บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Bess Ruff, MA. เบส รัฟฟ์เป็นนักศึกษาระดับปริญญาเอกด้านภูมิศาสตร์ในฟลอริดา เธอสำเร็จปริญญาโทด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมจากวิทยาเขตเบรนที่ศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียแห่งซานตาบาร์บาราในปี 2016
บทความนี้ถูกเข้าชม 176,144 ครั้ง
โมลาริตี (molarity) คือ อัตราส่วนของจำนวนโมลของตัวถูกละลายต่อปริมาตรของสารละลาย เราสามารถหาโมลาริตีได้ ถ้ารู้ค่าของโมลกับปริมาตร (หน่วยลิตร) หรือโมลกับปริมาตร (หน่วยมิลลิลิตร) หรือมวลกับปริมาตร โดยการคำนวณก็ไม่ยาก เพียงแค่นำค่าดังกล่าวมาใส่ในสูตร จากนั้นคิดเลขนิดหน่อย ก็หาโมลาริตีได้แล้ว ถ้าอยากรู้ว่าสูตรและวิธีการคำนวณนั้นเป็นอย่างไร ก็ลองอ่านแล้วทำตามขั้นตอนที่อยู่ด้านล่างนี้ได้เลย
ขั้นตอน
- รู้สูตรการคำนวณหาโมลาริตี. โมลาริตีมีค่าเท่ากับจำนวนโมลของตัวถูกละลายหารด้วยปริมาตรของสารละลายที่มีหน่วยเป็นลิตร [1] หรือเขียนเป็นสูตรได้ว่า โมลาริตี = จำนวนโมลของตัวถูกละลาย / ปริมาตรของสารละลาย (หน่วยลิตร)
- ตัวอย่าง: จงหาโมลาริตีของ NaCl 0.75 โมล ในสารละลาย 4.2 ลิตร
- ดูค่าต่างๆ ที่โจทย์ให้มา. ในการหาโมลาริตี เราต้องทราบจำนวนโมลของตัวถูกละลาย กับปริมาตรของสารละลายในหน่วยลิตร ถ้าโจทย์ให้ค่าดังกล่าวมาโดยตรง ก็สามารถแทนลงไปในสูตรได้เลย ไม่จำเป็นต้องแปลงค่าใดๆ
- ตัวอย่าง:
- จำนวนโมล = 0.75 โมล NaCl
- ปริมาตร = 4.2 ลิตร
- ตัวอย่าง:
- นำจำนวนโมลมาหารด้วยปริมาตร. เสร็จแล้วเราก็จะได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนโมลต่อลิตร หรือค่าโมลาริตีนั่นเอง
- ตัวอย่าง: โมลาลิตี = จำนวนโมลของตัวถูกละลาย / ปริมาตรของสารละลาย (หน่วยลิตร) = 0.75 โมล / 4.2 ลิตร = 0.17857142
- เขียนคำตอบลงไป. นำผลลัพธ์ที่ได้มาปัดเศษในทศนิยม ซึ่งปกติจะปัดให้เหลือเพียงทศนิยมสองหรือสามตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับคำสั่งว่าให้มีทศนิยมกี่ตำแหน่ง เมื่อเขียนคำตอบลงไปแล้ว อย่าลืมเขียน “M” (ย่อมาจาก “โมลาริตี”) และสูตรเคมีของตัวถูกละลายต่อท้ายด้วย
- ตัวอย่าง: 0.179 M NaCl
โฆษณา
- รู้สูตรการคำนวณหาโมลาริตี. โมลาริตีมีค่าเท่ากับจำนวนโมลของตัวถูกละลายหารด้วยปริมาตรของสารละลายที่มีหน่วยเป็นลิตร หรือเขียนเป็นสูตรได้ว่า โมลาริตี = จำนวนโมลของตัวถูกละลาย / ปริมาตรของสารละลาย (หน่วยลิตร)
- ตัวอย่าง: จงหาโมลาลิตีของ KMnO4 3.4 กรัม ในน้ำ 5.2 ลิตร
- ดูค่าต่างๆ ที่โจทย์ให้มา. ในการหาโมลาริตี เราต้องทราบจำนวนโมลของตัวถูกละลาย กับปริมาตรของสารละลายในหน่วยลิตร ถ้าโจทย์ให้ค่าดังกล่าวมาโดยตรง ก็สามารถแทนลงไปในสูตรได้เลย ไม่จำเป็นต้องแปลงค่าใดๆ แต่ถ้าโจทย์ให้ค่ามวลของตัวถูกละลายกับปริมาตรของสารละลายมา ก็ต้องแปลงมวลให้เป็นโมลก่อน ถึงจะคำนวณหาโมลาริตีได้
- ตัวอย่าง:
- มวล = 3.4 กรัม KMnO4
- ปริมาตร = 5.2 ลิตร
- ตัวอย่าง:
- หามวลโมลาร์ (molar mass) ของตัวถูกละลาย. ในการแปลงมวลที่อยู่ในหน่วยกรัมเป็นโมล อันดับแรกคือต้องหามวลโมลาร์ของตัวถูกละลายก่อน ซึ่งทำได้โดยนำมวลโมลาร์ของธาตุแต่ละตัวของตัวถูกละลายมารวมกัน (เราสามารถดูมวลโมลาร์ของธาตุแต่ละตัวได้จากตารางธาตุ)
- ตัวอย่าง:
- มวลโมลาร์ของ K = 39.1 กรัม
- มวลโมลาร์ของ Mn = 54.9 กรัม
- มวลโมลาร์ของ O = 16.0 กรัม
- มวลโมลาร์ของตัวถูกละลายทั้งหมด = K + Mn + O + O + O + O = 39.1 + 54.9 + 16 + 16 + 16 + 16 = 158.0 กรัม
- ตัวอย่าง:
- แปลงมวลที่อยู่ในหน่วยกรัมเป็นโมล. เมื่อเราได้มวลโมลาร์ของตัวถูกละลายแล้ว ให้นำมวลของตัวถูกละลายมาคูณด้วยค่าที่ใช้แปลงหน่วย (conversion factor) นั่นคือ 1 โมลส่วนมวลโมลาร์ของตัวถูกละลาย เสร็จแล้วเราก็จะได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนโมลของตัวถูกละลาย
- ตัวอย่าง: จำนวนโมล = มวลของตัวถูกละลาย × (1/มวลโมลาร์ของตัวถูกละลาย) = 3.4 กรัม × (1 โมล / 158 กรัม) = 0.0215 โมล
- หน่วยกรัมของตัวถูกละลายและมวลตัวถูกละลายจะตัดกันเองจนเหลือแค่หน่วยโมล
- นำจำนวนโมลมาหารด้วยปริมาตร. เมื่อเราได้จำนวนโมลของตัวถูกละลายแล้ว ก็นำค่านั้นมาหารด้วยปริมาตรของสารละลาย (หน่วยลิตร) เพื่อหาโมลาริตี
- ตัวอย่าง: โมลาลิตี = จำนวนโมลของตัวถูกละลาย / ปริมาตรของสารละลาย (หน่วยลิตร) = 0.0215 โมล / 5.2 ลิตร = 0.004134615
- เขียนคำตอบลงไป. นำผลลัพธ์ที่ได้มาปัดเศษในทศนิยม ซึ่งปกติจะปัดให้เหลือเพียงทศนิยมสองหรือสามตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับคำสั่งว่าให้มีทศนิยมกี่ตำแหน่ง เมื่อเขียนคำตอบลงไปแล้ว อย่าลืมเขียน “M” (ย่อมาจาก “โมลาริตี”) และสูตรเคมีของตัวถูกละลายต่อท้ายด้วย
- ตัวอย่าง: 0.004 M KMnO4
โฆษณา
- รู้สูตรการคำนวณหาโมลาริตี. โมลาริตีมีค่าเท่ากับจำนวนโมลของตัวถูกละลายหารด้วยปริมาตรของสารละลายที่มีหน่วยเป็นลิตร หรือเขียนเป็นสูตรได้ว่า molarity = moles of solute / liters of solution ดังนั้นถ้าโจทย์ให้ปริมาตรที่มีหน่วยเป็นมิลลิลิตรมาก็ต้องแปลงหน่วยเป็นลิตรก่อน
- ตัวอย่าง: จงหาโมลาลิตีของ CaCl2 1.2 โมล ในสารละลาย 2,905 มิลลิลิตร
- ดูค่าต่างๆ ที่โจทย์ให้มา. ในการหาโมลาริตี เราต้องทราบจำนวนโมลของตัวถูกละลาย กับปริมาตรของสารละลายในหน่วยลิตร ถ้าโจทย์ให้ค่าดังกล่าวมาโดยตรง ก็สามารถแทนลงไปในสูตรได้เลย ไม่จำเป็นต้องแปลงค่าใดๆ แต่ถ้าโจทย์ให้ปริมาตรของสารละลายในหน่วยมิลลิลิตรมา เราก็ต้องแปลงหน่วยจากมิลลิลิตรเป็นลิตรก่อน ถึงจะคำนวณหาโมลาริตีได้
- ตัวอย่าง:
- จำนวนโมล = 1.2 โมล CaCl2
- ปริมาตร = 2,905 มิลลิลิตร
- ตัวอย่าง:
- แปลงหน่วยจากมิลลิลิตรเป็นลิตร.[2] โดยนำปริมาตรที่เป็นหน่วยมิลลิลิตรมาหารด้วย 1,000 (เนื่องจาก 1 ลิตร มีค่าเท่ากับ 1,000 มิลลิลิตร) หรือใช้วิธีง่ายๆ คือ เลื่อนจุดทศนิยมมาทางซ้ายสามตำแหน่ง
- ตัวอย่าง: ปริมาตร = 2905 มิลลิลิตร × (1 ลิตร / 1000 มิลลิลิตร) = 2.905 ลิตร
- นำจำนวนโมลมาหารด้วยปริมาตรที่มีหน่วยเป็นลิตร. เมื่อเราได้ปริมาตรของสารละลายที่มีหน่วยเป็นลิตรแล้ว เราก็สามารถจำนวนโมลของตัวถูกละลายมาหารด้วยค่าดังกล่าวได้เลย เพื่อหาโมลาริตี
- ตัวอย่าง: โมลาลิตี = จำนวนโมลของตัวถูกละลาย / ปริมาตรของสารละลาย (หน่วยลิตร) = 1.2 โมล CaCl2 / 2.905 ลิตร = 0.413080895
- เขียนคำตอบลงไป. นำผลลัพธ์ที่ได้มาปัดเศษในทศนิยม ซึ่งปกติจะปัดให้เหลือเพียงทศนิยมสองหรือสามตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับคำสั่งว่าให้มีทศนิยมกี่ตำแหน่ง เมื่อเขียนคำตอบลงไปแล้ว อย่าลืมเขียน “M” (ย่อมาจาก “โมลาริตี”) และสูตรเคมีของตัวถูกละลายต่อท้ายด้วย
- ตัวอย่าง: 0.413 M CaCl2
โฆษณา
ตัวอย่างโจทย์เพิ่มเติม (การหาโมลาริตีเมื่อรู้ค่ามวลกับปริมาตรหน่วยมิลลิลิตร)
- โจทย์: จงหาโมลาริตีของ NaCl 5.2 กรัม ในน้ำ 800 มิลลิลิตร. การหาโมลาริตีต้องรู้จำนวนโมลกับปริมาตรหน่วยลิตร แต่สังเกตได้ว่าโจทย์นี้ให้มวลมาแทนโมล และให้ปริมาตรในหน่วยมิลลิลิตรมาแทนลิตร
- มวล = 5.2 กรัม NaCl
- ปริมาตร = 800 มิลลิลิตร น้ำ
- หามวลโมลาร์ของ NaCl. โดยรวมมวลโมลาร์ของ Na หรือโซเดียม กับมวลโมลาร์ของ Cl หรือคลอรีน
- มวลโมลาร์ของ Na = 22.99 กรัม
- มวลโมลาร์ของ Cl = 35.45 กรัม
- มวลโมลาร์ของ NaCl = 22.99 + 35.45 = 58.44 กรัม
- หาจำนวนโมลของตัวถูกละลาย โดยนำมวลของตัวถูกละลายมาคูณด้วยค่าที่ใช้แปลงหน่วยเป็นโมล. ซึ่งค่าที่ใช้แปลงหน่วยเป็นโมลสำหรับโจทย์นี้คือ 1 โมล / 58.44 กรัม (เนื่องจากมวลโมลาร์ของ NaCl มีค่าเท่ากับ 58.44)
- จำนวนโมล = 5.2 กรัม NaCl × (1 โมล / 58.44 กรัม) = 0.08898 = 0.09 โมล
- หาปริมาตรของสารละลายในหน่วยลิตร โดยนำปริมาตรของน้ำมาหารด้วย 1,000. เนื่องจาก 1 ลิตร มีค่าเท่ากับ 1,000 มิลลิลิตร ดังนั้นการแปลงหน่วยจากมิลลิลิตรเป็นลิตรจึงต้องการหารด้วย 1,000 สำหรับโจทย์นี้ เราสามารถหาปริมาตรน้ำในหน่วยลิตรได้โดยการนำ 800 มาหารด้วย 1,000
- เราสามารถแปลงหน่วยจากมิลลิลิตรเป็นลิตรได้โดยการนำ 800 มาคูณด้วยค่าที่ใช้แปลงหน่วยเป็นมิลลิลิตรซึ่งก็คือ 1 / 1,000 ได้เช่นกัน
- เพื่อความรวดเร็ว เราสามารถแปลงมิลลิลิตรเป็นลิตรได้โดยการเลื่อนจุดทศนิยมมาทางซ้ายสามตำแหน่ง ซึ่งน่าจะเร็วกว่าการคูณหรือหาร
- ปริมาตร = 800 มิลลิลิตร × (1 ลิตร / 1000 มิลลิลิตร) = 800 / 1000 ลิตร = 0.8 ลิตร
- นำจำนวนโมลของตัวถูกละลายมาหารด้วยปริมารของสารละลายในหน่วยลิตร. จากโจทย์ เราสามารถหาโมลาริตีได้โดยการนำจำนวนโมลของ NaCl 0.09 โมล มาหารด้วยปริมาตรของน้ำ 0.8 ลิตร
- โมลาลิตี = จำนวนโมลของตัวถูกละลาย / ปริมาตรของสารละลาย (หน่วยลิตร) = 0.09 โมล / 0.8 ลิตร = 0.1125 โมล/ลิตร
- เขียนคำตอบลงไป. นำผลลัพธ์ที่ได้มาปัดเศษในทศนิยม ซึ่งปกติจะปัดให้เหลือเพียงทศนิยมสองหรือสามตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับคำสั่งว่าให้มีทศนิยมกี่ตำแหน่ง เมื่อเขียนคำตอบลงไปแล้ว อย่าลืมเขียน “M” (ย่อมาจาก “โมลาริตี”) และสูตรเคมีของตัวถูกละลายต่อท้ายด้วย
- ดังนั้นคำตอบของโจทย์นี้คือ 0.11 M NaCl
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.