บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Lacy Windham, MD. ดร.วินดั้มเป็นสูตินรีแพทย์ที่มีใบรับรองในเทนเนสซี่ เธอผ่านการฝึกงานจากคณะแพทยศาสตร์อีสเทิร์นเวอร์จิเนียในปี 2010 ที่ซึ่งเธอได้รับรางวัลแพทย์ดีเด่นด้วย
มีการอ้างอิง 12 ข้อที่อ้างอิงอยู่ในบทความ ซึ่งสามารถพบได้ทางด้านล่างของบทความ
บทความนี้ถูกเข้าชม 16,057 ครั้ง
โรคหนองในเทียมเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia Trachomatis [1] และเป็นการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้มากที่สุดในอเมริกา ตามปกติแล้วโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะแพร่สู่ผู้ชายและผู้หญิงผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก ช่องคลอด หรือทวารหนัก[2] แม้แต่แม่ที่ติดเชื้อก็อาจจะแพร่โรคหนองในเทียมให้กับทารกน้อยในระหว่างคลอดบุตรได้[3] การติดเชื้อโรคหนองในเทียมที่ไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ เช่น ภาวะมีบุตรยาก ความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อ HIV การติดเชื้อที่ต่อมลูกหมาก หรือโรคข้ออักเสบรีแอคทีฟ[4] โรคหนองในเทียมรักษาได้ไม่ยาก แต่หากปล่อยไว้ก็อาจเกิดอันตรายถาวรแก่ร่างกายได้ ดังนั้นคุณจึงจำเป็นต้องรู้วิธีการรักษาโรคหนองในเทียม[5]
ขั้นตอน
- สังเกตอาการและสัญญาณของโรคหนองในเทียม. แม้ว่าโรคหนองในเทียมมักจะแสดงอาการบางอย่างตั้งแต่เริ่มแรก แต่ก็ต้องสังเกตอาการอื่นๆ ที่คุณเป็นด้วย ปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยอย่างแน่ชัด ถ้าคุณสังเกตได้ถึงสัญญาณของโรคหนองในเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน
- โรคหนองในเทียมเป็นได้ทั้งชายและหญิง และเป็นเรื่องปกติถ้าจะกลับมาเป็นใหม่[6]
- การติดเชื้อโรคหนองในเทียมในระยะแรกๆ จะแสดงอาการเพียงเล็กน้อย และถึงจะมีสัญญาณเตือน แต่อาการที่แสดงหลังจากได้รับเชื้อมา 1–3 สัปดาห์ก็จะเป็นอาการที่ไม่ร้ายแรงนัก[7]
- อาการทั่วไปของโรคหนองในเทียมได้แก่ ปัสสาวะเจ็บ ปวดท้องน้อย มีของเหลวออกจากช่องคลอดในผู้หญิง มีของเหลวออกจากองคชาติในเพศชาย รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ มีเลือดในช่วงที่ไม่มีประจำเดือนและหลังจากมีเพศสัมพันธ์ในผู้หญิง หรือปวดอัณฑะในผู้ชาย[8]
- ปรึกษาแพทย์. ถ้าคุณมีอาการของโรคหนองในเทียม ได้แก่ มีของเหลวออกจากอวัยวะเพศ หรือคู่นอนเปิดเผยว่าเขาเป็นโรคหนองในเทียม ให้นัดพบแพทย์เพื่อทดสอบและยืนยันผลการวินิจฉัย เพื่อหาวิธีรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ[9]
- บอกแพทย์ถึงอาการที่คุณเป็น สัญญาณของโรคหนองในเทียมที่คุณสังเกตได้ รวมทั้งถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันด้วย
- ถ้าคุณเคยเป็นโรคหนองในเทียมมาก่อนและกลับมาเป็นอีก ให้ติดต่อแพทย์เพื่อขอใบสั่งยา[10]
- เข้ารับการตรวจ. ถ้าแพทย์สงสัยว่าคุณอาจเป็นโรคหนองในเทียม แพทย์อาจสั่งตรวจหรือทดสอบเพิ่มเติม การตรวจด้วยวิธีทั่วไปเหล่านี้สามารถวินิจฉัยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างแม่นยำ และทำให้แพทย์สามารถหาวิธีรักษาได้ง่ายขึ้นด้วย
- ถ้าคุณเป็นผู้หญิง แพทย์อาจจะนำของเหลวจากปากมดลูกหรือช่องคลอด และส่งตัวอย่างไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการ[11]
- ถ้าคุณเป็นผู้ชาย แพทย์อาจจะสอดสำลีก้านเล็กๆ เข้าไปในปลายองคชาติและเก็บของเหลวออกมาจากท่อปัสสาวะ จากนั้นแพทย์ก็จะส่งตัวอย่างไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการ[12]
- ถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์ทางปากหรือทางทวารหนัก แพทย์จะเก็บตัวอย่างจากปากหรือทวารหนักเพื่อตรวจหาโรคหนองในเทียม[13]
- ในบางกรณีปัสสาวะก็อาจใช้ตรวจสอบการติดเชื้อหนองในเทียมได้[14]
โฆษณา
- เข้ารับการรักษาโรคหนองในเทียม. ถ้าแพทย์วินิจฉัยว่าคุณเป็นโรคหนองในเทียม แพทย์จะสั่งชุดยาปฏิชีวนะให้คุณ ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะรักษาโรคนี้ได้นอกจากการป้องกัน ปกติแล้วการติดเชื้อจะหายไปภายใน 1 หรือ 2 สัปดาห์[15]
- การรักษาในช่วงแรกจะเป็นยา Azithromycin (1 ก. รับประทานครั้งเดียว) หรือ Doxycycline (100 มก. รับประทานวันละ 2 ครั้ง 7 วัน) [16]
- ยาของคุณอาจจะรับประทานแค่ครั้งเดียว หรือคุณอาจจะต้องรับประทานทุกวันหรือวันละหลายครั้งเป็นเวลา 5 - 10 วัน[17]
- คู่นอนของคุณก็ต้องได้รับการรักษาด้วยแม้ว่าเขาจะไม่มีอาการของโรคหนองในเทียมก็ตาม ทั้งนี้เพื่อไม่ให้คุณกับคู่นอนแพร่โรคกันกลับไปกลับมา[18]
- อย่าแบ่งยารักษาโรคหนองในเทียมของคุณกับใคร[19]
- ตรวจและรักษาทารกเพิ่งคลอด. ถ้าคุณตั้งครรภ์และเป็นโรคหนองในเทียม แพทย์อาจจะสั่งยา Azithromycin ในช่วงไตรมาสที่ 2 หรือ 3 ของการตั้งครรภ์เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่โรคไปยังลูกน้อย การติดเชื้อหนองในเทียมของคุณจะได้รับการรักษาระหว่างตั้งครรภ์ และเมื่อพบว่าเป็นโรคคุณก็จะต้องเข้ารับการตรวจอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการติดเชื้อแล้ว[20] หลังคลอดแพทย์ก็จะตรวจอาการทารกที่เพิ่งคลอดและรักษาตามอาการ[21]
- ถ้าคุณคลอดแล้วแพร่โรคหนองในเทียมไปยังทารก แพทย์จะรักษาโรคด้วยยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันโรคปอดอักเสบหรือการติดเชื้อที่ดวงตาอย่างรุนแรง[22]
- แพทย์ส่วนใหญ่จะให้ยาหยอดตา Erythromycin Eye Ointment เพื่อป้องกันไม่ให้การติดเชื้อที่ดวงตาอันเกิดจากเชื้อหนองในเทียมมีผลต่อดวงตาของทารก [23]
- คุณและแพทย์ควรเฝ้าระวังโรคปอดอักเสบที่เกิดจากเชื้อหนองในเทียมอย่างน้อยช่วง 3 เดือนแรกของทารก[24]
- ถ้าทารกเป็นโรคปอดอักเสบที่เกิดจากเชื้อหนองในเทียม แพทย์น่าจะสั่ง Erythromycin หรือ Azithromycin [25]
- พบแพทย์หากอาการยังอยู่หลังเข้ารับการรักษาแล้ว. ถ้าอาการของหนองในเทียมยังอยู่แม้ว่าจะรักษาครบตามเวลาแล้ว คุณต้องพบแพทย์ให้เร็วที่สุด การจัดการและการรักษาอาการโรคหนองในเทียมจะช่วยให้คุณแน่ใจได้ว่า คุณจะไม่กลับมาเป็นอีก ติดโรค หรือเจอปัญหาที่ร้ายแรงกว่าเดิม[30]
- การไม่บอกแพทย์ว่าคุณมีอาการหรือกลับมาเป็นหนองในเทียมอีกครั้งอาจทำให้เกิดปัญหาด้านระบบสืบพันธุ์ เช่น การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ที่อาจจะไปทำลายอวัยวะสืบพันธุ์ถาวร และการตั้งครรภ์นอกมดลูก[31]
โฆษณา
- เข้ารับการตรวจหนองในเทียมเป็นประจำ. ถ้าแพทย์รักษาอาการติดเชื้อหนองในเทียมระยะแรกให้คุณแล้ว ให้เข้ารับการตรวจโรคนี้อีกครั้งในอีกประมาณ 3 เดือนและตรวจเป็นประจำทุก 3 เดือนหลังจากนั้น วิธีนี้จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า โรคนี้หายไปจากร่างกายของคุณแล้วและคุณก็จะไม่ติดเชื้ออีก[32]
- เข้ารับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่อไปเมื่อเปลี่ยนคู่นอนใหม่
- การกลับมาเป็นหนองในเทียมอีกครั้งนั้นเป็นเรื่องปกติมากๆ และมักจะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะชุดเดียวกัน ถ้ามีการติดเชื้ออีกครั้งหลังจากตรวจพบว่าหายแล้ว ก็แสดงว่าเป็นการติดเชื้อครั้งใหม่[33]
- อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ชำระล้างช่องคลอด. อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ชำระล้างช่องคลอดถ้าคุณเป็นหรือเคยเป็นโรคหนองในเทียม เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะไปฆ่าแบคทีเรียที่ดีและเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อหรือการกลับมาติดเชื้ออีกครั้ง[34]
- มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย. วิธีรักษาโรคหนองในเทียมที่ดีที่สุดก็คือ การป้องกันไม่ให้เป็นตั้งแต่แรก การใช้ถุงยางอนามัยและจำกัดจำนวนคู่นอนของคุณจะช่วยลดโอกาสติดเชื้อหนองในเทียมหรือป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นอีก[35]
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ แม้ว่าถุงยางอนามัยจะไม่สามารถกำจัดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหนองในเทียมได้ทั้งหมด แต่มันก็ช่วยลดความเสี่ยงได้[36]
- ระหว่างการรักษาให้งดเว้นการมีเพศสัมพันธ์หรือกิจกรรมทางเพศทุกชนิด รวมทั้งการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักและทางปากด้วย การละเว้นการมีเพศสัมพันธ์สามารถช่วยไม่ให้คุณกลับมาติดเชื้ออีกครั้งหรือแพร่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไปยังคู่นอนของคุณได้[37]
- ยิ่งคุณมีคู่นอนมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งเสี่ยงที่จะเป็นโรคหนองในเทียมมากขึ้นเท่านั้น พยายามจำกัดจำนวนคู่นอนเพื่อลดความเสี่ยง และใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนเสมอ[38]
- ตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยง. ปัจจัยบางอย่างอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหนองในเทียมได้ การตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยงจะช่วยลดโอกาสที่คุณจะติดเชื้อได้[39]
- ถ้าคุณอายุต่ำกว่า 24 ปี คุณก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้มากกว่า[40]
- ถ้าในช่วงปีที่ผ่านมานี้คุณมีคู่นอนหลายคน คุณก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคหนองในเทียมมากขึ้น[41]
- การไม่ใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอเพิ่มความเสี่ยงที่จะติดเชื้อหนองในเทียม[42]
- ถ้าคุณมีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาก่อนรวมทั้งโรคหนองในเทียมด้วย คุณก็มีความเสี่ยงที่จะติดโรคมากขึ้น[43]
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/causes/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/causes/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/causes/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/causes/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/causes/con-20020807
- ↑ http://www.cdc.gov/std/chlamydia/treatment.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/symptoms/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/symptoms/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/symptoms/con-20020807
- ↑ http://www.cdc.gov/std/chlamydia/treatment.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/tests-diagnosis/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/tests-diagnosis/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/tests-diagnosis/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/tests-diagnosis/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/treatment/con-20020807
- ↑ http://www.cdc.gov/std/tg2015/chlamydia.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/treatment/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/treatment/con-20020807
- ↑ http://www.cdc.gov/std/chlamydia/treatment.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/tg2015/chlamydia.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/tg2015/chlamydia.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/tg2015/chlamydia.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/tg2015/chlamydia.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/tg2015/chlamydia.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/tg2015/chlamydia.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/chlamydia/treatment.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/chlamydia/treatment.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/chlamydia/treatment.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/chlamydia/treatment.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/chlamydia/treatment.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/chlamydia/treatment.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/tests-diagnosis/con-20020807
- ↑ http://www.cdc.gov/std/tg2015/chlamydia.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/prevention/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/prevention/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/prevention/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/prevention/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/prevention/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/prevention/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/prevention/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/prevention/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/prevention/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/risk-factors/con-20020807
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.