ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

คนส่วนใหญ่ต่างรู้ดีว่า ความรู้สึกเวลารักคนอื่นนั้นเป็นอย่างไร ทั้งความปรารถนาอันเร่าร้อน ความเทิดทูนบูชา และความรู้สึกในการร่วมทุกข์ร่วมสุขกับอีกฝ่าย มันช่างเป็นสิ่งที่เราต่างคุ้นเคยกันดี ทั้งนี้ เรามักยอมทำได้แทบทุกอย่าง เพื่อรักษาความรักความสัมพันธ์กับคนอื่นเอาไว้ แต่การรักตนเองล่ะ ทำไมมันกลับเป็นเรื่องที่ดูห่างไกลสำหรับใครหลายคน ความรักตนเองนั้นเป็นส่วนผสมของการยอมรับตนเอง การเป็นเจ้าของตนเอง (ไม่ใช่หมกมุ่นในตนเอง) รวมถึงมีความตระหนักในตนเองและปฏิบัติต่อตนเองอย่างเมตตา และให้เกียรติ มันยังเป็นทั้งแนวคิดที่ว่า ตัวคุณเองนั้นควรค่าแก่การเคารพและทะนุถนอม อีกทั้งยังเป็นรูปแบบการกระทำในเชิงปฏิบัติ เพื่อหล่อเลี้ยงกายใจของตนเองด้วยความกรุณา พูดง่ายๆ ก็คือว่า การรักตัวเองนั้นเป็นการคำนึงถึงตนเองในทางบวก ซึ่งแสดงออกมาผ่านการกระทำด้วยนั่นเอง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ปรับเปลี่ยนเสียงภายในตนเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เอาชนะความเชื่อในทางลบที่มีต่อตนเอง.
    หลายคนมีปัญหาในการจัดการกับความคิดเชิงลบที่พวกเขามีต่อตนเอง ซึ่งความคิดดังกล่าวมักมีต้นกำเนิดมาจากความเห็นของคนที่เรามองหาความรักและการยอมรับนั่นเอง[1]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 อย่ายึดติดความสมบูรณ์แบบ.
    บางคนมีปัญหาในการพึงพอใจตนเอง หากว่าสิ่งที่ได้มานั้นไม่สมบูรณ์แบบตามที่พวกตั้งมาตรฐานเอาไว้ [2] หากคุณพบว่าตนเองมักยึดติดกับความสมบูรณ์แบบ และจะตำหนิตนเองทุกครั้งที่ไปไม่ถึงความสมบูรณ์แบบนั้น พยายามแก้ไขนิสัยดังกล่าวด้วย 3 ขั้นตอน คือ เลิกคิดในลักษณะดังกล่าว จากนั้น ก็โฟกัสไปที่ความพยายามมุ่งมั่นทำเป้าหมายให้บรรลุผล และสุดท้าย ก็แค่ตั้งใจทำจนกว่าเป้าหมายจะบรรลุ[3]
    • ปรับโฟกัสของคุณจากการที่เอาแต่สนใจแต่ผลลัพธ์ (ซึ่งมักถูกคาดหวังให้ “สมบูรณ์แบบ”) ไปเป็นการโฟกัสที่ความพยายามในแต่ละขั้นตอน (ซึ่งยากในการจะวัดได้ว่า “สมบูรณ์แบบ” หรือไม่) จะช่วยให้คุณรู้สึกซาบซึ้งต่อผลจากการกระทำเหล่านั้นของตนเองมากขึ้น
  3. How.com.vn ไท: Step 3 อย่าใส่ใจความปรุงแต่งในทางลบ.
    การเอาแต่หมกมุ่นกับเรื่องในเชิงลบ ถือเป็นนิสัยแย่ๆ ที่ต้องปรับเปลี่ยน การจดจ่ออยู่กับเหตุการณ์เชิงลบหรือเหตุการณ์แย่ๆ มากเกินไป ย่อมเป็นการปรุงแต่งให้เหตุการณ์ดังกล่าวขยายใหญ่เกินความเป็นจริง[4] หากคุณพบว่า ตนเองมักรู้สึกว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องไม่ดี คุณควรพยายามหาหลักฐานมาโต้แย้งความคิดหรือความรู้สึกดังกล่าวดูสักหน่อย แล้วคุณจะพบว่า มันไม่ค่อยเลวร้ายอย่างที่คุณคิดหรอก
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ห้ามด่าตัวเองเด็ดขาด.
    การด่าตัวเองก็เท่ากับว่าคุณกำลังลดคุณค่าของตนเองในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ไปเป็นบางสิ่งที่มีความหมายเชิงลบแบบตายตัว [5]
    • การด่าตัวเองว่า “ฉันมันไอ้ขี้แพ้” หลังจากที่คุณถูกไล่ออกจากงาน ถือเป็นข้อความที่ไม่ตรงประเด็น และยังไม่ยุติธรรมต่อตนเองด้วย คุณควรเปลี่ยนความคิดดังกล่าวให้สร้างสรรค์อย่างเช่น “ฉันตกงานแล้ว แต่ฉันสามารถใช้ประสบการณ์ครั้งนี้ในการหางานใหม่ และรักษามันไว้ให้ดีกว่าเดิม”
    • การด่าตัวเองว่า “ฉันมันโง่” ก็เป็นการใช้ข้อความที่ไม่ค่อยจะจริงและดูเหมารวมไปหน่อย เพราะหากว่าคุณรู้สึกโง่ มันอาจจะเป็นเพราะคุณเพียงแค่ขาดความรู้ในบางเรื่องไปเท่านั้นเอง ดังนั้น ลองเปลี่ยนข้อความเป็น “ฉันไม่รู้ว่าต้องดูแลรักษาบ้านขั้นพื้นฐานอย่างไร แต่ฉันสามารถศึกษาเรียนรู้เพื่อที่จะทำให้ได้ในวันข้างหน้า”
  5. How.com.vn ไท: Step 5 อย่าเหมาเอาว่า สิ่งเลวร้ายที่สุดต้องเกิดกับคุณ....
    อย่าเหมาเอาว่า สิ่งเลวร้ายที่สุดต้องเกิดกับคุณ. มันง่ายที่จะติดอยู่ในความคิดที่ว่า สิ่งเลวร้ายที่สุดจะต้องเกิดขึ้นในทุกสถานการณ์[6] อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนเสียงแห่งความกังวลภายในให้ใกล้เคียงความจริงเสียหน่อย จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการเหมารวม หรือการคิดปรุงแต่งสถานการณ์จนเลยเถิด อันเป็นผลพวงของความกังวลว่าสิ่งเลวร้ายที่สุดจะต้องเกิดขึ้น
  6. How.com.vn ไท: Step 6 แก้ไขบทพูดให้ตัวเองใหม่.
    เมื่อคุณตระหนักได้แล้วว่า คุณกำลังมีความเชิงลบต่อตนเอง ก็จงยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้น และหาสาเหตุของมัน จากนั้น ก็รวบรวมสติเพื่อแก้ไขความคิดเหล่านั้นเสียใหม่ ให้กลายเป็นบวกแทน[7]
    • ตัวอย่างเช่น หากคุณนึกขึ้นได้ว่า ตนเองดันลืมส่งอีเมลเรื่องงานที่ค้างอยู่ คุณอาจพบว่ามีความคิดแบบนี้เกิดขึ้น “ฉันนี่มันโง่จริงๆ ลืมได้ไงเนี่ย”
    • เมื่อนั้น คุณต้องหยุดตัวเองไว้ก่อน และคิดเสียใหม่ว่า “ตอนนี้ฉันอาจรู้สึกโง่ที่ลืมส่งอีเมล เพราะตอนเด็กๆ เวลาฉันลืมทำสิ่งใด พ่อก็มักจะหาว่าฉันโง่ ซึ่งมันเป็นเพียงความเห็นของเขาเท่านั้น ไม่ใช่ความเห็นที่เกิดขึ้นในหัวของฉันเลย” จากนั้น คิดในใจต่อไปว่า “ฉันเป็นพนักงานที่แข็งขัน ซึ่งความผิดพลาดที่ฉันทำ มันเป็นเรื่องธรรมดาของปุถุชน แต่ฉันจะจดเตือนตัวเองเอาไว้ในครั้งต่อไป ตอนนี้ฉันก็แค่ต้องส่งอีเมลไปขอโทษลูกค้าที่ไม่ได้ส่งก่อนหน้านี้เท่านั้นเอง”
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ฝึกรักตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ลิสต์รายการสิ่งดีๆ ที่ตนเองทำไว้ทบทวนทุกวัน....
    ลิสต์รายการสิ่งดีๆ ที่ตนเองทำไว้ทบทวนทุกวัน. เรื่องแบบนี้อาจจะยากสักหน่อยสำหรับคนที่มีนิสัยเคยชินกับการคิดแง่ลบต่อตนเอง แต่จงพยายามมองหาเรื่องเชิงบวกเกี่ยวกับตนเองมาเขียนลงไปอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง จากนั้น ก็นำลิสต์ดังกล่าวมานั่งอ่านทบทวนทุกคืน[8]
    • พยายามเขียนให้เจาะจงสักนิด แทนที่จะเขียนแบบใช้คำคุณศัพท์ทั่วไป จงพยายามเขียนให้เจาะจง ทั้งในแง่ของการกระทำและลักษณะของเหตุการณ์นั้นๆ ว่า ตนเองทำในฐานะอะไร อย่างไร เป็นต้น
    • ตัวอย่างเช่น แทนที่จะพูดว่า “ฉันเป็นคนมีน้ำใจ” คุณอาจเปลี่ยนเป็น “ทุกครั้งที่ฉันรู้ว่าเพื่อนกำลังเดือดร้อน ฉันจะให้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่คัดสรรอย่างดี เพื่อแสดงความห่วงใยเพื่อนเสมอ นี่แหละคือน้ำใจของฉัน”
    • ในขณะที่คุณอ่านและทบทวนเรื่องต่างๆ ในลิสต์ดังกล่าว ขอจงจำไว้เสมอว่า ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม แต่มันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้คุณคู่ควรกับความรักและความเคารพนับถือ
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ให้เวลาเป็นรางวัลแก่ตนเอง.
    อย่ารู้สึกผิดที่ใช้เวลาไปกับการคิดและใคร่ครวญถึงเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตตัวเอง[9] การให้เวลาและผ่อนปรนกับตัวเอง เป็นสิ่งสำคัญมากของการรักตัวเอง คุณย่อมจะพบด้วยว่า การทำเช่นนั้นสามารถช่วยให้คุณใช้เวลาในการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างมีคุณภาพมากขึ้น
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ฉลองและให้รางวัลตนเอง.
    การให้รางวัลตนเองถือเป็นส่วนที่สนุกของการรักตัวเองเลยทีเดียวล่ะ![10] เมื่อใดก็ตามที่คุณสามารถทำบางอย่างสำคัญได้บรรลุผล จงฉลองให้เรื่องดังกล่าวด้วยอาหารค่ำสุดพิเศษที่ภัตตาคารโปรดของคุณ ลองนึกถึงการทำงานมาอย่างหนักทั้งวัน และหาเหตุผลในการให้รางวัลตัวเองด้วยของขวัญดีๆ สักอย่าง เช่น ซื้อวิดีโอเกมหรือหนังสือใหม่ที่คุณเล็งไว้นานแล้ว อาบน้ำแร่แช่น้ำนมในสปาหรูสักหน่อย หรือจะนวดผ่อนคลายก็ได้ รวมถึงการไปตกปลาหรือออกทริปทำกิจกรรมที่คุณชื่นชอบ เป็นต้น
  4. How.com.vn ไท: Step 4 วางแผนรับมือกับปัญหาและเรื่องแย่ๆ.
    หมั่นสังเกตดูสักนิดว่า สิ่งใดที่มักจะทำให้คุณไขว้เขวออกจากเส้นทางแห่งการรักตนเอง และหาทางรับมือกับสิ่งนั้นเอาไว้ล่วงหน้า [11] จงตระหนักว่า คุณไม่สามารถควบคุมวาจาและการกระทำของคนอื่นได้ แต่คุณสามารถควบคุมปฏิกริยาและการตอบสนองของตนเองได้เสมอ
    • คุณอาจสังเกตได้ว่า คำวิจารณ์ของใครบางคน เช่น คุณพ่อคุณแม่ หรือหัวหน้างาน สามารถทำให้คุณดิ่งลงสู่เกลียวหมุนในเชิงลบได้ง่ายๆ ซึ่งหากมันเกิดขึ้นบ่อยๆ ก็ลองหาคำตอบดูว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
    • หาทางรับมือไว้ว่า คุณจะจัดการกับความคิดเชิงลบที่เกิดขึ้นได้อย่างไร เช่น คุณอาจจะต้องขอเวลานอกเพื่อสูดลมหายใจลึกๆ หรือทำสมาธิ พยายามตระหนักถึงความรู้สึกตนเองและปรับเปลี่ยนการตอบสนองในทางลบ ด้วยการย้ำเตือนถึงคุณค่าทางบวกของตนเอง
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ปรึกษานักบำบัด.
    การขุดคุ้ยความคิดเชิงลบออกมา และค้นหาสาเหตุของอารมณ์เหล่านั้น จะสามารถดึงเอาความทรงจำและความรู้สึกต่างๆ ในอดีตออกมา ซึ่งบางครั้งคุณอาจจะรับมือด้วยตนเองไม่ไหว [12]
    • นักบำบัดผู้มีประสบการณ์ในการระบุต้นตอหรือประสบการณ์เจ็บปวดในอดีตของคนไข้ สามารถช่วยให้คุณก้าวผ่านไปสู่การฟื้นฟูจิตใจได้ โดยที่ไม่ไปกระตุ้นความทรงจำเลวร้ายดังกล่าวให้คืนชีพมาอีกครั้ง[13]
    • ห้องบำบัดของนักบำบัดเป็นสถานที่ๆ เหมาะสมในการเริ่มต้นฝึกให้คุณรับมือกับความคิดในเชิงลบได้อย่างสร้างสรรค์ และช่วยให้คุณตระหนักในคุณลักษณะด้านบวกของตนเองด้วย
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ใช้คำพูดยืนยันเชิงบวกย้ำกับตัวเองทุกวัน.
    หาข้อความเชิงบวกสักอย่างที่ช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ และกล่าวย้ำกับตัวเองทุกวัน มันอาจจะฟังดูเคอะเขินหรือแปร่งๆ หน่อยในช่วงแรก แต่นิสัยเช่นนี้จะช่วยให้ความคิดเชิงบวกดังกล่าวซึมซับเข้าสู่จิตใต้สำนึกของคุณ จนกระทั่งคุณจะเชื่อในเรื่องดังกล่าวโดยปริยาย แม้ว่าในช่วงแรกๆ คุณอาจยังไม่เชื่อก็ตาม
    • ตัวอย่างคำกล่าวยืนยันเชิงบวกเพื่อกระตุ้นให้คุณเกิดความรักตัวเองได้ คือ “ฉันเป็นคนที่อิ่มเอมและสมบูรณ์ในตนเอง และฉันให้ความเคารพเชื่อใจและรักตัวเองด้วย”
    • หากคุณพบว่าการใช้คำกล่าวยืนยันทางบวกไม่ค่อยได้ผลมากเท่าไร ลองไปปรึกษานักบำบัดเพื่อใช้เทคนิคอื่นอันหลากหลายในการแก้ปัญหาร่วมด้วย[14]
  7. How.com.vn ไท: Step 7 ทำในสิ่งที่คุณรู้สึกดี.
    ลองนึกถึงความรู้สึกดีๆทั้งในด้านร่างกาย อารมณ์ และจิตวิญญาณ และมองหากิจกรรมหลายๆ อย่างที่คุณทำแล้วรู้สึกดีในด้านเหล่านั้น เช่น การออกกำลังกาย ฝึกสมาธิ เต้น หรือจดบันทึกเรื่องราวเชิงบวก พยายามหากิจวัตรประจำวันที่ช่วยให้คุณรู้สึกดีและปฏิบัติตามนั้น
  8. How.com.vn ไท: Step 8 ไตร่ตรองถึงผลดีของการรักตัวเอง.
    เมื่อคุณใช้เวลาในการรักและให้รางวัลตนเอง เป็นไปได้อย่างมากว่า คุณย่อมจะพบว่าด้านอื่นๆ ของชีวิตก็จะดีขึ้นโดยอัตโนมัติเอง ลองสังเกตดูสิว่า คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นไหม หรือมีความมั่นใจในการอยู่ต่อหน้าผู้อื่นมากขึ้นหรือเปล่า คุณยังอาจรู้สึกมีความรับผิดชอบมากขึ้นต่อสิ่งที่ตนเองเลือกและตัดสินใจ ซึ่งทำให้คุณรู้สึกควบคุมชีวิตตนเองได้มากกว่าเดิม
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ฝึกกรรมฐานแผ่เมตตา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เข้าใจวิธีการกรรมฐานแผ่เมตตา.
    การแผ่เมตตาเป็นกรรมฐานแบบหนึ่งที่ใช้ในการภาวนาสั่งสมความเมตตาต่อตนเองและผู้อื่น ซึ่งจะช่วยเตรียมความพร้อมเป็นฐานไปสู่การฝึกรักตัวเองของคุณด้วย[15]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เข้าถึงหลักในการแผ่เมตตา.
    การทำกรรมฐานเพื่อแผ่เมตตานั้น ต้องทำโดยไม่คาดหวังสิ่งใดตอบแทนหรือตั้งเงื่อนไขใดๆ ขึ้นมา ซึ่งจะช่วยฝึกให้คุณสามารถรักและเมตตาคนอื่นได้โดยไม่ตัดสินใคร (ทั้งตนเองและผู้อื่น) [16]
    • การตัดสินตนเองหรือผู้อื่นมักก่อให้เกิดความทุกข์ขึ้นในใจตนเอง และความเจ็บปวดในความสัมพันธ์กับผู้อื่น การฝึกรักโดยไม่ตัดสินใคร ก็คือ การฝึกรักโดยไม่มีอัตตามาเจือปนนั่นเอง
  3. How.com.vn ไท: Step 3 หายใจลึกๆ.
    เริ่มด้วยการหายใจเข้าออกช้าๆ ลึกๆ นั่งในท่าที่สบาย ให้ทรวงอกสามารถเปิดรับอากาศที่สูดเข้าไปได้เต็มที่ และรู้สึกถึงอากาศที่ไหลผ่านลงไปสู่กระบังลมที่กำลังขยายตัว จากนั้น ก็ค่อยๆ ผ่อนลมออกช้าๆ จนสุดปลายลม[17]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 กล่าวย้ำคำพูดเชิงบวกแก่ตนเอง.
    ในขณะที่คุณกำลังสูดลมหายใจลึกๆ อยู่นั้น ก็เริ่มต้นกล่าวคำพูดเชิงบวกในใจขึ้นมา ดังนี้ : [18]
    • ขอให้ฉันได้บรรลุตามความฝันและมีชีวิตอยู่อย่างสันติสุข
    • ขอให้ฉันสามารถรักตนเองได้อย่างสุดหัวใจ
    • ขอให้ตัวฉันและครอบครัว ปราศจากภัยอันตรายใดๆ
    • ขอให้ฉันและครอบครัว รวมถึงมิตรสหาย มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ
    • ขอให้ฉันสามารถให้อภัยตนเองและผู้อื่นได้ด้วยเทอญ
  5. How.com.vn ไท: Step 5 รู้ทันความคิดเชิงลบ ซึ่งขัดขวางการแผ่เมตตาของคุณ....
    รู้ทันความคิดเชิงลบ ซึ่งขัดขวางการแผ่เมตตาของคุณ. เมื่อคุณสังเกตเห็นความคิดเชิงลบที่เกิดขึ้น ระหว่างที่คุณกำลังกล่าวคำแผ่เมตตาหรือคำยืนยันในเชิงบวกเหล่านั้น พยายามนึกถึงคนที่เป็นสาเหตุของความคิดเชิงลบดังกล่าว ค้นหาว่าใครกันที่คุณไม่สามารถแผ่ความรักและเมตตาให้ได้อย่างไร้เงื่อนไข เมื่อระบุบุคคลได้แล้ว ก็กล่าวย้ำคำพูดเชิงบวกอีกครั้งเพื่อแผ่ไปหาเขาหรือเธอคนนั้นโดยเฉพาะ[19]
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ส่งกระแสจิตไปถึงบรรดาคนที่คุณรู้สึกดีต่อพวกเขา....
    ส่งกระแสจิตไปถึงบรรดาคนที่คุณรู้สึกดีต่อพวกเขา. แผ่เมตตาให้พวกเขาด้วยคำพูดดังกล่าว พร้อมกับส่งกระแสจิตไปถึงบุคคลเหล่านั้น
  7. How.com.vn ไท: Step 7 ส่งกระแสจิตไปถึงบรรดาคนที่คุณรู้สึกวางเฉย.
    ไม่ยินดียินร้ายใดๆ บ้าง แผ่เมตตาให้พวกเขาด้วยคำพูดดังกล่าวโดยเพ่งกระแสจิตไปถึงบุคคลเหล่านั้น
  8. How.com.vn ไท: Step 8 เปิดใจรับถ้อยคำแผ่เมตตาและพลังเชิงบวกให้แก่ตนเอง....
    เปิดใจรับถ้อยคำแผ่เมตตาและพลังเชิงบวกให้แก่ตนเอง. แผ่เมตตาโดยไม่ต้องเพ่งกระแสจิตหาใครเป็นพิเศษ แต่ให้จดจ่ออยู่กับเพียงพลังงานเชิงบวกที่เกิดขึ้นจากถ้อยคำเหล่านั้น ปล่อยให้พลังดังกล่าวไหลเข้าสู่จิตใจของคุณอย่างเปี่ยมล้น สุดท้าย รวบรวมพลังอันอัดแน่นที่คุณกำลังรู้สึกได้นั้น แผ่ออกไปให้ทั่วโลกและจักรวาลอันไพศาล[20]
  9. How.com.vn ไท: Step 9 ท่องบทแผ่เมตตาปิดท้าย.
    หลังจากที่คุณแผ่ความรักและเมตาออกไปทั่วทุกอณูของโลกภายนอกแล้ว ให้กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ต่อไป “ขอให้มนุษย์ทุกผู้ทุกนามจงมีความสุขสมบูรณ์ทั้งกายและใจโดยทั่วกันเทอญ” กล่าวย้ำถ้อยคำดังกล่าวสัก 5 รอบ พร้อมๆ กับสัมผัสถึงพลังจากถ้อยคำเหล่านั้นสั่นไหวอยู่ในทุกอณูของร่างกาย และแผ่ขยายออกไปในทุกสรรพสิ่งทั่วจักรวาล [21]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

เข้าใจในความรักตนเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ตระหนักถึงอันตรายของการไม่รักตัวเอง.
    การขาดความรักที่มีต่อตนเองจะส่งผลให้คุณตัดสินใจเลือกทางผิดๆ การขาดความรักในตนเองนั้นเทียบได้กับการมองไม่เห็นคุณค่าในตนเอง ซึ่งส่งผลให้คุณทำร้ายตัวเอง ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว และกีดกันตัวคุณเองจากการมอบสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานให้แก่ชีวิตตนเอง
    • การขาดความรักในตนเองยังส่งผลให้คุณมีพฤติกรรมพึ่งพา หรือมองหาความเห็นชอบจากผู้อื่นจนเกิดโทษด้วย[22] เพราะการมองหาความเห็นชอบจากผู้อื่นก่อนที่จะทำอะไรนั้น มักทำให้คุณยอมสละความต้องการของตนเองเพียงเพื่อที่จะเอาใจพวกเขา
    • การขาดความรักในตนเอง ยังอาจทำให้การเยียวยาจิตใจตนเองเป็นไปได้ยากขึ้นด้วย ผลการศึกษาพบว่า คนที่มีพฤติกรรมชอบตำหนิตนเองและเพิกเฉยต่อความต้องการของตนเอง มักจะไม่มีพัฒนาการดีขึ้นหลังเข้ารับการบำบัดทางจิต[23]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ตระหนักในความสำคัญของประสบการณ์วัยเด็กที่ส่งผลต่อการรักตนเอง....
    ตระหนักในความสำคัญของประสบการณ์วัยเด็กที่ส่งผลต่อการรักตนเอง. ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองและบุตร มีผลสืบเนื่องต่อพัฒนาการทางอารมณ์ของคนๆ นั้นไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว เด็กที่ไม่ได้รับการตอบสนองทางกาย ใจ และทางอารมณ์อย่างเหมาะสม มักโตขึ้นมาโดยมีระดับความนับถือตนเองต่ำ[24]
    • ข้อความเชิงลบที่เด็กได้รับจากผู้ปกครอง โดยเฉพาะถ้อยคำที่เกิดขึ้นซ้ำๆ มักฝังใจเด็กคนดังกล่าวและเป็นตัวกำหนดลักษณะภาพลักษณ์ในใจที่พวกเขามีต่อตนเอง ต่อเนื่องไปจนโต
    • ตัวอย่างเช่น เด็กที่มักถูกตำหนิว่าเขาหรือเธอเป็นเด็กน่าเบื่อและซื่อบื้อนั้น ก็มักจะคิดว่าตนเองเป็นเช่นนั้นจวบจนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่ไปแล้ว ต่อให้ความเป็นจริงมันขัดแย้งกับความคิดดังกล่าวก็ตาม (เช่น เขาหรือเธออาจจะมีเพื่อนฝูงมากมาย ทำให้ผู้คนหัวเราะงอหายได้เป็นเรื่องปกติ หรือแมกระทั่งมีชีวิตที่สนุกสนานและตื่นเต้นก็ตาม)[25]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ตระหนักในบทบาทของผู้ปกครองต่อระดับความนับถือตนเองของเด็ก....
    ตระหนักในบทบาทของผู้ปกครองต่อระดับความนับถือตนเองของเด็ก. ผู้ปกครองทั้งหลายสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ เพื่อเพิ่มระดับความนับถือตนเองให้แก่ลูกหลานที่ตนเองเลี้ยงดู:
    • รับฟังปัญหาและความต้องการของพวกเขา มันจะช่วยให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองมีค่า[26]
      • คุณอาจรู้สึกอยากจะ "หลับหูหลับตา" เวลาที่ลูกหลานคนใดชอบพูดมากน่ารำคาญ อย่างไรก็ตาม หากคุณตั้งใจฟังพวกเขาพูด และสร้างปฏิสัมพันธ์ด้วยการหมั่นสอบถาม เพื่อติดตามปัญหาของพวกเขา และให้การตอบสนองตามความเหมาะสม เด็กๆ เหล่านั้นจะรู้สึกได้ว่าคุณให้ความสำคัญกับสิ่งที่พวกเขาต้องการจะสื่อ
    • สอนเด็กๆ ด้วยวิธีที่นุ่มนวล (ไม่ตี ไม่ตะโกนใส่ ไม่ด่าทอให้รู้สึกอาย) เพื่อให้พวกเขามีความรู้สึกมั่นใจในคุณค่าของตนเองมากขึ้น[27]
      • ตัวอย่างเช่น หากลูกหลานของคุณไปรังแกเด็กคนอื่นเข้า คุณควรจะดึงเขาออกมาและสั่งสอนเขาหรือเธอด้วยความสุขุมว่า ไม่ควรไปทำร้ายเด็กคนอื่น เพราะมันจะทำให้คนอื่นเจ็บ ทั้งนี้ หากจำเป็น คุณก็ควรให้เขาหรือเธอสงบสติอารมณ์สักพัก ก่อนที่จะปล่อยให้กลับไปเล่นตามเดิม
    • จงมอบความรัก ความอบอุ่น กำลังใจ และการให้เกียรติแก่เด็กๆ โดยไม่ตัดสินหรือวิจารณ์ เพื่อทำให้พวกเขารู้สึกว่า ตนเองมีค่าควรแก่ความรักและการยอมรับ [28]
      • หากลูกหลานของคุณมาบอกคุณว่าพวกเขากำลังเสียใจในบางเรื่อง ซึ่งอาจดูตลกสำหรับคุณ (เช่น เสียใจเพราะเห็นพระอาทิตย์ตกดิน) พยายามอย่าเพิกเฉยความรู้สึกดังกล่าวของพวกเขา จากนั้น ควรพยายามให้พวกเขาฟังด้วยว่า เพราะเหตุใดบางเหตุการณ์จึงเกิดขึ้นและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยควรแสดงความตระหนักในความรู้สึกของพวกเขาก่อน เช่นพูดว่า “พ่อ/แม่เข้าใจนะที่ลูกรู้สึกเศร้า” จากนั้น คุณอาจพูดอธิบายว่า “พระอาทิตย์มันต้องตกดินทุกๆ ช่วงหัวค่ำจ้ะ เพราะโลกเรามันหมุนรอบตัวเอง เพื่อที่จะให้ผู้คนที่อยู่อีกฝั่งนึงของโลก ได้รับแสงอาทิตย์เหมือนที่เราได้รับเมื่อเช้า ส่วนพวกเราก็จะได้นอนหลับพักผ่อนในความมืด เพื่อจะได้ตื่นมาสดชื่นแข็งแรงไง” สุดท้าย คุณก็ควรจะสวมกอดหรือแสดงความรักทางการสัมผัสสักนิด เพื่อปลอนโยนพวกเขาและช่วยให้พวกเขารู้สึกถึงความเห็นอกเห็นใจจากคุณ แม้ว่าคุณจะไม่สามารถช่วยเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ให้พวกเขาได้
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ตระหนักถึงผลกระทบของคำวิจารณ์จากผู้อื่นที่มีต่อระดับความรักตัวเอง....
    ตระหนักถึงผลกระทบของคำวิจารณ์จากผู้อื่นที่มีต่อระดับความรักตัวเอง. ในชีวิตคนเราย่อมต้องมีประสบการณ์ที่ตนเองได้รับคำวิจารณ์เชิงลบบ้างเป็นธรรมดา อย่างไรก็ตาม ความรักตนเองย่อมไม่สามารถพัฒนาขึ้นมาได้จากความว่างเปล่า หากไม่มีสถานการณ์เลวร้ายหรือถ้อยคำในเชิงลบจากผู้อื่นเข้ามาท้าทาย ดังนั้น คุณต้องรู้จักรับมือกับพฤติกรรมเชิงลบดังกล่าว ทั้งจากคนรัก หัวหน้างาน ผู้ปกครอง หรือแม้กระทั่งจากคนแปลกหน้าทั่วไปในสังคม
    • คุณสามารถเพิ่มพลังในตนเองเพื่อกำจัดเรื่องแย่ๆ เหล่านั้นออกไป โดยไม่จำเป็นต้องรู้สึกว่า มันทำให้คุณค่าในตนเองลดลงแต่อย่างใด
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เตือนตนเองอยู่เสมอว่า คุณคู่ควรกับความรัก หลายคนอาจรู้สึกไม่มั่นใจในจุดนี้ โดยที่ลืมไปว่า เราต่างเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง ดังนั้น คุณต้องเชื่อมั่นในตนเอง และกลายมาเป็นคนที่มั่นใจและมองโลกในแง่ดี
  • หลีกเลี่ยงการเสพสื่อที่ชอบเหมารวมคุณลักษณะอันน่าชื่นชมในลักษณะฉาบฉวย เช่น พวกนิตยสารความงามต่างๆ
  • เป็นตัวของตัวเองและอย่าไปใส่ใจว่าคนอื่นกำลังคิดอะไรเกี่ยวกับคุณ พยายามเป็นตัวเองในแบบที่สุดยอดก็พอแล้ว
  • การเป็นตัวของตัวเองไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เราต่างก็อยากจะพัฒนาตัวตนให้ดีที่สุด ขอเพียงจำไว้ว่า หากคุณพยายามทำตัวเลียนแบบคนอื่น หรือใช้วิธีหลอกตัวเองให้รู้สึกดีมานานเกินไป จนรู้สึกรับไม่ได้แล้วล่ะก็ คนที่ตัวคุณเองกำลังพยายามรักอยู่นั้น มันไม่ใช่ตัวคุณจริงๆ แล้วล่ะ จงยอมรับในตนเองให้มากที่สุด ค้นหาตัวเองให้เจอทุกแง่ทุกมุม แม้แต่ในมุมที่คุณไม่เคยรู้เห็นมาก่อน พยายามเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และขจัดความกลัวออกไปให้สิ้นซาก เมื่อนั้น คุณจะอัศจรรย์ใจในสิ่งที่ค้นพบ
โฆษณา
  1. http://au.reachout.com/how-to-build-self-confidence
  2. http://psychcentral.com/lib/how-to-raise-your-self-esteem/000737
  3. http://psychcentral.com/lib/self-esteem-struggles-and-strategies-that-can-help/0006320
  4. http://www.nj-act.org/self.html
  5. https://www.psychologytoday.com/blog/wired-success/201305/do-self-affirmations-work-revisit
  6. Kearney DJ1, McManus C, Malte CA, Martinez ME, Felleman B, Simpson TL (2014) Loving-kindness meditation and the broaden-and-build theory of positive emotions among veterans with posttraumatic stress disorder. Med Care, Dec;52(12 Suppl 5):S32-8
  7. Kearney DJ1, McManus C, Malte CA, Martinez ME, Felleman B, Simpson TL (2014) Loving-kindness meditation and the broaden-and-build theory of positive emotions among veterans with posttraumatic stress disorder. Med Care, Dec;52(12 Suppl 5):S32-8
  8. Kearney DJ1, McManus C, Malte CA, Martinez ME, Felleman B, Simpson TL (2014) Loving-kindness meditation and the broaden-and-build theory of positive emotions among veterans with posttraumatic stress disorder. Med Care, Dec;52(12 Suppl 5):S32-8
  9. Kearney DJ1, McManus C, Malte CA, Martinez ME, Felleman B, Simpson TL (2014) Loving-kindness meditation and the broaden-and-build theory of positive emotions among veterans with posttraumatic stress disorder. Med Care, Dec;52(12 Suppl 5):S32-8
  10. Kearney DJ1, McManus C, Malte CA, Martinez ME, Felleman B, Simpson TL (2014) Loving-kindness meditation and the broaden-and-build theory of positive emotions among veterans with posttraumatic stress disorder. Med Care, Dec;52(12 Suppl 5):S32-8
  11. Kearney DJ1, McManus C, Malte CA, Martinez ME, Felleman B, Simpson TL (2014) Loving-kindness meditation and the broaden-and-build theory of positive emotions among veterans with posttraumatic stress disorder. Med Care, Dec;52(12 Suppl 5):S32-8
  12. Kearney DJ1, McManus C, Malte CA, Martinez ME, Felleman B, Simpson TL (2014) Loving-kindness meditation and the broaden-and-build theory of positive emotions among veterans with posttraumatic stress disorder. Med Care, Dec;52(12 Suppl 5):S32-8
  13. Wiltermuth SS1, Cohen TR2 (2014), “I’d only let you down”: Guilt Proneness and the Avoidance of Harmful Interdependence. Journal of Personal and Social Psychology, Nov;107(5):925-42
  14. Ryum T1, Vogel PA, Walderhaug EP, Stiles TC. (2105) The role of self-image as a predictor of psychotherapy outcome. Scandinavian Journal of Psychology Feb;56(1):62-8
  15. Zaleznik, Abraham. Executive’s Guide to Understanding People. Palgrave MacMillian, 2009
  16. Efficacy, Agency, and Self-Esteem. Kernis, Michael H. Springer Science + Business Media, 1995
  17. Handbook of Positive Psychology. Snyder, CR and SJ Lopez, eds. Oxford UP, 2002.
  18. Handbook of Positive Psychology. Snyder, CR and SJ Lopez, eds. Oxford UP, 2002.
  19. Handbook of Positive Psychology. Snyder, CR and SJ Lopez, eds. Oxford UP, 2002.

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Kamal Ravikant
ร่วมเขียน โดย:
ผู้เขียนหนังสือ Love Yourself Like Your Life Depends On It
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Kamal Ravikant. คามาล รวิขันธ์เป็นผู้เขียนหนังสือขายดี Love Yourself Like Your Life Depends On It เขาเคยฝึกนั่งสมาธิกับพระแถวหิมาลัย เป็นทหารในกองทัพบก และร่วมก่อตั้งบริษัทกับบริษัทเงินทุนในซิลิคอนวัลเลย์ แต่สิ่งที่มีค่าที่สุดที่เขาเคยทำมานั่นคือการเรียนรู้ที่จะรักตนเอง บทความนี้ถูกเข้าชม 19,629 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 19,629 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา