บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Laura Marusinec, MD. ดร.มารูซิเน็กเป็นกุมารแพทย์ที่มีใบรับรองในวิสคอนซิน เธอสำเร็จปริญญาโทจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิสคอนซินในปี 1995
มีการอ้างอิง 17 ข้อที่อ้างอิงอยู่ในบทความ ซึ่งสามารถพบได้ทางด้านล่างของบทความ
บทความนี้ถูกเข้าชม 113,181 ครั้ง
แผลริมฝีปากแตกอาจเป็นความเจ็บปวดที่ทรมานมากได้ ถ้าไม่รักษาอย่างเหมาะสม มันอาจเปลี่ยนจากการระคายเคืองเป็นการติดเชื้อรุนแรงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าสิ่งสกปรกหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปสะสมในแผลทำให้แผลไม่สะอาด บทความนี้จะอธิบายทั้งวิธีการห้ามเลือดที่แผลในระยะสั้น และวิธีรักษาแผลหลังจากนั้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะติดเชื้อหรือเกิดรอยแผลเป็น
ขั้นตอน
- ล้างมือให้สะอาด. ก่อนจะทำแผลใดๆ ก็ตาม ต้องอย่าลืมล้างมือให้สะอาดที่สุดเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อจากเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามมือ ใช้น้ำอุ่นและสบู่ฆ่าเชื้อสำหรับล้างมือ (ถ้ามี) การใช้เจลล้างมือฆ่าเชื้อหลังจากล้างมือแล้วก็สามารถช่วยได้ [1]
- ใช้ถุงมือไวนิล (ถ้ามี) หรือถุงมือยางก็ได้ แต่ควรระวังว่าผู้ที่คุณจะทำแผลให้นั้นไม่ได้แพ้ยาง สิ่งสำคัญคือการใช้วัสดุที่สะอาด ปราศจากเชื้อโรค เป็นตัวกั้นระหว่างมือกับแผล [2]
- หลีกเลี่ยงการทำให้แผลสกปรก. พยายามไม่หายใจหรือไอ จาม ใส่บริเวณแผล [3]
- เอียงศีรษะของผู้บาดเจ็บมาด้านหน้า. ให้ผู้ที่ปากเลือดออกนั่งตัวตรง และเอียงศีรษะลงมาด้านหน้าให้ปลายคางชี้ไปที่อก การทำให้เลือดไหลออกจากแผลที่ปากนั้น จะเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้เจ็บกลืนเลือดลงไป ซึ่งอาจทำให้อาเจียนหรือสำลักจนเป็นอันตรายได้ [4]
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้บาดเจ็บได้รับวัคซีนครบ. ถ้าเหตุที่ทำให้เกิดแผลคือชิ้นส่วนโลหะ หรือวัตถุหรือพื้นผิวที่สกปรก ผู้เจ็บอาจมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อบาดทะยักได้ [8]
- ทารกและเด็กเล็กควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักเมื่ออายุครบ 2 เดือน, 4 เดือน, และ 6 เดือน และรับอีกครั้งเมื่ออายุ 15-18 เดือน และฉีดอีกครั้งเมื่ออายุระหว่าง 4-6 ปี [9]
- ถ้าผู้เจ็บมีบาดแผลสกปรก ควรตรวจสอบว่าได้ฉีดวัคซีนกันบาดทะยักภายใน 5 ปีที่ผ่านมาหรือไม่ ถ้าไม่ก็ควรไปฉีด [10]
- เด็กโตและวัยรุ่นควรได้ฉีดวัคซีนอีกครั้งระหว่างอายุ 11-18 ปี [11]
- ผู้ใหญ่ควรได้รับการฉีดวัคซีนบาดทะยักทุกๆ 10 ปี [12]
- นำวัตถุที่เอาออกได้ออกจากปาก. ให้ผู้บาดเจ็บถอดเครื่องประดับที่มีรอบแผลออก เช่น ห่วงเจาะลิ้นหรือปาก และคายอาหารหรือหมากฝรั่งที่กินอยู่ออกจากปากด้วย [13]
- ทำความสะอาดแผล. ขั้นตอนนี้มีความสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อและลดความเสี่ยงที่จะเกิดแผลเป็น [14]
- ถ้ามีวัตถุอยู่ในแผล เช่น สิ่งสกปรกหรือกรวด ต้องเอาออกโดยการให้ผู้บาดเจ็บเปิดน้ำล้างแผลจนกว่าจะไม่มีสิ่งตกค้างเหลืออยู่ [15]
- ถ้าทำวิธีนั้นไม่ได้ ก็ให้เติมน้ำใส่แก้วแล้วนำมาล้างแผลแทน ทำซ้ำจนกว่าจะล้างสิ่งสกปรกออกหมด
- ใช้สำลีชุบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เพื่อทำความสะอาดแผลอย่างล้ำลึก ระวังอย่าให้ผู้เจ็บเผลอกลืนน้ำยาเข้าไป [16]
โฆษณา
- ดูแผลอีกครั้งหลังจาก 15 นาที. แผลอาจยังมีเลือดหยดหรือซึมได้ถึง 45 นาที แต่ถ้ายังมีเลือดไหลอย่างสม่ำเสมอหลังจาก 15 นาทีแรก ควรไปพบแพทย์ [19]
- ติดต่อแพทย์หากจำเป็น. ถ้าเลือดยังไม่หยุดไหลหลังจากกดแผลติดต่อกัน 15 นาที หรือผู้เจ็บมีปัญหาในการหายใจหรือกลืนน้ำลาย ฟันโยกหรือเคลื่อนจากตำแหน่งปกติ หรือถ้าคุณไม่สามารถล้างสิ่งสกปรกหรือเศษต่างๆ ออกได้หมด หรือกังวลว่าผู้เจ็บจะมีอาการบาดเจ็บอื่นๆ บริเวณใบหน้าอีก คุณควรพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูว่าต้องเย็บแผลหรือรักษาด้วยวิธีอื่นๆ หรือไม่ ควรรีบทำให้เร็วที่สุด เพราะโอกาสที่จะติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าปล่อยให้แผลเปิดและมีเลือดไหล หากมีข้อสงสัยใดๆ ควรติดต่อแพทย์
- ถ้าแผลเป็นทางยาวตลอดริมฝีปาก จำเป็นต้องพบแพทย์ทันที [22] ถ้าแผลอยู่ในส่วนที่เป็นสีแดงของริมฝีปาก และส่วนที่เป็นผิวปกติเหนือหรือล่างริมฝีปากด้วย (ข้ามเส้นขอบปาก) ผู้เจ็บต้องไปพบแพทย์เพื่อทำการเย็บแผล การเย็บจะลดความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อ และช่วยให้มั่นใจได้ว่าแผลจะรักษาตัวได้ด้วยวิธีทางการแพทย์
- แพทย์อาจแนะนำให้เย็บแผลหากมีแผลลึกและมีช่องเปิด หมายความว่าถ้าคุณสามารถใช้นิ้วจับขอบแผลทั้งสองข้างแล้วแยกให้มันเปิดออกได้โดยใช้แรงเพียงเล็กน้อย [23]
- แพทย์อาจแนะนำให้เย็บแผลด้วย หากมีเนื้อหลุดที่สามารถเย็บได้ [24]
- การฉีกขาดอย่างลึกที่ต้องเย็บ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นานเกิน 8 ชั่วโมงในการเข้ารับการรักษาอย่างปลอดภัย[25]
โฆษณา
- รู้ว่าควรคาดหวังแค่ไหน. แผลเล็กๆ ด้านในปากมักจะหายได้เองภายใน 3-4 วัน แต่แผลที่ใหญ่หรือลึกมากจะใช้เวลาในการรักษานานกว่านั้น โดยเฉพาะถ้าอยู่บริเวณริมฝีปากที่ต้องเคลื่อนไหวอย่างมากระหว่างเคี้ยวอาหารและดื่มน้ำ [26]
- ถ้าผู้บาดเจ็บได้พบแพทย์แล้ว ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์ในการดูแลรักษาแผล รวมถึงกินยาตามที่แพทย์สั่ง เช่น ยาปฏิชีวนะ
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อเฉพาะส่วนหรือผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ. หลังจากที่ได้ห้ามเลือดเบื้องต้นแล้ว คุณต้องดูแลบาดแผลเพื่อให้มันหายขาด มีความขัดแย้งในวงการแพทย์ว่าครีมฆ่าเชื้อนั้นจำเป็นหรือช่วยได้จริงหรือไม่ โดยเฉพาะถ้าใช้มากเกินไป [29] อย่างไรก็ตาม บางผลการศึกษาชี้ว่ามันสามารถช่วยในการรักษาได้หากใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
- ถ้าคุณเลือกจะใช้ครีมทาแผลเฉพาะที่ คุณสามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายยาหรือร้านสะดวกซื้อ หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรว่าผลิตภัณฑ์ตัวใดจะดีสำหรับแผลของคุณที่สุด และควรใช้ตามปริมาณที่แนะนำเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการทาเยอะหรือบ่อยเกินไป
- อีกทางหนึ่ง คุณสามารถทาน้ำผึ้งหรือน้ำตาลทรายลงบนแผลได้ น้ำตาลจะช่วยดูดซับน้ำออกจากแผล ป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเติบโตจากความชื้น ส่วนน้ำผึ้งมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย [30] ผลการศึกษาพบว่าการทาน้ำตาลหรือน้ำผึ้งลงบนแผลก่อนปิดแผลจะช่วยลดความเจ็บปวดและป้องกันการติดเชื้อได้ [31]
- จำกัดขอบเขตการเคลื่อนไหวของปาก.[32] ถ้าผู้บาดเจ็บอ้าปากกว้างเกินไป เช่น ขณะหาว หัวเราะหนักๆ หรือกินอาหารคำใหญ่ จะทำให้เจ็บแผลและอาจทำให้แผลเปิดอีกได้ ในกรณีหลังจะเป็นอันตรายต่อการติดเชื้อ และต้องกลับไปเริ่มทำการรักษาใหม่ตั้งแต่แรก
- กินอาหารอ่อนๆ.[33] ยิ่งผู้บาดเจ็บต้องเคี้ยวอาหารน้อยเท่าไหร่ ยิ่งลดโอกาสที่แผลจะเปิดได้มากเท่านั้น และควรดื่มน้ำให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อคงความชุ่มชื้นให้ร่างกายและเนื้อเยื่อ และยังช่วยป้องกันไม่ให้แผลเปิดอีกด้วย
- หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนเกลือหรือมะนาว เพราะจะทำให้แสบแผลได้ [34]
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่แข็ง กรอบ หรือแหลมคม เช่น มันฝรั่งทอด หรือตอติญ่าชิพส์
- เปิดน้ำอุ่นผ่านแผลหลังกินอาหารทุกมื้อเพื่อทำความสะอาดเศษอาหารต่างๆ ที่อาจหลงเหลืออยู่ [35]
- ปรึกษาแพทย์หากผู้บาดเจ็บมีปัญหาเรื่องกินอาหารหรือดื่มน้ำลำบากเนื่องจากบาดแผล
- แจ้งแพทย์ทันทีหากมีสัญญาณบอกอาการติดเชื้อ. แม้ว่าคุณจะได้ทำตามวิธีที่ทำได้เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการเกิดบาดแผลเพิ่มแล้ว บางสิ่งอาจไม่เป็นไปตามที่คุณคิด ควรติดต่อแพทย์ทันทีหากมีอาการต่อไปนี้โฆษณา
เคล็ดลับ
- ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อคงความชุ่มชื้น
คำเตือน
- อย่าจับแผล ยกเว้นเวลาทำแผล เพราะมันจะเจ็บและอาจทำให้ติดเชื้อจากสิ่งสกปรกหรือแบคทีเรียได้
- โรคติดต่อทางเลือดสามารถแพร่กระจายได้ง่ายๆ ถ้าไม่ระมัดระวังอย่างเหมาะสม ควรสวมถุงมือยาง และล้างมือทั้งก่อนและหลังจากทำแผลให้ผู้อื่น
- ถ้าแผลมีอาการแย่ลง ควรไปพบแพทย์ทันที
- ควรรีบไปพบแพทย์หากแผลนั้นเกิดจากการถูกกัดโดยสัตว์ เช่น สุนัข หรือแมว เพราะแผลแบบนี้มีแนวโน้มที่จะติดเชื้อได้
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.betterhealth.vic.gov.au/bhcv2/bhcarticles.nsf/pages/First_aid_basics?open
- ↑ http://www.betterhealth.vic.gov.au/bhcv2/bhcarticles.nsf/pages/First_aid_basics?open
- ↑ http://www.betterhealth.vic.gov.au/bhcv2/bhcarticles.nsf/pages/First_aid_basics?open
- ↑ http://www.emedicinehealth.com/stopping_a_nosebleed-health/article_em.htm
- ↑ http://www.emedicinehealth.com/mouth_wounds_and_treatments_in_adults_and_children/page4_em.htm#mouth_wound_treatment
- ↑ http://www.emedicinehealth.com/mouth_wounds_and_treatments_in_adults_and_children/page4_em.htm#mouth_wound_treatment
- ↑ http://www.emedicinehealth.com/mouth_wounds_and_treatments_in_adults_and_children/page4_em.htm#mouth_wound_treatment
- ↑ http://www.emedicinehealth.com/mouth_wounds_and_treatments_in_adults_and_children/page4_em.htm#mouth_wound_treatment
- ↑ http://www.cdc.gov/features/tetanus/
- ↑ https://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/000615.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/features/tetanus/
- ↑ http://www.cdc.gov/features/tetanus/
- ↑ http://www.emedicinehealth.com/mouth_wounds_how_to_stop_bleeding-health/article_em.htm
- ↑ https://www.urmc.rochester.edu/encyclopedia/content.aspx?ContentTypeID=90&ContentID=P02836
- ↑ https://www.urmc.rochester.edu/encyclopedia/content.aspx?ContentTypeID=90&ContentID=P02836
- ↑ http://www.uofmmedicalcenter.org/healthlibrary/Article/116249EN
- ↑ http://www.emedicinehealth.com/mouth_wounds_how_to_stop_bleeding-health/article_em.htm
- ↑ http://www.emedicinehealth.com/mouth_wounds_how_to_stop_bleeding-health/article_em.htm
- ↑ http://www.emedicinehealth.com/mouth_wounds_how_to_stop_bleeding-health/article_em.htm
- ↑ http://www.urmc.rochester.edu/encyclopedia/content.aspx?ContentTypeID=90&ContentID=P02836
- ↑ http://www.emedicinehealth.com/mouth_wounds_how_to_stop_bleeding-health/article_em.htm
- ↑ http://www.everydayhealth.com/kids-health/stitches.aspx
- ↑ http://www.everydayhealth.com/kids-health/stitches.aspx
- ↑ http://www.everydayhealth.com/kids-health/stitches.aspx
- ↑ http://www.uofmhealth.org/health-library/sig240490
- ↑ http://www.seattlechildrens.org/medical-conditions/symptom-index/mouth-injury/
- ↑ http://www.simplestepsdental.com/SS/ihtSS/r.==/st.32219/t.32774/pr.3.html
- ↑ https://www.urmc.rochester.edu/encyclopedia/content.aspx?ContentTypeID=1&ContentID=4483
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/20051094
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3609166/
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/17708384
- ↑ http://www.uofmmedicalcenter.org/healthlibrary/Article/116249EN
- ↑ http://www.seattlechildrens.org/medical-conditions/symptom-index/mouth-injury/
- ↑ http://www.seattlechildrens.org/medical-conditions/symptom-index/mouth-injury/
- ↑ http://www.seattlechildrens.org/medical-conditions/symptom-index/mouth-injury/
- ↑ http://www.uofmmedicalcenter.org/healthlibrary/Article/116249EN
- ↑ http://www.uofmmedicalcenter.org/healthlibrary/Article/116249EN
- ↑ http://www.uofmmedicalcenter.org/healthlibrary/Article/116249EN
- ↑ http://www.uofmmedicalcenter.org/healthlibrary/Article/116249EN
- ↑ http://www.uofmmedicalcenter.org/healthlibrary/Article/116249EN
- ↑ http://www.uofmmedicalcenter.org/healthlibrary/Article/116249EN
- ↑ http://www.uofmmedicalcenter.org/healthlibrary/Article/116249EN
- ↑ http://www.uofmmedicalcenter.org/healthlibrary/Article/116249EN
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.