วิกิฮาวเป็น "wiki" ซึ่งหมายความว่าบทความหลายๆ บทความของเรานั้นเป็นการร่วมมือกันเขียนของผู้เขียนหลายคน ในการเขียนบทความชิ้นนี้ ผู้คน 37 คน ซึ่งบางคนไม่ขอเปิดเผยตัว ได้ร่วมกันเขียนและปรับปรุงเนื้อหาของบทความอย่างต่อเนื่อง
บทความนี้ถูกเข้าชม 108,476 ครั้ง
น้ำแครอทเป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติอร่อยและดีต่อสุขภาพ อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินเอ บี ซี ดี อี และเค และแร่ธาตุหลายชนิดอย่างแคลเซียม ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม แครอทนั้นยังมีประโยชน์ต่อผิว ผม และเล็บ รวมถึงการทำงานของตับอีกด้วย ดังนั้น การทำน้ำแครอทดื่มเองที่บ้านก็เป็นวิธีการที่ดีอย่างหนึ่งในการเสริมสร้างพลังให้กับร่างกายของคุณ[1] ไม่ว่าคุณจะใช้เครื่องปั่นหรือเครื่องเตรียมอาหาร หรือใช้เครื่องคั้นน้ำผลไม้ ก็สามารถทำน้ำแครอทด้วยตนเองตามบทความนี้ได้
- เวลาในการเตรียม: 20 นาที
- เวลาในการทำ: 15-30 นาที
- ใช้เวลาทั้งหมด: 35-50 นาที
ขั้นตอน
- ทำความสะอาดแครอท. ล้างแครอทประมาณ 1 กิโลกรัม (ประมาณ 8 หัว) โดยให้น้ำเย็นไหลผ่าน ใช้แปรงขัดให้สะอาด แล้วใช้มีดตัดส่วนที่เป็นใบเขียวๆ ออก
- หั่นแครอทเป็นชิ้นๆ. แม้ว่าคุณจะมีเครื่องปั่นหรือเครื่องเตรียมอาหารที่มีคุณภาพดี แต่ก็ไม่ควรใส่แครอททั้งลูกลงไป เพราะจะทำให้เครื่องเสียหายได้ ดังนั้นก่อนจะเริ่มปั่นให้หั่นแครอทเป็นชิ้นๆ หนาประมาณ 1-2 นิ้ว
- ปั่นแครอท. ใส่แครอทที่ล้างสะอาดและหั่นเรียบร้อยแล้วลงไปในเครื่องปั่นหรือเครื่องเตรียมอาหาร ปั่นจนละเอียด
- ใส่น้ำเพิ่มเล็กน้อยหากแครอทไม่ค่อยมีน้ำเพื่อให้ปั่นได้ง่ายขึ้น
- เครื่องเตรียมอาหารอาจปั่นแครอทได้ไม่ละเอียดเท่าเครื่องปั่น แม้ว่าจะไม่เป็นปัญหาใหญ่มากนัก แต่หากเป็นไปได้ควรเลือกใช้เครื่องปั่น[4]
- ผสมน้ำ. ใส่น้ำเพิ่มลงไปหากต้องการให้รสชาติของแครอทเจือจางลงเล็กน้อย การใส่น้ำเพิ่มลงไปจะช่วยให้รสชาติดีขึ้น และยังทำให้มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นด้วย
- ต้มน้ำเปล่า 2 ถ้วย
- ผสมเนื้อแครอทปั่นละเอียดเข้ากับน้ำร้อนในโถปั่นขนาดใหญ่
- ปั่นจนส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
- แช่ส่วนผสมทิ้งไว้. หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญอย่างหนึ่งของน้ำคือการนำสารอาหารและรสชาติออกมาได้อย่างดีในขณะที่น้ำร้อน เหมือนกับการชงชา ยิ่งแช่เนื้อแครอทปั่นละเอียดในน้ำร้อนนานเท่าไหร่ น้ำแครอทก็จะยิ่งมีรสชาติที่อร่อยและและมีคุณค่าทางอาหารต่อร่างกายมากขึ้นเท่านั้น แช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 ถึง 30 นาที
- แยกเนื้อออก. ใช้ที่กรองกรองน้ำแครอทใส่ในเหยือกความจุ 2 ลิตร
- ใช้ก้นแก้วหรืออุปกรณ์ที่มีปลายทู่กดที่เนื้อแครอทในที่กรองเพื่อคั้นน้ำออกมาให้ได้มากที่สุด
- ถ้าต้องการกรองเนื้อแครอทออกมากกว่านี้ ให้กรองด้วยผ้าขาวบาง
- เติมน้ำส้มเพิ่มลงไป. ใส่เพื่อให้รสชาติอร่อยขึ้น หรืออาจไม่ใส่ก็ได้
- ปรับส่วนผสม. อาจใส่น้ำเพิ่มเพื่อปรับความเข้มข้นของน้ำแครอทได้ตามต้องการ
- เสิร์ฟทันที. น้ำแครอทจะสูญเสียสารอาหารที่มีคุณค่าไปเมื่อเริ่มทำปฏิกิริยากับออกซิเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้เครื่องปั่นความเร็วสูง[5] ดังนั้นจึงควรดื่มทันทีหลังจากน้ำแครอทเสร็จเรียบร้อย โดยสามารถดื่มน้ำแครอทที่มีอุณหภูมิปกติหรือใส่น้ำแข็งเพิ่มก็ได้ตามใจชอบ แต่หากต้องการเก็บไว้ดื่มภายหลัง ให้แช่ไว้ในตู้เย็นและเก็บไว้ไม่เกิน 24 ชั่วโมงโฆษณา
- ทำความสะอาดแครอท. ล้างแครอทประมาณ 1 กิโลกรัม (ประมาณ 8 หัว) โดยให้น้ำเย็นไหลผ่าน ใช้แปรงขัดให้สะอาด แล้วใช้มีดตัดส่วนที่เป็นใบเขียวๆ ออก
- หั่นแครอท. อาจข้ามขั้นตอนนี้ไปหากคุณใช้เครื่องคั้นน้ำผลไม้กำลังสูง ให้หั่นแครอทเป็นชิ้นๆ หนาประมาณ 2-3 นิ้ว
- เตรียมภาชนะสำหรับใส่น้ำแครอท. วางแก้วทรงสูงไว้ใต้ช่องปล่อยน้ำ วางแก้วให้มั่นคงเพื่อไม่ให้ล้มขณะกำลังรองน้ำ และใช้แก้วที่มีขนาดใหญ่พอบรรจุน้ำแครอทที่ทำได้หมด
- แครอทหนัก 1 กิโลกรัมสามารถทำน้ำแครอทได้ประมาณ 1 แก้ว[8]
- ใส่แครอทลงไปในเครื่องคั้นน้ำผลไม้. ใส่แครอทหรือแครอทที่หั่นแล้วลงไปในช่องใส่ผลไม้ ใช้ไม้กดกดแครอทลงไป
- คอยดูแก้วให้ดี หากแครอทมีน้ำอยู่มาก ก็อาจทำให้คั้นน้ำออกมาได้มากขึ้นและแก้วไม่พอบรรจุ ในทางกลับกัน หากแครอทมีน้ำอยู่น้อย คุณอาจจำเป็นต้องใส่แครอทเพิ่ม
- ปล่องใส่ผลไม้ของเครื่องคั้นน้ำผลไม้ที่กว้างจะทำให้คั้นน้ำได้เร็วมากขึ้น
- เสิร์ฟทันที. น้ำแครอทจะสูญเสียสารอาหารที่มีคุณค่าไปเมื่อเริ่มทำปฏิกิริยากับออกซิเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้เครื่องปั่นความเร็วสูง[9] ดังนั้นจึงควรดื่มทันทีหลังจากน้ำแครอทเสร็จเรียบร้อย โดยสามารถดื่มน้ำแครอทที่มีอุณหภูมิปกติหรือใส่น้ำแข็งเพิ่มก็ได้ตามใจชอบ แต่หากต้องการเก็บไว้ดื่มภายหลัง ให้แช่ไว้ในตู้เย็นและเก็บไว้ไม่เกิน 24 ชั่วโมงโฆษณา
เคล็ดลับ
- น้ำแครอทจะแยกชั้นเร็ว ก่อนเสิร์ฟจึงควรคนให้เรียบร้อย
- แครอทอุดมไปด้วยน้ำตาลธรรมชาติ น้ำแครอท 1 แก้วอาจมีปริมาณน้ำตาลเท่ากับปริมาณน้ำตาลที่ควรได้รับต่อวัน ดังนั้นจึงควรงดทานไอศกรีมเป็นของหวาน
- เพื่อเพิ่มรสชาติและความหลากหลาย อาจลองเติมผลไม้อื่นๆ อย่างสตรอว์เบอร์รี่หรือเลมอน
- น้ำแครอทบริสุทธิ์ (ข้ามขั้นตอนเพิ่มเติม) จะมีเนื้อสัมผัสเหมือนนมสด
- ตกแต่งด้วยใบมิ้นต์เพื่อให้ดูสวยงามและน่าดื่มมากขึ้น
สิ่งของที่ใช้
- แครอท 1 กิโลกรัม (ประมาณ 8 หัว)
- เครื่องปั่นหรือเครื่องเตรียมอาหาร
- เครื่องคั้นน้ำผลไม้ (ถ้ามี)
- ถ้วยตวง
- ที่กรอง
- ส้ม 2 ลูก (ถ้ามี)
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://goaskalice.columbia.edu/nutritional-value-carrot-juice
- ↑ http://www.nytimes.com/2003/03/11/science/q-a-peels-and-vitamins.html
- ↑ http://www.healthambition.com/making-carrot-juice-better-health/
- ↑ http://www.eatingwell.com/blogs/healthy_cooking_blog/food_processor_vs_blender_which_is_the_better_kitchen_tool
- ↑ http://www.rawfoodlife.com/Products/Juicers/Juicing_FAQs/juicing_faqs.html# 10
- ↑ http://www.nytimes.com/2003/03/11/science/q-a-peels-and-vitamins.html
- ↑ http://www.healthambition.com/making-carrot-juice-better-health/
- ↑ http://www.101cookbooks.com/archives/a-lesson-in-juicing-recipe.html
- ↑ http://www.rawfoodlife.com/Products/Juicers/Juicing_FAQs/juicing_faqs.html# 10
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.