บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Ed Kuoha. เอ็ด คุโอฮาเป็นเชฟและเจ้าของ Kuoha Culinary ซึ่งตั้งอยู่ที่ไอเออา รัฐฮาวาย เขามีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในครัวทำอาหารและการทำอาหารตามสถานที่ต่างๆ อย่างเช่น ภัตตาคารโมริโมโตะ ไวคีคี ที่ซึ่งเขาได้รับการฝึกอบรมจากโมริโมโตะ เชฟกระทะเหล็กโดยตรง เชฟเอ็ดเชี่ยวชาญการให้บริการจัดทำอาหารในงานขนาดเล็กและการเป็นเชฟส่วนตัว เขาจบระดับอนุปริญญาจากสถาบันการประกอบอาหารแห่งแปซิฟิกที่วิทยาลัยชุนชนคาปิโอลานิ
มีการอ้างอิง 8 ข้อที่อ้างอิงอยู่ในบทความ ซึ่งสามารถพบได้ทางด้านล่างของบทความ
บทความนี้ถูกเข้าชม 13,906 ครั้ง
สับปะรดเกือบทั้งหมดจะมีความหวานหลังจากสุกอย่างรวดเร็วบนต้นเพียงไม่กี่วัน ผลไม้จะไม่หวานกว่าเดิมเมื่อถูกเก็บมาแล้ว ในทางกลับกัน บางครั้งผลไม้อาจจะสุกแม้ในขณะที่เปลือกทั้งหมดยังเป็นสีเขียวอยู่ก็ได้ ถ้าคุณโชคดีสับปะรดที่ดู "ยังไม่สุก" จะหวานและอร่อย ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นแล้วล่ะก็ มีเคล็ดลับสองสามข้อที่คุณสามารถใช้เพื่อทำให้ผลไม้ที่ยังไม่สุกนิ่มและทำให้น่ากินมากยิ่งขึ้นด้วย
ขั้นตอน
- ดมกลิ่นเพื่อทดสอบความสุก. สัญญาณปกติส่วนใหญ่ของผลไม้สุกไม่ได้มีความหมายอะไรกับสับปะรดมากนัก ให้ดมฐานของสับปะรดแทน ซึ่งกลิ่นแรงหมายถึงสับปะรดสุก ถ้าคุณแทบจะไม่ได้กลิ่นก็อาจจะแปลว่าไม่สุก สับปะรดที่เย็นจัดจะไม่มีกลิ่นแรง ดังนั้นให้ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องสักครู่ก่อนที่จะลองวิธีนี้
- สับปะรดเปลือกสีเหลืองเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่าสีเขียว แต่นี่ไม่ใช่การทดสอบที่ดีที่สุดเพราะว่าสับปะรดบางลูกก็สุกตอนที่ยังเป็นสีเขียว[1] บางลูกมีเปลือกสีทองหรือสีแดง แต่ก็ยังกินไม่ได้และไม่อร่อย
- ให้คาดว่าสับปะรดจะนิ่มแต่ไม่หวาน. สับปะรดไม่ได้สุกอย่างถูกต้องหลังจากที่ถูกเก็บมาแล้ว[2] สับปะรดจะนิ่มและฉ่ำบนเคาน์เตอร์ในห้องครัว แต่จะไม่หวาน น้ำตาลของสับปะรดทั้งหมดมาจากแป้งในลำต้นของพืช เมื่อแหล่งน้ำตาลถูกตัดออกไป สับปะรดจะไม่สามารถผลิตน้ำตาลได้เอง[3]
- ปกติสับปะรดสีเขียวจะเปลี่ยนสีเหมือนกัน
- เป็นไปได้ว่าสับปะรดจะเปลี่ยนสภาพเป็นกรดมากขึ้นถ้าเก็บไว้นานเกินไป
- คว่ำสับปะรด (ตัวเลือก). ถ้าสับปะรดมีแป้งเหลือเล็กน้อยเพื่อเปลี่ยนเป็นน้ำตาล นี่จะอยู่ตรงส่วนฐานของผลไม้ ตามทฤษฎีแล้วน้ำตาลอาจจะกระจายตัวได้ดีขึ้นถ้าคุณคว่ำสับปะรดไว้ ในทางปฏิบัติจะสังเกตเห็นผลได้ยาก แต่มันอาจจะคุ้มค่าที่จะลอง[4]
- เปลือกก็จะเปลี่ยนสีจากฐานขึ้นไปเช่นกัน ถึงแม้ว่านี่จะไม่เกี่ยวข้องกับความสุกหลังจากเก็บเกี่ยวก็ตาม
- ถ้าวางสับปะรดคว่ำไม่ได้ ให้บิดส่วนหัวออกแล้ววางปลายที่ถูกตัดออกไว้บนผ้าขนหนูกระดาษที่เปียกหมาดๆ[5]
- ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง. สับปะรดควรจะนิ่มลงภายในหนึ่งหรือสองวัน สับปะรดส่วนใหญ่จะหมักตัวอย่างรวดเร็วถ้าเก็บไว้นานกว่านี้[6]
- ถ้าสับปะรดถูกเก็บมาโดยที่ยังไม่สุก มันจะยังไม่น่ากิน ให้อ่านต่อไปเพื่อหาวิธีปรับปรุงรสชาติของสับปะรดที่ยังไม่สุก
- ถ้าคุณยังไม่พร้อมจะกินสับปะรด ให้เอาเก็บไว้ในตู้เย็นอีก 2-4 วัน
โฆษณา
- ระวังกับสับปะรดที่ยังไม่สุก. สับปะรดที่อ่อนมากและยังไม่สุกนั้นอาจจะเป็นพิษและการกินพวกมันเข้าไปอาจจะทำให้ลำคอของคุณระคายเคืองและมีฤทธิ์เป็นยาระบายอย่างรุนแรง[7] ดังนั้นสับปะรดส่วนใหญ่ที่ขายในเชิงพาณิชย์ควรจะสุกอย่างน้อยบางส่วน แม้ว่าพวกมันจะดูเป็นสีเขียวก็ตาม
- แม้แต่สับปะรดสุกก็สามารถทำให้เจ็บปากหรือทำให้เลือดออกได้ เทคนิคด้านล่างจะช่วยป้องกันสิ่งนี้ได้เช่นกัน
- หั่นสับปะรด. ตัดก้านและหัวสับปะรดออก จากนั้นตั้งส่วนที่เหลือไว้บนเขียง ตัดเปลือกและตาออก แล้วก็หั่นเป็นแว่นๆ หรือเป็นชิ้นใหญ่
- ย่างสับปะรด. การย่างจะเปลี่ยนน้ำตาลในสับปะรดให้เป็นน้ำตาลไหม้ ซึ่งจะเพิ่มรสชาติให้กับผลไม้ที่จืดชืดและมีบางส่วนที่ยังไม่สุก[8] ความร้อนจะทำให้บรอมีเลนเป็นกลาง ซึ่งบรอมีเลนนั้นก็คือเอนไซม์ที่สามารถทำให้เกิดอาการเจ็บและมีเลือดออกในปากของคุณนั่นเอง
- อบสับปะรดชิ้นบางในเตาอบ. นี่จะให้ผลเหมือนกับการย่าง คือ สับปะรดที่หวานอร่อย ถ้าสับปะรดค่อนข้างเปรี้ยวและไม่สุก ให้โรยน้ำตาลทรายแดงก่อนอบ
- เคี่ยวสับปะรด. แม้ว่านี่จะไม่เปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นน้ำตาลไหม้ แต่การเคี่ยวจะเปลี่ยนบรอมีเลนทั้งหมดให้เป็นกลาง ลองทำสิ่งนี้ถ้าสับปะรดที่ยังไม่สุกทำให้คุณเจ็บปาก:
- นำสับปะรดชิ้นใหญ่ใส่ในหม้อพร้อมกับน้ำสับปะรดทั้งหมดที่เก็บรวบรวมได้ในขณะที่หั่น
- เติมน้ำพอให้ท่วม
- นำไปต้มด้วยความร้อนสูงปานกลาง
- ลดความร้อนลงเพื่อเคี่ยวและตั้งไฟเป็นเวลา 10 นาที
- เทน้ำออกและปล่อยให้เย็น
- โรยน้ำตาลบนสับปะรดที่หั่นแล้ว. ถ้าสับปะรดไม่หวาน ให้โรยน้ำตาลบนสับปะรดที่หั่นเป็นชิ้นใหญ่หรือชิ้นที่หั่นเป็นแว่น กินทันทีหรือใส่ภาชนะปิดฝาเก็บในตู้เย็นโฆษณา
เคล็ดลับ
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://www.hort.purdue.edu/newcrop/morton/pineapple.html
- ↑ http://postharvest.ucdavis.edu/PFfruits/Pineapple/
- ↑ http://www.ctahr.hawaii.edu/oc/freepubs/pdf/B-028.pdf
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=NIi4-6FN5pM
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=fBz8Fnma9pE
- ↑ http://www.nytimes.com/1982/04/21/garden/a-guide-to-choosing-a-ripe-pineapple.html
- ↑ https://www.hort.purdue.edu/newcrop/morton/pineapple.html
- ↑ http://www.kitchenriffs.com/2013/08/grilled-pineapple.html
- ↑ http://postharvest.ucdavis.edu/PFfruits/Pineapple/
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.