วิธีการ ย่างสเต็กเนื้อเซอร์ลอยด์

ดาวน์โหลดบทความ

ดาวน์โหลดบทความ

ภายในบทความนี้:

เตรียมย่าง

ปรุงเนื้อสเต็กในแบบอื่นๆ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้ออ้างอิง

ไม่ว่าคุณจะใช้เตาแก๊สหรือเตาถ่าน คุณก็สามารถหัดย่างสเต็กเนื้อเซอร์ลอยด์ได้แบบไม่ยุ่งยาก เนื้อสเต็กไม่ต้องการการปรุงรสหรือการเตรียมอะไรมากนักเพราะรสตามธรรมชาติของมันอร่อยอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อเซอร์ลอยด์ที่เป็นสเต็กที่เหมาะแก่การนำไปย่างพลิกไปพลิกมาบนเตาแบบเร็วๆ จนได้เป็นอาหารจานหลักรสเลิศ

• เวลาเตรียม: 20-25 นาที
• เวลาปรุงอาหาร: 10-20 นาที
• เวลาทั้งหมด: 30-45 นาที

ขั้นตอน

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 2:

เตรียมย่าง

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ซื้อสเต็กเนื้อเซอร์ลอยด์ที่ถูกต้อง. เนื้อเซอร์ลอยเป็นเนื้อวัวที่ได้มาจากส่วนหลังโดยเฉพาะตรงสะโพก เลือกเนื้อสเต็กที่เป็นลายหินอ่อน ก็คือมีเส้นไขมันสีขาวๆ กระจายทั่วชิ้นเนื้อ เลือกเนื้อสีแดงสดและเลือกชิ้นที่หนา 1 นิ้วถึง 1 นิ้วครึ่ง

   • ถ้าด้านนอกเป็นสีน้ำตาล ให้ขอให้คนขายเนื้อตัดชิ้นเนื้อสเต็กส่วนที่ยังสดให้คุณ เพราะเนื้อสีน้ำตาลหมายความว่ามันสัมผัสกับอากาศนานเกินไป
2. 
   2
   รู้ว่าประเภทของเตาที่ใช้ย่างมีผลต่อรสชาติของสเต็ก. หลายคนยืนยันว่าสเต็กย่างที่ใส่แค่เกลือกับพริกไทยนิดหน่อยนั้นถือเป็นอาหารจากธรรมชาติที่รสชาติอร่อยที่สุดจานหนึ่ง เนื้อเซอร์ลอยด์ที่แม้ว่าจะไม่ได้นุ่มมากแต่ก็รสชาติเข้มข้นโดยที่ไม่ต้องปรุงอะไรเลย ซึ่งรสชาติที่แท้จริงมาจากปฏิกิริยาระหว่างเนื้อกับแหล่งความร้อน คุณแค่ต้องย่างด้านนอกให้ไหม้เล็กน้อยเพื่อให้ได้รสชาติเข้มข้นและเนื้อฉ่ำ และเนื้อสเต็กอาจมีรสชาติแตกต่างกันไปแล้วแต่ประเภทของเตา :

   • เตาก๊าซโพรเพน: เตาแก๊สจะเพิ่มรสชาติให้กับเนื้อสเต็กเล็กน้อย แต่มันก็เป็นเตาที่คุมไฟง่ายที่สุดและร้อนเร็วสุด คุณสามารถบิดหัวแก๊สไปมาเพื่อปรับอุณหภูมิได้ตามต้องการ และมักจะมีเทอร์โมมิเตอร์ติดมาด้วยอยู่แล้ว
   • เตาถ่าน: ถ่านเป็นก้อนๆ ติดไฟค่อนข้างเร็วและร้อนเร็วด้วย ให้รสชาติบาร์บีคิวแบบ "คลาสสิค" มีกลิ่นและรสไหม้หน่อยๆ แต่ก็คุมอุณหภูมิยากอยู่เหมือนกัน
   • เตาฟืน: เศษไม้บางชนิดทำให้เนื้อรสชาติอร่อยแบบธรรมชาติมากที่สุด แต่มันคุมไฟยากและไฟก็ไม่ค่อยร้อน หลายคนจึงผสมถ่านกับไม้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
3. 
   3
   ตั้งเตาความร้อนปานกลาง-สูง. ถ้าคุณใช้ถ่านและ/หรือฟืน ก็อาจจะต้องใช้เวลา 30-40 นาทีจนกว่าถ่านจะเริ่มเป็นขี้เถ้า แต่เตาแก๊สใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ร้อนแล้ว พยายามให้อุณหภูมิในเตาอยู่ที่ประมาณ 190 องศาเซลเซียสด้วยการปิดฝาไว้ขณะตั้งเตายิ่งสเต็กเนื้อหนาเท่าไหร่ เตาก็ยิ่งต้องร้อนมากเท่านั้น :

   • หนา 3/4 - 1 นิ้ว: 182-204 องศาเซลเซียส ก็คือคุณไม่สามารถวางมือเหนือเตาได้นานกว่า 4-5 วินาที
   • หนา 1-1 1/2 นิ้ว: 162-182 องศาเซลเซียส ก็คือคุณไม่สามารถวางมือเหนือเตาได้นานกว่า 5-6 วินาที
4. 
   4
   ขณะตั้งเตาให้ทาเกลือพริกไทยลงบนสเต็ก. สเต็กส่วนใหญ่จะอร่อยที่สุดเมื่อปรุงแค่น้อยๆ ทาเกลือกับพริกไทยดำป่น 1/2 ช้อนโต๊ะลงบนสต็กทั้งสองด้านและทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง 15-20 นาทีขณะที่เตากำลังร้อน คุณต้องวางไว้ที่อุณหภูมิห้องเพื่อไม่ให้เนื้อมันเย็นตอนที่คุณเอาไปวางบนเตา เพราะมันอาจจะทำให้เนื้อหดขณะย่างได้

   • ทาเกลือเยอะๆ เอาแบบให้ทั่วเลยยิ่งดี แต่ก็ยังพอเห็นเนื้อข้างใต้ได้ด้วย
   • เกลือเม็ดใหญ่ๆ (เช่น เกลือทะเลหยาบหรือเกลือโคเชอร์) จะทำให้เนื้อด้านนอกเป็นสีน้ำตาลมากกว่า เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้อย่าใช้เกลือป่น
5. 
   5
   วางเนื้อสเต็กให้โดนความร้อนบนเตาโดยตรง. คุณต้องย่างให้ด้านนอกเกรียมเป็นสีน้ำตาลเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสและรสชาติที่ดีที่สุด วางเนื้อสเต็กลงบนเตาไฟและปล่อยทิ้งไว้ และปิดฝาขณะย่างด้วย พยายามอย่าไปแตะ จิ้ม หรือย้ายที่ขณะย่าง
6. 
   6
   ย่างแต่ละด้านเหนือความร้อนโดยตรง 4-7 นาทีแล้วแต่ว่าอยากให้สุกระดับไหน. เมื่อคุณกลับด้านเนื้อสเต็กควรเป็นสีน้ำตาลเข้ม ถ้ามันไหม้เป็นสีดำ แสดงว่าเตาร้อนเกินไป แต่ถ้ายังเป็นสีชมพู ก็แสดงว่าเตาร้อนไม่พอ เพราะฉะนั้นลองเพิ่มความร้อนหรือไม่ก็ย่างต่ออีก 2-3 นาที พอย่างไปได้ครึ่งทางคุณก็อาจจะวางเนื้อเป็นแนว 45 องศาเพื่อให้เนื้อสเต็กเป็นลายไขว้กันสวยๆ ระยะเวลาสำหรับความสุกแต่ละระดับคือ :

   • สเต็กแบบสุกน้อย ควรจะย่างด้านละประมาณ 5 นาที
   • สเต็กแบบสุกปานกลาง ควรย่างด้านละประมาณ 7 นาที
   • สเต็กแบบสุกทั่วชิ้น ควรย่างด้านละ 10 นาที จากนั้นทิ้งไว้ไม่ให้โดนความร้อนโดยตรงเพื่อให้สุกต่อ
   • ใช้คีบกลับด้านสเต็กแทนส้อม เพราะการเจาะเข้าไปอาจทำให้น้ำในเนื้อไหลออกหมดได้
7. 
   7
   ถ้าคุณอยากได้เนื้อสเต็กแบบสุกทั่วชิ้น ให้ย้ายเนื้อสเต็กไม่ให้โดนความร้อนโดยตรงแล้วย่างทิ้งไว้. ย้ายเนื้อสเต็กมาที่อีกด้านของเตาที่ไม่โดนความร้อนโดยตรง จากนั้นย่างทิ้งไว้จนกว่าข้างในจะสุกได้ระดับที่คุณต้องการ ถ้าเป็นเตาถ่านคุณจะเปิดหรือปิดเครื่องดูดควันก็ได้เพื่อควบคุมควัน แต่ถ้าปิดก็จะได้เนื้อสัมผัสแบบเกรียมๆ คุณอาจจะใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดเนื้อสัตว์เพื่อวัดอุณหภูมิภายในของเนื้อ หรือจะกะจากเวลาก็ได้

   • ไม่สุก: 54-57 องศาเซลเซียส หลังจากพลิกทั้งสองด้านแล้วให้รีบเอาออกจากเตา
   • สุกน้อย: 60 องศาเซลเซียส ย่างด้านนอกของทั้งสองด้านให้เกรียมต่อจากแบบไม่สุกอีก 1 นาทีหรือ 30 วินาที
   • สุกปานกลาง: 68 องศาเซลเซียส ย่างทิ้งไว้ไม่ให้โดนความร้อนโดยตรงต่ออีก 1-2 นาที กลับด้านเมื่อย่างไปได้ครึ่งทาง
   • สุกทั้งชิ้น: 73 องศาเซลเซียส ย่างทิ้งไว้ไม่ให้โดนความร้อนต่ออีก 3-4 นาที กลับด้านเมื่อย่างไปได้ครึ่งทาง
8. 
   8
   เทียบ "จากมือ" เพื่อเช็กความสุก. ถ้าคุณไม่มีเทอร์โมมิเตอร์วัดเนื้อคุณก็สามารถใช้มือวัดระดับความสุกได้ ใช้นิ้วหนึ่งนิ้วจิ้มลงไปตรงกลางสเต็ก ถ้าเป็นสุกปานกลางก็ควรจะบุ๋มลงไปเหมือนเวลาที่คุณเอานิ้วจิ้มตรงกลางฝ่ามือ แต่ถ้าเป็นแบบสุกน้อย เนื้อมันจะเด้งและหยุ่นเหมือนฝ่ามือตรงใต้นิ้วโป้ง
9. 
   9
   ทิ้งสเต็กไว้ที่อุณหภูมิห้อง 10 นาทีก่อนรับประทาน. เอาแผ่นฟอยล์อะลูมิเนียมมาคลุมเนื้อสเต็กทิ้งไว้ก่อนรับประทาน วิธีนี้จะช่วยกักเก็บรสชาติในเนื้อและทำให้เนื้อสเต็กรสชาติดีขึ้น
   โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 2:

ปรุงเนื้อสเต็กในแบบอื่นๆ

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ทาผงปรุงรสลงบนเนื้อสเต็กแทนเกลือพริกไทย. การทาผงปรุงรสลงบนเนื้อช่วยเพิ่มรสชาติให้กับเนื้อสเต็กโดยไม่ทำลายความนุ่ม และมักจะขายในชื่อ "เกลือปรุงรส" หรือ "ผงปรุงรสสเต็ก" แต่คุณจะผสมเองก็ได้ ผสมเครื่องปรุงต่อไปนี้กับเกลือและพริกไทยดำป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นทาลงบนเนื้อเซอร์ลอยด์ทั้งสองด้าน เครื่องปรุงแต่ละชนิดต้องปริมาณเท่ากันคือประมาณ 1-1/2 ช้อนโต๊ะ และอย่ากลัวที่จะผสมเครื่องปรุงด้วยตัวเอง

   • ผงหอมหัวใหญ่ ปาปริก้า ผงพริกป่น และผงกระเทียม
   • โรสแมรี ไธม์ และออริกาโนแห้ง และผงกระเทียม
   • คาเยน ผงพริกป่อน ปาปริก้า ออริกาโนเม็กซิกัน และผงกระเทียม
   • น้ำตาลทรายแดง ผงพริกป่น ปาปริก้า ผงกระเทียม และกาแฟบด
2. 
   2
   แช่เนื้อเซอร์ลอยด์ไว้ในซอสหมักเพื่อให้ได้รสอร่อยชุ่มฉ่ำ. ซอสหมักจะได้ผลก็ต่อเมื่อหมักไว้ข้ามคืนเท่านั้น เพราะฉะนั้นอย่าเอามาหมักในนาทีสุดท้ายแล้วคาดหวังว่ารสชาติจะต่างไปจากเดิมมากมาย กรดที่อยู่ในซอสหมัก (น้ำส้มสายชู น้ำมะนาว และอื่นๆ) จะทำให้เนื้อเยื่อในเนื้อสัตว์เปื่อยยุ่ย ซึ่งจะทำให้เนื้อนุ่มขึ้น แต่ถ้ากรดมากเกินไปก็อาจจะไปทำลายเนื้อสัมผัสและทำให้ไม่สามารถย่างเนื้อด้านนอกให้กรอบได้ นำเนื้อสเต็กหมักซอสใส่ไว้ในถุงแล้วแช่ทิ้งไว้ในตู้เย็นข้ามคืนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

   • ซอสถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมะนาว ซอสวูสเตอร์อย่างละ 1/3 ถ้วยผสมกับผงกระเทียม โหระพา พาสลีย์ และโรสแมรีแบบแห้งกับพริกไทยดำป่น 1-2 ช้อนโต๊ะ
   • น้ำส้มสายชูไวน์แดง 1/3 ถ้วย ซอสถั่วเหลือง 1/2 ถ้วย น้ำมันพืช 1 ถ้วย ซอสวูสเตอร์ 3 ช้อนโต๊ะ มัสตาร์ดดีฌง 2 ช้อนโต๊ะ กระเทียมสับ 2-3 หัว พริกไทยดำบด 1 ช้อนโต๊ะ
3. 
   3
   ทาเนยก้อนเล็ก 1 ก้อนลงบนเนื้อเซอร์ลอยด์เพื่อให้ได้รสชาติเข้มข้นแบบร้านสเต็ก. มันมีเหตุผลว่าทำไมสเต็กตามร้านสเต็กส่วนใหญ่ถึงต้องมีเนยเล็กๆ 1 ก้อนโปะอยู่ด้วย เนยจะแทรกซึมไปตามรอยบากของสเต็กและเพิ่มรสชาติให้กลายเป็นอาหารจานหลักรสเลิศ คุณสามารถลองทำเนยผสมกับเครื่องเทศและสมุนไพรเพื่อเพิ่มรสชาติได้ด้วย ในการทำเนยผสมนั้น ให้คุณผสมเนย 6 ช้อนโต๊ะกับสมุนไพรในเครื่องบดอาหาร จากนั้นแช่ส่วนผสมไว้ในช่องฟรีซจนกว่าจะถึงเวลาเอามาโปะลงบนสเต็ก หรือคุณจะเอาไปอุ่นในเตาด้วยไฟอ่อนๆ แล้วทาเนยผสมสมุนไพรที่ละลายแล้วลงบนสเต็กหลังจากย่างเสร็จแล้วก็ได้

   • ใบไธม์ เสจ และโรสแมรีสับ 1 ช้อนชา
   • กระเทียมสับ 2-3 หัว
   • ผงพริกป่น ผักชี และพริกคาเยน 1 ช้อนชา
4. 
   4
   โปะเครื่องเคียง. สเต็กส่วนมากก็อร่อยด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว แต่เครื่องเคียงที่เลือกสรรมาเป็นอย่างดีก็สามารถทำให้รสชาติดีขึ้นได้เช่นกัน เครื่องเคียงที่เหมาะจะโปะลงบนสเต็กได้แก่ :

   • หัวหอมใหญ่ผัด พริกหวาน หรือเห็ด
   • หอมหัวใหญ่ทอด
   • บลูชีสป่น
   • ครีมเปรี้ยว
   โฆษณา

เคล็ดลับ

• การเริ่มย่างเนื้อสเต็กที่อุณหภูมิห้องและแห้งจะทำให้เนื้อสเต็กสุกทั่ว

โฆษณา

คำเตือน

• ถ้าเนื้อสเต็กชิ้นบางไป ความร้อนสูงจากการย่างอาจทำให้เนื้อแห้งได้

โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

• สเต็กเนื้อเซอร์ลอยด์
• ผงปรุงรสหรือซอสหมัก
• เตาแก๊สหรือเตาถ่าน
• คีบ
• ถ่านเป็นก้อนๆ
• แก๊สโพรเพน
• น้ำมันหรือสเปรย์น้ำมันเพื่อไม่ให้ติดตะแกรง