วิธีการ คำนวณหาช่วงความเชื่อมั่น

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

ช่วงความเชื่อมั่น (confidence interval) คือตัวชี้วัดความแม่นยำในการวัด อีกทั้งยังเป็นตัวชี้วัดความคงที่ของค่าประมาณการ ซึ่งเป็นวิธีการประเมินว่าการวัดของคุณนั้นจะใกล้เคียงกับค่าประมาณการเดิมมากเท่าไหร่หากทำการทดลองซ้ำอีกครั้ง คุณสามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อคำนวณช่วงความเชื่อมั่นของข้อมูลของคุณได้ ดังนี้

  1. How.com.vn ไท: Step 1 เขียนสิ่งที่คุณต้องการจะทดสอบ.
    สมมติว่าคุณกำลังศึกษาสถานการณ์ต่อไปนี้อยู่ น้ำหนักเฉลี่ยของนักศึกษาเพศชายในมหาวิทยาลัยเอบีซีคือ 180 ปอนด์ คุณกำลังจะทดสอบว่าคุณจะคาดการณ์น้ำหนักของนักศึกษาเพศชายของมหาวิทยาลัยเอบีซีได้แม่นยำเพียงไรในช่วงความเชื่อมั่นที่กำหนด
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เลือกตัวอย่างของประชากร.
    ซึ่งจำเป็นสิ่งที่คุณใช้ในการรวบรวมข้อมูลเพื่อทดสอบสมมติฐานของคุณ สมมติว่าคุณสุ่มตัวอย่างนักศึกษาเพศชายจำนวน 1,000 คน
  3. How.com.vn ไท: Step 3 คำนวณค่าเฉลี่ยของตัวอย่างทดลอง และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มตัวอย่าง....
    คำนวณค่าเฉลี่ยของตัวอย่างทดลอง และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มตัวอย่าง. เลือกค่าทางสถิติของกลุ่มตัวอย่าง(เช่น ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) ที่คุณต้องการใช้เพื่อประมาณพารามีเตอร์ของประชากรที่คุณเลือก พารามีเตอร์ของประชากรคือค่าที่ใช้แทนลักษณะบางอย่างของประชากร คุณสามารถหาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มตัวอย่างของคุณได้ดังนี้
    • ในการคำนวณค่าเฉลี่ยของข้อมูลนั้น แค่รวมน้ำหนักของผู้ชายทั้ง 1,000 คนเข้าด้วยกัน แล้วหารผลรวมด้วยจำนวนผู้ชาย ในที่นี้คือ 1,000 คน การทำเช่นนี้จำทำให้คุณได้ค่าเฉลี่ยออกมาเป็นน้ำหนัก 180 ปอนด์
    • ในการหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มตัวอย่าง คุณจำเป็นต้องหาค่าเฉลี่ยของข้อมูลเสียก่อน จากนั้นคุณต้องหาความแปรปรวนของข้อมูล หรือค่าเฉลี่ยของส่วนต่างของข้อมูลเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย เมื่อได้ค่านี้มาแล้ว ก็ให้หารากที่สองของค่านั้น สมมติว่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในที่นี้คือ 30 ปอนด์ (จำไว้ว่าข้อมูลส่วนนี้บางครั้งมีมาให้เมื่อจำเป็นต้องทำโจทย์สถิติ)
  4. How.com.vn ไท: Step 4 เลือกระดับความเชื่อมั่นที่คุณต้องการ.
    ระดับความเชื่อมั่นที่เลือกใช้กันทั่วไปอยู่ที่ 90% 95% และ99% ซึ่งค่านี้ก็จะให้มาเมื่อต้องแก้โจทย์แช่นกัน สมมติว่าคุณเลือก 95%.
  5. How.com.vn ไท: Step 5 คำนวณความคลาดเคลื่อน.
    คุณสามารถหาค่านี้ได้โดนใช้สูตรต่อไปนี้: Za/2 * σ/√(n). Za/2 = สัมประสิทธิ์ความเชื่อมั่น, ซึ่ง a =ระดับความเชื่อมั่น, σ = ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน, and n = ขนาดกลุ่มตัวอย่าง พูดได้อีกอย่างหนึ่งว่าวิธีการนี้เป็นวิธีการคูณค่าวิกฤติด้วยค่าความคลาดเคลื่อน สามารถแก้สมการนี้ได้โดยแยกออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้
    • การหาค่าวิกฤติ หรือ Za/2: ในที่นี้ ค่าความเชื่อมั่นคือ 95% แปลงให้ค่าร้อยละเป็นทศนิยม จะได้ 0.95 จากนั้นหารด้วย 2 จะได้ 0.475 จากนั้นเข้าไปดูz table เพื่อหาค่าที่สอดคล้องกับ 0.475คุณจะเห็นว่าค่าที่ใกล้เคียงที่สุดคือ 1.96 ในแถว 1.9 คอลัมน์ 0.06
    • ในการหาค่าความคลาดเคลื่อน ให้นำค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (30) หารด้วยรากที่สองของขนาดกลุ่มตัวอย่าง (1,000) จะได้ 30/31.6 หรือ 0.95 ปอนด์
    • คูณ 1.96 ด้วย 0.95 (คือ ค่าวิกฤติ คูณด้วยค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐาน) ค่าความคลาดเคลื่อนเท่ากับ 1.86
  6. How.com.vn ไท: Step 6 บอกช่วงค่าความเชื่อมั่น.
    โดยนำค่าเฉลี่ย (180) มาเขียนไว้หน้าเครื่องหมาย ± ที่ตามด้วยค่าคลวามคลาดเคลื่อน ดังนั้ คำตอบคือ: 180 ± 1.86 คุณสามารถหาขอบล่างและขอบบนของช่วงความเชื่อมั่นได้โดยการบวกและลบค่าความคลาดเคลื่อนจากค่าเฉลี่ย ดังนั้น ขอบล่างคือ 180 – 1.86 หรือ 178.14 และขอบบนคือ 180 + 1.86 หรือ 181.86
    • คุณสามารถใช้สูตรต่อไปนี้เพื่อหาช่วงความเชื่อมั่นได้อย่างง่ายดาย: x̅ ± Za/2 * σ/√(n). ในที่นี้ x̅ แทนความเฉลี่ย
    โฆษณา

คำแนะนำ

  • ทั้งคะแนนที (t scores) และคะแนนซี (z scores) สามารถคำนวณได้ด้วยตัวเอง หรือจะคำนวณโดยใช้เครื่องคำนวณที่แสดงผลเป็นกราฟหรือตารางสถิติ ซึ่งหาได้ในหนังสือเรียนสถิติ คะแนนซี (Z scores) พบได้ในการใช้เครื่องคำนวณการแจกแจงแบบปกติ (Normal Distribution Calculator) ในขณะที่คะแนนที(t scores) พบได้ในเครื่องคำนวณการแจกแจงค่าที (t Distribution Calculator) ซึ่งสามารถใช้ออนไลน์ได้
  • ตัวอย่างประชากรที่เป็นปกติเพื่อให้ช่วงความเชื่อมั่นเป็จริง
  • ค่าวิกฤติที่ใช้ในการคำนวณความคาดเคลื่อเป็นค่าคงที่ที่เป็นคะแนนที หรือคะแนนซี อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วคะแนนทีจะใช้เมื่อไม่ทราบส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของประชากร หรือใช้เมื่อกลุ่มตัวอย่างมีขนาดเล็ก
  • มีหลายวิธีที่คุณสามารถตัวอย่างแทนประชากรทั้งหมดซึ่งจะใช้ในการทดสอบสมมติฐานได้ เช่น การสุ่มตัวอย่าง การเลือกตัวอย่างอย่างเป็นระบบ การเลือกตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ
  • ช่วงความเชื่อมั่นไม่ได้ระบุความเป็นไปได้ของผลลัพธ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น ช่วงความเชื่อมั่นระดับ95 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีค่าเฉลี่ยของประชากรระหว่าง 75 และ 100ช่วงความเชื่อมั่น 95 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้หมายความว่ามีโอกาส 95 เปอร์เซ็นต์ที่ค่าเฉลี่ยจะอยู่ในช่วงที่คำนวณไว้

เครื่องมือ

  • ตัวอย่างประชากร
  • คอมพิวเตอร์
  • การเข้าถึงอินเตอร์เน็ต
  • หนังสือเรียนสถิติ
  • เครื่องคำนวณที่แสดงผลเป็นกราฟ

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Mario Banuelos, PhD
ร่วมเขียน โดย:
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Mario Banuelos, PhD. มาริโอ บันเวลอสเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยรัฐแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเฟรสโน มาริโอเชี่ยวชาญชีววิทยาเชิงคณิตศาสตร์ การหาค่าเหมาะที่สุด แบบจำลองทางสถิติสำหรับวิวัฒนาการจีโนม และวิทยาศาสตร์ข้อมูล มาริโอได้รับปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาคณิตศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรัฐแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเฟรสโน และได้รับปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเมอร์เซด มาริโอได้สอนทั้งระดับมัธยมและวิทยาลัย บทความนี้ถูกเข้าชม 121,319 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 121,319 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา