บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Marrow Private Chefs. Marrow Private Chefs อยู่ที่ชายหาดซานตาโรซา รัฐฟลอริดา เป็นกลุ่มคนที่ประกอบด้วยเชฟและผู้เชี่ยวชาญการประกอบอาหารที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้โดยภูมิภาคแล้วจะได้รับอิทธิพลจากสไตล์และรสชาติอาหารชายฝั่งทะเล อาหารพื้นเมืองทางใต้ อาหารครีโอล และอาหารเคจันเป็นส่วนใหญ่ แต่เชฟที่ Marrow มีความเชี่ยวชาญในการทำอาหารทุกประเภท โดยมีประสบการณ์การทำอาหารรวมกันมากกว่า 75 ปี
บทความนี้ถูกเข้าชม 23,599 ครั้ง
สวิสชาร์ด หรือที่รู้จักกันว่า ชาร์ด เป็นพืชหัวชนิดหนึ่งที่เติบโตพร้อมกับใบสีเขียวเข้มแทนที่จะเป็นราก สวิสชาร์ดอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และยังมีวิตามินอีกมากมายหลายชนิด และยังประกอบไปด้วยแร่ธาตุที่มากกว่าผักใบเขียวส่วนใหญ่ แถมมีเส้นใยอาหารสูงอีกด้วย ถ้าหากว่าทำการเตรียมและปรุงอาหารมันอย่างถูกวิธีแล้วล่ะก็ อร่อยอย่าบอกใครเชียวล่ะ ถ้าคุณอยากจะรู้วิธีเตรียมสวิสชาร์ดและสูตรการประกอบอาหารหลากหลายชนิดของมัน ขอให้ตามขั้นตอนเหล่านี้มาเลย
ส่วนประกอบ
- เนย 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงขนาดเล็กหั่นเต๋าครึ่งลูก
- สวิสชาร์ด 1 กำ
- ไวน์ขาวชนิดไม่หวาน 1/2 ถ้วย
- น้ำเลมอนสด 1 ช้อนโต๊ะ
- ชีสพาเมซานขูดฝอย 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือเพื่อเพิ่มรสชาติ
- น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูตำละเอียด 1 ช้อนชา
- กระเทียมตำละเอียด 1 กลีบ
- เห็ดพอร์โทเบลโลห่อละ 3.5 กรัม
- ต้นหอมสับ 1 ต้น
- น้ำสต็อกไก่ 1 ถ้วย
- สวิสชาร์ด 1 กำ
- ชีสพาร์เมซานขูดฝอย 2 ถ้วย
- เชอร์รี่แห้ง ½ ถ้วย
- ลูกเกด ½ ถ้วย
- น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
- อัลมอนสไลด์ ½ ถ้วย
- กระเทียมฝานบาง 4 กลีบ
- สวิสชาร์ด 4 กำ
- พริกจาลาปิโนแดง (jalapeño) 1 เม็ด
- ผิวเลมอนขูดละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเลมอน 2 ช้อนชา
- เกลือและพริกไทยเพื่อเพิ่มรสชาติ
ขั้นตอน
- เลือกสวิสชาร์ดที่สุขภาพสมบูรณ์. ในการเลือก ให้ดูใบที่ดกๆ และเขียวชอุ่ม ไม่เป็นสีน้ำตาล ไม่ร่วงโรย และไม่มีความเสียหายใดๆ ต้นสวิสชาร์ดนั้นค่อนข้างเปราะบาง ฉะนั้นต้องหาต้นที่สมบูรณ์และไม่มีรอยช้ำ แม้ว่าสวิสชาร์ดจะมีหลากหลายรูปแบบ แต่ทุกชนิดก็ต้องดูสมบูรณ์ สุขภาพดี ลอยน้ำได้ และใบไม่ร่วงโรยหรือเหี่ยวเฉา[1]
- เลือกสวิสชาร์ดจากหลายๆ รูปแบบ. สวิสชาร์ดนั้นมีหลากหลายชนิดมากเลยล่ะ ก้านของมัน ส่วนที่ต่อจากลำต้นไปถึงใบจะมีหลายสีด้วยกัน ทั้งแดง ขาว หรือเหลือง และรสชาติก็ยังต่างกันอีกด้วย ฉะนั้นจึงต้องลองดูว่ารสชาติแบบไหนกันแน่ที่คุณชอบ สวิสชาร์ดก้านสีแดงนั้นมักจะออกหวานบ่อยๆ และจะขมน้อยกว่าสวิสชาร์ดก้านสีขาว ชาร์ดหลายชนิดมีวิธีเตรียมการที่เหมือนกัน จะต่างกันก็แค่รสชาติเท่านั้น
- ก้านที่แตกต่างกันออกไปนั้นก็ต่างที่ความกว้างด้วยเช่นกัน คนบางคนอาจชอบกินก้าน แต่บางคนก็ชอบกินใบมากกว่า ถ้าชอบกินก้านแล้วล่ะก็ ให้เลือกสวิสชาร์ดที่มีก้านอวบหนา แต่ถ้าชอบกินใบ ให้เลือกที่ก้านบางๆ แทน
- ล้างทำความสะอาดชาร์ด. ก่อนที่จะนำชาร์ดไปปรุงอาหาร จำเป็นต้องล้างเสียก่อน สิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือล้างในอ่างที่เต็มไปด้วยน้ำเย็น กรองน้ำออกแล้วล้างใหม่จนกว่าชาร์ดจะไม่มีเศษดินเศษฝุ่นปนเปื้อนอีก ถ้าเกิดว่าคุณได้ชาร์ดมาจากตลาดของชาวสวน แน่นอนว่าย่อมได้ชาร์ดที่สดกว่า และมีดินติดมามากกว่า ฉะนั้นล้างให้สะอาดล่ะ แต่ว่าถ้ายังไม่คิดจะนำชาร์ดมาทำอาหารก็อย่าเพิ่งล้างมันเสียก่อนล่ะ ไม่อย่างนั้นมันจะเหี่ยวเฉาลง
- ตัดสินใจว่าจะหั่นแยกส่วนหรือใช้ทั้งต้นเลย. สำหรับสวิสชาร์ดใบเล็กๆ อาจใช้ได้ทั้งหมดหรือใส่ลงในสลัดก็ได้ ชาร์ดที่ใบใหญ่และก้านเล็กก็ใช้ได้ทั้งต้นเช่นกัน แต่ถ้าเกิดว่าจะปรุงอาหารด้วยสวิสชาร์ดก้านใหญ่ๆ แล้วล่ะก็ ต้องแยกชิ้นส่วนด้วยการเด็ดใบออกจากก้าน เพราะก้านต้องใช้เวลานานกว่านิดหน่อยในการทำให้สุก เพราะความเหนียวทนที่มากกว่าส่วนใบนั่นเองโฆษณา
- นึ่งสวิสชาร์ดในหม้อนึ่ง. ใส่ก้านสวิสชาร์ดหนาๆ ลงไปในหม้อนึ่งประมาณสองสามนาทีก่อนที่จะใส่ใบตามลงไป ใบจะสุกใน 1-2 นาที และเสร็จขั้นตอนนี้เมื่อใบสวิสชาร์ดเริ่มเหี่ยวและนุ่ม
- อบสวิสชาร์ดในไมโครเวฟ. อบก้านสวิสชาร์ดบางๆ ทั้งต้นในไมโครเวฟพร้อมกับน้ำที่ยังหลงเหลืออยู่จากการล้าง ใช้เวลาประมาณ 1-2 นาที โดยไมโครเวฟนั้นมีกำลังไฟที่ต่างกันออกไป ฉะนั้นให้ตรวจดูสวิสชาร์ดบ่อยๆ แล้วคิดว่าจะต้องใช้เวลาประมาณเท่าไร ถ้าคุณอบมันนานเกินไป มันอาจเละได้ ฉะนั้นให้เริ่มตรวจดูตั้งแต่ผ่าน 1 นาทีไปได้เลย
- เคี่ยวสวิสชาร์ดในกระทะ. เติมน้ำเข้าไปในกระทะให้พอท่วม ใส่ต้นสวิสชาร์ดหนาๆ ลงไปในน้ำประมาณ 1 หรือ 2 นาทีก่อนที่จะใส่ใบตามลงไป และใช้เวลาต่ออีก 1 ถึง 2 นาที
- ผัดสวิสชาร์ดด้วยไฟกลาง. ใส่น้ำมันมะกอกหรือเนย 2-3 ช้อนโต๊ะลงในกระทะและรอให้มันร้อน หลังจากนั้นให้ใส่ลำต้นของสวิสชาร์ดลงไป ผัดอยู่ประมาณ 2-3 นาทีก่อนที่จะใส่ใบชาร์ดตาม คุณจะหั่นลำต้นออกเป็นส่วนละ 4 นิ้วเพื่อความง่ายขึ้นก็ย่อมได้ แล้วผัดต่ออีกประมาณ 5 นาทีจนกว่าสวิสชาร์ดจะนุ่มขึ้น
- แช่แข็งสวิสชาร์ด. คุณจะเก็บสวิสชาร์ดไว้เป็นปีๆ ด้วยการแช่แข็งก็ย่อมได้ โดยให้ล้างสวิสชาร์ดและลวกโดยใส่ลงไปในน้ำเดือดประมาณ 2-3 นาที นำมาช็อคน้ำเย็นในอ่างใส่น้ำแข็ง รีดน้ำออกและใส่สวิสชาร์ดลงไปในถุงมีซิปล็อคโดยไม่ให้มีช่องว่าง แล้วค่อยใส่เก็บไว้ในช่องแช่แข็งโฆษณา
- เด็ดใบออก. ดึงใบออกจากลำต้นและก้าน หั่นหยาบๆ และใส่ไว้ในชาม[2]
- หั่นส่วนลำต้นและก้าน. ให้ได้ชิ้นละประมาณ 2-3 นิ้ว (5-7.6 เซนติเมตร)
- ใส่เนยละลาย 2 ช้อนโต๊ะและน้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะลงในกระทะ. ละลายเนยด้วยไฟกลางค่อนไปทางแรงและรอให้เนยละลายทั้งก้อน
- ผสมกระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะเข้ากับหอมแดงขนาดเล็กหั่นเต๋าครึ่งลูก. ผัดให้เข้ากันอย่างน้อย 20 วินาที จนได้กลิ่นหอม
- ใส่ลำต้นชาร์ดลงไปและตามด้วยไวน์ขาวรสไม่หวาน ½ ถ้วย. เคี่ยวต้นชาร์ดประมาณ 5 นาทีหรือจนกว่าลำต้นจะอ่อนนุ่มลง
- ผัดใบลงไปด้วย. ผัดจนกว่าใบจะเหี่ยว ใช้เวลาประมาณ 3 นาที ปิดไฟแล้วใส่ชาร์ดเอาไว้ในชาม
- ผสมกับน้ำเลมอนสดๆ 1 ช้อนโต๊ะกับชีสพาเมซานขูดฝอย 2 ช้อนโต๊ะ. ผสมชาร์ดเข้ากับน้ำเลมอนและชีสพาเมซาน เหยาะเกลือเพื่อเพิ่มรสชาติ
- เสิร์ฟชาร์ดได้ทันที. จัดจานให้สวยงามและรับประทานเป็นเครื่องเคียงก็ได้โฆษณา
- หั่นเห็ดพอร์โทเบลโล. หั่นเห็ดพอร์โทเบลโลให้ได้ความยาวชิ้นละประมาณ ½ ถึง 2 นิ้ว (1.2 ถึง 5 เซนติเมตร)[3]
- เฉือนและหั่นสวิสชาร์ด. ไม่จำเป็นต้องหั่นให้เท่ากันไปทุกชิ้นเลยก็ได้ แค่หั่นให้พอที่จะใส่ลงในกระทะได้ก็พอ โดยต้องไม่ยาวเกิน 5 นิ้ว (12 เซนติเมตร) เมื่อรวมกับใบแล้ว
- อุ่นน้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะในหม้อขนาดใหญ่ด้วยไฟกลางค่อนไปทางแรง.
- ผสมพริกขี้หนูตำละเอียด 1 ช้อนชากับกระเทียมตำละเอียด 1 กลีบลงในน้ำมัน.
- ผสมเห็ดลงไปในส่วนผสม. ใส่เห็ดลงไปเคี่ยวจนนุ่มขึ้นและเริ่มมีน้ำไหลออกมา โดยใช้เวลาประมาณ 3-5 นาที
- ผสมต้นหอมสับ 1 ต้นลงไปในส่วนผสม. ผัดอีกประมาณ 5 นาที จนกว่าต้นหอมจะนุ่ม
- ผสมน้ำสต็อกไก่ 1 ถ้วยและสวิสชาร์ดลงไป. แล้วรอจนกว่าใบชาร์ดจะเริ่มเหี่ยว โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
- เปิดฝาออก. ให้อุ่นจนกว่าชาร์ดจะนุ่มขึ้นและน้ำเริ่มระเหยไปหมด ดูให้แน่ใจว่าไม่ได้ทำชาร์ดไหม้ถ้าน้ำระเหยเร็วเกินไป โดยขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 5 นาที
- โรยชีสพาเมซานขูดฝอยลงบนชาร์ด. และพักทิ้งไว้ให้ชีสละลายไปเอง
- เสิร์ฟได้เลย. เสิร์ฟชาร์ดและเห็ดพอร์โทเบลโลเป็นเครื่องเคียง หรือจะเป็นอาหารจานหลักก็ได้นะ โดยจะกินกับคีนัวหรือพาสต้าโฮลวีตก็ย่อมได้โฆษณา
- ดึงก้านตรงกลางและต้นสวิสชาร์ดออกไป. ในสูตรนี้คุณไม่ต้องการมันยังไงล่ะ[4]
- หั่นใบชาร์ดออกเป็นชิ้นละ 2 นิ้ว (5 เซนติเมตร)
- เคี่ยวเชอร์รี่แห้ง ½ ถ้วยและลูกเกด ½ ถ้วยในกระทะเล็กๆ
- นำออกจากเตา. ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็น
- อุ่นน้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะในหม้อขนาดใหญ่ด้วยไฟกลางค่อนไปทางแรง.
- ใส่อัลมอนด์ฝานบางลงไป ½ ถ้วย. ผัดบ่อยๆ จนกว่าจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ใช้เวลาประมาณ 2 นาที
- เติมกระเทียมฝานบาง 4 กลีบลงไป. ผัดต่ออีกประมาณนาทีหนึ่ง จนกว่ากระเทียมจะส่งกลิ่นหอม แต่ยังไม่เปลี่ยนสี
- ใส่ชาร์ดลงไปในหม้อ. ใส่ชาร์ดลงไปกำมือหนึ่งแล้วผัดจนกว่าใบจะเหี่ยว ค่อยใส่กำต่อไปลงไป ผัดจนกว่าใบชาร์ดจะอ่อนนุ่ม โดยใช้เวลาประมาณ 4 นาที
- เทส่วนผสมของลูกเกดและเชอร์รี่ลงไปในชาร์ด.
- เติมผิวเลมอนขูดละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเลมอน 2 ช้อนชา และพริกจาลาปิโนฝานบาง 1 เม็ดลงไปในส่วนผสม.
- ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยเพื่อเพิ่มรสชาติ. เติมรสชาติให้ผสมผสานเข้ากับชาร์ด
- เสิร์ฟได้เลย. เสิร์ฟสวิสชาร์ดเผ็ดหวานให้เป็นเครื่องเคียงก็ได้โฆษณา
เคล็ดลับ
- สวิสชาร์ดไม่สามารถนำไปบรรจุในกระป๋องได้
- สวิสชาร์ดแช่แข็งสามารถอยู่ได้เป็นปี โดยให้ล้างสวิสชาร์ดและลวกโดยใส่ลงไปในน้ำเดือดประมาณ 2-3 นาที นำมาช็อคน้ำเย็นในอ่างใส่น้ำแข็ง รีดน้ำออกและใส่สวิสชาร์ดลงไปในถุงมีซิปล็อคโดยไม่ให้มีช่องว่าง แล้วค่อยใส่เก็บไว้ในช่องแช่แข็ง
- สวิสชาร์ดก้านสีแดงจะไปเปลี่ยนสีอาหารอื่นๆ ที่ปรุงพร้อมกันด้วย
คำเตือน
- สวิสชาร์ดไม่เหมาะกับการเก็บไว้เท่าไร จะดีที่สุดหากไปซื้อหรือเก็บเกี่ยวเองภายใน 3 วันที่ต้องการนำมาทำอาหารกิน หรือเร็วกว่านั้นก็ดีถ้าเป็นไปได้
ข้อมูลอ้างอิง
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.