วิธีการ ช่วยเหลือคนที่มีอาการแพนิก

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

การเห็นเพื่อนเกิดอาการแพนิกอาจเป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่น้อย คุณรู้สึกเหมือนตัวเองทำอะไรไม่ได้ในสถานการณ์ที่ดูเข้าใจได้ไม่ยาก (แต่บ่อยครั้งมันก็ไม่ง่ายเลย) ทั้งนี้คุณสามารถทำตามแนวทางต่อไปนี้ได้เพื่อให้เหตุการณ์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

เข้าใจสถานการณ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เข้าใจว่าเขากำลังประสบกับอะไร.
    คนที่เป็นโรคแพนิกจะถูกอาการตื่นตระหนกเข้าจู่โจมแบบทันทีทันใดและเกิดขึ้นซ้ำๆ เป็นเวลาหลายนาทีหรือเป็นชั่วโมง แต่มักจะไม่เกินนั้นเพราะว่าร่างกายไม่มีพลังมากพอที่จะรองรับอาการแพนิกได้นานขนาดนั้น อาการแพนิกคือความกลัวว่าจะเกิดอันตรายร้ายแรงหรือกลัวว่าจะควบคุมไม่ได้แม้ว่าจะไม่มีอันตรายเกิดขึ้นจริงๆ ก็ตาม[1] อาการแพนิกสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่มีสัญญาณเตือนมาก่อนหรือไม่มีเหตุผลที่แน่ชัด ในกรณีร้ายแรงอาการอาจจะเกิดร่วมกับความกลัวตายอย่างรุนแรง แม้ว่าจะมันจะค่อนข้างน่าหดหู่และอาจกินเวลาตั้งแต่ 5 นาทีไปจนถึงร่วมชั่วโมง แต่อาการแพนิกโดยตัวมันเองแล้วไม่ใช่อาการที่เป็นอันตรายถึงชีวิต
    • อาการแพนิกจะกระตุ้นร่างกายไปถึงระดับความตื่นเต้นที่สูงที่สุด ซึ่งจะทำให้คนๆ นั้นรู้สึกเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ สมองจะเข้าสู่โหมดสู้หรือหนี บังคับให้ร่างกายเข้าควบคุมเพื่อช่วยให้เหยื่อเผชิญหน้าหรือวิ่งหนีจากสิ่งที่คิดว่าเป็นอันตราย ไม่ว่าจะมีจริงๆ หรือไม่มีก็ตาม
    • ฮอร์โมนคอร์ติซอลและอะดรีนาลินจะหลั่งออกจากต่อมหมวกไตเข้าสู่กระแสเลือด และกระบวนการทั้งหมดก็จะเริ่มขึ้น สิ่งนี้ทำให้หัวใจเต้นแบบตื่นตระหนก สมองไม่สามารถแยกแยะระหว่างอันตรายจริงๆ กับอันตรายที่อยู่ในความคิดได้ ถ้าคุณเชื่อว่ามันเป็นความจริง สมองของคุณก็จะเชื่อตามนั้นว่ามันจริง มันจะทำงานเหมือนกับว่าชีวิตของคุณกำลังตกอยู่ในอันตรายและมันก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ลองคิดแบบนี้ดูว่า ถ้ามีคนเอามีดมาจ่อคอคุณแล้วบอกว่า "ฉันจะเอามีดปาดคือแก แต่ฉันจะรอแล้วปล่อยให้แกเดาเอาเองว่าฉันจะลงมือตอนไหน อาจจะเป็นตอนไหนก็ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป"
    • ไม่เคยมีบันทึกมาก่อนว่าเคยมีใครเสียชีวิตจากอาการแพนิก[2] อาการแพนิกอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตก็ต่อเมื่อมีอาการของโรคอื่นๆ เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เช่น โรคหอบหืด หรือทำอะไรที่เป็นอันตรายหลังจากเกิดอาการแพนิก (เช่น กระโดดลงจากหน้าต่าง)
  2. How.com.vn ไท: Step 2 สังเกตอาการ.
    ถ้าคนๆ นั้นไม่เคยมีอาการแพนิกมาก่อน เขาก็จะตื่นตระหนกในสองระดับที่แตกต่างกัน ซึ่งระดับที่สองคือการไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนั่นเอง แต่ถ้าคุณระบุได้ว่าสิ่งที่เขากำลังเจอคืออาการแพนิก มันก็จะช่วยบรรเทาอาการลงได้ครึ่งหนึ่ง อาการของโรคแพนิกได้แก่[3]
    • อาการใจสั่นหรือเจ็บหน้าอก
    • อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น (หัวใจเต้นเร็ว)
    • การหายใจถี่เร็ว (การหายใจถี่เกินไป)
    • ตัวสั่น
    • เวียนหัว/มึนหัว/เหมือนจะเป็นลม (ซึ่งมักเกิดจากการหายใจถี่เร็ว)
    • เหน็บชา/ชาที่นิ้วมือหรือนิ้วเท้า
    • เสียงวิ้งในหูหรือสูญเสียการได้ยินไปชั่วขณะ
    • เหงื่อออก
    • คลื่นไส้
    • เป็นตระคริวที่ท้อง
    • ร้อนหรือเย็นวูบ
    • ปากแห้ง
    • กลืนลำบาก
    • บุคลิกวิปลาส (รู้สึกใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว)
    • ปวดหัว
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ถ้านี่เป็นครั้งแรกที่คนๆ นั้นมีอาการแพนิก ให้ขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉิน....
    ถ้านี่เป็นครั้งแรกที่คนๆ นั้นมีอาการแพนิก ให้ขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉิน. ถ้าสงสัยให้ขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ทันทีจะดีที่สุด เพราะมันจะยิ่งสำคัญเป็นสองเท่าหากคนๆ นั้นเป็นโรคเบาหวาน โรคหอบหืด หรือเป็นโรคอื่นๆ คุณต้องนึกไว้ว่าสัญญาณและอาการแพนิกนั้นคล้ายกับอาการหัวใจวาย นึกถึงข้อนี้ไว้ให้ดีเวลาประเมินสถานการณ์
  4. How.com.vn ไท: Step 4 หาสาเหตุของอาการแพนิก.
    คุยกับเขาและระบุให้แน่ชัดว่าเขาหรือเธอกำลังมีอาการแพนิก ไม่ใช่อาการของโรคอื่นๆ (เช่น โรคหอบหืดหรืออาการหัวใจวาย) ซึ่งต้องได้รับการช่วยเหลือทางการแพทย์โดยทันที ถ้าเขาเคยมีอาการแพนิกมาก่อน เขาก็อาจจะพอบอกคุณได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
    • อาการแพนิกหลายๆ ครั้งเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ หรืออย่างน้อยที่สุดคนที่มีอาการก็ไม่รู้แน่ชัดว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ด้วยเหตุนี้การระบุสาเหตุจึงอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ ถ้าคนๆ นั้นไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดอาการแพนิกก็ให้เชื่อเขาและไม่ต้องถามอะไรต่อ เพราะไม่ใช่ว่าทุกเรื่องจะสามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้เสมอไป
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ช่วยให้เขาผ่อนคลาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 กำจัดสาเหตุหรือพาเขาไปที่เงียบๆ.
    เขาอาจจะอยากออกไปจากที่ที่เขาอยู่มากๆ (แต่อย่าพาเขาออกไปถ้าเขาไม่ได้บอกว่าเขาอยากออกไปจากที่นี่ การพาเขาไปที่อื่นโดยไม่บอกกล่าวจะยิ่งทำให้เขาแพนิกมากขึ้นคนเราจะเกิดอาการตื่นตระหนกเวลาที่เรารู้สึกไม่ปลอดภัยและไม่รู้สึกถึงสภาพแวดล้อมรอบตัว เพราะฉะนั้นถ้าคุณจะพาเขาไปไหนให้ขออนุญาตเขาก่อนและบอกเขาว่าคุณจะพาเขาไปไหน) ในการช่วยเหลือพวกเขาให้ออกจากที่นั้นอย่างปลอดภัย ให้พาเขาไปที่อื่น โดยควรจะเป็นที่เปิดโล่งและผ่อนคลาย อย่าแตะต้องคนที่กำลังมีอาการแพนิกโดยไม่ขออนุญาตและไม่ได้รับอนุญาตอย่างแน่ชัด ในบางกรณีการสัมผัสคนที่กำลังมีอาการแพนิกโดยไม่ขออนุญาตก่อนจะยิ่งทำให้อาการรุนแรงมากกว่าเดิมและทำให้สถานการณ์แย่ลงด้วย
    • บางครั้งคนที่เป็นโรคแพนิกจะมีเทคนิคหรือยาที่เขารู้ว่าจะสามารถช่วยให้เขาผ้านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ เพราะฉะนั้นให้ถามเขาว่ามีอะไรที่คุณช่วยได้ไหม เพราะเขาอาจจะมีที่ที่เขาอยากไปก็ได้
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ
    How.com.vn ไท: Lauren Urban, LCSW

    Lauren Urban, LCSW

    นักบำบัดทางจิตวิทยา
    ลอเรน เออร์บันเป็นนักบำบัดทางจิตวิทยาในบรู๊คลีน นิวยอร์ก ที่มีประสบการณ์บำบัดทั้งเด็ก ครอบครัว คู่สมรส ไปจนถึงบุคคลแต่ละคนมากว่า 13 ปี เธอจบปริญญาโทด้านสังคมสงเคราะห์จากมหาวิทยาลัยฮันเตอร์ในปี 2006 และทำงานกระตุ้นลูกค้าให้สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์รอบข้างและชีวิตของพวกเขา
    How.com.vn ไท: Lauren Urban, LCSW
    Lauren Urban, LCSW
    นักบำบัดทางจิตวิทยา

    ถามเขาว่าต้องการอะไรก่อนพยายามเข้าช่วยเหลือ คุณสามารถหาน้ำ อาหาร พื้นที่ หรือการกุมมือแก่เขาอย่างไม่ลุกลน กระนั้น คุณควรถามเขาก่อน แล้วทำตามคำตอบที่เขาให้มา

  2. How.com.vn ไท: Step 2 พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่ปลอบโยนแต่หนักแน่น....
    พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่ปลอบโยนแต่หนักแน่น. เตรียมตัวให้พร้อมเพราะว่าเขาอาจจะพยายามหนีไปจากตรงนั้น แม้ว่าคุณจะพยายามช่วยเขาอย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวคุณเองก็ต้องใจเย็นๆ เหมือนกัน บอกเขาว่าทำใจดีๆ แต่อย่าไปจับ คว้า หรือแม้แต่จะรั้งตัวเขาไว้เบาๆ ถ้าเขาอยากเคลื่อนไหว บอกให้เขาบิดขี้เกียจ กระโดดตบ หรือไปเดินเร็วกับคุณ
    • ถ้าเขาอยู่ที่บ้านเขาเอง บอกเขาให้ไปจัดตู้เสื้อผ้าหรือทำงานบ้านหนักๆ เนื่องจากว่าร่างกายของเขากำลังอยู่ในภาวะสู้หรือหนี การทุ่มพลังงานไปที่สิ่งของที่จับต้องได้ งานที่มีจำกัด และงานที่มีประโยชน์จะสามารถช่วยให้เขารับมือกับผลกระทบทางสรีรวิทยาได้ และการทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จลุล่วงไปได้ก็อาจจะช่วยปรับอารมณ์ของเขา ในขณะที่การมีกิจกรรมอื่นๆ ให้จดจ่อก็อาจจะช่วยกำจัดความวิตกกังวลไปได้
    • ถ้าเขาไม่ได้อยู่ที่บ้าน ให้หากิจกรรมที่ช่วยให้เขาได้จดจ่อ อาจจะเป็นกิจกรรมธรรมดาๆ อย่างการยกแขนขึ้นและลง พอเขาเริ่มเหนื่อย (หรือเบื่อกับการทำอะไรซ้ำๆ) ใจเขาก็จะจดจ่อกับอาการแพนิกน้อยลง
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ
    How.com.vn ไท: Lauren Urban, LCSW

    Lauren Urban, LCSW

    นักบำบัดทางจิตวิทยา
    ลอเรน เออร์บันเป็นนักบำบัดทางจิตวิทยาในบรู๊คลีน นิวยอร์ก ที่มีประสบการณ์บำบัดทั้งเด็ก ครอบครัว คู่สมรส ไปจนถึงบุคคลแต่ละคนมากว่า 13 ปี เธอจบปริญญาโทด้านสังคมสงเคราะห์จากมหาวิทยาลัยฮันเตอร์ในปี 2006 และทำงานกระตุ้นลูกค้าให้สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์รอบข้างและชีวิตของพวกเขา
    How.com.vn ไท: Lauren Urban, LCSW
    Lauren Urban, LCSW
    นักบำบัดทางจิตวิทยา

    ถ้าหากเขาไม่สามารถบอกสิ่งที่ต้องการออกมาให้ชัดเจนได้ ก็แค่อยู่เคียงข้างเขา เขาอาจไม่สามารถให้คำตอบแก่คุณว่าต้องการอะไร ในกรณีนี้ แสดงให้เขารู้ว่าคุณอยู่เคียงข้างเขาเว้นแต่เขาจะขอร้องให้คุณไปเสีย

  3. How.com.vn ไท: Step 3 อย่าเพิกเฉยหรือไม่ใส่ใจ
    ความกลัวของเขา. การพูดประมาณว่า "ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอกนะ" หรือ "เธอคิดไปเองทั้งนั้น" หรือ "เธอก็ทำเวอร์เกิน" จะยิ่งทำให้ปัญหาแย่เข้าไปใหญ่ สำหรับเขาแล้วความกลัวในตอนนั้นจริงยิ่งกว่าจริงเสียอีก และสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณจะทำได้คือการช่วยเขารับมือกับความกลัวนั้น การไม่เห็นความสำคัญหรือการเพิกเฉยต่อความกลัวของเขาไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตามอาจจะทำให้อาการแพนิกแย่ลง แค่พูดว่า "ไม่เป็นไรนะ" หรือ "เธอไม่ได้เป็นอะไรหรอกนะ" แล้วก็ไม่ต้องพูดอะไรต่อ
    • ภัยคุกคามทางอารมณ์มีผลต่อร่างกายเหมือนภัยคุกคามที่แขวนอยู่บนความเป็นความตาย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงต้องใส่ใจความกลัวของเขา ถ้าความกลัวของเขาไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริง และเขาก็กำลังตอบสนองต่อเรื่องในอดีตอยู่ การดึงเขากลับสู่โลกความเป็นจริงก็อาจช่วยได้ "คนที่เราพูดถึงคือแดนนะ เขาไม่เคยหัวฟัดหัวเหวี่ยงใส่ใครที่ทำผิดพลาดเหมือนฟูมหรอก เขาก็แค่แสดงออกแบบที่เขาทำเป็นประจำนั่นแหละแล้วเขาก็อารมณ์ดีขึ้น เดี๋ยวมันก็ผ่านไปนะ แล้วเขาก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่หรอก"
    • การถามคำถามเหมือนถามอะไรทั่วไปและใจเย็นๆ อย่าง "ตอนนี้เธอกำลังกลัวสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้หรือว่าเรื่องในอดีต" อาจช่วยให้ผู้ที่กำลังมีอาการแพนิกจัดระเบียบความคิดของเขาหรือเธอเพื่อให้แยกได้ว่าอะไรเป็นภาพในอดีตและอะไรที่เป็นสัญญาณอันตรายที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ รับฟังและยอมรับทุกคำตอบของเขา บางครั้งคนที่เคยอยู่ในสถานการณ์ที่มีการทำร้ายมาก่อนก็อาจจะตอบสนองต่อสัญญาณเตือนภัยจริงๆ อย่างรุนแรง การถามคำถามและการให้เขาได้คิดว่าเขากำลังตอบสนองอะไรอยู่เป็นวิธีการช่วยเหลือที่ดีที่สุด
  4. Step 4 อย่าพูดว่า "ใจเย็นๆ" หรือ...
    อย่าพูดว่า "ใจเย็นๆ" หรือ "ไม่มีอะไรให้ตกอกตกใจหรอก". การพูดเหมือนกับว่าคุณเข้าใจสถานการณ์ดีกว่าเขาจะยิ่งทำให้เขาตื่นตระหนกเข้าไปใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นการบอกเขาว่าไม่ได้มีเรื่องอะไรให้ตกใจอาจจะยิ่งย้ำว่าเขาอยู่ห่างจากความเป็นจริงแค่ไหน ซึ่งจะทำให้เขาตื่นตระหนก มากกว่าเดิม แต่ให้พูดว่า "ฉันรู้นะว่าเธอไม่โอเค แต่ไม่เป็นไรนะ ฉันอยู่ตรงนี้คอยช่วยเธอนะ" หรือ "เดี๋ยวก็หายนะ ฉันอยู่ตรงนี้ ฉันรู้ว่าเธอกลัว แต่อยู่กับฉันเธอปลอดภัยนะ"[4]
    • คุณจะต้องมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาจริงๆ เหมือนว่าเขาถูกฟันที่ขาอย่างรุนแรงและมีเลือดไหลท่วมตัว แม้ว่าคุณจะไม่เห็นว่าจริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น แต่เขากำลังเจอสิ่งที่น่ากลัวมากๆ สถานการณ์นี้เกิดขึ้นจริงในความรู้สึกของเขา และการทำเหมือนว่ามันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงก็เป็นทางเดียวที่คุณจะช่วยเขาได้
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ
    How.com.vn ไท: Lauren Urban, LCSW

    Lauren Urban, LCSW

    นักบำบัดทางจิตวิทยา
    ลอเรน เออร์บันเป็นนักบำบัดทางจิตวิทยาในบรู๊คลีน นิวยอร์ก ที่มีประสบการณ์บำบัดทั้งเด็ก ครอบครัว คู่สมรส ไปจนถึงบุคคลแต่ละคนมากว่า 13 ปี เธอจบปริญญาโทด้านสังคมสงเคราะห์จากมหาวิทยาลัยฮันเตอร์ในปี 2006 และทำงานกระตุ้นลูกค้าให้สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์รอบข้างและชีวิตของพวกเขา
    How.com.vn ไท: Lauren Urban, LCSW
    Lauren Urban, LCSW
    นักบำบัดทางจิตวิทยา

    ก่อนอื่น ใช้เวลาสักครู่ในการสำรวจ ตัวคุณเอง ให้แน่ใจว่าคุณสงบพอ คุณคงช่วยอะไรไม่ได้ถ้าตัวคุณเองยังมีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด

  5. How.com.vn ไท: Step 5 อย่ากดดันเขา.
    นี่ไม่ใช่เวลาที่จะบังคับให้เขาหาคำตอบหรือทำในสิ่งที่ยิ่งทำให้ความวิตกกังวลเพิ่มทวีคูณ ลดระดับความเครียดของเขาให้เหลือน้อยที่สุดด้วยการทำตัวเองให้นิ่งและปล่อยให้เขาเข้าสู่ภาวะผ่อนคลาย อย่าดึงดันที่จะหาคำตอบให้ได้ว่าเขาแพนิกเพราะอะไรเพราะมันจะยิ่งทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง
    • คอยรับฟังอย่างตั้งใจถ้าจู่ๆ เขาเกิดพยายามหาสาเหตุขึ้นมาว่าเขากำลังตื่นตระหนกกับเรื่องอะไร อย่าตัดสิน แค่รับฟังและปล่อยให้เขาพูด
  6. How.com.vn ไท: Step 6 กระตุ้นให้เขาพยายามควบคุมการหายใจ.
    การกลับมาควบคุมการหายใจได้อีกครั้งจะทำให้อาการแพนิกหายไปและช่วยให้เขากลับมาสงบสติอารมณ์ได้อีกครั้ง หลายคนจะหายใจสั้นๆ เร็วๆ เวลามีอาการแพนิก และบางคนก็จะลืมหายใจไปเลย ซึ่งจะไปลดปริมาณการรับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายที่จะทำให้หัวใจเต้นเร็ว ใช้เทคนิคต่อไปนี้เพื่อให้เขากลับมาหายใจได้ตามปกติ
    • นับลมหายใจ วิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เขาทำวิธีนี้ได้ก็คือให้เขาหายใจเข้าและออกตามที่คุณนับ เริ่มจากการนับดังๆ เพื่อกระตุ้นให้เขาหายใจเข้า 2 หายใจออก 2 แล้วค่อยๆ นับเพิ่มไปที่ 4 จนถึง 6 ถ้าเขาทำได้ จนกว่าเขาจะหายใจช้าลงและควบคุมการหายใจได้
    • ให้เขาหายใจในถุงกระดาษ ถ้าเขาเชื่อคุณ ให้เอาถุงกระดาษให้เขา แต่ระวังว่าสำหรับบางคน ถุงกระดาษอาจจะยิ่งไปกระตุ้นความกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีจากการถูกบังคับให้หายใจในถุงตอนที่มีอาการแพนิกครั้งก่อน
      • เนื่องจากวิธีนี้ใช้เพื่อป้องกันภาวะระบายลมหายใจเกิน วิธีนี้จึงอาจจะไม่จำเป็นถ้าคุณกำลังช่วยคนที่ลืมหายใจหรือหายใจช้าเวลามีอาการแพนิก แต่ถ้าจำเป็นให้ใช้วิธีนี้โดยการสลับระหว่างการหายใจเข้าออกในถุง 10 ครั้ง ตามด้วยการหายใจนอกถุง 15 วินาที คุณจะต้องไม่ให้เขาหายใจในถุงมากเกินไปเพราะว่าระดับคาร์บอนไดออกไซด์อาจจะขึ้นสูงเกินไปและระดับออกซิเจนจะลดต่ำเกินไป ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงอื่นๆ ตามมาได้
    • ให้เขาหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก โดยให้หายใจออกเหมือนเป่าลมเวลาเป่าลูกโป่ง ทำแบบนี้เป็นเพื่อนเข้าด้วย
  7. How.com.vn ไท: Step 7 ช่วยให้เขารู้สึกเย็นสบาย.
    อาการแพนิกอาจจะเกิดร่วมกับความรู้สึกร้อนโดยเฉพาะอย่างรอบลำคอและใบหน้า ของเย็นๆ หรือถ้าจะให้ดีที่สุดก็คือผ้าเช็ดตัวเปียกมักจะช่วยลดอาการนี้ลงได้และช่วยลดความรุนแรงของอาการแพนิกด้วย
  8. How.com.vn ไท: Step 8 อย่าปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว.
    อยู่กับเขาจนกว่าเขาจะหายจากอาการแพนิก อย่าปล่อยให้คนที่กำลังมีปัญหาเรื่องการหายใจไว้เพียงลำพัง คนที่มีอาการแพนิกอาจจะดูไม่เป็นมิตรหรือหยาบคาย แต่ให้เข้าใจว่าเขากำลังเผชิญกับอะไรและรอจนกว่าเขาจะกลับมาเป็นปกติ ถามเขาว่าก่อนหน้านี้อะไรที่ช่วยบรรเทาอาการได้และถามว่าเขาเคยรับประทานยาไหมหรือเมื่อไหร่
    • ถึงคุณจะรู้สึกว่าตัวเองช่วยอะไรไม่ได้มาก ก็ขอให้รู้ว่าคุณคือสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจของเขาได้ ถ้าเขาอยู่คนเดียว เขาก็จะมีแค่ตัวเองกับความคิดของเขา คุณมีประโยชน์ในการดึงเขาไว้กับโลกแห่งความเป็นจริง การอยู่คนเดียวตอนที่เกิดอาการแพนิกเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก แต่ถ้าเป็นในที่สาธารณะ คุณต้องกันไม่ให้คนอื่นเข้าใกล้เขา พวกเขาอาจจะหวังดีก็จริง แต่มันจะทำให้อาการยิ่งแย่ลง
  9. How.com.vn ไท: Step 9 รอ.
    ถึงมันจะดูเหมือนนานมากๆ (แม้แต่กับตัวคุณเอง แล้วคิดดูว่ามันจะนานแค่ไหนสำหรับเขา) อาการแพนิกก็ จะผ่านไป อาการแพนิกทั่วไปมักจะขึ้นสู่จุดสูงสุดในช่วง 10 นาทีและจากนั้นจะค่อยๆ ดีขึ้นและลดระดับลงเรื่อยๆ[5]
    • แต่อาการแพนิกเล็กน้อยมักจะกินเวลา นานกว่า แต่ว่ากันว่าเขาจะรับมือกับอาการแพนิกแบบนี้ได้ดีกว่า เพราะฉะนั้นระยะเวลาจึงไม่ใช่ปัญหา[5]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

รับมือกับอาการแพนิกแบบรุนแรง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ขอความช่วยเหลือทางการแพทย์.
    ถ้าอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 ชั่วโมง ให้ขอคำแนะนำทางการแพทย์ฉุกเฉิน แม้ว่าจะไม่ใช่ความเป็นความตาย แต่ก็ให้โทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาลแม้จะแค่ขอคำแนะนำก็ตาม แพทย์ฉุกเฉินจะให้ Valium หรือ Xanax และอาจจะ Beta-Blocker อย่าง Atenolol เพื่อให้หัวใจเต้นช้าลงและให้อะดรีนาลีนเข้าสู่ร่างกาย
    • ถ้านี่เป็นครั้งแรกที่เขาหรือเธอมีอาการแพนิก เขาอาจจะอยากได้ความช่วยเหลือจากแพทย์เพราะเขากลัวสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเขา แต่ถ้าเขาเคยมีอาการแพนิกมาแล้วหลายครั้ง เขาอาจจะรู้ว่าการเข้ารับการรักษาฉุกเฉินจะยิ่งทำให้สภาวะของเขาแย่ลง คุณต้องถามเขา เพราะการตัดสินใจนี้สุดท้ายแล้วจะขึ้นอยู่ประสบการณ์ของเจ้าตัวและปฏิสัมพันธ์ที่คุณมีกับเขา
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ช่วยเขาหาการบำบัด.
    อาการแพนิกเป็นความวิตกกังวลรูปแบบหนึ่งที่ควรได้รับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ นักบำบัดที่ดีจะสามารถหาสิ่งที่มากระตุ้นอาการแพนิกหรืออย่างน้อยที่สุดก็ช่วยให้เขาเข้าใจสถานการณ์ในแง่สรีรวิทยามากขึ้น ถ้าเขาเริ่มเข้ารับการบำบัด ก็ปล่อยให้เขาค่อยๆ เยียวยาไปตามระยะเวลาของเขา
    • บอกให้เขารู้ว่าไม่ได้มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่เข้ารับการบำบัด แต่เป็นรูปแบบการช่วยเหลือที่สมเหตุสมผลที่มีผู้ใช้บริการหลายล้านคน ยิ่งไปกว่านั้นนักบำบัดอาจจะจ่ายยาที่ไประงับปัญหาไม่ให้บานปลาย แม้ว่ายาอาจจะไม่สามารถหยุดอาการแพนิกให้หายสนิทได้ แต่จะลดความรุนแรงและความถี่ได้อย่างแน่นอน
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ดูแลตัวเอง.
    คุณอาจจะรู้สึกผิดมากๆ ที่ตัวเองลนลานตอนที่เพื่อนมีอาการแพนิก แต่มันเป็นเรื่องปกติ รู้ว่าการลนลานและความกลัวอ่อนๆ เป็นการตอบสนองปกติเวลาที่เห็นคนอื่นมีอาการแพนิก ถ้าช่วยได้ให้ถามเขาว่าคุณจะคุยเรื่องนี้กับเขาทีหลังได้ไหม เพื่อที่คุณจะได้รับมือกับมันได้ดีขึ้นในภายภาคหน้า
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าเขามีความกลัวต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างรุนแรงและสิ่งนั้นกระตุ้นอาการแพนิก ให้นำเขาออกจากสิ่งนั้น
  • พาเขาออกไปข้างนอกถ้าอาการแพนิกเกิดขึ้นในที่ที่คนเยอะๆ หรือเสียงดัง เขาต้องผ่อนคลายและออกไปอยู่ที่โล่งๆ
  • ถ้าเขามีสัตว์เลี้ยงอยู่ใกล้ๆ งานวิจัยบอกว่าการสัมผัสสุนัขช่วยลดความดันโลหิตได้
  • ถ้าคนใกล้ตัวเป็นโรคแพนิกและมีอาการแพนิกเกิดขึ้นบ่อยครั้ง มันก็อาจจะทำลายความสัมพันธ์ได้ วิธีรับมือกับผลกระทบของโรคแพนิกที่มีต่อความสัมพันธ์นั้นเกินขอบเขตของบทความนี้ แต่ก็ควรได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ
  • อาการที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักได้แก่:
    • ความคิดที่มากระทบจิตใจหรือความคิดเชิงลบ
    • ความคิดแล่นไปมาในหัว
    • การรู้สึกถึงสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
    • การรู้สึกว่าสิ่งร้ายๆ กำลังจะเกิดขึ้น
    • การรู้สึกว่าความตายกำลังใกล้เข้ามา
    • มีตุ่มขึ้น
  • ถ้าเขาอยากอยู่คนเดียวให้ถอยออกมา แต่อย่าปล่อยเขาไว้เพียงลำพัง
  • บอกให้เขานึกภาพสิ่งที่สวยงามอย่างมหาสมุทรหรือทุ่งหญ้าสีเขียวเพื่อให้ใจสงบ
  • ถ้าไม่มีถุงกระดาษ ให้เขาลองหายใจในอุ้งมือทั้งสองข้าง หายใจผ่านรูเล็กๆ ระหว่างนิ้วโป้งทั้งสองข้าง
  • อย่าลังเลที่จะเรียกรถพยาบาลเพื่อขอความช่วยเหลือ มันเป็นหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว!
  • บอกให้เขากำหนดจิตไปที่สี ลวดลาย และการนับ เพราะถ้านึกถึงสิ่งนี้แล้วสมองจะไม่สามารถจดจ่อกับอาการแพนิกได้ นอกจากนี้ถ้าอาการแพนิกเกิดขึ้นซ้ำๆ ให้บอกให้เขามั่นใจว่าเขาไม่เป็นไร บอกให้เขาพูดซ้ำๆ ว่า "ฉันจะไม่เป็นไร"
  • บอกให้เขาไปเข้าห้องน้ำ การปัสสาวะช่วยให้ของเสียไหลออกจากร่างกายและยังช่วยให้ใจเขาจดจ่อกับสิ่งอื่นด้วย
  • ให้เขาทำท่าเด็กหมอบ (เป็นท่าโยคะ) เพื่อให้เขาสงบลง
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าใช้ถุงกระดาษหายใจ ถุงกระดาษควรคลุมรอบจมูกและปากพอให้เขาได้หายใจเอาอากาศที่หายใจออกกลับเข้าไปใหม่ อย่าเอาถุงกระดาษครอบศีรษะและห้ามใช้ถุงพลาสติก เด็ดขาด
  • จำไว้ว่าคนที่เป็นโรคหอบหืดหลายคนมีอาการแพนิก และคนกลุ่มนี้จำเป็นจะต้องควบคุมการหายใจอีกครั้งให้ได้ ถ้าเขาไม่สามารถควบคุมการหายใจเข้าออกให้กลับไปเป็นรูปแบบปกติได้และไม่ได้รับการช่วยเหลือทางการแพทย์อย่างทันท่วงที อาการหอบหืดที่ตามมาอาจทำให้เกิดผลร้ายแรงตามมาและในบางกรณีอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
  • อาการแพนิกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่ไม่เคยมีอาการมาก่อน มักจะเหมือนอาการหัวใจวาย แต่อาการหัวใจวายอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ และถ้าคุณสงสัยว่ามันคืออาการไหนกันแน่ ให้เรียกรถพยาบาลจะดีที่สุด
  • ดูให้ดีว่าสาเหตุของการหายใจขัดข้องไม่ได้มาจากโรคหอบหืด เพราะโรคหอบหืดเป็นอาการที่แตกต่างจากอาการแพนิกอย่างสิ้นเชิงและต้องการการรักษาที่แตกต่างกัน
  • ระหว่างที่แพนิก คนที่เป็นโรคหอบหืดอาจจะรู้สึกว่าเขาต้องการเครื่องช่วยหายใจเพราะว่าเขาแน่นหน้าอกและหายใจสั้น คุณต้องดูให้ดีว่ามันเป็นอาการแพนิกจริงๆ ไม่ใช่อาการหอบหืด เพราะการใช้เครื่องช่วยหายใจเวลาที่ไม่จำเป็นต้องใช้อาจทำให้อาการแพนิกแย่ลงได้ เพราะตัวยามีไว้เพื่อเร่งอัตราการเต้นของหัวใจ
  • การหายใจในถุงกระดาษทำให้เกิดการหายใจเอาคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรดจากการหายใจ ภาวะเลือดเป็นกรดจากการหายใจเป็นอาการที่อันตรายที่ขัดขวางการจับกันของออกซิเจนกับฮีโมโกลบิน (เลือด) เพราะฉะนั้นการใช้ถุงกระดาษเพื่อควบคุมอาการแพนิกควรใช้ต่อเมื่อมีการดูแลอย่างใกล้ชิด หรือเลี่ยงไม่ใช้ไปเลย
  • แม้ว่าอาการแพนิกส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ถ้าอาการแพนิกเกิดจากสาเหตุที่ซ่อนอยู่ เช่น ภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ภาวะหัวใจเสียจังหวะ โรคหอบหืด และ/หรือกระบวนการทางสรีรวิทยาของระบบประสาทอัตโนมัติไม่สอดคล้องกันก็อาจทำให้เสียชีวิตได้ ภาวะหัวใจเต้นเร็วที่ไม่ได้รับการควบคุมอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ถุงพลาสติก (แล้วแต่สถานการณ์)
  • ผ้าเปียก

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Lauren Urban, LCSW
ร่วมเขียน โดย:
นักบำบัดทางจิตวิทยา
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Lauren Urban, LCSW. ลอเรน เออร์บันเป็นนักบำบัดทางจิตวิทยาในบรู๊คลีน นิวยอร์ก ที่มีประสบการณ์บำบัดทั้งเด็ก ครอบครัว คู่สมรส ไปจนถึงบุคคลแต่ละคนมากว่า 13 ปี เธอจบปริญญาโทด้านสังคมสงเคราะห์จากมหาวิทยาลัยฮันเตอร์ในปี 2006 และทำงานกระตุ้นลูกค้าให้สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์รอบข้างและชีวิตของพวกเขา บทความนี้ถูกเข้าชม 4,441 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,441 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา