วิกิฮาวเป็น "wiki" ซึ่งหมายความว่าบทความหลายๆ บทความของเรานั้นเป็นการร่วมมือกันเขียนของผู้เขียนหลายคน ในการเขียนบทความชิ้นนี้ ผู้คน 9 คน ซึ่งบางคนไม่ขอเปิดเผยตัว ได้ร่วมกันเขียนและปรับปรุงเนื้อหาของบทความอย่างต่อเนื่อง
บทความนี้ถูกเข้าชม 2,229 ครั้ง
ฤดูของลูกท้อมักผ่านไปก่อนที่คุณจะรู้ตัวเสียอีก แต่ถ้าหากคุณแช่แข็งมันเอาไว้ คุณก็จะสามารถดื่มด่ำไปกับฤดูร้อนที่แสนอบอุ่นและหอมหวานแม้จะอยู่ในเดือนที่อากาศหนาวเย็นก็ตาม ในการถนอมรสชาติของลูกท้อไว้นั้น ให้เลือกเก็บลูกท้อที่สุกงอมเต็มที่แล้ว คุณสามารถหั่นพวกมันแล้วแช่แข็งไว้ในส่วนผสมน้ำเชื่อมหรือลูกท้อทั้งลูกไว้ด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ได้อีกเช่นกัน
ขั้นตอน
- ซื้อหรือเก็บลูกท้อสุกงอม. เลือกลูกท้อที่มีกลิ่นหอมและผิวนุ่ม เมื่อกดนิ้วลงไปเบาๆ แล้วลูกท้อควรจะบุ๋มลงไปเล็กน้อย แต่ไม่ถึงขั้นเจาะเป็นรู ให้เลือกลูกท้อที่ไม่มีรอยช้ำหรือรูใดๆ
- หาลูกท้อมาในฤดูของลูกท้อ จะดีกว่าหามาเร็วเกินไปหรือช้าเกินไป ซึ่งฤดูลูกท้อในแต่ละประเทศก็แตกต่างกันออกไป
- ลูกท้อที่สุกงอมตั้งแต่บนต้นหรือใกล้จะสุกตั้งแต่บนต้นจะมีรสชาติที่ดีกว่าลูกท้อที่สุกหลังเก็บจากต้นแล้ว หรือสุกทีหลังในร้านขายของ พยายามหาลูกท้อจากตลาดชาวสวนในท้องถิ่นของคุณ หรือเก็บจากสวนของคุณเอง
- เตรียมหม้อต้มน้ำ. เติมน้ำลงไปในหม้อขนาดใหญ่ปริมาณ ¾ ของหม้อ แล้วตั้งขึ้นบนเตา ตั้งไฟกลางค่อนไปทางแรงแล้วรอให้น้ำเดือด เราจะใช้หม้อต้มน้ำนี้ในการลวกลูกท้อ ซึ่งขั้นตอนนี้จะช่วยถนอมสี ผิว และรสชาติของลูกท้อเอาไว้[1]
- เตรียมชามใส่น้ำและน้ำแข็ง. เติมน้ำแข็งสักถาดและน้ำลงไปในชามขนาดใหญ่ ชามน้ำแข็งนี้เอาไว้ให้ความเย็นกับลูกท้อหลังผ่านการลวกมาแล้ว เพื่อที่ลูกท้อจะได้ไม่สุกขึ้นและนิ่มยวบ
- กรีดเปลือกลูกท้อเป็นกากบาท. ใช้มีดคมๆ ตัดขั้วลูกท้อเป็นรูปตัว “X” แต่ละลูก มันจะทำให้ปอกเปลือกออกได้ง่ายขึ้นหลังจากที่ลวกแล้ว
- ใส่ลูกท้อลงไปในน้ำเดือด. ใช้กระบวยมีรูค่อยๆ หย่อนลูกท้อลงไปในน้ำ ลวกลูกท้อประมาณ 4 ลูกต่อครั้ง ใช้เวลาประมาณ 40 วินาที
- ย้ายลูกท้อมาไว้ในน้ำแข็ง. ใช้กระบวยมีรูย้ายลูกท้อจากน้ำเดือดไปยังน้ำใส่น้ำแข็งอย่างระมัดระวัง รอให้ลูกท้อเย็นตัวลงโฆษณา
- ลอกเปลือกลูกท้อออก. ใช้นิ้วค่อยๆ ลอกเปลือกของลูกท้อออกจากเนื้อ ซึ่งควรหลุดออกมาอย่างง่ายดายหลังจากที่ลวกและแช่น้ำแข็งแล้ว วิธีที่ง่ายที่สุดคือเริ่มการดึงจากสัญลักษณ์ “X” บนลูกท้อนั่นเอง ดึงเปลือกลูกท้อออกมาเป็นเส้นๆ แล้วทิ้งไปได้เลย
- หั่นลูกท้อครึ่งหนึ่งและคว้านเมล็ดออก. ถือลูกท้อเอาไว้ในมือ แล้วใช้มีดที่คมมากๆผ่าครึ่งรอบๆ ส่วนของเมล็ดมัน ผ่าทุกทางรอบๆ ลูกท้อแล้วนำเมล็ดออกจากลูกท้อครึ่งหนึ่งที่ผ่าออกมาแล้วทิ้งมันไป ทำแบบนี้ซ้ำๆ กับลูกท้อที่เหลืออยู่
- คุณอาจต้องค่อยๆ หมุนลูกท้อเพื่อดึงมันออกจากเมล็ด
- พยายามไม่ทำให้ลูกท้อเสียหายแม้คุณจะดึงเมล็ดออกไปแล้วก็ตาม
- หั่นลูกท้อ. ใช้มีดหั่นลูกท้อให้แต่ละชิ้นมีขนาดเท่ากัน หั่นให้ใหญ่หรือเล็กเท่าที่ต้องการได้เลย ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาลูกท้อไว้ใช้ทำอะไร[2]โฆษณา
- ใส่ลูกท้อลงไปในภาชนะบรรจุอาหารแช่แข็ง. ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีลูกท้อกี่ชิ้น คุณอาจต้องการภาชนะมากหน่อยก็เป็นได้ โดยใช้ได้ทั้งถังและถุงสำหรับแช่แข็ง ให้แน่ใจว่าเว้นที่ว่างสักเล็กน้อยระหว่างลูกท้อแต่ละชิ้น และเว้นจากขอบของภาชนะด้วย
- เทส่วนผสมที่เลือกลงไปบนลูกท้อ. การแช่แข็งลูกท้อในสารละลายที่จะบรรจุไว้นั้น จะช่วยไม่ให้ลูกท้อติดกัน และยังช่วยถนอมรสหวานของลูกท้อไว้อีกด้วย เลือกสารละลายต่อไปนี้ในการใช้ถนอมลูกท้อ โดยเติมลงไปให้ท่วมลูกท้อขึ้นไปครึ่งนิ้ว และเว้นจากริมขอบภาชนะประมาณครึ่งนิ้วด้วยนะ
- น้ำเปล่า ถ้าคุณไม่อยากเพิ่มน้ำตาลไปอีก จะใช้น้ำเปล่าธรรมดาๆ ในการถนอมลูกท้อก็ย่อมได้
- น้ำตาล เทน้ำตาลเอาไว้ที่ก้นภาชนะที่จะวางลูกท้อลงไป แล้วโรยน้ำตาลข้างบนไปอีก แล้วก็โรยเพิ่มบนน้ำตาลไปอีกชั้น ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ปริมาณที่เว้นจากขอบบนของภาชนะ ½ นิ้ว (1.3 เซนติเมตร)
- น้ำเชื่อม เตรียมสารละลายน้ำเชื่อม โดยใช้น้ำเปล่า 4 ถ้วย และน้ำตาล 1 ½ - 2 ถ้วย ในกระทะ คนจนกว่าน้ำตาลจะละลาย รอให้น้ำเชื่อมเย็นลงแล้วเทลงไปบนลูกท้อได้เลย[3]
- ปิดฝาภาชนะแล้วติดฉลากเอาไว้. ให้แน่ใจว่าคุณเขียนวันที่ที่ทำขั้นตอนนี้เสร็จเอาไว้ และปิดให้สนิท
- เก็บไว้ในช่องแช่แข็ง. โดยควรใช้เวลาประมาณ 8 ถึง 10 เดือน[4]โฆษณา
- วางลูกท้อแต่ละชิ้นเรียงไว้ในถาดอบ. ขอให้แน่ใจว่าไม่มีลูกท้อชิ้นไหนติดกันเลย ไม่เช่นนั้นมันอาจถูกแช่แข็งไปด้วยกัน แล้วใช้แรปพลาสติกห่อหุ้มถาดอบเอาไว้
- แช่แข็งลูกท้อ. ใส่ถาดอบลงไปในช่องแช่แข็งแล้วปล่อยเอาไว้จนกว่าชิ้นลูกท้อจะแข็งตัว
- นำลูกท้อใส่ในภาชนะบรรจุอาหารแช่แข็ง. หรือจะใช้ถังหรือถุงสำหรับแช่แข็งก็ได้ โดยใส่ลูกท้อลงไปในภาชนะ ให้มีช่องว่างเล็กน้อยจากขอบบนของภาชนะ เพราะก่อนที่จะนำไปแช่แข็ง จะได้ไม่มีชิ้นไหนติดกัน แล้วติดฉลากที่เขียนวันที่ทำขั้นตอนนี้เสร็จสิ้นเอาไว้บนภาชนะ ก่อนที่จะเก็บมัน
- เก็บลูกท้อไว้ในช่องแช่แข็ง. โดยควรใช้เวลาประมาณ 8 ถึง 10 เดือนโฆษณา
- ซื้อหรือเก็บลูกท้อสุกมา. แนะนำให้ใช้ลูกท้อแบบไร้เมล็ด แต่จะใช้ลูกท้อแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ
- ล้างลูกท้ออย่างอ่อนโยนและเช็ดให้แห้งด้วยผ้าขนหนู.
- ห่อลูกท้อแต่ละลูกไว้ด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์. ใช้กระดาษอย่างน้อย 2 ชั้นในการห่อลูกท้อ
- วางลูกท้อไว้ในถาดอบแล้วใส่ค้างคืนเอาไว้ในช่องแช่แข็ง.
- นำลูกท้อแช่แข็งที่ห่อกระดาษออกมาใส่ในถุงพลาสติกสำหรับแช่แข็ง. ไล่อากาศออกให้มากที่สุด แล้วปิดซิปถุง
- ใส่ถุงลูกท้อกลับไปยังช่องแช่แข็ง.
- ละลายลูกท้อเมื่อพร้อมที่จะรับประทาน. นำลูกท้อออกมาแกะห่อออก รีบนำไปล้างในน้ำอุ่นทันที แล้วถูผิวของลูกท้อบาๆ แล้วเปลือกมันจะหลุดออกมา
- คว้านเมล็ดออก. ค่อยๆ ผ่าลูกท้อแช่แข็งตามแนวเมล็ดมัน แล้วหมุนใบมีดเบาๆ จากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งเพื่อดึงเมล็ดออกมา
- รับประทานลูกท้อ. ลูกท้อจะพร้อมที่จะรับประทานในอีกสองสามนาที และมันก็จะเหมือนกับลูกท้อสดใหม่ไม่มีผิดเลยล่ะโฆษณา
เคล็ดลับ
- ใช้ผ้าขนหนูสะอาดชุมน้ำช่วยจับลูกท้อเวลาหั่นมัน จะช่วยให้หั่นได้ง่ายขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น
ข้อมูลอ้างอิง
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.