vomiting. J Altern Complement Med 2009;15(3):243-246.
  8. Ernst E, Pittler MH. Efficacy of ginger for nausea and vomiting: a systematic review of randomized clinical trials. Br J Anaesth 2000;84:367-71.
  9. http://www.diabetes.co.uk/high-low-blood-sugar-symptoms.html

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Dale Prokupek, MD
ร่วมเขียน โดย:
แพทย์ทางระบบทางเดินอาหารที่มีใบรับรอง
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Dale Prokupek, MD. เดล โปรคูเพ็กเป็นแพทย์ทางระบบทางเดินอาหารที่มีใบรับรองซึ่งเปิดคลินิกในลอสแองเจลิส และยังเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลซีดาร์-ไซนายและเป็นอาจารย์ผู้ช่วยของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัย UCLA เขามีประสบการณ์กว่า 25 ปีในการรักษาโรคทางระบบทางเดินอาหารเช่น โรคไวรัสตับอักเสบ มะเร็งลำไส้ ริดสีดวงทวารและหูดหงอนไก่ เขาจบปริญญาตรีด้านสัตววิทยาจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซินแห่งเมดิสันและปริญญาโทจากวิทยาลัยแพทย์วิสคอนซิน และผ่านการเป็นแพทย์ฝึกหัดแห่งศูนย์แพทย์ซีดาร์-ไซนาย บทความนี้ถูกเข้าชม 1,249 ครั้ง
หมวดหมู่: สุขภาพทั่วไป
มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,249 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา