บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Ollie George Cigliano. ออลี จอร์จ ซิกลิอาโนเป็นเชฟส่วนตัว ครูสอนการทำอาหาร และเจ้าของ Ollie George Cooks ซึ่งตั้งอยู่ที่ลองบีช รัฐแคลิฟอร์เนีย เธอเชี่ยวชาญการใช้ส่วนผสมที่สดใหม่ให้เกิดประโยชน์และความสนุก รวมทั้งการนำเทคนิคการทำอาหารแบบดั้งเดิมมาผสมผสานกับเทคนิคการทำอาหารแบบใหม่ โดยมีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ออลี จอร์จได้รับปริญญาศิลปศาสตร์บัณฑิต สาขาวรรณคดีเปรียบเทียบ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์และได้รับประกาศนียบัตรด้านโภชนาการและการดำรงชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีจากมหาวิทยาลัยอีคอร์เนล
มีการอ้างอิง 11 ข้อที่อ้างอิงอยู่ในบทความ ซึ่งสามารถพบได้ทางด้านล่างของบทความ
บทความนี้ถูกเข้าชม 22,125 ครั้ง
การหมักปลาแซลมอนจะช่วยยกระดับรสชาติเนื้อปลาให้ดีขึ้นได้โดยที่ไม่สูญเสียรสธรรมชาติแสนอร่อยของมัน เนื้อปลาต่างกับเนื้อแดงตรงที่เนื้อปลาควรหมักทิ้งไว้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง หรือน้อยกว่านั้นหากหมักกับซอสที่เป็นกรด ฉะนั้นการทดลองใช้รสชาติที่แปลกใหม่กับเนื้อปลาจึงเป็นเรื่องง่าย ด้านล้างนี้มีสูตรซอสหมัก 2 สูตรด้วยกัน รวมถึงสูตรปลาแซลมอนดิบแบบดั้งเดิมของกลุ่มประเทศนอร์ดิก ซึ่งทำได้โดยการหมักเนื้อปลากับเครื่องเทศสูตรพิเศษอีกด้วย
ส่วนประกอบ
ซอสหมักมะนาว:
เสิร์ฟได้: 1 to 2 ที่
เวลาเตรียม: 10 นาที
เวลาหมัก: 15–30 นาที
- ฟิเลต์ปลาแซลมอน 450 กรัม (1 ปอนด์)
- เลมอน 1 ลูก หรือมะนาว 2 ลูก
- น้ำมันมะกอก 30 มล. (2 ช้อนโต๊ะ)
- ใบไธม์แห้ง 2.5 มล. (1/2 ช้อนชา) หรือ ไธม์สด 3 ก้าน
ซอสหมักซีอิ๊วขาว:
เสิร์ฟได้: ประมาณ 2 ที่
เวลาเตรียม: 30 นาที
เวลาหมัก: 30–60 นาที
- ฟิเลต์ปลาแซลมอน 450 กรัม (1 ปอนด์)
- น้ำมันมะกอก 60 มล. (1/4 ถ้วยตวง)
- ซีอิ๊วขาว 45 มล. (3 ช้อนโต๊ะ)
- กระเทียมสับละเอียด 2 กลีบ
- ต้นหอมสับละเอียด 3 ต้น
- ขิงสดปอกเปลือกและสับละเอียด 15 มล. (1 ช้อนโต๊ะ)
ซอสเคลือบ:
- น้ำผึ้ง 30 มล. (2 ช้อนโต๊ะ)
- ซีอิ๊วขาว 5 มล. (1 ช้อนชา)
- ซอสศรีราชา 2.5 มล. (1/2 ช้อนชา) หรือมากกว่านั้นตามใจชอบ
กราฟลักซ์:
เสิร์ฟได้: ประมาณ 6 ที่
เวลาเตรียม: 10 นาที
เวลาหมัก: 24–72 ชั่วโมง
- ฟิเลต์ปลาแซลมอนสด (ติดหนัง) 750 กรัม (26 ออนซ์)
- น้ำตาล 85 กรัม (3¼ ออนซ์)
- เกลือ 120 กรัม (4 ออนซ์)
- ผักชีลาวสับ 120 มล. (8 ช้อนโต๊ะ)
- พริกไทยขาวบด 5 มล. (1 ช้อนชา)
ซอส:
- มัสตาร์ดเยอรมันหรือสวีเดน 45 มล. (3 ช้อนโต๊ะ)
- มัสตาร์ดดิจอง 5 มล. (1 ช้อนชา)
- น้ำตาล 5 มล. (1 ช้อนชา)
- น้ำส้มสายชู 5 มล. (1 ช้อนชา)
- เกลือเพื่อปรุงรสตามใจชอบ
- พริกไทยขาวเพื่อปรุงรสตามใจชอบ
- น้ำมันคาโนลาหรือเรพซีด 90 มล. (6 ช้อนโต๊ะ)
ขั้นตอน
- เริ่มกระบวนการนี้ 30-60 นาทีก่อนตั้งใจจะกิน. ปลาแซลมอนต้องใช้เวลาหมักแค่ประมาณ 15-30 นาทีเท่านั้น ให้เริ่มเตรียมซอสหมักซัก 1 ชั่วโมงก่อนจะกินอาหาร หรือจะน้อยกว่า 1 ชั่วโมงก็ได้ ขึ้นอยู่กับวิธีประกอบอาหารที่เลือกใช้
- วิธีประกอบอาหารระบุไว้ที่ท้ายส่วนขั้นตอนนี้
- บีบน้ำเลมอน/มะนาวใส่ชาม. วางเลมอน/มะนาวลงบนเขียงและหั่นครึ่ง แล้วบีบชิ้นเลมอน/มะนาวให้น้ำไหลลงในชาม
- ผสมส่วนผสมอื่นเข้าไป. เทน้ำมันมะกอก 30 มล. (2 ช้อนโต๊ะ) ลงไปในชามน้ำมะนาว เติมใบไธม์แห้ง 2.5 มล. (1/2 ช้อนชา) และใช้ช้อนคนส่วนผสมทั้งหมดจนเข้ากันดี
- อีกวิธียอดนิยมที่คนทำกันคือใช้ผักชีลาวแทนใบไธม์ใส่ในซอสหมัก
- เทซอสหมักลงในชามกว้าง ๆ. ให้เลือกชามขนาดใหญ่พอที่จะวางชิ้นปลาแซลมอนเรียงกันเป็นชั้นเดียวได้ คุณอาจจะต้องใช้ชามมากกว่า 1 ชามหากคุณเพิ่มปริมาณปลาในสูตรเป็น 2 หรือ 3 เท่า
- จะใช้ถุงซิปล็อคใหญ่ ๆ แทนก็ได้
- วางปลาแซลมอนลงในซอสหมัก. วางชิ้นฟิเลต์ปลาแซลมอนในชามที่ใส่ซอสหมักอยู่ ให้จับเนื้อปลาจุ่มซอสกลับไปกลับมาซัก 2-3 รอบเพื่อให้ปลาชุ่มซอสทั้งชิ้น
- ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของอาหารแนะนำว่าอย่าล้างเนื้อปลาแซลมอนดิบหรือเนื้อสัตว์ดิบอื่น ๆ ก่อนนำมาประกอบอาหาร การใช้ความร้อนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และการนำเนื้อไปล้างอาจทำให้แบคทีเรียแพร่กระจายสู่อ่างล้างชามและส่วนอื่นของห้องครัวได้[1]
- ให้ล้างมือด้วยสบู่และน้ำอุ่นเป็นเวลา 20 วินาทีหลังจากจับเนื้อสัตว์ที่ดิบ
- 6หาอะไรมาคลุมชามและแช่ตู้เย็น 15-30 นาที ให้กลับเนื้อปลา 1 ครั้งตอนครึ่งทาง. เนื้อปลาต่างกับเนื้อแดงและเนื้อสัตว์ปีกตรงที่หากหมักทิ้งไว้นาน ๆ แล้วเนื้อปลาอาจเกิดสัมผัสที่ไม่พึงประสงค์ได้ สำหรับซอสหมักที่เป็นกรดเช่นสูตรนี้ซึ่งใช้น้ำมะนาว อย่าหมักปลาแซลมอนไว้ในซอสเกิน 30 นาที[2][3] ให้กลับเนื้อปลาแซลมอน 1 ครั้งระหว่างแช่ตู้เย็นเพื่อที่เนื้อปลาทั้ง 2 ฝั่งจะได้รับการหมักเท่ากัน
- เอาเนื้อปลาออกจากซอสหมัก. ใส่เนื้อปลาลงในภาชนะอื่นและทิ้งซอสหมักที่ยังเหลืออยู่ ถ้าคุณอยากใช้ซอสหมักเป็นซอส ให้เอาไปต้มให้เดือดเพื่อฆ่าแบคทีเรียที่เป็นอันตรายจากเนื้อปลาดิบก่อน[4]
- นำเนื้อปลาแซลมอนไปประกอบอาหาร. หลังจากหมักปลาแซลมอนแล้ว สามารถเอาไปปรุงได้หลายวิธีเลย วิธียอดนิยม 2 วิธีคือการนำปลามาห่อกระดาษฟอยล์แล้วย่าง หรือการนำปลาไปวางบนถาดที่รองด้วยกระดาษฟอยล์แล้วอบ ไม่ว่าจะเลือกใช้วิธีไหน ให้ปรุงฟิเลต์ปลาที่อุณหภูมิ 200ºC (400ºF) ประมาณ 15 นาที วิธีเช็คว่าเนื้อปลาแซลมอนสุกหรือไม่คือให้ใช้ส้อมขูดที่เนื้อปลา หากเนื้อหลุดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ได้ง่ายก็คือสุกแล้ว
- ถ้าใช้วิธีย่างปลา ให้กลับเนื้อปลาระหว่างย่างไปแล้วครึ่งทางด้วย
โฆษณา
- ผสมกับส่วนผสมสำหรับซอสหมักที่เหลืออยู่. ผสมส่วนผสมรสจ้านเข้ากับน้ำมันมะกอก 60 มล. (1/2 ถ้วยตวง) และซีอิ๊วขาว 45 มล. (3 ช้อนโต๊ะ)
- หมักปลาแซลมอน. เทซอสหมักลงในถุงซิปล็อคหรือชามกว้าง ๆ แล้วใส่เนื้อปลาลงในซอสหมัก นำปลาแช่ตู้เย็น 30-60 นาที และเอาเนื้อปลาออกมากลับบ้าง ถ้าหมักปลาเกินเวลา สัมผัสของเนื้อปลาอาจจะแย่ลง
- ควรทิ้งซอสหมักหลังจากใช้เสร็จแล้ว เพราะมันสัมผัสกับเนื้อปลาดิบมา แต่ถ้าจะใช้เป็นซอสก็ให้นำไปต้มให้เดือดก่อน
- ทำซอสเคลือบ (ไม่จำเป็น). ถ้าต้องการ จะทำซอสเคลือบเพื่อทาเพิ่มรสชาติให้กับปลาแซลมอนระหว่างนำไปปรุงก็ได้ ซอสเคลือบง่าย ๆ ที่เข้ากับซอสหมักนี้ได้ดีทำจากน้ำผึ้ง 30 มล. (2 ช้อนโต๊ะ) ซีอิ๊วขาว 5 มล. (1 ช้อนชา) และซอสศรีราชา 2.5 มล. (1/2 ช้อนชา) อย่ากลัวที่จะทดลองเปลี่ยนปริมาณของส่วนผสมจนคุณพบรสชาติที่ถูกใจ และอย่าลืมนะว่าซอสเคลือบอาจจะรสเข้มมากเมื่อชิมเดี่ยว ๆ แต่เวลากินจริงจะกินกับปลาแซลมอนด้วย
- นำปลาแซลมอนไปประกอบอาหาร. ลองเอาปลาแซลมอนไปแนบกระทะที่อุณหภูมิ 52–60ºC (125–140ºF) ทีละข้างดู[7] หากคุณไม่มีปรอท วิธีเลี่ยงการปรุงเนื้อปลาจนสุกเกินไปก็คือให้วางเนื้อปลาแบบเอาหนังลงเท่านั้น และเอาด้านเนื้อแนบกระทะแค่ 15-30 วินาทีหลังจากที่เนื้อปลาเปลี่ยนจากใสเป็นขุ่นแต่ยังดูชุ่มฉ่ำอยู่
- คุณจะกินหนังปลาแซลมอนหรือลอกออกหลังจากปรุงเสร็จก็ได้
- นอกจากนั้น คุณจะนำเนื้อปลาไปย่าง อบ ปิ้ง หรือนึ่งก็ได้หลังจากหมักแล้ว
โฆษณา
- ใช้สูตรนี้เพื่อถนอมเนื้อปลาแซลมอนไว้กินดิบ. กราฟลักซ์ (Gravlax) หรือที่บางคนเรียกกันว่า กราวัด ลักซ์ (Gravad Lax) เป็นอาหารพื้นเมืองของกลุ่มประเทศนอร์ดิกซึ่งใช้เกลือและน้ำตาลเพื่อหมักเนื้อปลาแซลมอน ปลาแซลมอนจะได้รสชาติจากสมุนไพรหลากชนิด ซึ่งปกติแล้วจะเป็นพริกไทยขาวและผักชีลาว และคนก็กินปลาแซลมอนแบบดิบ ๆ เลยหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการหมัก
- ข้อควรจำ: ทางที่ดีควรรักษาพื้นผิวและเครื่องมือที่ใช้เตรียมอาหารให้สะอาดเป็นพิเศษตลอดทั้งกระบวนการ เพราะปลาแซลมอนจะไม่ได้รับการปรุงสุกเลยในสูตรนี้
- เริ่มต้นด้วยการใช้ปลาแซลมอนจากฟาร์มที่สด. ถ้าเป็นไปได้ควรใช้ปลาแซลมอนคุณภาพดีซึ่งมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เราแนะนำให้ใช้ปลาแซลมอนที่เลี้ยงจากฟาร์ม เพราะจะมีความเสี่ยงต่อปัญหาทางสุขภาพต่ำกว่า และถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีความเสี่ยงเรื่องพยาธิสูงอยู่แล้ว คุณก็สามารถลดความเสี่ยงได้อีกด้วยตนเองโดยการนำเนื้อปลาไปแช่แข็งก่อนแล้วค่อยนำมาละลาย[8][9]
- กำจัดก้างและเกล็ดปลา. ใช้แหนบหรือส้อมกับมีดเล่มเล็ก ๆ เพื่อเลาะเอาเกล็ดและก้างปลาออก[10] ปล่อยหนังสีเข้มที่อยู่ใต้เกล็ดให้ติดกับเนื้อปลาที่เหลือ
- กรีดหนังปลาให้เป็นรอยตื้น ๆ หลาย ๆ รอย. รอยกรีดเหล่านี้จะช่วยให้เครื่องเทศซึมเข้าไปในเนื้อ ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้นและถนอมเนื้อได้ดีขึ้น[11]
- ผสมส่วนผสมแห้งเข้าด้วยกัน. สับผักชีลาวกำหนึ่ง ประมาณ 120 มล. (8 ช้อนโต๊ะ) และบดเมล็ดพริกไทยขาว 5 มล. (1 ช้อนชา) ผสม 2 สิ่งนี้กับน้ำตาล 85 กรัม (3¼ ออนซ์) และเกลือ 120 กรัม (4 ออนซ์)[12] พ่อครัวกราฟลักซ์ที่มากประสบการณ์จะเปลี่ยนสัดส่วนของส่วนผสมเหล่านี้ตามความชอบของตัวเอง แต่สำคัญว่าปริมาณน้ำตาลและเกลือต้องสูงเพื่อจะได้ถนอมเนื้อปลาแซลมอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- นำปลาแซลมอนมาคลุกเครื่องเทศ. ตักเครื่องเทศใส่บนชิ้นเนื้อปลา แล้วจับปลาแซลมอนพลิกไปพลิกมาเพื่อให้เครื่องเทศติดเนื้อทุกด้าน
- หาอะไรมาทับปลาแซลมอน. วางเนื้อปลาแซลมอนลงในภาชนะแก้วหรือสแตนเลส ให้เนื้อส่วนที่เป็นสีชมพูสัมผัสกัน ไม่ใช่ส่วนที่เป็นหนังสีเข้ม[13] ใช้พลาสติกห่ออาหารคลุมให้มิด แล้วใช้วัตถุหนัก ๆ เช่นก้อนอิฐ วางทับเนื้อปลา
- ปล่อยทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง 6 ชั่วโมง. ระหว่างเวลานี้ เกลือและน้ำตาลจะละลายเข้าไปในเนื้อปลาแซลมอน ทำให้เกิดรสชาติเข้มข้น[14] หากคุณไม่สบายใจที่จะทำอาหารดิบ จะนำปลาไปแช่ตู้เย็นทันทีแทนก็ได้ เพื่อลดความเสี่ยงที่แบคทีเรียจะเติบโต
- แช่ปลาไว้ในตู้เย็น 1-3 วัน. นำปลาแซลมอนใส่ตู้เย็น ปล่อยน้ำหนักกดทับให้ยังอยู่ที่เดิม ยิ่งปล่อยไว้นานแค่ไหน รสชาติก็จะยิ่งเข้มข้น และเนื้อปลาก็จะยิ่งแห้ง[15] ลองชิมเนื้อปลาทุก 24 ชั่วโมงดูเพื่อเช็คว่ารสชาติถูกปากแล้วหรือยัง
- นำเนื้อปลาแซลมอนออกจากภาชนะ. เมื่อปลาแซลมอนมีรสชาติและสัมผัสที่คุณชอบแล้ว ให้เอาปลาออกจากภาชนะ ขูดเครื่องเทศทั้งหมดออก และเทของเหลวที่อาจเกิดขึ้นทิ้งไป[16]
- เสิร์ฟพร้อมซอสมัสตาร์ดผักชีลาว. ซอสคู่หูกราฟลักซ์นี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอาหารสแกนดิเนเวีย หรือคุณจะทำซอสนี้เองจากส่วนผสมสำหรับทำ “ซอส” ที่ระบุไว้ใต้สูตรกราฟลักซ์ก็ได้ ผสมมัสตาร์ด น้ำตาลและน้ำส้มสายชูเข้าด้วยกันก่อน แล้วเทน้ำมันลงไปในส่วนผสมช้า ๆ ขณะที่ใช้อีกมือหนึ่งคนไปด้วย เมื่อซอสดูหน้าตาเหมือนมายองเนส ให้ผสมผักชีลาวสับเข้าไป และปรุงรสด้วยพริกไทยขาวและเกลือตามใจชอบ[17]
- แครกเกอร์แป้งไรย์หรือขนมปังแป้งไรย์ก็เป็นอาหารที่นิยมเสิร์ฟคู่กับกราฟลักซ์
โฆษณา
เคล็ดลับ
- เติมควันเหลว (Liquid Smoke) ซักหน่อยในซอสหมักเพื่อให้ได้กลิ่นเหมือนรมควัน
คำเตือน
- อย่าหมักปลาแซลมอนที่อุณหภูมิห้อง ยกเว้นสำหรับการหมักกราฟลักซ์ 2-3 ชั่วโมงแรก
อุปกรณ์ที่ต้องใช้
- เขียง
- มีดคม
- ชามตื้น ๆ (หรือถุงพลาสติกแบบมีซิปล็อค)
- ช้อนตวง
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.npr.org/blogs/thesalt/2013/08/31/216948010/dont-panic-your-questions-on-not-washing-raw-chickens
- ↑ http://www.amazingseafoodrecipes.com/articles/fish-articles/how-long-can-you-marinate-fish/# .U_1qHEiVspM
- ↑ http://www.cheftalk.com/t/67695/how-long-to-marinade
- ↑ http://www.fsis.usda.gov/wps/portal/fsis/topics/food-safety-education/get-answers/food-safety-fact-sheets/safe-food-handling/barbecue-and-food-safety/CT_Index/!ut/p/a1/jZDLCsJADEW_xQ8YkloVXcqA2Kot4mucjUQ7bQd0Ku34_HqrblR8Javk3kPCBQkCpKG9TsjqzND6OsvGAofYcFoc_bDldNALpsOwxzk2R_XSMP9iCNw_-Q_Vxl-8_8eBaj7ggwTklmzKtIkzEImyjExxUHkBIs6yiBUUK3tiMa0sK1KlbClcd-ympmSitTYJiCXlS7XaqRKP2AMJgo8XnonUEWYgn79Cp2wvcEe1rh-4GNZeDW9iuxs-57LdTMS53-6i9ioXHjLtmQ!!/# 3
- ↑ http://www.food.com/recipe/the-best-salmon-marinade-286303
- ↑ http://damndelicious.net/2013/11/13/sesame-ginger-salmon/
- ↑ http://www.seriouseats.com/2012/06/how-to-cook-salmon-pan-fry-fish-food-lab.html
- ↑ http://www.food.gov.uk/news-updates/news/2012/jul/fishfreeze# .UoNAK0E_t8E
- ↑ https://sweden.se/culture/gravad-lax/
- ↑ http://www.food.com/recipe/gravlax-marinated-salmon-31131
- ↑ https://sweden.se/culture/gravad-lax/
- ↑ https://sweden.se/culture/gravad-lax/
- ↑ http://www.food.com/recipe/gravlax-marinated-salmon-31131
- ↑ http://www.nytimes.com/1998/11/11/dining/the-minimalist-gravlax-without-fear-a-stunning-dish-just-looks-hard.html
- ↑ http://www.nytimes.com/1998/11/11/dining/the-minimalist-gravlax-without-fear-a-stunning-dish-just-looks-hard.html
- ↑ http://www.food.com/recipe/gravlax-marinated-salmon-31131
- ↑ https://sweden.se/culture/gravad-lax/
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.