วิธีการ ทำให้หน้าท้องแบนราบในหนึ่งเดือน

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

เริ่มจากการเช็คสภาพทั้งหมดก่อน – แม้ว่าคุณจะบอกว่าคุณควบคุมอาหาร และออกกำลังกายลดหน้าท้องแบบที่คนอื่นเขาทำกัน แต่คุณก็ยังไม่สามารถตั้งเป้าลดไขมันได้ ถ้าหากคุณต้องการหน้าท้องแบนเรียบ คุณต้องลดระดับไขมันมวลรวมในร่างกายทั้งหมด ด้วยอาหารที่มีโภชนาการสูง แคลอรี่ต่ำ และออกกำลังกายเผาผลาญแคลอรี่เป็นประจำ คุณอาจจะไม่ได้สร้างกล้ามหน้าท้องของคุณได้ภายในเดือนเดียว แต่คุณสามารถที่จะสร้างนิสัยรักสุขภาพที่ดีขึ้นใหม่ได้ ซึ่งมันจะส่งผลดีต่อพุงและร่างกายทั้งหมดของคุณ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ปรับปรุงอาหารการกินของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    ลดการบริโภคแคลอรี่. ถ้าคุณต้องการหน้าท้องที่แบนราบ คุณต้องลดไขมันในร่างกายคุณ ด้วยการเผาผลาญแคลอรี่ให้มากกว่าที่กินเข้าไป ลดการบริโภคแคลอรี่จะช่วยทำให้ร่างกายเปลี่ยนไปใช้พลังงานสำรองข้างใน ซึ่งเป็นไขมันที่คุณต้องกำจัด[1]
    • โดยพื้นฐานทั่วไป ไขมัน 1 ปอนด์เท่ากับแคลอรี่ประมาณ 3,500 แคลอรี่ นั่นหมายความว่า คุณจะต้องเผาผลาญแคลอรี่ให้มากกว่าที่คุณกินเข้าไปวัน 500 แคลอรี่ เพื่อที่จะลดน้ำหนักหนึ่งปอนด์ในหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเป็นการลดน้ำหนักที่ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
    • เมื่อคุณพยายามที่จะลดการบริโภคแคลอรี่ คุณควรจะเลือกอาหารที่เต็มไปด้วยโภชนาการแต่แคลอรี่ต่ำ เพื่อให้ทุกแคลอรี่ที่ทานเข้าไปมีคุณค่า เช่น ผัก ผลไม้ และโปรตีนไร้มันต่างๆ สามารถดูตารางได้ที่ http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/weight-loss/in-depth/calories/art-20048065?pg=2 มันจะแสดงตัวอย่างว่าการ “สลับ” อาหารง่ายๆบางอย่าง และการเปลี่ยนแปลงปริมาณที่ทาน สามารถช่วยลดการบริโภคแคลอรี่ของคุณได้อย่างชัดเจนเท่าไหร่
  2. 2
    เพิ่มการบริโภคใยอาหาร. ผลไม้ ผัก ถั่วเม็ด และถั่วฝักต่างๆ รวมถึงธัญพืช ที่ไม่ได้มีเพียงแค่โภชนาการที่หลากหลาย แต่ยังมีใยอาหารสูงด้วย ซึ่งสามารถที่จะช่วยจัดระเบียบการลดน้ำหนักได้หลายๆ วิธี เป้าหมายของคุณคือ บริโภคใยอาหารให้ได้อย่างน้อยวันละ 10 กรัม [2]
    • บางคนอาจคิดว่าใยอาหารมีส่วนทำให้ท้องอืด ดังนั้นจึงไม่กินใยอาหารเวลาพยายามทำให้หน้าท้องแบนราบ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ใยอาหารเป็นส่วนช่วยระบบขับถ่ายของคุณ ที่จะช่วยลดอาการท้องอืดออกไปได้
    • อย่างไรก็ตาม ใยอาหารยังช่วยทำให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณบริโภคแคลอรี่น้อยลงด้วย
  3. 3
    เลือกทานโปรตีนที่ไร้ไขมัน. โปรตีนไร้ไขมัน เช่น ปลา สัตว์ปีก และผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ที่มีโภชนาการที่มีประโยชน์ แต่ไม่มีไขมันเลว หรือแคลอรี่มากเกินไป มันจะช่วยสำรองพลังงานสำหรับการออกกำลังกายให้กับคุณ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำหน้าท้องให้แบนเช่นกัน[3]
    • ไข่เป็นอาหารที่เต็มไปด้วยโปรตีน แต่มีแคลอรี่ และคาร์โบไฮเดรตต่ำ นับเป็นอาหารเช้าที่ยอดเยี่ยมในการเริ่มวันใหม่ของคุณ
    • นอกจากนี้ยังมีการพิสูจน์ว่าโปรตีนจากนมยังช่วยเพิ่มความอิ่ม (ความรู้สึกเติมเต็ม) ที่ช่วยให้คุณกินน้อยลงระหว่างวัน มองหาตัวเลือกไขมันต่ำ [4]
  4. 4
    เริ่มมื้ออาหารด้วยซุป. การทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ คือ การทานอาหารที่ทำให้คุณรู้สึกอิ่ม มีแคลอรี่ต่ำ โดยที่ยังได้รับสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ครบถ้วน ซึ่งการทานซุปนั้นเป็นสิ่งที่ช่วยได้มากทีเดียว
    • ผลการวิจัยที่มหาวิทยาลัยเพนน์สเตต (Penn State university) เผยว่า การบริโภคซุปที่มีแคลอรี่ต่ำก่อนมื้อเที่ยง หรือมื้อเย็น จะช่วยลดการบริโภคแคลอรี่ทั้งหมดของมื้อนั้นได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ พูดง่ายๆ ก็คือ มันช่วยเติมท้องคุณให้ไม่ว่าง ก่อนที่จะเริ่มทานอาหารจานหลักของคุณ [5]
    • เพื่อให้ได้ประโยชน์ทางโภชนาการที่มากที่สุด ให้เลือกซุปที่มีแคลอรี่ ไขมัน และโซเดียมต่ำ และมีผัก โปรตีนไร้ไขมัน และใยอาหารสูง ตรวจดูฉลากให้ดีถ้าคุณซื้อซุปที่ทำสำเร็จรูปแล้ว
  5. 5
    อย่าซื้อของที่บอกต่อๆ กันมาว่าจะช่วยลดหน้าท้อง. ให้สงสัยไว้ก่อนทุกครั้งที่คุณได้ยินหรือได้อ่านเรื่องว่า สมูทตี้ “ตัวนี้” หรือ โปรตีนชนิด “นั้น” ช่วยกำจัดหน้าท้องได้ ไม่มีอาหารอะไร (หรือการออกกำลังกายแบบไหน) ที่สามารถกำจัดไขมันเฉพาะส่วนของร่างกายได้ มีเพียงแค่ลดไขมันในร่างกายทั้งหมด หรือไม่ก็ไม่ได้ลดเลยสักส่วน[6][7]
    • ว่ากันว่า มีอาหารหลายอย่างที่ช่วยทำให้หน้าท้องดูแบนลงด้วยการจัดการปัญหาท้องอืด หรือระบบย่อยอาหารยาก เช่น อาหารที่ประกอบไปด้วยใยอาหาร หรืออาหารที่มีเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ หรือ อาหารที่มีโซเดียมต่ำ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การออกกำลังอย่างมีประสิทธิภาพ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    ถอด “แจ็คเก็ตไขมัน” ออก. เป็นการอุปมาแบบง่ายๆ แต่ช่วยให้รู้ว่าการออกกำลังกายแบบไหนที่ให้ผลที่ดีที่สุดสำหรับการลดไขมัน และทำให้หน้าท้องแบนราบ ให้คิดซะว่า ชั้นไขมันบนร่างกายของคุณที่ปกคลุมท้องอยู่ (หรือส่วนไหนก็ตาม) เป็นเหมือน “เสื้อแจ็คเก็ต” (จุดประสงค์ของมันก็คือ เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย) เป้าหมายการออกกำลังกายของคุณก็คือเพื่อเอาแจ็คเก็ตตัวนั้นออกไป [8]
    • คิดซะว่า ถ้าคุณกำลังสวมเสื้อแจ็คเก็ตบางๆ อยู่ วิธีออกกำลังกายที่คุณกำลังทำอยู่จะทำให้คุณอยากถอดมันออกไหม? คุณต้องเลือกการออกกำลังกายแอโรบิคที่จะช่วยให้ความอบอุ่นกับร่างกายของคุณพอที่จะทำให้คุณอยากเอาเสื้อแจ็คเก็ตจริงๆ ออกไป – เดินเร็ว, ปั่นจักรยาน, เต้น, ว่ายน้ำ และอื่นๆ การออกกำลังกายคาดิโอจะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้มากพอที่จะทำให้ร่างกายของคุณต้องนำพลังงานจาก (และช่วย “กำจัด”) “แจ็คเก็ตไขมัน” ของคุณมาใช้
  2. 2
    ผลัดเปลี่ยนการออกกำลังกายคาดิโอในแต่ละวันของคุณ. สำหรับการกำจัดไขมันและการลดน้ำหนัก เป้าหมายของคุณคือควรจะออกกำลังกายแอโรบิควันละประมาณ 30 – 60 นาที ไม่จำเป็นต้องออกหนัก แต่ควรจะให้หนักพอที่จะทำให้หายใจได้ยาก และทำให้การสนทนาเป็นเรื่องที่ยาก รวมถึงทำให้มีเหงื่อออกเล็กน้อย (คิดถึงหลักการเปรียบเทียบแจ็คเก็ตจากด้านบน)[9]
    • การออกกำลังกายคาดิโอจะทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นและเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่า 2 - 3 เท่าเมื่อเทียบกับการออกกำลังกายแบบแรงต้าน ( เช่น ยกน้ำหนัก)[10]
    • บางคนอาจชอบความเป็นระเบียบและการวิ่งจ๊อกกิ้งทุกเช้าแถวบ้านเป็นประจำ แต่สำหรับหลายๆ คน ความหลากหลายจะช่วยให้การออกกำลังกายแอโรบิคเป็นเรื่องที่น่าพิสมัยขึ้น แม้แต่กิจกรรมอย่างทำความสะอาดบ้าน หรือทำสวนก็นับเป็นการออกกำลังกายเช่นกันถ้าคุณทำเร็วๆ คุณอาจจะต้องทำบันทึกกิจกรรมในแต่ละวันของคุณเพื่อติดตามผลการออกกำลังกายของคุณรายวัน
  3. 3
    อยู่กับความเป็นจริงในการออกกำลังกายกล้ามท้อง. แผน “กล้ามท้องแบนราบ” ใดๆ ที่มุ่งเน้นแต่การทำครั้นช์ (crunches) หรือการออกกำลังที่เน้นส่วนไม่อาจให้ผลที่คุณต้องการได้ คุณต้องจัดการกับชั้นไขมันที่คลุมท้องคุณก่อน ถ้าคุณต้องการจะทำให้กล้ามของคุณชัดขึ้น และต้องออกกำลังกายแบบหนักที่ไม่ได้กระตุ้นการเผาผลาญไขมันมากเกินไป หรือพูดอีกอย่างก็คือ ให้ออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรงที่เน้นแกนกลางร่างกายเสริมเพิ่มจากการออกกำลังกายคาร์ดิโอในแต่ละวันของคุณ [11]
    • ขณะที่การซิทอัพแบบง่ายๆ และครั้นช์เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยสร้างกล้ามหน้าท้อง แต่ก็ยังมีวิธีอีกมากมายที่ช่วยเน้นกล้ามท้องให้ชัดเจนขึ้น เช่น ท่า “hip dip plank” และท่า “inner thigh crunch lift” การเปลี่ยนท่าออกกำลังกายที่สร้างความแข็งแรงให้ลำตัวจะช่วยทำให้กล้ามเห็นชัดขึ้น แต่อย่าลืมให้ความสำคัญกับการทำแอโรบิคเป็นอันดับหนึ่งด้วย[12][13]
  4. 4
    ใช้กล้ามเนื้อหลายๆ ส่วนเพื่อผลลัพธ์การออกกำลังกายกล้ามท้องที่ดีกว่าเดิม. แทนที่จะมาเน้นการออกกำลังกายที่เน้นเพิ่มเฉพาะกล้ามส่วนหน้าท้อง คุณควรหาวิธีการออกกำลังกายแบบอื่นที่ใช้กล้ามเนื้อกลุ่มอื่นด้วยเช่นกันเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ เพราะมันจะทำให้คุณต้องออกแรงมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเผาผลาญไขมันได้ นอกจากนี้การเน้นกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ ทั้งหลัง หน้าอก ไหล่ ขา ฯลฯ ยังช่วยปรับท่าทางให้ดีขึ้นและทำให้พุงของคุณดูเล็กลงด้วย
    • ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะลอง:[14]
      • ท่า "pike and extend" นอนหงายลงกับพื้น ยืดแขนและขาชี้ฟ้า เกร็งกล้ามท้องและพยายามเอื้อมมือไปแตะนิ้วเท้า ลดแขนลงเหนือศีรษะ และเอาขาลงข้างหนึ่งให้ขนานกับพื้น (และลำตัวของคุณ) ทำซ้ำท่าเดิม และสลับขาทีละข้าง
      • ท่า "knee-up with overhead press" นั่งลงกับพื้น ตั้งเข่าขึ้น เท้าแตะพื้น ถือดัมเบลไว้ในมือสูงระดับไหล่ เอนหลังลงเล็กน้อย ยืดแขนตรงเหนือศีรษะ และดึงเข่าเข้ามาหาตัว ค้างไว้สักพัก กลับสู่ท่าเริ่มต้น และทำซ้ำอีกครั้ง
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ทำหน้าท้องของคุณให้ดูดีขึ้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    ฝึกวางท่าทางที่ดี. เวลาที่แม่คุณว่าคุณเกี่ยวกับการยืนตัวตรง นั่นเพราะเธอรู้ว่ามันคือสิ่งสำคัญ การยืนและการนั่งที่ถูกท่าจะช่วยลดหน้าท้องที่เป็นลูกๆ ได้อย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่ที่คุณยังไม่ได้เริ่มกลยุทธ์สร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันเลยด้วยซ้ำ
    • หลายคนพยายามที่จะ “แขม่วท้อง” แต่นั่นไม่ใช่วิธีที่ยั่งยืนแน่นอน การปรับบุคลิกที่เหมาะสมต่างหากเป็นสิ่งที่ยั่งยืนกว่า ซึ่งเราสามารถเรียนรู้มันและฝึกให้เป็นประจำถาวรได้
    • หาวิธีการออกกำลังกาย และวิธีการฝึกฝนบุคลิกท่าทางของคุณ
  2. 2
    ลดระดับความเครียด. คุณอาจจะบอกได้ว่าหน้าท้องที่เป็นลูกๆ นี่เกิดมาจากบรรพบุรุษถ้ำของคุณ ส่วนหนึ่งของ “ปฏิกิริยาตอบสนองเมื่อตกอยู่ในอันตราย” ที่ช่วยปกป้องบรรพบุรุษของเราจากเขี้ยวเสือ จะกระตุ้นให้หลั่งคอร์ติซอลออกมา ซึ่งจะส่งสัญญาณให้ร่างกายเก็บไขมันไว้บริเวณหน้าท้อง เพื่อไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน[15]
    • วิธีที่ดีที่สุดในการลดระดับคอร์ติซอลคือ การลดความเครียดโดยรวมทั้งหมด (ง่ายๆ ก็คือ การลดปฏิกิริยาตอบสนอง “เมื่อตกอยู่ในอันตราย”) ซึ่งนี่น่าจะช่วยลดปริมาณไขมันที่ถูกเก็บไว้บริเวณหน้าท้องได้
    • หาวิธีการคลายเครียดต่างๆ เพื่อช่วยให้คุณสังเกต จัดการ และลดระดับความเครียดของคุณได้
  3. 3
    นอนพักผ่อนให้เพียงพอ. การอดนอนก่อให้เกิดความเครียดในร่างกาย และส่งผลต่อระดับคอร์ติซอลที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะไปกระตุ้นการกักเก็บไขมัน การนอนพักผ่อนที่เพียงพอต่อร่างกายจะช่วยลดประมาณระดับคอร์ติซอลของคุณ และทำให้ระบบกลไกการกักเก็บไขมันน้อยลง [16]
    • ผู้ใหญ่ส่วนมากต้องการการนอนประมาณ 7-9 ชั่วโมงต่อวัน แต่ทั้งนี้แต่ละคนอาจมีความต้องการที่แตกต่างกันไป ลองศึกษาหาเคล็ดลับอ่านเพิ่มว่าคุณควรนอนพักผ่อนกี่ชั่วโมง และต้องทำอย่างไรเพื่อให้พักผ่อนได้เพียงพอ
  4. 4
    ต่อสู้กับอาการบวมน้ำ. นอกเหนือจากไขมันหน้าท้องที่มากเกินไป อาการบวมน้ำก็อาจเป็นตัวการใหญ่อีกตัว (โดยมากจะเป็นปัญหาชั่วคราว) ที่ก่อให้เกิดหน้าท้องบวม การเปลี่ยนอาหารการกิน และนิสัยการบริโภคก็สามารถช่วยลดปัญหาการบวมน้ำนี้ได้[17]
    • อาการบวมน้ำมักมีสาเหตุมากจากการบริโภคเกลือที่มากเกินไป ลดการใช้เกลือปรุงอาหารนับว่าเป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่ง แต่โดยมากแล้วโซเดียมที่คนส่วนมากรับประทานเข้าไปมาจากอาหารสำเร็จรูป และอาหารกล่อง อ่านฉลาก และดูส่วนผสม ปริมาณโซเดียม และพยายามรักษาการบริโภคให้คงที่หรือต่ำกว่าปริมาณที่แนะนำต่อวัน
    • เครื่องดื่มที่มีแก๊สคาร์บอนไม่เพียงแต่จะให้พลังงานเปล่าที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการแล้ว ยังเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการบวมน้ำได้อีกด้วย ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำอัดลม
    • อาการบวมน้ำบางครั้งก็เกิดจากปัญหาของการย่อย ผลิตภัณฑ์นมที่ประกอบด้วยจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอาจช่วยจัดการกับปัญหานี้ได้ หาผลิตภัณฑ์ เช่น โยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยวคีเฟอร์ ที่ผลิตสดใหม่และมีเชื้อแลคโตบาซีลัสที่ยังมีชีวิตและยังแข็งแรง
  5. 5
    ดื่มน้ำให้มากๆ. แม้หลายๆ คนอาจจะคิดว่าการดื่มน้ำมากๆ อาจทำให้น้ำหนักตัวจากน้ำในร่างกายเพิ่มมากขึ้น แต่อันที่จริงแล้ว การดื่มน้ำจะช่วยล้างของเสียในร่างกายออกไป และลดอาการบวมน้ำ[18]
    • คำแนะนำแต่เดิมมา คือ ผู้ใหญ่ควรดื่มน้ำ แก้วละ 8 ออนซ์ 8 แก้วต่อวัน แต่อันที่จริงแล้ว มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะดื่มน้ำมากเกินไป ดังนั้นให้ดื่มน้ำก่อนที่คุณจะรู้สึกกระหายน้ำ และพยายามดื่มให้ได้ตลอดทั้งวัน
    • การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารยังสามารถช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น และช่วยลดการบริโภคแคลอรี่ได้
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

วิกิฮาวเป็น "wiki" ซึ่งหมายความว่าบทความหลายๆ บทความของเรานั้นเป็นการร่วมมือกันเขียนของผู้เขียนหลายคน ในการเขียนบทความชิ้นนี้ นักเขียนที่อาสาสมัครมาได้ร่วมกันเขียนและปรับปรุงเนื้อหาของบทความอย่างต่อเนื่อง บทความนี้ถูกเข้าชม 4,979 ครั้ง
หมวดหมู่: ฟิตเนส
มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,979 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา