วิธีการ หยุดอาการนอนกรน

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

เสียงกรนแหบแห้งและแสบหูที่เกิดขึ้นเมื่อการหายใจของคุณถูกขัดขวางระหว่างการนอนหลับ อาจเป็นความน่ากลัวที่ดูปกติ แต่ที่จริงแล้วการนอนกรนไม่เพียงเป็นการรบกวนผู้อื่น แต่ยังทำให้คุณรู้สึกง่วงเหงาหาวนอน อ่อนเพลียในระหว่างวัน และยังอาจทำให้ไม่มีสมาธิ เกิดความดันโลหิตสูง เจ็บคอและหน้าอกได้อีกด้วย การนอนกรนเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความผิดปกติของโครงสร้างในช่องปาก การดื่มแอลกอฮอล์ ความอ้วน โรคภูมิแพ้ การติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนบน หรือโรคหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น[1] สำหรับสาเหตุอันตรายของการนอนกรน เช่น การหยุดหายใจขณะหลับ ควรไปรับการรักษาทางการแพทย์ แต่หากเป็นสาเหตุที่ไม่อันตรายก็มักจะรักษาได้ด้วยการปรับวิธีการและรูปแบบการนอน รวมไปถึงเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ชีวิตบางอย่างของตัวคุณด้วย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

เปลี่ยนนิสัยในการนอน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 นอนให้เป็นเวลาทุกวัน.
    ในบางคนอาการกรนเกิดขึ้นเพราะนอนไม่เป็นเวลา การทำงานเป็นเวลานานก่อนเข้านอน การอดนอนตอนกลางคืน หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นเวลานานจะทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนล้าอย่างที่สุด เมื่อร่างกายมีโอกาสที่จะได้หลับ มันจึง “หยุดการทำงานทันที” และนอนพักอย่างจริงจังเป็นเวลานาน ระหว่างการหลับนี้ กล้ามเนื้อด้านหลังของลำคอจะคลายออกมากกว่าเวลาปกติ ซึ่งมีแนวโน้มทำให้เกิดอาการกรนได้ [2]
    • เพื่อหลีกเลี่ยงสาเหตุนี้ ควรนอนให้เต็มอิ่มทุกคืน และเข้านอนในเวลาใกล้เคียงกันทุกคืน แม้ว่าแต่ละคนจะมีความต้องการการนอนหลับที่ต่างกัน แต่โดยมากแล้ว คนในวัยผู้ใหญ่ก็ควรได้รับการนอนหลับวันละ 7–9 ชั่วโมงจะดีที่สุด [3] ขณะที่เด็กหรือวัยรุ่นอาจต้องการการพักผ่อนที่มากกว่านั้น
    • นอนเมื่อถึงเวลานอนเท่านั้น การงีบหลับเป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยคืนพลังงานให้กับคุณเมื่อคุณมีตารางการนอนที่แน่นอนแล้ว แต่ถ้าคุณพยายามที่จะเปลี่ยนนิสัยในการนอน การงีบระหว่างวันจะส่งผลในทางตรงกันข้าม พยายามอย่างีบหลับระหว่างวันเพื่อให้คุณง่วงนอนเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
  2. How.com.vn ไท: Step 2 หลีกเลี่ยงสิ่งเร้าก่อนเข้านอน.
    เตียงมีไว้เพื่อนอนและทำกิจกรรมทางเพศเท่านั้น อย่าดูทีวีหรือเล่นมือถือ ควรปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดและหรี่ไฟจากมือถือและคอมพิวเตอร์ของคุณก่อนถึงเวลาเข้านอนหนึ่งชั่วโมง แพทย์สังเกตว่าตาของเราจะไวต่อแสงสีฟ้าจากหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ [4][5]
    • หลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นหลังเที่ยง ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ ชาที่มีคาเฟอีน หรือโซดา เพราะผลที่เกิดจากคาเฟอีนจะคงอยู่ในร่างกายได้นาน 5–10 ชั่วโมง ขึ้นกับขนาดของร่างกาย ปริมาณที่บริโภคเข้าไป และสุขภาพโดยรวมของตัวคุณเอง
    • หลีกเลี่ยงการทานอาหารก่อนเข้านอน 3 ชั่วโมง
    • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสารกดประสาท ซึ่งจะลดการทำงานของร่างกาย แม้ว่ามันจะทำให้คุณง่วงนอนได้ แต่แอลกอฮอล์ก็จะลดการเผาผลาญและรบกวนการทำงานของสมองระหว่างการนอนหลับ คุณอาจจะตื่นกลางดึกบ่อยครั้งถ้าดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเข้านอน [6]
    • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายก่อนเข้านอน 1–2 ชั่วโมง แพทย์แนะนำให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอหนักๆ 2–3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพราะจะเป็นการรบกวนวงจรชีวิตและทำให้คุณไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ในการนอนหลับ แต่การยืดเหยียดเบาๆ หรือการออกกำลังกายเบาๆ อย่างการเดินเล่นในช่วงเย็นจะช่วยให้คุณพร้อมที่จะนอนหลับพักผ่อนได้มากขึ้น [7]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ฝึกเทคนิกการหายใจก่อนเข้านอน.
    วิธีนี้จะช่วยให้คุณผ่อนคลายก่อนนอน และช่วยทำให้คุณมีวิธีการหายใจถูกต้องเหมาะสมก่อนนอนด้วย นี่คือวิธีในการฝึก 2 วิธีที่ควรลอง:[8]
    • หายใจลึก – วางมือด้านฝ่ามือลงบนท้องใต้ซี่โครงของคุณ วางนิ้วแต่ละมือมาชนกัน หายใจเข้า ช้าๆ ลึกๆ โดยขยายหน้าท้องออก เพื่อให้มั่นใจว่าคุณใช้กระบังลมในการหายใจไม่ใช่ใช้ซี่โครง กระบังลมจะช่วยสร้างแรกดูดเพื่อดึงอากาศเข้ามาในปอดของคุณได้มากกว่าการขยายตัวของซี่โครง ซึ่งขั้นตอนนี้ นิ้วมือทั้งสองข้างที่วางบนหน้าท้องของคุณควรจะแยกห่างจากกัน หายใจออกและทำซ้ำอีกครั้ง ฝึกการหายใจนี้ทุกครั้งที่คุณรู้สึกหายใจไม่เต็มที่ หรือเมื่อคุณสามารถทำได้ แรกๆ คุณอาจจะมีอาการมึนนิดหน่อยเนื่องจากคุณได้หายใจเอาออกซิเจนเข้าไปมากกว่าที่คุณเคยหายใจ
    • สร้างเสียงฮัมระหว่างหายใจ – ขณะที่คุณหายใจออก ทำเสียงฮัมไปด้วย วิธีนี้จะช่วยทำให้กระบังลมของคุณแข็งแรงขึ้น ฝึกแบบนี้เมื่อคุณรู้สึกหายใจไม่เต็มปอดหรือเมื่อคุณมีโอกาสทำได้
  4. How.com.vn ไท: Step 4 สร้างบรรยากาศที่เหมาะกับการนอน.
    ทำให้ห้องนอนมืดในช่วงกลางคืน ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนบอกว่า วงจรชีวิต 24 ชั่วโมงของคนเราเป็นผลมาจากแสงสว่างและความมืด เช่น หลายคนอาจไม่สามารถหลับได้ถ้ามีแสงอยู่ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนของเมืองที่มีการปรับเวลาให้เร็วขึ้น (Daylight saving time) เนื่องจากพระอาทิตย์ขึ้นเร็วในฤดูร้อน [9] เมื่อถึงเวลานอนให้ปิดที่บังแดดและม่านทั้งหมด ปิดไฟบนเพดาน เลือกใช้ม่านที่สามารถตัดแสงจากภายนอกได้ทั้งหมด ถ้ายังสว่างเกินไป หรือมีแสงลอดเข้ามามากเกินไปลองสวมผ้าปิดตาสำหรับนอน
    • ตั้งอุณภูมิห้องและร่างกายของคุณ เมื่อร่างกายง่วงนอนมันจะลดอุณหภูมิลงเอง คุณใช้ประโยชน์จากตรงนี้หลอกให้ร่างกายคิดว่าถึงเวลานอนแล้วด้วยการทำให้อุณหภูมิลดลง ถ้าข้างนอกอากาศเย็น ให้อาบน้ำร้อนและเมื่อคุณออกจากห้องน้ำ ร่างกายก็จะพบว่าอุณหภูมิลดลง ถ้าข้างนอกอากาศร้อน ปล่อยให้ห้องมีอากาศร้อนก่อนที่จะเปิดแอร์ปรับอุณหภูมิ
    • ถ้าคุณอาศัยอยู่ในที่อากาศแห้ง คุณอาจต้องเปิดเครื่องเพิ่มความชื้นในห้องระหว่างที่คุณหลับ บางครั้งคอก็ถูกทำให้ระคายเคืองได้ง่ายจากการหายใจเอาอากาศแห้งๆ เข้าไปตลอดคืน
    • เปิดเสียงที่ราบเรียบมีความถี่สม่ำเสมอ (white noise) คุณอาจฟังเพลงที่มีดนตรีเบาๆ หรือเปิดพัดลมทิ้งไว้เพื่อสร้างเสียงเบาๆ นี้
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ทำให้ห้องนอนมีอากาศที่ปราศจากสิ่งระคายเคือง....
    ทำให้ห้องนอนมีอากาศที่ปราศจากสิ่งระคายเคือง. เยื่อบุในลำคอและเพดานอ่อน เนื้อเยื่อเพดานปากด้านในจะระคายเคืองได้หากหายใจเอาฝุ่น ละอองเกสร ขี้รังแค หรือผงที่ลอยในอากาศเข้าไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณแพ้สิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว อาการระคายเคืองที่เกิดขึ้นนี้อาจะทำให้เยื่อบุคอบวม ทำให้ช่วงทางเดินหายใจแคบลงและมีโอกาสเกิดการกรนได้มากขึ้น โชคดีที่การกำจัดสิ่งระคายเคืองเหล่านี้ทำได้ง่ายๆ ด้วยการรักษาความสะอาดของห้องนอนและเตียงให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ด้วยวิธีเหล่านี้:[10]
    • ซักผ้าปูเตียงและปลอกหมอนทุกสัปดาห์ ถ้าคุณแพ้เกสรดอกไม้ ให้ใช้เครื่องอบผ้าแทนการตากแบบปกติ หรืออย่างน้อยก็ตากในร่มหรือที่ที่ไม่มีเกสรดอกไม้อยู่
    • เปลี่ยนปลอกหมอนใหม่ทุกหกเดือน
    • ดูดฝุ่นในห้องและทำความสะอาดสิ่งต่างๆ เป็นประจำ รวมถึงของที่ติดบนเพดานด้วย
    • อย่าให้สัตว์เลี้ยงของคุณขึ้นมาบนเตียง
  6. How.com.vn ไท: Step 6 นอนตะแคง.
    การกรนในวัยผู้ใหญ่มักเกิดจากเพดานอ่อนและช่องคอส่วนบนตกลงมาระหว่างนอนหลับ ทำให้อากาศเข้าไปยังปอดไม่สะดวก จนเกิดเป็นเสียงกรนแบบ “รัว” ทุกครั้งที่หายใจ [11] เมื่อคุณนอนหงาย ตำแหน่งศีรษะและลำคอทำให้เพดานอ่อนมีโอกาสตกลงมาชนกับลิ้นและคอส่วนบนได้ง่ายกว่า เริ่มต้นการกำจัดการนอนกรนขั้นรุนแรงได้ด้วยการนอนตะแคง การเปลี่ยนแปลงง่ายๆ นี้บางครั้งก็เพียงพอกับการลดการนอนกรนลงอย่างได้ผล [12]
    • ขณะที่การนอนคว่ำก็ช่วยลดอาการกรนได้ แต่ไม่แนะนำเพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่คอและหลังช่วงล่างแทนได้ [13]
  7. How.com.vn ไท: Step 7 หนุนศีรษะให้สูงขึ้นเล็กน้อย.
    บางครั้งแค่การซื้อหมอนที่ใหญ่ขึ้นก็ช่วยลดอาการกรนได้เช่นกัน การหนุนศีรษะให้สูงขึ้นแค่ไม่กี่นิ้วระหว่างการนอนสามารถช่วยเปลี่ยนตำแหน่งของลิ้นและกรามของคุณให้เปิดช่องทางเดินอากาศมากขึ้น ทำให้กรนน้อยลง ลองใช้หมอนหนุนมากกว่า 1 ใบ หรือซื้อหมอนที่หนาขึ้น หรือแค่ลองพับหมอนที่คุณใช้อยู่เพื่อเพิ่มความสูงให้กับศีรษะของคุณให้เพียงพอกับที่จะช่วยให้คุณไม่กรนอีกต่อไป [14][15]
    • การหนุนศีรษะให้สูงขึ้นช่วยเปิดทางเดินอากาศให้มากขึ้น
  8. How.com.vn ไท: Step 8 ทำความสะอาดช่องจมูกให้โล่งก่อนเข้านอน.
    ถ้าโพรงจมูกของคุณมีสิ่งกีดขวางระหว่างนอนหลับ ร่างกายจะหันไปหายใจทางปากแทน (ซึ่งจะมีโอกาสกรนได้มากกว่า) เพื่อเป็นการป้องกันสาเหตุนี้ พยายามทำความสะอาดโพรงจมูกก่อนเข้านอนให้เป็นนิสัย วิธีง่ายๆ ก็คืออาบน้ำร้อนก่อนเข้านอน ไม่ว่าจะเป็นน้ำร้อน น้ำอุ่น ความชื้น อากาศ จะช่วยเปิดโพรงจมูกของคุณ สิ่งที่คุณอาจต้องใช้ได้แก่ กาเนติ หรืออุปกรณ์สำหรับทำวามสะอาดช่องจมูก เทปติดจมูก ยาละลายเสมหะ [16]
    • ซื้อน้ำเกลือบริสุทธิ์จากร้านขายยาใกล้บ้าน หรือทำน้ำเกลือเอง ด้วยการผสมเกลือ ½ ช้อนชาลงในน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว อย่าผสมให้เข้มข้นเกินไป เพราะจะไปทำลายเนื้อเยื่อในจมูกได้ ทำก่อนเข้านอนดังนี้ เอียงศีรษะไปทางซ้ายและขวาขณะที่ปล่อยให้น้ำเกลือจากขวดที่ซื้อมาไหล่ผ่านเข้าไปยังโพรงจมูกผ่านทางรูจมูก ถ้าคุณทำน้ำเกลือเองอาจใช้วิธีหายใจเอาน้ำเกลือจากช้อนเข้าไปในจมูกโดยปิดรูจมูกข้างหนึ่ง แล้วจึงทำอีกข้าง หรือใช้กาเนติในการเทสารละลายเข้าไปในจมูกข้างหนึ่งแล้วปล่อยให้ไหลออกทางจมูกอีกข้าง คุณจะรู้สึกได้ว่าโพรงจมูกโล่งขึ้น หายใจสะดวกขึ้น สารละลายส่วนที่ตกค้างอยู่จะไหลลงในลำคอช่วยเปิดช่องในคอของคุณเช่นกัน
  9. How.com.vn ไท: Step 9 ระวังสัญญาณเตือนภาวะหยุดหายใจขณะหลับ.
    ปกติอาการกรนเพียงแค่ทำให้เกิดความรำคาญแต่ไม่อันตราย แต่ในบางกรณี การกรนก็เป็นสัญญาณที่แสดงถึงอาการที่ก่อให้เกินอันตรายถึงชีวิตได้ คือ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งมักจะเกิดในผู้ที่เป็นโรคอ้วน โดยสาเหตุของภาวะหยุดหายใจขณะหลับนี้คือ ทางเดินหายใจถูกขัดขวางระหว่างหลับทำให้ร่างกายไม่ได้รับอากาศที่เพียงพอ ทำให้การนอนหลับถูกขัดขวาง มีอาการเหนื่อยมาก ตามมาด้วยการกรนเสียงดัง ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเส้นเลือดในสมองแตก โรคหัวใจ และโรคอันตรายอื่นๆ อีกมาก ดังนั้น คุณจำเป็นต้องไปพบแพทย์ถ้าพบว่ามีอาการที่เป็นสัญญาณเตือนของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ดังนี้:[17]
    • กรนเสียงดังมาก
    • ตื่นเพราะรู้สึกอึดอัดและเหนื่อยหอบ
    • รู้สึกอ่อนเพลียมากแม้ว่าจะได้นอนพักผ่อนตลอดคืน
    • นอนกระสับกระส่าย
    • ปวดหัวในตอนเช้า
    • ภาวะง่วงหลับบ่อย โดยไม่สามารถควบคุมได้ (Narcolepsy)
    • ไม่กระฉับกระเฉง ความต้องการทางเพศลดลง อารมณ์เปลี่ยนแปลงบ่อย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ลดน้ำหนัก.
    การมีน้ำหนักตัวที่มากเกินไปนอกจากจะทำให้เกิดปัญหาด้านร่างกายอย่างอื่นแล้ว ยังมีผลทำให้การนอนหลับแย่ลงด้วย คนที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน (โดยเฉพาะผู้ชาย) มีแนวโน้มที่จะมีช่วงลำคอหนาและใหญ่กว่าปกติ กล้ามเนื้อช่วงลำคอไม่ดี ไม่มีความกระชับ ซึ่งส่งผลให้ช่องทางเดินหายใจแคบลง (และกรนมากขึ้น) ระหว่างนอนหลับ ที่แย่ไปกว่านั้นอีกก็คือ ความจริงแล้วโรคอ้วนเป็นปัจจัยที่มีผลอย่างมากกับการทำให้เกิดความผิดปกติที่ร้ายแรงเกี่ยวกับการนอนหลับ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ [18] วิธีที่จะหยุดผลข้างเคียงที่อันตรายนี้ออกไปก็คือ การลดน้ำหนักด้วยอาหารและการออกกำลังกาย โดยทั่วไปแล้วผู้ฝึกของคุณจะแนะนำหลักการทานอาหารและการออกกำลังกายที่จะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ หรือบางทีพวกเขาอาจแนะนำให้คุณไปพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งหลักการเหล่านั้น ได้แก่:
    • เพิ่มปริมาณเส้นใยอาหารที่คุณกินเข้าไป ยิ่งคุณกินอาหารที่มีเส้นใยมากเท่าไหร่ก็จะช่วยให้คุณอิ่มนานขึ้น และช่วยในการทำงานของลำไส้ให้ขับถ่ายเป็นปกติด้วย พูดอีกแง่ก็คือ การกินเส้นใยอาหารเข้าไปจะช่วยให้คุณไม่หิวบ่อยเหมือนเคย ทำให้ลดปริมาณอาหารที่คุณกินเข้าไปลงได้ แหล่งอาหารที่มีเส้นใยสูง ได้แก่ ข้าวสีน้ำตาล ข้าวบาร์เล่ย์ ข้าวโพด ข้าวไรย์ แป้งสาลี ข้าวบัควีท และข้าวโอ๊ต
    • กินผักและผลไม้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะผักที่มีใบมากอย่าง ผักกาดก้านแดง คะน้า ผักโขม ผักกะหล่ำ ใบบีทรูท ผักเหล่านี้มีเต็มไปด้วย เส้นใย วิตามิน แร่ธาตุ แต่มีปริมาณแคลอรี่ต่ำ ผลไม้ถือเป็นแหล่งสารอาหารจำพวกวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงสารอาหารที่จำเป็นอื่นๆ หลายชนิด อีกทั้งยังนับเป็นของว่างที่ดีมากอีกด้วย
    • จำกัดปริมาณไขมันและเนื้อแดงในแต่ละมื้ออาหาร โดยเพิ่มปริมาณปลาและเนื้อสัตว์ปีกอย่างเป็ด หรือ ไก่ที่ไม่มีหนังเข้าไปแทน
    • หลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นสีขาว อย่างขนมปังขาว หรือข้าวขัดสี อาหารเหล่านี้ล้วนผ่านกระบวนการที่ทำให้เสียคุณค่าทางอาหารไปจำนวนมาก พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงสำเร็จบรรจุห่อ และอาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารเหล่านี้มักจะมีน้ำตาล เกลือ และไขมันในปริมาณมาก เพื่อทำให้อาหารเหล่านี้มีรสชาตดี [19]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ออกกำลังกายให้มากขึ้น.
    มีการพิสูจน์แล้วว่าการออกกำลังกายในปริมาณที่พอเหมาะทุกวันช่วยจัดการกับเสียงกรนได้ ที่เห็นได้ชัดก็คือ การออกกำลังกายจะช่วยให้คุณลดน้ำหนักและมีรูปร่างที่ดีขึ้น รวมไปถึงเนื้อเยื่อคอที่หนาเทอะทะลดลง ทำให้ลดโอกาสที่คุณจะเกิดหยุดหายใจขณะหลับลงด้วย การออกกำลังกายช่วยให้คุณมีกล้ามเนื้อโดยรวมที่กระชับขึ้น ทำให้เนื้อเยื้อในลำคอของคุณสามารถรักษารูปร่างของมันไว้ได้ขณะหลับ ซึ่งถ้าเพดานอ่อนในปากและคอช่วงบนของคุณไม่ตกลงมาชนกับลิ้นของคุณ โอกาสที่คุณจะกรนก็ลดน้อยลงไปอีกมากด้วย [20]
    • แม้ว่าแต่ละคนจะต้องการการออกกำลังกายที่แตกต่างกัน แต่หน่วยงานป้องกันโรคติดต่อในสหรัฐอเมริกา (CDC) มีคำแนะนำว่า ผู้ใหญ่ควรจะออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่ความหนักปานกลาง (เช่น การเดินเร็ว) อย่างน้อย 2 ชั่วโมงครึ่ง ต่อสัปดาห์ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงในระดับที่ไม่รุนแรง สัปดาห์ละ 2 วันด้วย[21] ถ้ามีการออกกำลังกายที่หนักขึ้น เวลาโดยรวมที่ต้องใช้ในการออกกำลังกายก็อาจลดลงได้
  3. How.com.vn ไท: Step 3 อย่าให้ร่างกายขาดน้ำ.
    เมื่อคนเราขาดน้ำ สารคัดหลั่งในจมูกและลำคอจะหนาและเหนียวขึ้น บางครั้งอาจกลายเป็นสิ่งที่กีดขวางทางเดินหายใจทำให้กรนมากขึ้นได้ ควรดื่มน้ำให้มากๆ (8–10 แก้วขนาด 220 มิลลิลิตร ต่อวัน) การได้รับน้ำที่เพียงพอจะทำให้เนื้อเยื่อในช่องปากและจมูกชุ่มชื้นอยู่เสมอ เป็นการช่วยลดอุปสรรคในการหายใจอีกทาง [22]
    • แต่ละคนมีปริมาณความต้องการน้ำในแต่ละวันแตกต่างกันไปตามเพศ ขนาดร่างกาย และปริมาณกิจกรรมที่ทำ โดยทั่วไปคุณจะรู้ได้ว่าคุณได้รับน้ำเพียงพอ เมื่อคุณแทบจะไม่รู้สึกหิวน้ำ และปัสสาวะไม่มีสี หรือเจือสีเหลืองเพียงเล็กน้อย
    • ถ้าคุณรู้สึกว่าการดื่มน้ำให้มากขึ้นเป็นเรื่องยุ่งยาก ลองใช้วิธีดื่มน้ำหนึ่งแก้วในทุกมื้ออาหารและระหว่างมื้ออาหาร และอย่าลืมดื่มน้ำก่อน ระหว่าง และหลังออกกำลังกายด้วย
  4. How.com.vn ไท: Step 4 หลีกเลี่ยงการใช้ยานอนหลับ.
    ไม่ว่าจะเป็นยาหรือสารเคมีใดๆ ที่คุณใช้เพื่อช่วยให้นอนหลับ เมื่อใช้ต่อเนื่องสักระยะหนึ่งมีโอกาสที่จะทำให้คุณติด และแม้ว่าจะเป็นการใช้เพียงระยะสั้นก็มีโอกาสที่จะทำให้คุณกรนเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะสารเคมีที่ช่วยให้คุณหลับง่ายขึ้นมักจะทำการผ่อนคลายกล้ามเนื้อทั่วร่างกายรวมไปถึงกล้ามเนื้อในช่องคอด้วย ส่งผลให้เพดานอ่อนตกลงมาชนกับโคนลิ้นระหว่างนอนหลับและเกิดการกรนตามมา
    • รวมไปถึงแอลกอฮอล์ ซึ่งมีฤทธิ์เหมือนยานอนหลับที่จะมีผลกดระบบประสาท และทำให้ช่องทางเดินหายใจตกลงมาระหว่างหลับเช่นกัน
  5. How.com.vn ไท: Step 5 อย่าให้มีสิ่งอุดตันในช่องจมูก.
    พยายามให้โพรงจมูกของคุณสะอาดเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะสามารถหายใจทางจมูกได้ระหว่างหลับโดยไม่ต้องหายใจทางปาก การเป็นภูมิแพ้หรือผนังกั้นช่องจมูกคดจะลดปริมาณอากาศที่สามารถเดินทางผ่านจมูกลงด้วย เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นที่ต้องพูดถึงกรณีนี้ด้วย ถ้าคุณมีภูมิแพ้ คุณอาจต้องทานยาแก้แพ้หรือใช้สเปรย์พ่นจมูกตามคำแนะนำของแพทย์ แต่ถ้าในกรณีที่เกิดจากความผิดปกติทางโครงสร้าง เช่น ผนังกั้นช่องจมูกคด คุณอาจต้องได้รับการผ่าตัดเพื่อแก้ไข [23]
    • อย่าทำให้จมูกของคุณโล่งโดยใช้สเปรย์ลดน้ำมูกต่อเนื่องเกิน 3 วัน เพราะการใช้ยานี้ต่อเนื่องเป็นเวลานานจะทำให้ดื้อยา และคุณจะกลับมาคัดจมูกมากกว่าเดิม ลองปรึกษาแพทย์เพื่อรับสเปรย์สเตียรอยด์ในกรณีที่อาการคัดจมูกของคุณไม่ดีขึ้นเลย
  6. How.com.vn ไท: Step 6 หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่.
    นอกเหนือไปจากปัญหาทางสุขภาพที่ได้มีการยืนยันอย่างชัดเจนแล้ว การสูบบุหรี่ยังเพิ่มโอกาสที่คุณจะกรนด้วย แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุและผลที่เกิดขึ้นยังไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนนัก แต่ก็เป็นไปได้ว่าการระคายเคืองที่คอจากการสูบบุหรี่อาจก่อให้เกิดการบวมและอักเสบ ส่งผลให้ช่องทางเดินอากาศแคบลงระหว่างหลับ ยิ่งกว่านั้นหากผู้ที่สูบบุหรี่มีอาการขาดนิโคตินในช่วงกลางคืน ทำให้การนอนหลับถูกขัดขวาง เป็นการเพิ่มโอกาสเสี่ยงที่ทางเดินหายใจจะถูกกีดขวางด้วย [24]
    • การสูดดม หรือได้รับควันบุหรี่ของผู้อื่นจะมีผลให้เกิดการนอนกรนเช่นเดียวกับการเป็นผู้สูบเอง
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

การออกกำลังกายที่ช่วยลดอาการกรน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ยืดลิ้น.
    ไม่ว่ามันจะฟังดูแปลกๆ และคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม มีหลักฐานที่บอกว่าการฝึกแบบนี้จะช่วยทำให้โครงสร้างในปากและลำคอของคุณแข็งแรงขึ้น และทำให้คุณกรนน้อยลง เมื่อกล้ามเนื้อเหล่านี้แข็งแรงขึ้น มันก็จะไม่ตกลงมาขวางทางเดินหายใจของคุณระหว่างที่คุณหลับอีกต่อไป [25] ลองฝึกตาม 2 วิธีนี้:[26]
    • แลบลิ้นออกมาให้มากที่สุด ขยับไปแต่ละด้านช้าๆ ให้แตะที่มุมปาก ขยับลิ้นให้ชนขอบปากบนโดยไม่ม้วนลิ้น ทำครั้งละประมาณ 15 วินาที และทำซ้ำหลายๆ ครั้งในแต่ละวัน อย่างน้อย 2-3 นาที
    • แตะปลายลิ้นด้านหลังฟันหน้าด้านบน ค่อยๆ เลื่อนปลายลิ้นไปด้านหลัง ทำวันละ 3 นาที
  2. Step 2 ออกกำลังขากรรไกรด้วย "การเคี้ยว".
    การฝึกเพื่อลดการกรนรวมไปถึงการทำให้กล้ามเนื้อขากรรไกรของคุณแข็งแรงขึ้นด้วย มีหลากหลายวิธีที่จะทำได้ แต่โดยพื้นฐานแล้วก็เหมือนกัน ให้จำลองว่ากำลังเคี้ยวโดยไม่ต้องมีอาหารในปาก ด้วยวิธีดังนี้:[27]
    • อ้าปากให้กว้างที่สุด (เหมือนอ้าปากกัดแอปเปิลผลใหญ่) อ้าค้างไว้ 10 วินาที
    • ปิดปากและพักสักครู่ก่อนทำซ้ำอีก
    • ทำซ้ำอย่างน้อย 2-3 นาที วันละหลายๆ ครั้ง
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ออกกำลังกายกล้ามเนื้อคอ.
    การเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อคอจะช่วยให้เพดานอ่อนไม่ตกลงมาชนกับโคนลิ้นได้ วิธีการก็ง่ายๆ เพียงแค่พูดเสียงสระทุกเสียงดังๆ ชัดๆ เว้นระยะหายใจระหว่างแต่ละเสียง ซ้ำไปมาประมาณ 30 ครั้งก่อนเข้านอน [28]
    • ถ้าคุณทำอย่างถูกต้องแล้ว ก็จะเหมือนการเปล่งเสียง "อา อา อา อา อา... อี อี อี อี อี... เอ เอ เอ เอ เอ..." ไปเรื่อยๆ หากคุณรู้สึกเขินที่จะต้องทำแบบนี้ต่อหน้าคู่นอนของคุณ คุณอาจทำวิธีนี้ขณะที่กำลังขับรถไปทำงานแทนก็ได้
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ร้องเพลง.
    หนึ่งในวิธีการบริหารลำคอที่ดีที่สุดก็คือ การร้องเพลง! การร้องเพลงบ่อยๆ ไม่เพียงแค่ลดการกรนลงได้ แต่ยังช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนของคุณอีกด้วย การร้องเพลงจะช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุมกล้ามเนื้อในลำคอและเพดานอ่อน จึงทำให้กล้ามเนื้อส่วนนี้แข็งแรงขึ้นและไม่ตกลงมาชนกันระหว่างที่คุณนอน [29][30]
    • ถ้าคุณไม่เคยร้องเพลงเลย ลองสมัครเรียนร้องเพลง เข้าร่วมกับกลุ่มนักร้องประสานเสียงในโบสถ์ หรือร้องเพลงในรถก็ยังได้
  5. How.com.vn ไท: Step 5 หัดเป่าดิ๊ดเจอริดู.
    มีการรายงานว่าการหัดเล่นเครื่องดนตรีพื้นเมืองของชาวออสเตรเลียสามารถลดหรือหยุดการกรนได้ดีในกลุ่มผู้ใหญ่ เพราะการเล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้ช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อคอและเพดานอ่อน [31]
  6. How.com.vn ไท: Step 6 รู้ว่าเมื่อไหร่คุณจำเป็นต้องรับคำแนะนำจากแพทย์....
    รู้ว่าเมื่อไหร่คุณจำเป็นต้องรับคำแนะนำจากแพทย์. การพยายามรักษาอาการกรนด้วยวิธีที่ไม่รุนแรงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แต่วิธีการรักษาที่ไม่ต้องพึ่งยาอาจไม่ได้ผลกับสาเหตุการกรนบางรูปแบบ แพทย์อาจให้คุณใช้เครื่องมือในช่องปาก หรือวิธีการรักษาแบบอื่น คุณควรปรึกษาแพทย์ถ้าหากมีอาการดังต่อไปนี้:
    • หลังจากใช้วิธีในบทความนี้แล้วการนอนกรนไม่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดภายใน 2-4 สัปดาห์
    • คุณสงสัยว่าตัวเองอาจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งอาจจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หรืออาจจำเป็นต้องผ่าตัด
    • คุณรู้สึกว่าในระหว่างวันคุณเหนื่อยและไม่มีแรง ในสถานการณ์นี้ถือว่าเข้าขั้นอันตรายและต้องได้รับการตรวจรักษาก่อนที่คุณจะเกิดอุบัติเหตุ สูญเสียงาน หรือสอบตก
    • การกรนเป็นสภาวะที่จะส่งคุณเข้าสู่วงจรอุบาทว์ ซึ่งการมีน้ำหนักเพิ่มจะทำให้คุณนอนกรน และก็จะยิ่งแย่ลงไปอีกเรื่อยๆ วิธีการที่จะรักษาหรือลดการนอนกรน "ด้วยตนเอง" เหล่านี้ อาจจะได้ผล แต่ก็ต้องใช้เวลาด้วยเช่นกัน ในขณะที่วิธีรักษาทางการแพทย์จะหาสาเหตุและรักษาได้เร็วกว่า
    โฆษณา


  1. http://www.webmd.com/sleep-disorders/features/easy-snoring-remedies?page=2
  2. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/snoring/basics/lifestyle-home-remedies/con-20031874
  3. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/snoring/basics/lifestyle-home-remedies/con-20031874
  4. http://greatist.com/happiness/best-sleep-positions
  5. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/snoring/basics/lifestyle-home-remedies/con-20031874
  6. http://endsnoring.org/11-ways-to-stop-snoring
  7. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/snoring/basics/lifestyle-home-remedies/con-20031874
  8. http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/sleepapnea/
  9. http://sleepfoundation.org/sleep-topics/obesity-and-sleep
  10. http://www.nytimes.com/2013/02/24/magazine/the-extraordinary-science-of-junk-food.html?_r=0
  11. http://www.helpguide.org/life/snoring.htm
  12. http://www.cdc.gov/physicalactivity/everyone/guidelines/adults.html
  13. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/nutrition-and-healthy-eating/in-depth/water/art-20044256
  14. http://www.nhs.uk/Livewell/snoring/Pages/snorertest.aspx
  15. http://www.nhs.uk/Livewell/snoring/Pages/snorertest.aspx
  16. http://www.medicalnewstoday.com/articles/265011.php
  17. http://www.quit-yer-snoring.com/stop-snoring-exercise.html
  18. http://www.quit-yer-snoring.com/stop-snoring-exercise.html
  19. http://www.helpguide.org/articles/sleep/how-to-stop-snoring.htm
  20. http://www.medicalnewstoday.com/articles/265011.php
  21. http://www.helpguide.org/articles/sleep/how-to-stop-snoring.htm
  22. http://www.helpguide.org/articles/sleep/how-to-stop-snoring.htm

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Zora Degrandpre, ND
ร่วมเขียน โดย:
แพทย์แนวธรรมชาติบำบัด
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Zora Degrandpre, ND. ดร.เดกรองด์เปรเป็นแพทย์แนวธรรมชาติบำบัดที่มีใบอนุญาตในวอชิงตัน เธอได้รับปริญญาโทจากวิทยาลัยแห่งยาธรรมชาติแห่งชาติในปี 2007 บทความนี้ถูกเข้าชม 6,640 ครั้ง

คำจำกัดสิทธิ์ความรับผิดชอบทางการแพทย์

เนื้อหาของบทความชิ้นนี้มิได้มีเจตนาที่จะใช้ทดแทนคำแนะนำ การตรวจ วินิจฉัยและการรักษาทางการแพทย์ คุณควรปรึกษาแพทย์หรือมืออาชีพทางการดูแลสุขภาพที่ได้รับอนุญาตเสมอ ก่อนที่จะทำการเริ่มต้น เปลี่ยนแปลง หรือหยุดการดูแลสุขภาพไม่ว่าประเภทใด

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,640 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา