วิธีการ สอนให้ลูกน้อยของคุณเดิน

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

เด็กเล็กส่วนใหญ่จะเริ่มเดินในช่วงอายุระหว่าง 10-18 เดือน[1] แต่พวกเขาต้องเริ่มจากการคลาน ตั้งไข่ เกาะเดินช้าๆ กว่าที่จะเดินได้ จำไว้ว่าเด็กทุกคนแตกต่างกัน ดังนั้นลูกน้อยของคุณอาจจะต้องพยายามอย่างมากเพื่อเรียนรู้วิธีเดินหรือแค่อยู่ๆ ก็เริ่มเดินได้เองเสียอย่างนั้น กุญแจสำคัญก็คือการให้กำลังใจและการฝึกฝนเพื่อช่วยให้ลูกน้อยสบายใจกับการเดิน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

การช่วยให้ลูกน้อยของคุณยืน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ให้ลูกน้อยเด้งตัวบนตักของคุณโดยให้เท้าของพวกเขาอยู่บนขาของคุณ....
    ให้ลูกน้อยเด้งตัวบนตักของคุณโดยให้เท้าของพวกเขาอยู่บนขาของคุณ. นี่จะช่วยให้กล้ามเนื้อขาของพวกเขาแข็งแรงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพวกเขายังคลานอยู่หรือเพิ่งเริ่มตั้งไข่[2]
    • คุณควรจะแสดงให้พวกเขาเห็นวิธีงอเข่าและให้พวกเขาฝึกงอเข่าเพื่อให้พวกเขาเรียนรู้ทักษะเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อในการยืนขึ้นและนั่งลง
  2. How.com.vn ไท: Step 2 หาเปลสั่นให้ลูกน้อยของคุณ.
    ให้หาเปลสั่นให้ลูกน้อยของคุณเมื่ออายุประมาณ 5-6 เดือน ซึ่งนี่จะช่วยให้พวกเขาเริ่มสร้างกล้ามเนื้อขาได้[3]
    • หลีกเลี่ยงอย่าหารถหัดเดินให้ลูกน้อยของคุณเนื่องจากสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา (American Academy of Pediatrics: AAP) ไม่สนับสนุนให้ใช้รถหัดเดินกับเด็ก มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าจริงๆ แล้วรถหัดเดินสามารถทำให้พัฒนาการเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อช้าลง และทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับหลังของเด็ก นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งคุกคามทางด้านความปลอดภัยอีกด้วยเพราะว่ารถหัดเดินอาจจะคว่ำหรือกลิ้งลงบันไดได้[4]
    • รถหัดเดินถูกสั่งห้ามไม่ให้ใช้ในแคนาดาและสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกาแนะนำให้สหรัฐฯ ใช้มาตรการเดียวกันเพื่อต่อต้านรถหัดเดิน[5]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ใช้ของเล่นเพื่อล่อใจให้ลูกน้อยยืน.
    วางของเล่นไว้เหนือลูกน้อยให้ห่างแค่เอื้อมหรืออยู่ในจุดที่พวกเขาต้องยืนเพื่อเอื้อมหยิบมา[6]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ช่วยลูกน้อยของคุณให้นั่งลงตอนที่พวกเขายืนขึ้นด้วยตัวเอง....
    ช่วยลูกน้อยของคุณให้นั่งลงตอนที่พวกเขายืนขึ้นด้วยตัวเอง. เด็กเล็กส่วนใหญ่เริ่มลุกขึ้นยืนด้วยเท้าของตัวเองก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าจะกลับลงนั่งได้อย่างไร ดังนั้นอย่าตื่นตระหนกถ้าลูกน้อยของคุณร้องไห้เพื่อขอความช่วยเหลือในขณะที่ยืนอยู่[7]
    • แทนที่จะอุ้มตอนพวกเขาเริ่มเอะอะ ให้ช่วยพวกเขาเรียนรู้การนั่งลงโดยการงอเข่าของพวกเขาเบาๆ และประคองพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะนั่งถึงพื้นอย่างปลอดภัย
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

การช่วยลูกน้อยของคุณในการเกาะเดิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 จัดเรียงเฟอร์นิเจอร์เพื่อให้ลูกน้อยเกาะเดินได้ง่ายขึ้น....
    จัดเรียงเฟอร์นิเจอร์เพื่อให้ลูกน้อยเกาะเดินได้ง่ายขึ้น. การเกาะเดินคือตอนที่ลูกน้อยของคุณเริ่มใช้เฟอร์นิเจอร์และพื้นผิวหรือวัตถุอื่นๆ เป็นสิ่งพยุงตัวขณะที่พวกเขาเริ่มเดินไปมา ขยับเฟอร์นิเจอร์ของคุณให้เป็นแนวที่มั่นคง และให้แน่ใจว่าทุกอย่างไม่เป็นอันตรายต่อเด็กเพื่อให้ลูกน้อยของคุณสามารถเกาะเดินไปมาได้ด้วยตัวเอง[8]
    • ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อลูกน้อยของคุณเริ่มเกาะเดิน คุณควรจะทำให้บ้านของคุณไม่เป็นอันตรายต่อเด็กอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากพวกเขาสามารถเอื้อมถึงความสูงในระดับที่สูงขึ้น และอาจจะมีสิ่งที่อันตรายเพิ่มขึ้นอีกด้วย[9]
    • ช่วยให้ลูกน้อยของคุณปล่อยมือจากเฟอร์นิเจอร์ในขณะเกาะเดินโดยให้จับนิ้วของคุณและปล่อยให้พวกเขาใช้มือเกาะคุณทั้งสองข้าง ไม่นานพวกเขาจะเกาะคุณไว้ด้วยมือข้างเดียวหรือปล่อยทั้งสองมือเลยด้วยซ้ำ[10]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 หาของเล่นแบบเข็นให้ลูกน้อยของคุณ.
    ของเล่นแบบเข็นอย่างเช่น รถเข็นซื้อของขนาดเล็กหรือเครื่องตัดหญ้าเล็กๆ จะช่วยประคองลูกน้อยของคุณขณะเกาะเดิน และยังจะช่วยควบคุมพวกเขาตอนหัดเดิน ทำให้การทรงตัวดีขึ้น และเพิ่มความมั่นใจของพวกเขาอีกด้วย[11]
    • ถ้าลูกน้อยของคุณเพิ่งเริ่มเกาะเดินด้วยตัวเอง ให้เริ่มด้วยของเล่นที่ไม่มีล้อ เมื่อคุณมั่นใจว่าลูกน้อยของคุณแข็งแรงพอแล้วค่อยให้ของเล่นที่มีล้อ[12]
    • ตรวจดูอยู่เสมอว่าของเล่นแบบเข็นนั้นแข็งแรง มีแท่งหรือด้ามจับที่จับได้สะดวก และมีล้อขนาดใหญ่ เพราะนี่จะทำให้ของเล่นพลิกคว่ำได้ยากขึ้น[13]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ดึงลูกน้อยให้ยืน.
    ปล่อยให้ลูกน้อยจับนิ้วมือของคุณและดึงพวกเขาขึ้นให้อยู่ในท่ายืนเพื่อให้พวกเขารับน้ำหนักของตัวเองเป็นพื้นฐาน ปล่อยให้พวกเขาเดินไปมาขณะที่คุณประคองใต้แขนของพวกเขา[14]
    • ยิ่งลูกน้อยของคุณใช้เวลาออกกำลังขาของพวกเขามากเท่าไร พวกเขายิ่งจะเริ่มพยายามก้าวเท้าเดินด้วยตัวเองเร็วขึ้นเท่านั้น
    • การจับลูกน้อยของคุณไว้ในขณะที่พวกเขายืนอยู่จะช่วยให้ขาของพวกเขาตรงขึ้นและป้องกันไม่ให้ขาโก่งในภายหลัง อาการขาโก่งมักจะหายไปเมื่อลูกของคุณอายุ 18 เดือน แต่ปัญหานี้อาจจะยังคงอยู่จนพวกเขาอายุ 3 ขวบก็ได้[15]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ชมเชยที่ลูกน้อยพยายาม.
    เด็กเล็กส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเกิดมาพร้อมกับความต้องการตามธรรมชาติที่จะทำให้พ่อและแม่ของพวกเขาพอใจ และได้รับการยกย่อง เสียงปรบมือ และการให้กำลังใจ ดังนั้นทำให้ลูกน้อยของคุณรู้เมื่อพวกเขายืนหรือเกาะเดินได้ดีโดยการให้กำลังใจและการชมเชยที่ชัดเจน[16]
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ไม่ต้องซื้อรองเท้าสำหรับเดินในบ้านให้ลูกน้อยของคุณ....
    ไม่ต้องซื้อรองเท้าสำหรับเดินในบ้านให้ลูกน้อยของคุณ. คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อรองเท้าให้ลูกน้อยเพราะว่ารองเท้าที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อยของคุณคือการไม่ใส่รองเท้าเลย[17]
    • ตราบใดที่พื้นผิวภายในบ้านสะอาดและปลอดภัยต่อการเดินของลูกน้อย ก็ปล่อยให้พวกเดินและสำรวจด้วยเท้าเปล่า (หรือถุงเท้ากันลื่นถ้าคุณต้องการ) ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อช่วยสร้างกล้ามเนื้อเท้าและข้อเท้า ช่วยให้ส่วนโค้งของพวกเขาพัฒนา และช่วยให้พวกเขาเรียนรู้การทรงตัวและความสัมพันธ์ในการทำงานของอวัยวะ
    • ถ้าลูกน้อยของคุณกำลังจะไปเดินนอกบ้าน ให้แน่ใจว่ารองเท้าของพวกเขามีน้ำหนักเบาและยืดหยุ่น หลีกเลี่ยงรองเท้าบู๊ตสูงหรือรองเท้าผ้าใบแบบสูงเพราะว่าการพยุงข้อเท้ามากเกินไปอาจจะชะลอการเคลื่อนไหวทำให้ลูกน้อยเดินได้ช้าลง
  6. How.com.vn ไท: Step 6 หลีกเลี่ยงการบังคับลูกน้อยโดยช่วยให้พวกเขายืนหรือเดินถ้าพวกเขาไม่ต้องการ....
    หลีกเลี่ยงการบังคับลูกน้อยโดยช่วยให้พวกเขายืนหรือเดินถ้าพวกเขาไม่ต้องการ. นี่อาจจะปลูกฝังความกลัวให้ลูกน้อยของคุณและทำให้พวกเขายืนหรือเดินได้ช้าลง[18]
    • เด็กเล็กหลายคนจะเดินเมื่อพวกเขาพร้อม ดังนั้นอย่าตื่นตระหนกถ้าลูกน้อยของคุณยังไม่เริ่มเดินจนพวกเขาอายุ 18 เดือนหรืออาจจะมีอายุมากกว่า 18 เดือนเสียด้วยซ้ำ[19]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

การช่วยให้ลูกน้อยของคุณเดิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เปลี่ยนการทรงตัวให้กลายเป็นเกม.
    เพื่อกระตุ้นให้ลูกน้อยเคยชินกับการทรงตัวบนเท้าทั้งสองข้างของตัวเอง ให้พยายามทำให้การทรงตัวกลายเป็นเกมสนุกๆ ด้วยการให้กำลังใจและชมเชยเยอะๆ[20]
    • นั่งบนพื้นกับลูกน้อยและช่วยให้พวกเขายืนขึ้น จากนั้นให้นับออกเสียงว่าพวกเขาสามารถยืนอยู่ได้นานเท่าไรก่อนที่พวกเขาจะล้มลง ปรบมือและชมเชยหลังจากพวกเขาพยายามทรงตัวแต่ละครั้ง
  2. How.com.vn ไท: Step 2 กระตุ้นให้ลูกน้อยเดินแทนที่จะนั่ง.
    โดยวางพวกเขาในท่ายืน อย่าวางพวกเขาในท่านั่ง[21]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้องและกระตุ้นให้ลูกน้อยเดินไปหาคุณ....
    ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้องและกระตุ้นให้ลูกน้อยเดินไปหาคุณ. นี่อาจจะช่วยให้ลูกน้อยมั่นใจและมีแรงจูงใจพอที่จะเริ่มเดิน
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ทำให้ก้าวแรกของพวกเขาเป็นเรื่องสำคัญ.
    ก้าวแรกเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สำหรับลูกน้อยของคุณ ดังนั้นให้แน่ใจว่าคุณตื่นเต้นและให้กำลังใจให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เกี่ยวกับการเริ่มเดินก้าวแรกของลูกน้อยของคุณ[22]
    • การส่งเสียงเชียร์ลูกน้อยตอนพวกเขาเดินบ่งบอกว่าพวกเขากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องและจะทำให้พวกเขามั่นใจที่จะเดินต่อไป
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ให้คาดการณ์ว่าลูกน้อยอาจจะเดี๋ยวเริ่มเดี๋ยวหยุด....
    ให้คาดการณ์ว่าลูกน้อยอาจจะเดี๋ยวเริ่มเดี๋ยวหยุด. อย่าตื่นตระหนกเกินไปถ้าลูกน้อยที่กำลังหัดเดินกลับไปคลานหลังจากล้มหรือมีอาการป่วย ลูกของคุณกำลังเรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการด้านความสามารถอื่นๆ ด้วย เช่น การออกเสียงชื่อหรือการหยิบอาหารที่เป็นชิ้นๆ ดังนั้นพวกเขาอาจจะใช้เวลาสองสามสัปดาห์หรือแม้กระทั่งหนึ่งเดือนเพื่อหยุดพักจากการเดิน[23]
    • เด็กเล็กบางคนอาจจะรู้สึกสบายใจขึ้นด้วยการคลาน ดังนั้นพวกเขาอาจจะกึ่งคลานกึ่งเดินก่อนที่พวกเขาจะยอมเดินได้อย่างเต็มที่[24]
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ปล่อยให้ลูกน้อยของคุณล้มบ้างตราบใดที่ยังปลอดภัยอยู่....
    ปล่อยให้ลูกน้อยของคุณล้มบ้างตราบใดที่ยังปลอดภัยอยู่. เมื่อลูกน้อยเริ่มเดิน พวกเขาอาจจะผงกหัว เซ และแม้กระทั่งล้มทิ้งตัวแหมะในขณะที่พวกเขาพยายามจะพัฒนาทักษะการเดินของพวกเขาให้ดีขึ้น เด็กเล็กส่วนใหญ่ไม่มีการรับรู้เชิงลึกที่ดี ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะชนหรือล้มใส่สิ่งต่างๆ แทนที่จะเดินไปหาสิ่งเหล่านั้น[25]
    • ตราบใดที่บ้านของคุณมีการป้องกันให้ไม่เป็นอันตรายต่อเด็กเล็กที่กำลังเดินและคุณเฝ้าดูพวกเขาอย่างระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา ก็อย่าเครียดกับการล้มที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และหลายต่อหลายครั้ง พวกเขาอาจจะร้องไห้ตอนล้ม แต่นั่นอาจเป็นเพราะพวกเขาผิดหวังมากกว่าบาดเจ็บ
    • ผ้าอ้อมและก้นเล็กๆ ของพวกเขาจะเป็นกันชนในตัวสำหรับการล้ม และพวกเขามีแนวโน้มที่จะลืมการสะดุดและการล้มของตัวเองก่อนคุณเสียอีก หลีกเลี่ยงอย่าทำให้การล้มเล็กๆ น้อยๆ เป็นเรื่องใหญ่ขณะที่พวกเขาเรียนรู้วิธีการเดินด้วยตัวเอง
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

การสนับสนุนลูกน้อยขณะที่พวกเขาเดิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบพัฒนาการของลูกน้อยของคุณกับเด็กคนอื่นๆ ....
    หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบพัฒนาการของลูกน้อยของคุณกับเด็กคนอื่นๆ . เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นอย่าตื่นตระหนกถ้าลูกน้อยของคุณยังไม่เดินในช่วงอายุที่กำหนด เวลาที่เด็กใช้เพื่อให้ไปถึงเหตุการณ์สำคัญที่เฉพาะเจาะจงอย่างเช่นการเดินนั้นอาจจะแตกต่างกันไปเนื่องจากน้ำหนักตัวที่แตกต่างกัน หรือแม้แต่บุคลิกที่แตกต่างกัน ให้จำไว้ว่าเส้นเวลาในการเดินคือการประมาณคร่าวๆ และไม่ได้เป็นกฎตายตัวหรือเป็นข้อกำหนดที่แน่นอนสำหรับเด็กทุกคน[26]
    • เด็กที่คลอดก่อนกำหนดบางคนอาจจะมีพัฒนาการต่างๆ ช้ากว่าเด็กคนอื่นที่คลอดครบกำหนด[27]
    • บางครั้งเด็กก็แค่กลัวที่จะปล่อยมือของคุณและเริ่มเดินก้าวแรก ดังนั้นการให้กำลังใจและสนับสนุนลูกน้อยเมื่อพวกเขาเรียนรู้ที่จะเดินนั้นสำคัญมาก และอย่ากดดันหรือเครียดกับพวกเขามากเกินไป
  2. How.com.vn ไท: Step 2 อย่าตื่นตระหนกถ้าดูเหมือนว่าเท้าของลูกจะแบน....
    อย่าตื่นตระหนกถ้าดูเหมือนว่าเท้าของลูกจะแบน. ในความเป็นจริงแล้วมันคือเบบี้แฟต (Baby Fat) ที่ทำให้เท้าของพวกเขาอ้วนขึ้น เมื่ออายุประมาณ 2-3 ขวบ เท้า "จ้ำม่ำ" ของพวกเขาจะค่อยๆ หายไปและคุณจะสามารถมองเห็นรอยโค้งเว้าตามธรรมชาติได้[28]
    • เท้าของพวกเขาอาจจะโค้งเข้าด้านในดูเหมือนจันทร์ครึ่งดวง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งลักษณะของทารกที่ยังคงอยู่ เมื่อเวลาผ่านไปเท้าของพวกเขาจะยืดตรงขึ้น
  3. How.com.vn ไท: Step 3 มั่นใจได้ว่าเท้าที่บิดเข้าข้างในของลูกน้อยจะตรงขึ้นเอง....
    มั่นใจได้ว่าเท้าที่บิดเข้าข้างในของลูกน้อยจะตรงขึ้นเอง. เท้าที่บิดเข้าข้างในนั้นมาจากกระดูกขาท่อนล่างหมุนเข้า ซึ่งหมายถึงกระดูกหน้าแข้งของลูกน้อยนั้นบิดเข้าด้านใน[29]
    • ซึ่งนี่จะหายได้เองภายใน 6 เดือนนับจากลูกน้อยของคุณเริ่มหัดเดิน
    • ถ้าลูกน้อยของคุณยังคงมีเท้าที่บิดเข้าข้างในหลังจากผ่านไป 6 เดือนแล้วล่ะก็ ให้ปรึกษากุมารแพทย์เรื่องการบริหารยืดกล้ามเนื้อเพื่อแก้ไขปัญหา
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ตรวจดูเท้าของลูกน้อยเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาสามารถวางเท้าราบได้....
    ตรวจดูเท้าของลูกน้อยเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาสามารถวางเท้าราบได้. เด็กบางคนจะมีความต้องการตามธรรมชาติที่จะเดินเขย่งไปมา ซึ่งจริงๆ แล้วจะช่วยให้พวกเขาพัฒนาการทรงตัวได้ ซึ่งนี่มักจะเป็นพฤติกรรมแปลกๆ ที่จะหายไปเอง แต่บางกรณีซึ่งพบได้ไม่บ่อยนั้นก็อาจจะเป็นสิ่งบ่งบอกถึงอาการที่กล้ามเนื้อเท้าหรือส้นเท้าของลูกน้อยตึงจนเกินไป[30]
    • ถ้าลูกน้อยของคุณไม่สามารถวางเท้าราบได้ด้วยตัวเอง หรือถ้าพวกเขาเดินเขย่งจนอายุเกิน 3 ขวบ ให้แจ้งกุมารแพทย์ให้ทราบเพราะนี่อาจจะเป็นสัญญาณของปัญหาด้านพัฒนาการก็ได้
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ปรึกษากับกุมารแพทย์ถ้าลูกน้อยของคุณล้มบ่อยเกินไป ขาของพวกเขาดูแข็งทื่อมาก หรือพวกเขาเซไปข้างหนึ่งอยู่เรื่อยๆ...
    ปรึกษากับกุมารแพทย์ถ้าลูกน้อยของคุณล้มบ่อยเกินไป ขาของพวกเขาดูแข็งทื่อมาก หรือพวกเขาเซไปข้างหนึ่งอยู่เรื่อยๆ . เพราะอาจจะเป็นสัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับประสาท ข้อต่อ หรือกระดูกสันหลัง[31]
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ปล่อยให้ลูกน้อยของคุณสำรวจขณะที่พวกเขาสบายใจกับการเดินมากขึ้น....
    ปล่อยให้ลูกน้อยของคุณสำรวจขณะที่พวกเขาสบายใจกับการเดินมากขึ้น. เมื่อพวกเขาได้รับความมั่นใจมากขึ้นและรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อเดินบนพื้นผิวที่ราบเรียบ ก็ปล่อยให้พวกเขาลองเดินบนพื้นที่ลาดเอียงหรือขรุขระด้วย สภาพแวดล้อมใหม่ๆ เหล่านี้จะช่วยพัฒนาประสาทสัมผัสด้านการทรงตัวของลูกน้อยของคุณ[32]
    โฆษณา
  1. http://www.brillbaby.com/teaching-baby/physical-development/baby-crawling-walking/learning-to-walk.php
  2. http://www.whattoexpect.com/first-year/first-steps/
  3. http://www.healthguidance.org/entry/15090/1/How-to-Teach-a-Child-to-Walk.html
  4. http://www.whattoexpect.com/first-year/first-steps/
  5. http://www.healthguidance.org/entry/15090/1/How-to-Teach-a-Child-to-Walk.html
  6. http://www.whattoexpect.com/first-year/first-steps/
  7. http://www.healthguidance.org/entry/15090/1/How-to-Teach-a-Child-to-Walk.html
  8. http://www.whattoexpect.com/first-year/first-steps/
  9. http://www.babycentre.co.uk/x556547/how-can-i-encourage-my-14-month-old-to-walk
  10. http://www.babycentre.co.uk/x556547/how-can-i-encourage-my-14-month-old-to-walk
  11. http://www.parents.com/baby/development/walking/help-baby-learn-to-walk/#page=8
  12. http://www.parents.com/baby/development/walking/help-baby-learn-to-walk/#page=9
  13. http://www.parents.com/baby/development/walking/help-baby-learn-to-walk/#page=9
  14. http://www.whattoexpect.com/first-year/first-steps/
  15. http://www.parents.com/baby/development/walking/help-baby-learn-to-walk/#page=10
  16. http://www.whattoexpect.com/first-year/first-steps/
  17. http://www.babble.com/baby/teaching-baby-walk/
  18. http://www.healthguidance.org/entry/15090/1/How-to-Teach-a-Child-to-Walk.html
  19. http://www.whattoexpect.com/first-year/first-steps/
  20. http://www.whattoexpect.com/first-year/first-steps/
  21. http://www.whattoexpect.com/first-year/first-steps/
  22. http://www.whattoexpect.com/first-year/first-steps/
  23. http://www.brillbaby.com/teaching-baby/physical-development/baby-crawling-walking/enjoying-the-journey.php

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Kylee Money
ร่วมเขียน โดย:
ผู้ให้คำปรึกษาด้านการเลี้ยงดูบุตร
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Kylee Money. ไคลี มันนีเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านการเลี้ยงดูบุตร ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Parenting Made Joyful ตั้งแต่ปี 2001 ไคลีทำงานร่วมกับครอบครัวและพ่อแม่มากกว่า 1,000 คนในการฝึกให้เด็กนอนเอง การจัดการพฤติกรรม การฝึกเด็กให้ขับถ่ายแบบผู้ใหญ่ เป็นต้น เธอเป็นนักเขียนอิสระและสมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษาของ Pampers.com ผู้เชี่ยวชาญการเลี้ยงดูบุตรของ CBS News และมีบทบาทสำคัญใน Fox and Friends และ Buy Buy Baby ไคลียังได้ขึ้นไปพูดในระดับชาติเรื่องการฝึกให้เด็กนอนเองที่งานนิทรรศการการเลี้ยงดูบุตรอีกด้วย บทความนี้ถูกเข้าชม 8,277 ครั้ง
หมวดหมู่: เด็ก
มีการเข้าถึงหน้านี้ 8,277 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา