วิธีการ จัดการกับอาการเมาค้าง

ดาวน์โหลดบทความ

ดาวน์โหลดบทความ

ภายในบทความนี้:

ทำให้ร่างกายมีปริมาณน้ำที่เพียงพอ

กินอาหารเพื่อต่อสู้กับอาการเมาค้าง

พักผ่อนและฟื้นตัว

ใช้ยารักษาอาการเมาค้าง

แสดงเพิ่มอีก 1...

แสดงน้อยลง...

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้ออ้างอิง

“ฉันขอพูดเลยว่า ฉันจะไม่มีวันดื่มอีกแล้ว!” เป็นวลีคลาสสิกที่เรามักจะได้ยินใครสักคนพูด หลังจากที่พวกเขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัว และท้องไส้ปั่นป่วน เพราะว่าเมื่อคืนพวกเขาดื่มหนักไปหน่อย ซึ่งแอลกอฮอล์นั้นก็คือยาขับปัสสาวะอย่างหนึ่ง ซึ่งก็หมายถึงว่าแอลกอฮอล์จะขับของเหลวออกจากร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำจนทำให้เกิดอาการเมาค้าง โชคร้ายที่ตอนนี้ยังไม่มีวิธีรักษาหรือยาแก้อาการเมาค้างที่ทำให้หายได้ทันที แต่ว่ายังมีหลายวิธีที่จะช่วยบรรเทาอาการนี้ให้ดีขึ้นจนกว่าคุณจะหายเมาค้างได้เอง ไปดูวิธีการเหล่านั้นกันเถอะ!

ขั้นตอน

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 4:

ทำให้ร่างกายมีปริมาณน้ำที่เพียงพอ

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ดื่มน้ำให้มากๆ . อาการขาดน้ำที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์นั้นต้องได้รับการแก้ทันที หากคุณอยากจะหายเมาค้าง และวิธีที่ง่ายที่สุดในการเพิ่มน้ำให้ร่างกายนั้นก็คือการดื่มน้ำให้มากๆ หลังจากตื่นนอน นอกจากนี้การดื่มเครื่องดื่มอ่อนๆ ที่ง่ายต่อการย่อย จะช่วยทดแทนของเหลวที่สูญเสียไป โดยที่ไม่ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารด้วย

   • การดื่มน้ำสักแก้วก่อนนอนนั้น จะช่วยลดระดับภาวะขาดน้ำในร่างกายหลังจากตื่นนอนได้ ดังนั้น ให้คุณวางแก้วน้ำไว้สักแก้วใกล้ๆ กับเตียง เพื่อที่จะได้มีไว้ดื่มในตอนกลางคืน
2. 
   2
   ดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่. เช่นเดียวกับน้ำเปล่า เครื่องดื่มเกลือแร่นั้นสามารถทดแทนปริมาณน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปได้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกายคุณด้วย เครื่องดื่มประเภทนี้จะมีคาร์โบไฮเดรตที่ค่อยๆ สร้างพลังงานให้กับร่างกาย ให้คุณไว้ใช้ในระหว่างวัน

   • หาเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของอิเล็กโทรไลต์ (electrolyte) ที่ใช้ในการทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป
   • ระวังเครื่องดื่มเกลือแร่ที่มีกาเฟอีน เพราะว่ากาเฟอีนจะยิ่งทำให้ร่างกายขาดน้ำมากกว่าเดิม
   • หากคุณรู้สึกว่าร่างกายตัวเองขาดน้ำอย่างรุนแรง ลองใช้ผงละลายเกลือแร่ดู เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้ผลิตมาเพื่อรักษาภาวะขาดน้ำโดยเฉพาะ ในขณะที่เครื่องดื่มเกลือแร่ธรรมดาไม่ใช่
3. 
   3
   ดื่มน้ำผลไม้. น้ำผลไม้สดนั้นก็เป็นตัวเลือกที่ดีเลย เพราะวิตามินและแร่ธาตุในน้ำผลไม้จะช่วยให้คุณมีแรงมากขึ้น ในน้ำผลไม้จะมีปริมาณฟรุกโตสสูง ซึ่งฟรุกโตสก็คือน้ำตาลที่ทำหน้าที่ให้พลังงานแก่ร่างกายและเสริมการทำงานของตับ

   • น้ำผลไม้ส่วนใหญ่จะมีวิตามินซีสูง ซึ่งเป็นวิตามินที่มักจะออกจากร่างกายไปพร้อมกับปัสสาวะเมื่อคุณดื่มแอลกอฮอล์
   • น้ำมะเขือเทศ น้ำส้ม และน้ำมะพร้าวนั้น เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ
4. 
   4
   ดื่มชาขิง. การดื่มชาขิงช่วยลดอาการคลื่นไส้และอาเจียนได้ จะเห็นได้ว่าคนท้องส่วนใหญ่มักจะดื่มชาขิง เพื่อที่ในตอนเช้าพวกเขาจะได้ไม่รู้สึกคลื่นไส้ ซึ่งหลักการนี้ใช้ได้กับอาการเมาค้างเช่นกัน ส่วนวิธีการทำชาขิงก็ง่ายๆ เลย ให้คุณต้มขิงสดที่หั่นไว้ประมาณ 10-12 ชิ้น ในปริมาณน้ำประมาณ 4 ถ้วย จากนั้นบีบน้ำส้มลงไปหนึ่งลูก เลมอนอีกครึ่งลูก แล้วตามด้วยน้ำผึ้งอีกครึ่งถ้วย

   • นี่จะช่วยให้คุณบรรเทาจากอาการเมาค้างได้เร็ว เพราะส่วนผสมเหล่านี้จะไปรักษาเสถียรภาพของระดับน้ำตาลในเลือด
   • การดื่มชาขิงแบบธรรมดาย่อมดีกว่าจินเจอร์เอล เพราะเครื่องดื่มที่อัดลมจะไปเพิ่มความดันในกระเพาะจนทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ได้
5. 
   5
   จิบน้ำดื่มตลอดวัน. เราไม่ได้กำหนดว่าคุณจะต้องดื่มน้ำในปริมาณมากแค่ไหนถึงจะดี แต่มันเกี่ยวกับว่าคุณดื่มน้ำตลอดทั้งวันหรือเปล่า เพราะการจิบน้ำเปล่า น้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มเกลือแร่นั้น สามารถช่วยทดแทนปริมาณน้ำ วิตามินต่างๆ และสารอาหารที่หายไปจากร่างกายได้
6. 
   6
   หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน. ดื่มน้ำเปล่าและน้ำผลไม้เพื่อช่วยลดภาวะขาดน้ำก็เพียงพอแล้ว เพราะการดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนอย่างกาแฟ จะยิ่งทำให้ร่างกายคุณขาดน้ำมากกว่าเดิม นอกจากนี้กาเฟอีนจะทำให้หลอดเลือดตีบลงและทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น ส่งผลให้อาการเมาค้างของคุณแย่ลงกว่าเดิม

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 4:

กินอาหารเพื่อต่อสู้กับอาการเมาค้าง

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   กินไข่. ไข่เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับใช้ในการบรรเทาอาการเมาค้าง ในไข่จะประกอบไปด้วยกรดอะมิโนที่เรียกว่า ซีสเทอีน (cysteine) ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกายของคุณหลังจากที่คุณได้ดื่มมาอย่างหนักหน่วง ซึ่งซีสเทอีนจะไปทำหน้าที่ถอนพิษที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ค่อยดีหลังจากการดื่ม ด้วยการทำความสะอาดสารพิษที่หลงเหลือในร่างกาย นอกจากนี้การกินไข่สามารถช่วยให้คุณมีแรงและพลังมากขึ้นได้ด้วย

   • อย่าทอดไข่ให้อมน้ำมันหรือใช้น้ำมันเยอะเกินไป เพราะว่ามันจะยิ่งทำให้คุณรู้สึกคลื่นไส้กว่าเดิม
2. 2
   กินซีเรียลสักชาม. หากคุณคิดว่าการกินไข่นั้นน่าจะทำให้คุณคลื่นไส้มากกว่าเดิม ให้ลองอาหารเช้าซีเรียลสักชาม หากเลือกได้เราแนะนำให้กินซีเรียลแบบโฮลเกรน เพราะว่ามีวิตามินและสารอาหารเยอะกว่าแบบอื่น
3. 
   3
   กินน้ำซุปเพื่อเรียกคืนวิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายสูญเสียไป. น้ำซุปส่วนใหญ่นั้นมักจะต้มจากผัก ซึ่งจะเป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุชั้นดีที่จำเป็นต่อการทดแทนในร่างกายคุณเมื่อคุณมีอาการเมาค้าง และน้ำซุปก็เป็นตัวเลือกที่ดีเมื่อคุณรู้สึกว่าไม่อยากจะกินอาหารหนักๆ สักเท่าไหร่ นอกจากนี้ น้ำซุปยังสามารถช่วยทดแทนเกลือและโพแทสเซียมที่ร่างกายคุณสูญเสียไปได้ด้วย
4. 
   4
   กินอาหารที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม. เมื่อคุณดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สังเกตได้ว่าคุณจะต้องเข้าห้องน้ำอยู่บ่อยๆ นั่นก็เพราะว่าแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขับปัสสาวะนั่นเอง แล้วถ้าคุณปัสสาวะบ่อย ร่างกายคุณก็จะสูญเสียโพแทสเซียมมากกว่าปกติ และเมื่อร่างกายมีระดับโพแทสเซียมต่ำ คุณก็จะรู้สึกอ่อนเพลีย คลื่นไส้ ไม่มีเรี่ยวแรง ซึ่งเป็นอาการของคนเมาค้าง เพื่อแก้ปัญหานี้ คุณก็ต้องกินอาหารที่มีโพแทสเซียม

   • วิธีการที่ประหยัดและง่ายที่สุดก็คือ ลองดูในครัวของคุณเองว่ามีอะไรบ้าง บางทีคุณอาจจะมีกล้วยหรือกีวีอยู่แล้วก็ได้
   • มันฝรั่งอบ ผักใบเขียว เห็ด และแอปริคอทนั้นเป็นแหล่งโพแทสเซียมชั้นดีเลย
   • เครื่องดื่มเกลือแร่ก็เป็นเครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยโพแทสเซียมเช่นกัน
5. 
   5
   กินอาหารอ่อนๆ อย่างขนมปังปิ้งและแครกเกอร์. การกินอาหารอ่อนๆ อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดหากว่าคุณรู้สึกว่า กระเพาะอาหารของคุณยังไม่พร้อมกับอาหารหนักๆ ซึ่งการกินอาหารประเภทนี้ไม่ใช่เพื่อการดูดซับแอลกอฮอล์แต่อย่างใด แต่ว่าเป็นการเพิ่มน้ำตาลในเลือดและเติมเต็มสารอาหารให้กับร่างกายคุณ

   • แอลกอฮอล์เป็นตัวที่ทำให้น้ำตาลในเลือดคุณอยู่ในระดับที่ผิดปกติ และระดับน้ำตาลในเลือดที่ต่ำจะนำไปสู่ความเมื่อยล้าและอ่อนเพลีย
   • คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (ข้าวโอ๊ต หรือ ขนมปังโฮลเกรน) ก็เป็นตัวเลือกที่ดี

วิธีการ 3

วิธีการ 3 ของ 4:

พักผ่อนและฟื้นตัว

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   กลับไปนอน. วิธีรับมือกับอาการเมาค้างง่ายๆ นั้นก็คือ การนอนหลับ ซึ่งการนอนหลับหลังจากที่ดื่มมานั้นอาจจะไม่ใช่การนอนหลับในช่วง R.E.M. (rapid eye movement) ซึ่งการนอนหลับในช่วงนี้จะฟื้นฟูสมองคุณ ดังนั้น การนอนต่ออีกสักพักนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

   • การอดนอนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อาการเมาค้างแย่ลง
   • ยารักษาอาการเมาค้างที่แท้จริงก็คือเวลานั่นเอง
2. 
   2
   ออกไปเดิน. ออกไปเดินโดยที่ไม่ต้องฝืนตัวเองมากเกินไป เพราะมันจะยิ่งทำให้ร่างกายขาดน้ำมากกว่าเดิม โดยให้คุณออกไปนอกบ้าน แล้วเดินสักพัก เพราะนี่จะทำให้อาการเมาค้างดีขึ้น เนื่องจากระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายลดลงเพราะระดับออกซิเจนในร่างกายนั้นสมดุลขึ้นจากการได้เดินนั่นเอง

   • การเดินเร็วจะช่วยเผาผลาญและเคลียร์แอลกอฮอล์ในระบบร่างกายคุณได้เร็วขึ้น
   • หากคุณรู้สึกว่าเหนื่อย อย่าฝืน ให้คุณหยุดพัก
3. 
   3
   พยายามอย่าคิดว่าอาการคุณมันหนัก. หากคุณมีอาการเมาค้าง คุณอาจจะอยากนอนอยู่บนเตียงทั้งวันจนไม่อยากเดินไปไหน หากคุณต่อสู้กับความรู้สึกนี้และพยายามที่จะประคับประคองตัวเองให้ลุกออกจากเตียงได้ คุณก็จะพบว่าอาการเมาค้างของคุณลดลง การปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรนั้น จะเป็นพลังที่ช่วยโน้มน้าวให้สมองคิดว่าอาการเมาค้างของคุณไม่ได้แย่อย่างที่คิด

วิธีการ 4

วิธีการ 4 ของ 4:

ใช้ยารักษาอาการเมาค้าง

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   กินยาแก้ปวดที่ซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป. อาการปวดหัวและปวดกล้ามเนื้อสามารถหยุดได้ง่ายๆ ด้วยการกินยาแก้ปวด เมื่อซื้อมาแล้ว ให้คุณอ่านวิธีการกินที่ฉลาก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะทานครั้งละ 2 เม็ด พร้อมกับน้ำ 1 แก้ว ซึ่งให้คุณกินยานี้หลังจากที่ตื่นนอน

   • คุณสามารถกินยาแอสไพริน หรือเอ็นเสด (NSAIDs คือ ยาต้านการอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ibuprofen) ได้ แต่ว่ายาประเภทนี้อาจจะไประคายกระเพาะคุณ และอาจจะทำให้คุณเกิดอาการคลื่นไส้ได้
   • หากคุณมีอาการท้องไส้ปั่นป่วนหรือไม่แน่ใจว่าจะกินยาแก้ปวดแบบไหนดี ให้คุณปรึกษากับแพทย์
   • อย่ากินยาอะเซตามิโนเฟน (acetaminophen) เพราะยาประเภทนี้จะไปประมวลผลในตับคุณเช่นเดียวกับแอลกอฮอล์ ซึ่งคุณจะเห็นได้ว่าในฉลากของยาไทลีนอล (Tylenol) จะเน้นไว้ว่าอย่าดื่มผสมกับแอลกอฮอล์ เพราะสามารถทำให้ตับทำงานล้มเหลวได้ (มีทั้งยี่ห้อ Tylenol Paramol และ Anacin) โดยในประเทศไทยเรียกยาชนิดนี้ว่า พาราเซตามอล (paracetamol) ซึ่งทั้งสองชื่อคือยาชนิดเดียวกัน
2. 
   2
   กินยาลดกรดในกระเพาะ. ส่วนใหญ่สาเหตุของอาการเมาค้างนั้น เกิดจากระดับกรดในกระเพาะที่สูง หากคุณรู้สึกคลื่นไส้จะอาเจียน ลองกินยาลดกรดที่ซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เพื่อทำให้กรดในกระเพาะคุณอยู่ในระดับปกติและหยุดอาการอาหารไม่ย่อยด้วย เพราะหากใช้ยาแก้ปวด โอกาสที่กระเพาะคุณจะระคายเคืองจะมีมากกว่า ดังนั้นก่อนใช้ยาต้องอ่านฉลากให้ดี และทำตามคำแนะนำด้วย

   • มียาลดกรดหลายยี่ห้อให้คุณเลือกซื้อ
   • ปกติแล้วยาลดกรดจะประกอบไปด้วยอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ แมกนีเซียมคาร์บอเนต หรือแคลเซียมคาร์บอเนต และแมกนีเซียมไตรซิลิเกต ส่วนประกอบเหล่านี้จะเจอได้ในยาลดกรดเช่นยี่ห้อ Tums Mylanta และ Maalox
3. 
   3
   กินยาวิตามินรวม. เมื่อคุณดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร่างกายของคุณจะสูญเสียสารอาหารไปหลายอย่าง เช่น วิตามิน B12 และโฟเลท ซึ่งต้องได้รับการซ่อมแซมด่วนหากคุณรู้สึกคลื่นไส้ คุณอาจจะต้องใช้ยาประเภทนี้

   • เช่นเดียวกับยาชนิดอื่น การใช้ยาที่ละลายน้ำได้หรือเม็ดฟู่จะยิ่งทำให้ร่างกายคุณซึมซับตัวยาได้เร็วกว่าเดิม
   • ยาเม็ดละลายน้ำ ก็คือยาที่คุณต้องนำไปละลายน้ำเพื่อดื่ม
   • เม็ดฟู่ที่ละลายในน้ำ จะทำให้น้ำเกิดฟองและมีคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งก็อาจจะทำให้รู้สึกคลื่นไส้ได้
4. 
   4
   ระวังพวกยาวิเศษด้วย. จะมียาประเภทหนึ่งที่เรียกว่า “ยาแก้เมา” ที่อ้างสรรพคุณว่าสามารถทำให้อาการเมาค้างของคุณหายได้ทันที ซึ่งคุณอาจจะลองกินดูก็ได้ แต่อย่าลืมว่าจากผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้สรุปว่า ประสิทธิภาพของยาประเภทนี้นั้นมีจำกัด เพราะจริงๆ แล้วไม่มีอะไรที่จะสามารถรักษาอาการเมาค้างได้ดีไปกว่าเวลาและการเพิ่มปริมาณน้ำให้กับร่างกายหรอก

เคล็ดลับ

• ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย และงีบหลับให้พอ
• จำไว้ว่าหลังจากดื่มมาแล้ว อย่าขับรถเด็ดขาด
• ดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่อย่างยี่ห้อสปอนเซอร์ เพราะสามารถช่วยเติมเต็มสิ่งที่ร่างกายสูญเสียไปได้
• อย่าปล่อยให้ท้องว่างเมื่อมีอาการเมาค้าง เพราะว่าถ้าคุณท้องว่าง คุณก็จะยิ่งรู้สึกคลื่นไส้
• ลองอาบน้ำด้วยน้ำเย็น เพราะมันจะทำให้ร่างกายคุณเย็นลง และช่วยทำให้หัวและท้องคุณรู้สึกดีขึ้น
• การกินก๋วยเตี๋ยวน้ำไก่จะช่วยทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้
• เพื่อหลีกเลี่ยงอาการเมาค้าง พยายามดื่มน้ำเปล่าให้ได้สักแก้วก่อนนอน และดื่มน้ำเปล่าระหว่างที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย
• พยายามอย่าดื่มแอลกอฮอล์ผสมกับน้ำอัดลม เพราะมิกเซอร์ที่เป็นน้ำอัดลม จะยิ่งเร่งการดูดซึมแอลกอฮอล์เข้าไปในร่างกายคุณ
• ทางที่ดีที่สุดสำหรับการจัดการกับอาการเมาค้างคือ ไม่ไปดื่มตั้งแต่ทีแรก
• ดื่มอย่างมีความรับผิดชอบและรู้ลิมิตตัวเอง The National Institute on Alcohol Abuse and Alcoholism ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้แนะนำว่า ผู้หญิงควรจะดื่มให้น้อยกว่า 3 ดริ้งค์ต่อ 1 วัน และอย่ามากกว่า 7 ดริ้งค์ต่อสัปดาห์ ส่วนผู้ชายควรจะดื่มให้น้อยกว่า 4 ดริ้งค์ต่อ 1 วัน และอย่ามากกว่า 14 ดริ้งค์ต่อสัปดาห์ ซึ่ง “1 ดริ้งค์” มีความหมายดังต่อไปนี้: เบียร์ 12 ออนซ์/เหล้าหมัก 8-9 ออนซ์/ไวน์ 5 ออนซ์/เหล้ากลั่น 1.5 ออนซ์
• เลือกดื่มของเบาๆ อย่าง วอดก้า หรือ จิน แทนการดื่มของแรงๆ อย่าง บรั่นดี หรือ วิสกี้ เพราะวอดก้า หรือ จิน จะมี congeners (สารที่ก่อให้เกิดอาการเมาค้าง) น้อยกว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทอื่นๆ ยิ่งดื่มเครื่องดื่มที่ใส่สารเคมีเยอะ ยิ่งจะทำให้อาการแย่ลง อย่างไวน์แดงนี่ก็เป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้อาการเมาค้างแย่มากที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนด้วย
• จากการศึกษาพบว่าอาการเมาค้างนั้นมีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ดื่ม ดื่มแอลกอฮอล์แบบไหนเข้าไป เช่น บรั่นดี ไวน์แดง รัม วิสกี้ ไวน์ขาว จิน วอดก้า และ เอทานอลบริสุทธิ์ (เรียงลำดับความแรงจากมากไปน้อย)

คำเตือน

• หากคุณไม่เคยจำได้เลยว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างเมื่อตอนที่คุณดื่มอยู่ หรือหากคุณเมาค้างอยู่เป็นประจำ หรือถ้าหากการดื่มของคุณนั้นส่งผลกระทบต่องานและความสัมพันธ์ คุณอาจจะมีปัญหากับเกี่ยวกับการดื่มแล้วละ หาใครสักคนมาช่วยคุณเถอะ
• การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่ม เพื่อคิดจะถอนอาการเมาค้างนั้น จะส่งผลแค่ยืดเวลาให้อาการเมาค้างมาช้ากว่าเดิมก็แค่นั้น และจะยิ่งทำให้อาการแย่ลงเมื่ออาการเมาค้างมาถึง
• การออกกำลังกายไม่ได้ช่วยให้คุณหายจากอาการเมาค้าง จริงๆ แล้ว การออกกำลังกายจะยิ่งทำให้อาการหนักกว่าเดิม เพราะร่างกายคุณจะสูญเสียน้ำมากจากการออกกำลังกาย หากคุณเลือกที่จะออกกำลังกาย คุณต้องดื่มน้ำให้เยอะเป็นพิเศษ
• แม้ว่าคุณจะไม่ได้รักษาอาการใดๆ เลยทั้งสิ้น อาการเมาค้างก็จะอยู่ได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง หากคุณยังรู้สึกแย่หลังจากที่ผ่านไปแล้ว 24 ชั่วโมง ให้คุณพบแพทย์โดยด่วน