ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความX
บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา
ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้
มีการอ้างอิง 14 ข้อที่อ้างอิงอยู่ในบทความ ซึ่งสามารถพบได้ทางด้านล่างของบทความ
บทความนี้ถูกเข้าชม 17,795 ครั้ง
บรรดาพริกอย่างพริกจาลาปิโน พริกคาแยน และฮาบาเนโรนั้น มีส่วนผสมของแคปไซซิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในสเปรย์พริกไทยเลยล่ะ แคปไซซินจะเพิ่มรสชาติและความเผ็ดให้กับอาหาร แต่ก็สามารถสร้างความแสบร้อนมากๆ บนมือและส่วนอื่นๆ ของร่างกายหรือกระทั่งในปากได้เช่นกัน ยังโชคดีที่ของที่หาได้ในบ้านอย่างเช่นนมก็สามารถบรรเทาอาการแสบร้อนนี้ได้อยู่นะ
ขั้นตอน
ใช้น้ำยาล้างจานบนมือหรือผิวหนัง. จะใช้สบู่ล้างมือก็ได้ แต่น้ำยาล้างจานได้ผลดีกว่าในการที่จะละลายน้ำมันพริกนะ หลายๆ คนที่ถูกน้ำมันพริกสัมผัสเข้ากับผิวหนังก็ต่างบอกว่ารู้สึกแสบร้อนด้วยกันทั้งนั้น- จะลองจุ่มนิ้วลงไปในส่วนผสมของน้ำกับน้ำยา (อัตราส่วนน้ำต่อน้ำยา 5 ต่อ 1) เป็นระยะๆ ในตอนที่หั่นพริกก็ได้
- น้ำยาจะเปลี่ยนให้แคปไซซินเป็นเกลือที่ละลายน้ำได้ และคุณก็สามารถล้างมันออกได้ด้วยน้ำเปล่าทีหลัง
- อย่างไรก็ตาม ระวังอย่าให้น้ำยาไปปนกับพริกเข้าล่ะ ค่อยล้างมือด้วยน้ำยาล้างจานหลังจากหั่นพริกเสร็จแล้วก็ได้
- ใช้แอลกอฮอล์บรรเทาอาการบนมือหรือผิวหนังส่วนอื่น. น้ำมันพริกและแคปไซซินเป็นตัวร้ายที่ทำให้เกิดการแสบร้อน และผู้ช่วยของเราก็คือแอลกอฮอล์นี่เอง
- ถูแอลกอฮอล์บนมือ แม้ว่าคุณจะเลือกใช้วิธีอื่นบรรเทาอาการแสบบนมือคุณ แต่ก็จะเริ่มด้วยการถูแอลกอฮอล์บนมือเพื่อล้างทำความสะอาดก่อนก็ได้[1]
- ไปหาตู้เก็บแอลกอฮอล์ แล้วเลือกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นสูงอย่างวอดก้ามา ถูมันเข้ากับมือหรือร่างกายส่วนอื่นที่โดนพริกเพื่อล้างน้ำมันตัวนั้นออก
- อีกวิธีที่ทำได้คือผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำ เอาส่วนผสมโปะบนมือ แล้วรอให้แห้งก่อนจะล้างออก
- จุ่มมือลงไปในชามนม. เลือกใช้เป็นนมเย็นๆ นะ ลองใส่น้ำแข็งลงไปในชาม จุ่มมือลงไปในชามนมน้ำแข็งก็ใช้บรรเทาได้เหมือนกัน แต่ผลจะออกมาไม่ดีเท่าวิธีอื่น
- บางคนกล่าวไว้ว่าความรู้สึกแสบร้อนจากพริกนั้นเจ็บปวด และอาจแสบอยู่นานถึงสองสามชั่วโมงได้เลย ฉะนั้นถ้าคุณอยากจะรักษาให้หายไวๆ ก็ถือเป็นที่เข้าใจได้
- ลองใส่แป้งลงไปในชามนมเพื่อทำเป็นถุงมือเนื้อแป้งดู แล้วทิ้งแป้งผสมนมเหล่านั้นเอาไว้บนมือหลายๆ นาทีก่อนจะล้างออก
- ทาแอลกอฮอล์เช็ดแผลบนมือก่อนที่จะจุ่มลงในน้ำใส่น้ำแข็งหรือนมใส่น้ำแข็ง นมก็ดีนะ แต่นมยินย่อมดีกว่า[2]
- เทน้ำมันลงบนมือหรือผิวหนังส่วนอื่นที่โดนพริก. น้ำมันพริกจะละลายไปเมื่อเจอกับน้ำมันชนิดอื่น ซึ่งจะบรรเทาอาการแสบร้อนให้น้อยลง[3] หรือจะใช้วาสลีนทามือก็ได้นะ
- ถูมือด้วยน้ำมันพืชหรือน้ำมันมะกอกปริมาณเล็กน้อยก่อนจะเริ่มหั่นพริกหรือหลังจากที่มือเริ่มรู้สึกแสบ[4]
- อย่าใช้น้ำมันมากเกินไป เพราะมือคุณจะลื่นมาก แต่อาจทำให้มีดพลาดลื่นไปด้วย ระวังตอนที่ไปแตะตัวคนอื่นด้วยล่ะ อย่างเช่นเด็กทารก เพราะน้ำมันพริกที่ติดบนมือคุณอาจไปติดคนอื่นต่อได้
- ทาน้ำมันบางๆ รอบมือเพื่อป้องกันไม่ให้อาการแสบร้อนเกิดขึ้นตั้งแต่แรก และน้ำมันก็ใช้บรรเทาอาการแสบหลังที่คุณสัมผัสกับพริกได้ด้วยเช่นกัน โดยให้จุ่มมือลงในชามที่ใส่น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันพืช[5]
- บรรเทาอาการแสบตาจากพริก. บางครั้งคนเราก็ทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ด้วยการขยี้ตาขณะกำลังหั่นพริกอยู่ นั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณแสบตาได้นั่นเอง
- ก่อนอื่นเลย ห้ามขยี้ตาขณะหั่นพริกเด็ดขาด อย่างไรก็ตามถ้าคุณทำไปแล้ว การจุ่มบริเวณดวงตากับนมก็ช่วยได้นะ[6]
- ใช้สำลีหรือทิชชู่แผ่นหนาจุ่มลงในนมที่ใส่ไว้ในชามเล็กๆ จากนั้นก็ซับบริเวณดวงตาแล้วกดประคบเอาไว้
- คุณอาจต้องทำวิธีนี้หลายๆ ครั้งหน่อยเพื่อบรรเทาอาการให้มากพอ เพราะน้ำมันพริกอาจทำให้คุณแสบอยู่ได้ชั่วขณะหนึ่งเลยล่ะ ถ้าหากว่าไม่หายแสบสักที หรือมันส่งผลต่อการมองเห็นของคุณ ก็ให้ไปพบแพทย์ซะ
- ถ้ายังรู้สึกแสบร้อนอยู่ จะทำสายคาดตาที่ใส่ก้อนสำลีหรือทิชชู่แผ่นหน้าซับประคบเอาไว้แล้วใส่ที่คาดตานั้นสักสองสามชั่วโมงก็ได้นะ โดยใช้คลิปหนีบกับผ้าก๊อซพันแผลควบด้วย
โฆษณา
คว้าผลิตภัณฑ์จากนมเย็นๆ มาซะ. แทนที่จะเป็นน้ำ ก็ให้ดื่มนมแทนซะ! ไขมันและน้ำมันในผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมจะช่วยลดความแสบร้อนด้วยการไปละลายแคปไซซินให้[7]- ดื่มนมสดให้หมดแก้วไปเลย อย่าลืมล้างปากก่อนด้วยนะ[8] หรือว่าจะเลือกผลิตภัณฑ์จากนมอื่นๆ อย่างครีมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ตที่เป็นชนิดไขมันเต็มส่วน
- นมนั้นทำหน้านี้คล้ายสบู่ด้วยการละลายแคปไซซิน และลดความแสบร้อนในช่องปากของคุณได้ มีโปรตีนที่ถูกพบในนมชื่อว่าเคซีน ที่จะทำปฏิกิริยาฟอกล้างแคปไซซินนั่นเอง ความรู้สึกแสบร้อนจากพริกนั้น มาจากสารแคปไซซินอยด์ ซึ่งเป็นกลุ่มของโมเลกุลนั่นเอง[9][10]
- ไอศกรีมก็ช่วยได้เหมือนกันนะ อะไรก็ตามที่เป็นผลิตภัณฑ์จากนมก็สามารถใช้ลดความรู้สึกแสบร้อนได้หมดเลย กะทินี่ยิ่งได้ผลดีสุดๆ ในการลดความเผ็ดและปรับระดับความเผ็ดร้อนในสูตรอาหารรสเผ็ดได้ด้วย[11]
หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเพื่อบรรเทาอาการแสบร้อนในปาก. เชื่อหรือไม่ล่ะ ว่าความแสบร้อนนี้จะไม่ไปไหนหรอก ถ้าหากว่าคุณดื่มน้ำเข้าไปน่ะ อันที่จริงมันจะไปกระจายแคปไซซินให้วิ่งไปทั่วปากแล้วทำให้รู้สึกแย่กว่าเดิมได้เสียอีก- โซดานั้นทำมาจากน้ำส่วนใหญ่ และมันก็ไม่ได้ผลเช่นกันนั่นแหละ การดื่มกาแฟยิ่งทำให้แย่ลง เพราะความร้อนของกาแฟเองก็ส่วนหนึ่ง แคปไซซินนั้นมีคุณสมบัติคล้ายน้ำมัน จึงแยกตัวออกจากน้ำโดยสิ้นเชิง[12]
- อาการแสบร้อนในปากจากพริกอาจไม่นานเท่าตอนที่มันอยู่บนมือ นั่นเกิดจากที่แคปไซซินจะไปเกี่ยวข้องกับตัวรับความเจ็บปวดในปากด้วยปฏิกิริยาทางเคมีนั่นเอง
- เซลล์ประสาทจะเตือนขึ้นมาเมื่ออุณหภูมิในปากของคุณสูงกว่า 42.2 องศาเซลเซียส ซึ่งแคปไซซินนั่นแหละที่จะกระตุ้นให้เซลล์ประสาทเกิดปฏิกิริยาได้
ดื่มแอลกอฮอล์. เบียร์จะไม่ค่อยได้ผลเท่าไร เพราะมันมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักน่ะสิ แต่แอลกอฮอล์ที่เข้มข้นกว่านั้นก็ใช้ลดอาการแสบร้อนในปากได้นะ- จิบวอดก้าเล็กน้อย นอกจากจะลดอาการแสบร้อนแล้ว ก็ยังทำให้คุณใจเย็นลงได้นิดๆ ตราบใดที่คุณไม่ดื่มมันมากเกินไปน่ะนะ!
- แอลกอฮอล์จะช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนจากการสัมผัสกับพริกได้เช่นกัน มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายชนิดเลยล่ะที่ใช้ได้ผล
- ขอให้ดื่มอย่างระมัดระวัง อย่าดื่มมากเกินไป อย่าดื่มหากอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ และอย่าดื่มแล้วขับล่ะ
ใช้น้ำมันบรรเทาอาการ. การกินน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันพืชจะช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนในปากได้ ด้วยการที่ใช้มันเคลือบลิ้นนั่นเอง- น้ำมันเหล่านี้หรือเนยถั่วจะมีไขมันและน้ำมันอยู่มาก ซึ่งทำให้เป็นตัวเลือกทางธรรมชาติที่ดีเลยล่ะ
- ไขมันและน้ำมันในส่วนประกอบเหล่านี้จะไปสลายความเผ็ดร้อนของพริก และระงับความรู้สึกแสบของคุณได้
- มันอาจฟังดูไม่ค่อยน่าเชื่อ แต่คุณต้องใช้น้ำมันชนิดอื่นเพื่อสู้กับน้ำมันพริกจริงๆ นะ ซึ่งการดื่มน้ำปริมาณมากก็ไม่ได้ผลเท่าน้ำมันพืชหรือน้ำมันมะกอกหรอก
กินแป้ง. กินแป้งเข้าไปซะ ถ้าหากว่าปากของคุณกำลังแสบเพราะกินพริกเข้าไปก่อนหน้านี้ มันจะช่วยบรรเทาได้นะ- แม้ว่าแป้งอย่างข้าวและขนมปังจะไม่ค่อยได้ผลในการละลายแคปไซซินเหมือนที่ไขมัน น้ำมัน และแอลกอฮอล์ทำได้ แต่มันก็ช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนได้นะ
- นั่นเป็นเหตุผลที่หลายๆ ที่มักเสิร์ฟอาหารรสเผ็ดคู่กับข้าว (หรือมันฝรั่ง) โดยจะพบได้เป็นปกติในวัฒนธรรมของชาวเอเชียหรืออินเดีย
- การกินน้ำตาลพูนช้อนก็ช่วยลดอาการแสบร้อนได้ โดยผสมน้ำตาลหนึ่งช้อนโต๊ะเข้ากับน้ำเปล่าแก้วขนาด 0.2 ลิตร และกลั้วปากด้วยส่วนผสมนี้ หรือว่าจะทาน้ำผึ้งหนึ่งช้อนชาลงบนลิ้นก็ได้
ลองทำตามวิธีพื้นบ้าน. หลายๆ คนกล่าวไว้ว่าผักและอาหารต่างๆ สามารถรักษาอาการแสบร้อนจากพริกที่เกิดในปากได้- กินแตงกวา เป็นวิธีธรรมดาๆ ในการใช้รับมือกับความร้อนที่มากเกินไปของอาหารที่เสิร์ฟในประเทศอินโดนีเซียและประเทศไทยเลยล่ะ ส่วนการกินกล้วย เนื้อสัมผัสและน้ำตาลที่อยู่ในนั้นก็จะช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนได้ดี
- กินช็อคโกแลต ไขมันปริมาณสูงในช็อคโกแลตแท่งส่วนใหญ่จะช่วยกำจัดแคปไซซินจากปากคุณได้ ช็อคโกแลตนมมักจะมีปริมาณไขมันมากกว่า และมีเคซีนมากกว่าดาร์กช็อคโกแลต และนั่นก็ทำให้ช่วยบรรเทาได้ดีกว่าเช่นกัน
- ใช้แป้งตอร์ตีญ่าแตะบริเวณที่แสบร้อน (ริมฝีปาก ปาก ฯลฯ) ลองกินแครอทดิบ กัดแค่คำเดียวเท่านั้น และอาการแสบร้อนก็จะหายไป
- ยาสีฟันสูตรฟันขาวสามารถใช้บรรเทาอาการแสบร้อนจากน้ำมันพริกฮาบาเนโร่บนผิวหนังได้ แล้วก็มีแนวจะได้ผลกับในช่องปาก และ/หรือพริกชนิดอื่นๆ ได้เช่นกัน ลองกินซีกเลมอน น้ำเลมอน หรือเลมอนทั้งลูก (แบบมีน้ำอยู่ด้านในด้วย) แล้วกรดก็จะไปละลายน้ำมันพริกให้นั่นเอง
โฆษณา
- สวมถุงมือ. ถ้าคุณกำลังจะทำอาหารที่มีส่วนผสมของพริกแต่ไม่สวมถุงมือ ก็อาจทำให้มือปวดแสบปวดร้อนได้เลยนะ
- มือของคุณจะแสบและรู้สึกปวด และคุณไม่ควรแตะบริเวณตาหลังจากที่มือสัมผัสกับน้ำมันพริกแล้ว! วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดคือให้สวมถุงมือไวนิลหรือถุงมือยางนั่นเอง
- คุณจะรู้สึกแสบร้อนเหมือนกันได้จากพริกขี้หนู พริกเซอราโน่ หรือพริกฮาบาเนโร[13]
- ความแสบร้อนจะมาจากน้ำมันพริกและแคปไซซินที่อยู่ในพริก และมันจะแย่ลงไปอีกถ้าคุณแตะดวงตาที่ใส่คอนแทคเลนส์อยู่ คุณจะต้องรับมือกับอาการปวดแสบปวดร้อนที่ไม่สบายตัวเอาซะเลย
- ใช้ถุงซิปล็อคแทนถุงมือยาง. ไม่มีถุงมือวางอยู่แถวนั้นหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ทำถุงมือเองจากสิ่งที่มีอยู่แทนที่จะไม่ใส่อะไรเลยสิ
- สวมถุงซิปล็อคกับมือก่อนจะหั่นพริก อาจรัดให้แน่นกับข้อมือด้วยยางวงอีกก็ได้
- ถ้าคุณไม่มีถุงมือหรือถุงซิปล็อค ก็ให้ห่อมือด้วยทิชชู่แผ่นหนา หรืออะไรก็ตามที่จะป้องกันไม่ให้น้ำมันพริกสัมผัสกับผิวหนังคุณได้
- เพื่อที่จะปกป้องดวงตาของคุณ ให้สวมแว่นนิรภัยและล้างมือกับเนื้อใต้เล็บให้สะอาดหมดจดหลังจากจัดการกับพริกเสร็จแล้ว
เก็บกักความแสบร้อนไว้. มันไม่สนุกเท่าไรหรอกที่ปากจะต้องมาแสบน่ะ แต่มันก็มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าการกินพริกเป็นประจำนั้นดีกับร่างกายคุณนะ[14]- ตอนที่รู้สึกหมดแรง แทนที่จะกินน้ำตาลเข้าไป ให้กินพริกแทนเลย!
- อย่างไรก็ตาม ถึงจะลดอาการแสบร้อนในปาก ก็ใช้ว่าการเร่งระบบเผาผลาญจากแคปไซซินในพริกจะหายไปด้วยเสียหน่อย เพราะหลังจากที่เอนไซม์ในตับละลายมันก็ถือว่าได้ผลประโยชน์ตรงนี้เรียบร้อยแล้ว
- แคปไซซินสามารถเพิ่มทั้งพลังงานและระดับการเผาผลาญอาหารได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณน้ำหนักลดและมีสุขภาพที่ดีขึ้นด้วย[15]
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ถ้าคุณรวมส่วนประกอบที่มีน้ำตาลตามธรรมชาติอยู่จำนวนมาก (เช่น แครอทฝอย หัวหอมทอด ฯลฯ) ในจานที่มีพริกเผ็ดๆ อยู่ น้ำตาลเหล่านั้นก็อาจ"กักเก็บ"ความเผ็ดร้อนเอาไว้ได้ มันก็ยังมีความเผ็ดอยู่นั่นแหละ แต่ก็จะไม่ใช่รสชาติแรกที่คุณจะได้รับเมื่อกินเข้าไป และก็จะไม่รู้สึกว่ามันเผ็ดโดดออกจากรสชาติอื่นๆ ที่เหลือ
- ซอสมะเขือเทศหรือน้ำมะเขือเทศก็นำมาใช้บรรเทาอาการได้เช่นกัน
- อาการปวดแสบปวดร้อนจะค่อยๆ หายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป
- จะกินขนมปังสักชิ้นสองชิ้นก็ได้นะ
- กินขนมปังแครกเกอร์รสเค็มก่อนจะดื่มน้ำผสมน้ำตาลลงไป แครกเกอร์รสเค็มจะดูดซับน้ำและน้ำมันจากพริก ซึ่งช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนได้
- อย่าทาน้ำมันชนิดใดก็ตามลงบริเวณที่เกิดการแสบร้อนล่ะ มันจะกักความร้อนเอาไว้และทำให้แผลแย่ลงได้
โฆษณา
คำเตือน
- เลี่ยงอย่าให้พริกโดนแผลที่เปิดอยู่
- เลี่ยงอย่าให้พริกเข้าจมูก ตา หรือส่วนอื่นที่เปิดให้เข้าในร่างกายได้ เพราะมันจะทำให้ปวดแสบปวดร้อนมากๆ เลยล่ะ และสเปรย์พริกไทยก็ทำจากพริกนี่แหละ
- แคปไซซินนั้นยากที่จะกำจัดออก และไม่ใช่ว่าจะล้างออกได้หมดจดด้วยน้ำกับสบู่นะ เพราะฉะนั้นถ้าคุณใส่คอนแทคเลนส์ ขอให้ใส่ถุงมือก่อนจะจับพริกจะเป็นการดีที่สุด
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.thekitchn.com/how-do-i-stop-my-hands-from-burning-after-cutting-jalapenos-good-questions-207315
- ↑ http://cooking.stackexchange.com/questions/3903/cure-for-burns-from-hot-peppers-capsicum-oil
- ↑ http://www.emedicinehealth.com/chili_pepper_burns-health/article_em.htm
- ↑ http://jalapenomadness.com/jalapeno_faq.html
- ↑ http://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/tc/chili-pepper-burns-topic-overview
- ↑ http://www.theartofdoingstuff.com/how-to-treat-a-pepper-burn/
- ↑ http://www.medicaldaily.com/dont-feel-burn-5-best-remedies-cool-your-tongue-after-eating-spicy-food-279930
- ↑ http://www.iflscience.com/brain/why-does-chilli-burn-and-why-does-milk-help-soothe-pain/
- ↑ http://antoine.frostburg.edu/chem/senese/101/features/capsaicin.shtml
- ↑ http://greatist.com/eat/best-way-to-soothe-burning-mouth
- ↑ http://www.chilipeppermadness.com/cooking-with-chili-peppers/how-do-you-stop-the-chili-pepper-burn
- ↑ http://www.pepperscale.com/chili-burn/
- ↑ http://www.thekitchn.com/the-best-remedies-for-hot-pepper-hands-tips-from-the-kitchn-208527
- ↑ http://greatist.com/eat/best-way-to-soothe-burning-mouth
- ↑ http://nutritionovereasy.com/2011/04/fat-burning-chili-peppers-the-reality-check/
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
นักเขียนในทีมวิกิฮาว
บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา
ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้ บทความนี้ถูกเข้าชม 17,795 ครั้ง
ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้ บทความนี้ถูกเข้าชม 17,795 ครั้ง
หมวดหมู่: สุขภาพ
มีการเข้าถึงหน้านี้ 17,795 ครั้ง
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.
โฆษณา
