ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

ไม่ว่าใครก็คงเคยได้รับแผลบ้างในบางครั้ง ซึ่งบาดแผลโดยส่วนมากนั้นไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ แต่เพื่อให้บาดแผลหายดีและหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ คุณควรทำตามวิธีเหล่านี้เพื่อให้บาดแผลหายอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น[1] มีหลายวิธีที่จะช่วยให้แผลของคุณหายอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ชีวิตประจำวันของคุณดำเนินไปอย่างราบรื่น

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

ทำความสะอาดและทำแผล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ล้างมือ.
    ก่อนเริ่มทำแผล ควรมั่นใจว่ามือของคุณสะอาดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้แบคทีเรียเข้าสู่แผล ล้างมืออย่างถูกวิธีเพื่อให้แน่ใจว่ามือสะอาดดีแล้ว[2]
    • ทำมือให้เปียกด้วยน้ำสะอาด
    • ใช้มือถูสบู่ให้เกิดฟอง โดยถูให้ทั่วทุกส่วนของมือ ทั้งหลังมือ ซอกนิ้ว และเล็บมือ
    • ถูมือนานอย่างน้อย 20 วินาที โดยส่วนใหญ่มักจับเวลาโดยฮัมเพลง Happy Birthday 2 รอบ หรือร้องเพลง ABC จนจบ
    • ล้างฟองออกให้หมดด้วยน้ำสะอาด หากเป็นไปได้ ให้หลีกเลี่ยงการใช้มือปิดก๊อกน้ำ และใช้ปลายแขนหรือข้อศอกแทน
    • เช็ดมือให้แห้งด้วยผ้าขนหนูสะอาด หรือผึ่งลมให้แห้ง
    • หากไม่มีน้ำหรือสบู่ ให้ใช้เจลล้างมือที่ผสมแอลกอฮอล์อย่างน้อย 60% โดยใช้ในปริมาณตามคำแนะนำบนฉลาก และถูไปมาจนแห้ง
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ห้ามเลือด.
    หากคุณได้รับบาดแผลหรือรอยถลอกเล็กๆ เลือดจะไหลเพียงเล็กน้อยและหยุดเอง แต่หากเลือดยังไม่หยุดไหล ให้คุณกดเบาๆ บนแผลด้วยผ้าพันแผลจนกระทั่งเลือดหยุดไหล[3]
    • หากเลือดยังไม่หยุดไหลหลังผ่านไปแล้ว 10 นาที ให้ไปพบแพทย์โดยทันที เนื่องจากบาดแผลของคุณอาจมีอาการรุนแรงมากกว่าที่คุณคิด
    • หากมีเลือดออกมากหรือพุ่งกระฉูด อาจเกิดขึ้นเนื่องจากเส้นเลือดแดงขาด ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างฉุกเฉิน และคุณควรรีบไปโรงพยาบาลหรือเรียกรถพยาบาลโดยทันที เส้นเลือดแดงขาดมักเกิดขึ้นในบริเวณด้านในต้นขา ด้านในต้นแขน และคอ[4]
    • ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับแผลที่มีเลือดไหลไม่หยุด ให้ใช้ผ้าพันแผลกดลงไปเบาๆ จากนั้นจึงปิดแผลด้วยผ้าพันแผลหรือผ้าแล้วพันรอบๆ ให้แน่น ควรระวังอย่าพันจนแน่นเกินไปจนทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ และรีบไปพบแพทย์โดยทันที[5]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ทำความสะอาดแผล.
    เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ คุณจำเป็นต้องกำจัดสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อแบคทีเรียให้ได้มากที่สุด ล้างแผลให้สะอาดก่อนเริ่มปิดด้วยผ้าพันแผล เพื่อหลีกเลี่ยงการสะสมของเชื้อแบคทีเรียในบาดแผล[6]
    • เปิดน้ำสะอาดให้ไหลผ่านแผล โดยน้ำที่ไหลจะช่วยขจัดสิ่งแปลกปลอมที่อาจติดอยู่ในแผลได้
    • ใช้สบู่ล้างบริเวณรอบๆ แผล หลีกเลี่ยงไม่ให้สบู่ถูกบาดแผลโดยตรง เพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองและการอักเสบได้
    • หากยังมีสิ่งแปลกปลอมหลงเหลืออยู่ในแผลหลังจากล้างเสร็จแล้ว ให้ใช้แหนบที่ทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์แล้วหนีบออกมา
    • ไปพบแพทย์หากมีเศษฝุ่นหรือสิ่งแปลกปลอมที่ไม่สามารถนำออกได้
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ใช้ครีมหรือยาทาปฏิชีวนะ.
    ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยป้องกันแผลจากการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนที่จะไปขัดขวางกระบวนการฟื้นฟูของแผล โดยยาทาปฏิชีวนะสามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วไป[7]
    • ควรอ่านฉลากก่อนใช้เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีส่วนผสมใดๆ ที่คุณแพ้
    • หากมีผื่นคันหรือการระคายเคืองเกิดขึ้น ให้หยุดใช้และไปพบแพทย์
    • หากไม่มียาทาต้านแบคทีเรียหรือยาทาปฏิชีวนะ ให้ทาปิโตรเลียมเจลลี่บางๆ แทน ซึ่งจะช่วยเป็นเกราะป้องกันระหว่างบาดแผลกับเชื้อแบคทีเรียได้
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ปิดแผล.
    การปล่อยแผลไว้โดยไม่ปิดให้เรียบร้อยจะทำให้สิ่งสกปรกและแบคทีเรียเข้าสู่แผล และนำไปสู่การติดเชื้อได้ ปิดแผลด้วยผ้าพันแผลหรือพลาสเตอร์ยาที่ปราศจากเชื้อและไม่ติดแผล และควรแน่ใจว่าผ้าปิดแผลที่ใช้สามารถปิดแผลได้พอดี[8]
    • หากไม่มีผ้าพันแผล ให้ปิดแผลโดยใช้กระดาษทิชชูหรือกระดาษชำระอเนกประสงค์ที่สะอาดไปก่อนจนสามารถหาผ้าพันแผลได้
    • หากบาดแผลไม่ลึกและมีเลือดออกเพียงเล็กน้อย คุณอาจใช้พลาสเตอร์ชนิดเหลวแทนได้ ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้จะช่วยเคลือบแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อและสามารถกันน้ำได้เป็นเวลาหลายวัน เมื่อเกิดบาดแผล ให้ใช้พลาสเตอร์ชนิดเหลวทาเคลือบไว้หลังจากล้างแผลและทำให้แห้งแล้ว[9]
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ตัดสินใจว่าเมื่อใดที่ควรไปพบแพทย์.
    บาดแผลที่ไม่ลึกมากนักอาจไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์หากไม่เกิดการติดเชื้อใดๆ อย่างไรก็ตาม มีหลายกรณีที่คุณจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์หลังจากที่ล้างและทำแผลเรียบร้อยแล้ว รีบไปพบแพทย์หรือไปโรงพยาบาลหากคุณมีอาการใดๆ ต่อไปนี้
    • บาดแผลเกิดขึ้นกับเด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบ - หากมีบาดแผลใดๆ เกิดขึ้นกับเด็กทารกที่มีอายุน้อยกว่า 1 ขวบ ควรรีบเข้ารับการรักษาทางการแพทย์เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อและแผลเป็น[10]
    • บาดแผลลึก - แผลที่มีความลึกเกิน 0.25 นิ้วจัดว่าเป็นแผลลึก และหากแผลลึกมาก คุณอาจเห็นชั้นไขมัน กล้ามเนื้อ หรือกระดูกโผล่ออกมาได้ เพื่อให้บาดแผลสมานและป้องกันการติดเชื้อ คุณอาจจำเป็นต้องเย็บแผล[11]
    • บาดแผลเป็นรอยยาว - บาดแผลที่ยาวเกิน 0.5 นิ้วอาจจำเป็นต้องเย็บแผล[12]
    • บาดแผลสกปรกและมีสิ่งแปลกปลอมที่ไม่สามารถนำออกได้ - เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ควรไปพบแพทย์หากคุณไม่สามารถล้างแผลได้สะอาดหมดจด
    • บาดแผลเกิดขึ้นบนข้อต่อและเปิดอ้าเมื่อข้อต่อขยับ - บาดแผลชนิดนี้จำเป็นต้องเย็บปิดเช่นเดียวกัน[13]
    • บาดแผลยังคงมีเลือดออกหลังกดห้ามเลือดนานกว่า 10 นาที - เลือดไหลไม่หยุดอาจเกิดขึ้นเนื่องจากบาดแผลไปโดนเส้นเลือดดำหรือเส้นเลือดแดง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์[14]
    • บาดแผลเกิดจากสัตว์ - คุณอาจมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าหากคุณไม่รู้ประวัติการรับวัคซีนของสัตว์ตัวนั้น คุณจำเป็นต้องทำความสะอาดบาดแผลให้สะอาด และอาจต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเพื่อป้องกันการเกิดโรค[15]
    • เป็นโรคเบาหวาน - ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีแนวโน้มที่จะมีภาวะแทรกซ้อนจากบาดแผลเนื่องจากความสามารถของการไหลเวียนเลือดและเส้นประสาทที่แย่ลง ซึ่งทำให้แผลที่มีขนาดเล็กสามารถติดเชื้ออย่างรุนแรงและหายช้าลงได้ หากคุณป่วยเป็นโรคเบาหวาน ควรไปพบแพทย์ทุกครั้งไม่ว่าจะมีบาดแผลขนาดใด[16]
    • ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักนานเกิน 5 ปี - แม้ว่าแพทย์จะแนะนำให้รับวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักทุกๆ 10 ปี แต่แพทย์มักฉัดวัคซีนให้คุณหากมีบาดแผลลึก มีบาดแผลที่ถูกสัตว์กัด หรือมีบาดแผลใดๆ ที่เกิดขึ้นจากโลหะที่เป็นสนิม ไปพบแพทย์หากคุณไม่ได้ฉีดวัคซีนนานเกิน 5 ปี เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคบาดทะยัก[17]
    • บาดแผลอยู่บนใบหน้า - การเย็บแผลหรือการรักษาแบบอื่นๆ อาจช่วยไม่ให้เกิดแผลเป็นบนใบหน้าได้[18]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

ดูแลบาดแผลในขณะในระหว่างฟื้นฟู

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เปลี่ยนผ้าพันแผลเป็นประจำ.
    เลือดและแบคทีเรียจากบาดแผลนั้นจะทำให้ผ้าพันแผลสกปรก ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนผ้าพันแผลอย่างน้อยวันละครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ หรือเปลี่ยนทุกครั้งที่ผ้าพันแผลเริ่มแฉะหรือสกปรก[19]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 สังเกตดูสัญญาณเตือนของการติดเชื้อ.
    แม้ว่าการทำความสะอาดและปิดแผลจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ แต่การติดเชื้อก็อาจเกิดขึ้นได้ คอยสังเกตดูสัญญาณเตือนของการติดเชื้อ และไปพบแพทย์หากมีอาการดังต่อไปนี้[20][21]
    • รู้สึกเจ็บบริเวณบาดแผลมากขึ้น
    • มีรอยแดง บวม หรือความอุ่นรอบๆ บาดแผล
    • มีน้ำหนองไหลจากบาดแผล
    • มีกลิ่นเหม็น
    • มีไข้สูงถึง 38 องศาหรือติดต่อกันนานกว่า 4 ชั่วโมง
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ไปพบแพทย์หากบาดแผลไม่หายดี.
    บาดแผลโดยส่วนใหญ่มักใช้เวลา 3-7 วันในการฟื้นฟู หรือประมาณ 2 สัปดาห์หากบาดแผลค่อนข้างรุนแรง ซึ่งหากแผลของคุณใช้เวลาในการฟื้นฟูนานเกินไป อาจเป็นผลมาจากการติดเชื้อหรือปัญหาอื่นๆ ได้ ถ้าบาดแผลยังคงไม่หายดีหลังผ่านไปแล้ว 1 สัปดาห์ ให้รีบไปพบแพทย์โดยทันที[22]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

ช่วยให้แผลฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 รักษาความชุ่มชื้น.
    ยาทาปฏิชีวนะไม่เพียงช่วยในการป้องกันการติดเชื้อเท่านั้น แต่ยังช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นในบาดแผลได้ด้วย แผลที่แห้งจะใช้เวลาในการฟื้นฟูมากขึ้น และความชุ่มชื้นนี้สามารถช่วยเร่งกระบวนการรักษาให้เร็วขึ้นได้ ทายาทุกครั้งเมื่อคุณปิดแผล และถึงแม้จะไม่จำเป็นต้องปิดแผลแล้ว แต่ก็ควรทายาเพื่อรักษาความชุ่มชื้นและช่วยในกระบวนการฟื้นฟู[23]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 หลีกเลี่ยงการขูดหรือแกะสะเก็ดแผล.
    บางครั้งบาดแผลหรือรอยถลอกก็จะตกสะเก็ด ซึ่งสะเก็ดแผลนี้จะช่วยป้องกันบาดแผลในระหว่างฟื้นฟู ดังนั้น คุณจึงไม่ควรขูดหรือพยายามแกะสะเก็ดแผล เพราะการแกะสะเก็ดแผลจะทำให้ร่างกายต้องเริ่มทำการฟื้นฟูแผลใหม่อีกครั้ง และทำให้กระบวนการรักษาช้าลง[24]
    • ในบางครั้งสะเก็ดแผลอาจหลุดออกโดยไม่ได้ตั้งใจ และทำให้เลือดเริ่มไหลอีกครั้ง หากสะเก็ดแผลหลุดออก ให้ทำความสะอาดและทำแผลเหมือนกับบาดแผลชนิดอื่น
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ลอกพลาสเตอร์ยาออกช้าๆ.
    แม้เรามักจะได้ยินว่าควรลอกพลาสเตอร์ยาออกอย่างรวดเร็ว แต่การทำเช่นนี้จะทำให้แผลหายช้าลงได้ เนื่องจากการดึงพลาสเตอร์ยาออกเร็วๆ จะลอกสะเก็ดแผลออกมาและทำให้แผลเปิดอีกครั้ง จึงทำให้กระบวนการรักษาถูกขัดขวาง ดังนั้น คุณจึงควรแกะพลาสเตอร์ยาออกอย่างช้าๆ และเพื่อให้ลอกพลาสเตอร์ยาออกมาได้ง่ายขึ้น ให้แช่บริเวณบาดแผลในน้ำอุ่น เพื่อลดความเหนียวของพลาสเตอร์ยาและทำให้ลอกออกมาได้โดยรู้สึกเจ็บน้อยลง[25]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 หลีกเลี่ยงการใช้ยาฆ่าเชื้อที่รุนแรงกับบาดแผลขนาดเล็ก....
    หลีกเลี่ยงการใช้ยาฆ่าเชื้อที่รุนแรงกับบาดแผลขนาดเล็ก. แอลกอฮอล์ เปอร์ออกไซด์ ไอโอดีน และสบู่ที่รุนแรงกับผิว สามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองและอักเสบบริเวณบาดแผล ซึ่งจะส่งผลให้กระบวนการรักษาของแผลช้าลง และอาจทำให้เกิดแผลเป็นได้ สำหรับบาดแผลขนาดเล็กและรอยถลอก สิ่งที่คุณต้องใช้มีเพียงน้ำเปล่า สบู่สูตรอ่อนโยน และยาทาปฏิชีวนะเท่านั้น[26]
  5. How.com.vn ไท: Step 5 นอนหลับอย่างเพียงพอ.
    ร่างกายจะทำการซ่อมแซมตัวเองในขณะที่คุณนอนหลับ ซึ่งหากคุณนอนหลับไม่เพียงพอ ก็จะทำให้บาดแผลใช้เวลาในการฟื้นฟูนานยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การนอนหลับยังเป็นสิ่งจำเป็นต่อระบบภูมิคุ้มกันโรค ที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อในระหว่างฟื้นฟูบาดแผล พยายามนอนหลับอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยให้แผลของคุณฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ[27][28]
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นด้วยการทานอาหารที่เหมาะสม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ทานโปรตีนวันละ 2-3 จาน.
    โปรตีนเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของผิวหนังและเนื้อเยื่อ ดังนั้น การทานโปรตีนวันละ 2-3 จานจะช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูของบาดแผลได้ แหล่งโปรตีนที่ดี ได้แก่[29][30]
    • เนื้อสัตว์และสัตว์ปีก
    • ถั่ว
    • ไข่
    • ผลิตภัณฑ์นม เช่น นม ชีส และโยเกิร์ต โดยเฉพาะกรีกโยเกิร์ต
    • ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ทานไขมันในปริมาณมากขึ้น.
    ไขมันเป็นสิ่งจำเป็นต่อการสร้างเซลล์ ดังนั้น คุณจึงจำเป็นต้องได้รับไขมันในปริมาณมาก เพื่อให้แผลของคุณฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ควรมั่นใจว่าไขมันที่รับประทานเข้าไปนั้นเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนและไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว หรือที่เรียกว่าไขมันดี ไขมันอิ่มตัวที่พบในอาหารขยะนั้นไม่มีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูของแผล และยังทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาได้[31]
    • แหล่งของไขมันดีที่จะช่วยในการฟื้นฟู ได้แก่ เนื้อไม่มีมัน น้ำมันพืช เช่น น้ำมันทานตะวันหรือน้ำมันมะกอก และผลิตภัณฑ์นม[32]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ทานคาร์โบไฮเดรตเป็นประจำ.
    คาร์โบไฮเดรตเป็นสิ่งสำคัญต่อร่างกาย เนื่องจากร่างกายจะใช้คาร์โบไฮเดรตในการสร้างพลังงาน หากไม่ได้รับคาร์โบไฮเดรต จะทำให้ร่างกายของคุณนำสารอาหารชนิดอื่นๆ เช่น โปรตีน ไปสร้างพลังงานแทน ซึ่งจะส่งผลให้กระบวนการฟื้นฟูช้าลง เนื่องจากบาดแผลได้สูญเสียโปรตีนและไขมันที่ช่วยในการฟื้นฟู หลีกเลี่ยงไม่ให้ร่างกายขาดคาร์โบไฮเดรตโดยการทานธัญพืช ขนมปัง ข้าว และพาสต้าเป็นประจำทุกวัน[33]
    • ควรรับประทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนมากกว่าคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เนื่องจากคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจะใช้เวลาในการย่อยช้ากว่า จึงไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น อาหารที่เป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ได้แก่ ขนมปังโฮลเกรน ธัญพืช พาสต้า มันเทศ และข้าวโอ๊ตเต็มเมล็ด ซึ่งนอกจากจะอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตแล้ว ยังมีปริมาณไฟเบอร์และโปรตีนสูงอีกด้วย[34]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ทานวิตามินเอและซีอย่างเพียงพอ.
    ทั้งวิตามินเอและวิตามินซีมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูบาดแผล โดยจะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์และป้องกันการอักเสบ ทั้งยังช่วยต่อต้านการติดเชื้อในระหว่างฟื้นฟูบาดแผล[35]
    • แหล่งสำคัญของวิตามินเอ ได้แก่ มันเทศ ผักปวยเล้ง แครอท ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาแซลมอน ไข่ และผลิตภัณฑ์นม
    • แหล่งสำคัญของวิตามินซี ได้แก่ ส้ม พริกหวานสีเหลือง ผักสีเขียวเข้ม และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
  5. How.com.vn ไท: Step 5 เพิ่มธาตุเหล็กในอาหาร.
    ธาตุเหล็กจะช่วยสังเคราะห์โปรตีนและสร้างคอลลาเจน ซึ่งช่วยในการรักษาแผลให้หายดีขึ้น ควรรับประทานเนื้อแดง ธัญพืช และสัตว์น้ำที่มีเปลือกแข็ง เพื่อให้ร่างกายได้รับธาตุเหล็กในปริมาณที่เพียงพอ[36][37]
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ดื่มน้ำมากๆ.
    การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ซึ่งจะช่วยนำสารอาหารที่จำเป็นไปสู่บาดแผล นอกจากนี้ น้ำเปล่ายังทำให้ร่างกายได้ขับพิษ จึงช่วยป้องกันการติดเชื้อได้[38]
    โฆษณา

คำเตือน

  • ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร หากคุณมีอาการเจ็บป่วยที่มีอยู่ก่อนหรือที่เกิดขึ้นในช่วยการกำหนดอาหาร ให้ขอคำแนะนำจากแพทย์เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียใดๆ ต่อร่างกาย
  • โทรเรียกรถพยาบาลหรือรีบไปโรงพยาบาลหากแผลของคุณมีเลือดออกไม่หยุดนานกว่า 10 นาที หากมีสิ่งแปลกปลอมที่ไม่สามารถเอาออกได้ หรือหากบาดแผลลึกหรือยาว[39]
โฆษณา
  1. http://www.seattlechildrens.org/medical-conditions/symptom-index/skin-injury/
  2. http://www.webmd.com/first-aid/tc/cuts-when-stitches-are-needed-topic-overview
  3. http://www.seattlechildrens.org/medical-conditions/symptom-index/skin-injury/
  4. http://www.webmd.com/first-aid/tc/cuts-when-stitches-are-needed-topic-overview
  5. http://www.webmd.com/first-aid/tc/cuts-when-stitches-are-needed-topic-overview
  6. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-animal-bites/basics/art-20056591
  7. http://www.webmd.com/a-to-z-guides/wound-care-10/diabetic-wounds
  8. http://www.medicinenet.com/script/main/art.asp?articlekey=47225&page=2
  9. http://www.seattlechildrens.org/medical-conditions/symptom-index/skin-injury/
  10. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-cuts/basics/art-20056711
  11. http://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/symptoms-of-infection-after-a-skin-injury
  12. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000741.htm
  13. http://www.webmd.com/first-aid/tc/how-a-scrape-heals-topic-overview
  14. http://www.webmd.com/a-to-z-guides/wound-care-10/slideshow-wound-care-dos-and-donts
  15. http://www.webmd.com/first-aid/tc/how-a-scrape-heals-topic-overview
  16. http://www.webmd.com/a-to-z-guides/wound-care-10/slideshow-wound-care-dos-and-donts
  17. http://www.webmd.com/a-to-z-guides/wound-care-10/reducing-scars?page=1
  18. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3400176/
  19. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000741.htm
  20. http://www.woundcarecenters.org/article/living-with-wounds/how-your-diet-can-aid-in-wound-healing
  21. http://www.woundcarecenters.org/article/living-with-wounds/how-your-diet-can-aid-in-wound-healing
  22. http://www.webmd.com/diet/obesity/skinny-fat-good-fats-bad-fats?page=3
  23. http://www.woundcarecenters.org/article/living-with-wounds/how-your-diet-can-aid-in-wound-healing
  24. http://www.woundcarecenters.org/article/living-with-wounds/how-your-diet-can-aid-in-wound-healing
  25. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/imagepages/19529.htm
  26. http://www.woundcarecenters.org/article/living-with-wounds/how-your-diet-can-aid-in-wound-healing
  27. http://my.clevelandclinic.org/health/healthy_living/hic_What_We_Eat_Affects_How_We_Feel/hic_Keeping_Your_Digestive_Tract_Healthy/hic_Nutrition_Guidelines_to_Improve_Wound_Healing
  28. http://www.woundcarecenters.org/article/living-with-wounds/how-your-diet-can-aid-in-wound-healing
  29. http://www.woundcarecenters.org/article/living-with-wounds/how-your-diet-can-aid-in-wound-healing
  30. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000593.htm

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Laura Marusinec, MD
ร่วมเขียน โดย:
แพทย์
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Laura Marusinec, MD. ดร.มารูซิเน็กเป็นกุมารแพทย์ที่มีใบรับรองในวิสคอนซิน เธอสำเร็จปริญญาโทจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิสคอนซินในปี 1995 บทความนี้ถูกเข้าชม 7,174 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,174 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา