วิธีการ รักษาเชื้อราในหู

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

การติดเชื้อราในหูที่รู้จักกันในโรคเชื้อราภายในช่องหูหรือ "โรคหูนักว่ายน้ำ" นั้นเบื้องต้นจะส่งผลต่อช่องหู โรคเชื้อราภายในช่องหูนั้นคิดเป็น 7% ของผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น หูชั้นนอกอักเสบ หรือการอักเสบและติดเชื้อในช่องหู โดยสาเหตุของโรคเชื้อราภายในช่องหูที่พบบ่อยที่สุดนั้นเกิดจากเชื้อราในสปีชีส์ แคนดิดา และ แอสเปอร์จิลลัส คนมักจะสับสนโรคเชื้อราในหูกับการติดเชื้อแบคทีเรียในหู ส่วนใหญ่แพทย์จะรักษาอาการติดเชื้อในหูในลักษณะของการติดเชื้อแบคทีเรีย และบ่อยครั้งที่แพทย์ก็จะสั่งยาปฏิชีวนะให้ แต่เนื่องจากว่ายาปฏิชีวนะไม่ได้ต่อสู้กับการติดเชื้อรา มันจึงไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง หลังจากนั้นแพทย์ก็จะให้ยารักษาเชื้อราทั้งแบบที่หาซื้อได้ทั่วไปกับแบบที่ต้องมีใบสั่งแพทย์[1]

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

รู้อาการของโรคเชื้อราในหู

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 มีอาการคันผิดปกติ (อาการคันอย่างรุนแรง).
    อาการคันหูเป็นอาการปกติ เพราะบนหูและในหูมีขนเล็กๆ อยู่หลายร้อยเส้นที่อาจทำให้คุณรู้สึกจั๊กจี้ได้ง่ายๆ ถ้าคุณรู้สึกคันหูไม่หยุดและแม้จะเกา/ถูแล้วก็ยังไม่หายคัน หูของคุณก็อาจจะติดเชื้อราได้ วิธีนี้เป็นวิธีเบื้องต้นในการระบุการติดเชื้อราที่หู
  2. How.com.vn ไท: Step 2 มีการปวดหู (อาการปวดในหู).
    คุณจะมีอาการปวดหูข้างเดียวในเกือบทุกกรณี ไม่ใช่สองข้างเพราะการติดเชื้อรานั้นเป็นการติดเชื้อเฉพาะที่ บางครั้งผู้ป่วยจะอธิบายว่ามันเหมือนมี “แรงดัน” หรือ “หูอื้อ” อาการปวดก็มีตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง และยิ่งคุณเอามือจับหูมากเท่าไหร่ อาการปวดก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น[2]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 เช็กของเหลวที่ไหลออกมาจากหู (น้ำหนวก).
    ของเหลวในหูที่เกิดจากเชื้อรามักจะข้นและอาจจะใสๆ เป็นสีขาว สีเหลือง หรือบางครั้งก็มีเลือดปน/กลิ่นเหม็น อย่าสับสนระหว่างน้ำหนวกกับการสะสมของขี้หูธรรมดา นำไม้สำลีมาเช็ดหู (ระวังอย่าสอดสำลีเข้าไปในช่องหู) มันจะมีการสะสมของขี้หูในระดับปกติอยู่แล้ว แต่ถ้าปริมาณหรือสีเปลี่ยนไป ก็เป็นไปได้ว่าคุณอาจจะติดเชื้อราในหู[3]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 เช็กการสูญเสียการได้ยิน.
    อาการติดเชื้อราที่หูอาจปรากฏในรูปแบบของคำพูด/เสียงที่ได้ยินไม่ชัดเจน เข้าใจคำพูดได้ยาก และมีปัญหาในการได้ยินเสียงพยัญชนะ บางครั้งคนอื่นก็รู้ว่าคนๆ นั้นสูญเสียการได้ยินจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ความคับข้องใจที่เกิดการที่ไม่ได้ยินเสียงจะทำให้คนๆ ออกจากการสนทนาและสถานการณ์ทางสังคมไป[4]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

รักษาด้วยยา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 รู้ว่าเมื่อไหร่ต้องปรึกษาแพทย์.
    เมื่อคุณติดเชื้อที่หู คุณควรไปพบแพทย์เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรู้ว่าต้องรักษาด้วยวิธีการไหนจึงจะดีที่สุด ถ้าคุณมีอาการปวดหูอย่างรุนแรง สูญเสียการได้ยิน หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ คุณควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ[5]
    • แพทย์สามารถทำความสะอาดช่องหูให้สะอาดได้ด้วยเครื่องดูดขี้หูและจ่ายยาที่ใช้รักษาอาการติดเชื้อที่หู
    • นอกจากนี้แพทย์ก็อาจจะแนะนำยาแก้ปวดที่คุณสามารถหาซื้อได้เองที่ร้านขายยา หรือจ่ายยาให้หากอาการปวดรุนแรง[6]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ใช้โคลไตรมาโซลรักษาเชื้อราในหู.
    โคลไตรมาโซลชนิดสารละลาย 1% เป็นยารักษาเชื้อราที่ได้รับความนิยมมากที่สุดที่แพทย์จ่ายเพื่อรักษาการติดเชื้อราในหู ยาตัวนี้ฆ่าได้ทั้ง แคนดิดา และ แอสเปอร์จิลลัส ซึ่งทำงานโดยการไปยับยั้งเอนไซม์ที่ใช้ในการเปลี่ยนเออร์โกสเตอรอล เชื้อราจำเป็นต้องอาศัยเออร์โกสเตอรอลในการรักษาความสมบูรณ์ของแผ่นเยื่อ ซึ่งโคลไตรมาโซลก็จะไปยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราด้วยการไปกำจัดเออร์โกสเตอรอลให้สิ้นซาก[7]
    • อย่าลืมนึกถึงผลข้างเคียงของโคลไตรมาโซลด้วย โดยผลข้างเคียงที่ว่านี้ได้แก่ ระคายเคืองที่หู แสบร้อน หรือไม่สบายหู[8] อย่างไรก็ตามผลข้างเคียงที่เกิดจากโคลไตรมาโซลชนิดทาเฉพาะที่นั้นพบได้ไม่บ่อยเท่าชนิดรับประทาน
    • ในการทายาโคลไตรมาโซลนั้น เปิดน้ำก๊อกแล้วใช้สบู่อ่อนล้างมือให้สะอาด ทำความสะอาดหูด้วยน้ำอุ่นจนกว่าของเหลวที่มองเห็นได้จะออกไปหมดแล้ว ใช้ผ้าสะอาดค่อยๆ ซับหูให้แห้ง อย่าพยายามเช็ดน้ำที่ยังติดอยู่ออกมากเกินไป เพราะอาจทำให้อาการแย่ลงได้[9]
    • นอนลงหรือเอียงศีรษะไปด้านข้างเพื่อให้ช่องหูขึ้นมา ยืดช่องหูให้ตรงด้วยการดึงติ่งหูลงล่างแล้วก็ดึงไปข้างหลัง หยดโคลไตรมาโซลลงในหู 2-3 หยด เอียงศีรษะต่อ 2-3 นาทีเพื่อให้ตัวยาไหลไปถึงบริเวณที่ติดเชื้อ จากนั้นเอียงศีรษะลงให้ยาไหลลงมาบนผ้า[10]
    • ปิดฝาขวดแล้วเก็บยาไว้ให้ไกลและพ้นจากมือเด็ก เก็บไว้ในที่แห้งและเย็น อย่าให้โดนแดดหรือความร้อนโดยตรง[11]
    • ถ้าโคลไตรมาโซลไม่สามารถรักษาการติดเชื้อในหูได้ แพทย์ก็อาจจะตัดสินใจใช้สารฆ่าเชื้อราตัวอื่น เช่น ไมโคนาโซล [12]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ให้แพทย์จ่ายยาฟลูโคนาโซล (ไดฟลูแคน).
    ถ้าคุณติดเชื้อราในหูอย่างรุนแรง แพทย์ก็อาจจะจ่ายยาฟลูโคนาโซลให้ ซึ่งทำงานเหมือนโคลไตรมาโซลทุกอย่าง ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุดได้แก่ ปวดหัว คลื่นไส้ เวียนศีรษะ การรับรสเปลี่ยนไป ถ่ายเหลว ปวดท้อง ผื่นขึ้นตามผิวหนัง เอนไซม์ในตับสูงขึ้น[13]
    • ฟลูโคนาโซลอยู่ในรูปของยาชนิดเม็ด ตามปกติแพทย์จะสั่งให้รับประทานวันแรก 200 มก. และวันละ 100 มก. ในอีก 3-5 วัน[14]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 หลีกเลี่ยงยาปฏิชีวนะ.
    ยาปฏิชีวนะใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียได้เท่านั้น มันจึงไม่สามารถต่อสู้กับการติดเชื้อราได้
    • ยาปฏิชีวนะยังอาจทำให้เชื้อราในช่องหูแย่ลงด้วย เพราะมันอาจจะไปทำลายแบคทีเรียที่ดีในหูหรือส่วนอื่นของร่างกาย ซึ่งก็คือแบคทีเรียที่ช่วยต่อสู้กับเชื้อราในหูนั่นเอง[15]
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ไปพบแพทย์เพื่อติดตามอาการ.
    คุณต้องไปพบแพทย์อีกครั้งในสัปดาห์ถัดไปหรือระยะเวลาประมาณนั้นเพื่อดูว่าการรักษาได้ผลหรือเปล่า ถ้าการรักษาไม่ได้ผล แพทย์ก็อาจจะต้องใช้ทางเลือกอื่น
    • นอกจากนี้ก็อย่าลืมโทรหาแพทย์ด้วยถ้าอาการแย่ลงหรือไม่ดีขึ้น
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

รักษาอาการด้วยตนเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ใช้ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์.
    ใช้ที่หยดยาหยดไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ลงไปในหูข้างที่ติดเชื้อ 2-3 หยด ปล่อยให้ตัวยาอยู่ในช่องหู 5-10 นาที จากนั้นเอียงศีรษะเพื่อให้ตัวยาระบายออกมา วิธีนี้จะช่วยทำให้สารที่แห้งเป็นสะเก็ดหรือจับตัวเป็นก้อนในช่องหูนิ่มลง ซึ่งจะช่วยล้างกลุ่มเชื้อราออกมาจากหูได้[16]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ใช้ไดร์เป่าผม.
    ตั้งค่าไดร์เป่าผมให้ลมแรงน้อยที่สุดและจ่อหัวไดร์ให้ห่างจากหูข้างที่ติดเชื้ออย่างน้อย 10 นิ้ว วิธีนี้จะทำให้ความชื้นที่ปรากฏในช่องหูแห้งลง ซึ่งจะช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อรา[17]
    • ระวังอย่าให้ผิวหนังโดนความร้อน
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ประคบอุ่นที่หูข้างที่ติดเชื้อ.
    นำผ้าขนหนูสะอาดมาแช่ไว้ในน้ำอุ่น อย่าให้ผ้าขนหนูร้อนเกินไป ประคบผ้าขนหนูอุ่นๆ ลงบนหูข้างที่ติดเชื้อแล้วรอจนกว่าผ้าขนหนูจะเย็นลง วิธีนี้ช่วยบรรเทาอาการปวดได้โดยไม่ต้องรับประทานยาแก้ปวด และยังเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังบริเวณที่ติดเชื้อ ทำให้หายเร็วขึ้นด้วย[18]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ใช้รับบิงแอลกอฮอล์และน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล....
    ใช้รับบิงแอลกอฮอล์และน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล. ผสมในอัตราส่วน 1:1 จากนั้นใช้ที่หยดยาหยดลงในหูข้างที่ติดเชื้อ 2-3 หยด ปล่อยตัวยาไว้ในหู 10 นาทีและเอียงศีรษะเพื่อระบายตัวยาออกมา คุณสามารถใช้ส่วนผสมนี้ได้ทุก 4 ชั่วโมงเป็นเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์
    • รับบิงแอลกอฮอล์เป็นสารที่ทำให้แห้ง ซึ่งจะไปทำลายความชื้นในช่องหูที่ทำให้เกิดการติดเชื้อรา และยังช่วยฆ่าเชื้อผิวหนังที่อยู่ในช่องหูอีกด้วย ส่วนความเป็นกรดของน้ำส้มสายชูก็จะไปชะลอการเจริญเติบโตของเชื้อรา เพราะ แคนดิดา และ แอสเปอร์จิลลัส ชอบสภาพแวดล้อมที่เป็น "ด่าง" ที่ช่วยให้เจริญเติบได้มากที่สุด[19]
    • ส่วนผสมนี้จะไปฆ่าเชื้อและทำให้หูแห้ง ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาของการติดเชื้อ[20]
  5. How.com.vn ไท: Step 5 รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี.
    วิตามินซีสำคัญต่อการเจริญเติบโตและการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายจากการติดเชื้อราในหู นอกจากนี้ยังช่วยให้ร่างกายผลิตคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญในการสร้างเนื้อเยื่อ เช่น ผิวหนัง กระดูกอ่อน และหลอดเลือดอีกด้วย แพทย์แนะนำให้รับประทานวิตามินซีที่เป็นอาหารเสริมขนาด 500-1,000 มก. ต่อวันควบคู่กับอาหาร
    • อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซีได้แก่ ผลไม้ตระกูลส้ม (ส้ม มะนาว เลมอน) เบอร์รี (บลูเบอร์รี แครนเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี ราสป์เบอร์รี) สับปะรด แตงโม มะละกอ บร็อกโคลี ปวยเล้ง กะหล่ำดาว กะหล่ำปลี และดอกกะหล่ำ
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ใช้น้ำมันกระเทียม.
    นำน้ำมันกระเทียมชนิดแคปซูลออกมา เจาะลงไป แล้วเทน้ำมันใส่หูข้างที่ติดเชื้อ ให้น้ำมันอยู่ในหู 10 นาทีแล้วเอียงศีรษะเพื่อระบายน้ำมันออกมา คุณสามารถทำเช่นนี้ได้ทุกวันไม่เกิน 2 สัปดาห์ งานวิจัยพบว่าน้ำมันกระเทียมมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อรา แอสเปอร์จิลลัส (หนึ่งในสองสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเชื้อราในหู)
    • ยิ่งไปกว่านั้นน้ำมันกระเทียมยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ใช้รักษาเชื้อราในหูได้เทียบเท่าหรือมีอัตราที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับยารักษาเชื้อราในช่องหูที่แพทย์จ่าย[21]
  7. How.com.vn ไท: Step 7 ใช้น้ำมันมะกอกทำความสะอาดหู.
    ถ้าคุณติดเชื้อราในหู มันก็จะมีของเหลวสีขาวๆ หรือเหลืองๆ ไหลออกมาจากหู นอกจากนี้ก็จะมีขี้หูเยอะกว่าปกติด้วย ทั้งหมดนี้อาจทำให้ท่อยูสเตเชียนอุดตัน และน้ำมันมะกอกก็มีประสิทธิภาพในการทำให้ขี้หูนิ่มลง
    • ใช้ที่หยดยาหยดน้ำมันมะกอกลงในไปหูข้างที่ติดเชื้อ 2-3 หยด ปล่อยให้น้ำมันมะกอกอยู่ในช่องหู 5-10 นาที จากนั้นเอียงศีรษะเพื่อระบายน้ำมันมะกอกออกมา มันจะช่วยให้ขี้หูและของเหลวที่จับตัวเป็นก้อนในช่องหูนิ่มลง และช่วยระบายของเหลวเหล่านั้นออกมา (เหมือนไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์) นอกจากนี้น้ำมันมะกอกยังมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อราในหูด้วย ซึ่งคุณสมบัติต้านการอักเสบในน้ำมันมะกอกนั้นมาจากการที่น้ำมันมีระดับพอลิฟีนอลสูง[22]
    โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Khurshid A, Muhammad SG. Otomycosis: clinical features, predisposing factors, and treatment implications. Pak J Med Sci. 2014 May-Jun; 30 (3): 564-567.
  2. Khurshid A, Muhammad SG. Otomycosis: clinical features, predisposing factors, and treatment implications. Pak J Med Sci. 2014 May-Jun; 30 (3): 564-567.
  3. Khurshid A, Muhammad SG. Otomycosis: clinical features, predisposing factors, and treatment implications. Pak J Med Sci. 2014 May-Jun; 30 (3): 564-567.
  4. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hearing-loss/basics/symptoms/con-20027684
  5. https://www.entnet.org/content/swimmers-ear
  6. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/swimmers-ear/diagnosis-treatment/treatment/txc-20201524
  7. http://www.drugbank.ca/drugs/db00257
  8. http://patient.info/medicine/clotrimazole-for-ear-infections-canesten
  9. http://patient.info/medicine/clotrimazole-for-ear-infections-canesten

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Payam Daneshrad, MD
ร่วมเขียน โดย:
แพทย์หูคอจมูกที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการ
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Payam Daneshrad, MD. นายแพทย์พยาม ดาเนศราษฎร์เป็นแพทย์หูคอจมูกที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการ ศัลยแพทย์ตกแต่งใบหน้าที่มีสิทธิ์เข้ารับการประเมินจากคณะกรรมการ เจ้าของและผู้อำนวยการ DaneshradClinic ในลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย นายแพทย์พยามมีประสบการณ์มากว่า 19 ปี เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดหูคอจมูกและใบหน้าในผู้ใหญ่และเด็ก การผ่าตัดในโพรงจมูกที่ลดการใช้อุปกรณ์ห้ามเลือด การผ่าตัดไซนัสผ่านกล้อง และการรักษาอาการนอนกรน นอกจากนี้เขายังใช้เทคนิคการผ่าตัดหูคอจมูกใหม่ล่าสุดในการผ่าตัดต่อมทอนซิล การผ่าตัดต่อมอดีนอยด์ การผ่าตัดต่อมไทรอยด์ และการผ่าตัดต่อมพาราธัยรอยด์ นายแพทย์พยามได้รับปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบิร์กลีย์ จบการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ (MD) จากมหาวิทยาลัยทูเลนที่เขาได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของ AOA สมาคมแพทย์อันทรงเกียรติ และคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยทูเลน นายแพทย์พยามผ่านการฝึกอบรมแพทย์จากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ด้านคลินิกในปัจจุบัน นอกจากนี้เขายังเป็นแพทย์หูคอจมูกและศัลยแพทย์ตกแต่งใบหน้าให้กับ Los Angeles Sparks และทีมนักกีฬาของมหาวิทยาลัยโลโยลาแมรีเมาต์ด้วย บทความนี้ถูกเข้าชม 23,369 ครั้ง
หมวดหมู่: สุขภาพทั่วไป
มีการเข้าถึงหน้านี้ 23,369 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา