วิธีการ ใช้ชีวิตให้เต็มที่

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

ความหมายของชีวิตคือสิ่งที่คุณสร้างขึ้นในทุกๆ วันด้วยการกระทำและความคิดของคุณเอง จงหมั่นถามหาสิ่งที่คุณสามารถเรียนรู้และวิธีที่คุณจะสามารถเดินหน้าต่อไปในชีวิตและห้ามตัวเองไม่ให้กล่าวโทษคนอื่นหากบางสิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่คุณหวังไว้ การใช้ชีวิตให้ “เต็มที่” เป็นอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับคุณโดยวิธีการเริ่มต้นมีดังนี้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ให้คำจำกัดความตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 รับรู้ว่าชีวิตคือการเดินทางไม่ใช่จุดหมายปลายทาง....
    รับรู้ว่าชีวิตคือการเดินทางไม่ใช่จุดหมายปลายทาง. คำพูดนี้ถูกใช้บ่อยและมันก็เป็นเรื่องจริง: ชีวิตนั้นเกี่ยวกับวิธีที่คุณจะไปสู่ที่ๆ คุณกำลังไปเช่นเดียวกับปลายทางของคุณ การใช้ชีวิตให้เต็มที่คือกระบวนการที่จะใช้เวลาชั่วชีวิตของคุณในการสร้าง อย่าหงุดหงิดหากคุณต้องใช้เวลานานในการเรียนรู้บางอย่างหรือหากคุณเจออุปสรรค สิ่งนี้คือธรรมชาติของชีวิต
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น.
    ความไม่ซื่อสัตย์ทำให้พลังงานและความสุขซึมหายไป เมื่อเราไม่ซื่อสัตย์กับตัวเอง เรารั้งตัวเองไว้ไม่ให้เรียนรู้และเติบโต เมื่อเราไม่ซื่อสัตย์กับคนอื่น เราทำลายความเชื่อใจและความใกล้ชิด[1]
    • เราอาจจะไม่ซื่อสัตย์เพราะเหตุผลหลายอย่าง งานวิจัยเผยว่าบางครั้งเราโกหก งานวิจัยเผยว่าบางครั้งเราโกหกเพราะเราหึงและต้องการทำให้คนอื่นช้ำใจ บางครั้งเราโกหกเพราะว่าเรากลัวว่าเราจะเจ็บหากเราเผยความจริงหรือกลัวการเผชิญหน้า[2] มันอาจจะยากที่จะต้องซื่อสัตย์โดยเฉพาะกับตัวเองแต่การทำเช่นนั้นจะช่วยให้คุณใช้ชีวิตให้เต็มที่และสมบูรณ์มากขึ้น
  3. How.com.vn ไท: Step 3 เรียนรู้ที่จะยอมรับตัวเอง.
    บ่อยครั้งที่เราใช้เวลามากมายในการมองสิ่งที่เราไม่ชอบเกี่ยวกับตัวเอง สิ่งที่เราต้องการจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เราคิดว่าควรจะแตกต่างจากนี้ การใช้เวลาทั้งหมดมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่คุณไม่ชอบหรือสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตหมายความว่า คุณไม่สามารถพุ่งเป้าไปที่อนาคตของคุณ ตัดสินใจอย่างมีสติเพื่อที่จะเรียนรู้ที่จะรักตัวเองอย่างที่คุณเป็น [3]
    • สร้างลิสต์เกี่ยวกับจุดแข็งของคุณ คุณเก่งในด้านไหน สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เช่นการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือทักษะใน “ชีวิตประจำวัน” เช่นการเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีกับผู้อื่น การเอาใจใส่จุดแข็งของคุณสามารถช่วยให้คุณพัฒนาสิ่งเหล่านั้นโดยไม่มองว่าตัวเองเป็น “ความล้มเหลว”
  4. How.com.vn ไท: Step 4 กำหนดคุณค่าของคุณ.
    คุณค่าหลักของคุณคือความเชื่อที่หล่อหลอมคุณให้เป็นคนอย่างที่คุณเป็นและวิธีที่คุณใช้ชีวิต สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นความเชื่อทางจิตวิญญาณหรือความเชื่อหยั่งลึกทั่วไปที่สำคัญกับคุณ[4] การสะท้อนดูคุณค่าของตัวเองจะช่วยให้คุณตั้งเป้าหมายสำหรับตัวเองซึ่ง “สอดคล้องกับคุณค่า” ของคุณ คุณมักจะรู้สึกเติมเต็มและมีความสุขเมื่อคุณอยู่ร่วมกับคุณค่าของคุณ[5] คุณมักจะรู้สึกเติมเต็มและมีความสุขเมื่อคุณอยู่ร่วมกับคุณค่าของคุณ
    • ยืนหยัดต่อสิ่งที่คุณเชื่อและอย่าให้ผู้อื่นทำให้คุณเขว คุณสามารถทำสิ่งนี้และยังคงเปิดรับความคิดของผู้อื่นอย่างที่พวกเขาอาจจะทำให้คุณประหลาดใจ
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ท้าทายการพูดกับตัวเองในแง่ลบ.
    บางครั้งสังคมก็ทำให้การวิจารณ์ตัวเองสับสนปนเปไปกับการช่วยเหลือตัวเองให้พัฒนาปรับปรุง อย่างไรก็ตาม งานวิจัยเผยว่ายิ่งคุณเป็นปรปักษ์และวิจารณ์ตัวเองมากเท่าไหร่คุณก็จะยิ่งเป็นคนแบบนั้นต่อผู้อื่น การพูดกับตัวเองในแง่ลบและการวิจารณ์ตัวเองไม่ช่วยให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้นหรือบรรลุเป้าหมายของคุณ[6] คุณควรใช้ความเมตตาและความเห็นใจตัวเอง
    • เช่น หากคุณพร่ำบอกกับตัวเองถึงสิ่งที่ผิดปกติกับคุณหรืออะไรที่คุณไม่ชอบเกี่ยวกับตัวเอง คุณต้องทำอย่างมีจุดประสงค์และท้าทายความคิดเหล่านั้นด้วยความคิดที่เป็นแง่บวก แทนที่ความคิด เช่น "ฉันมันขี้แพ้" ด้วย "สถานการณ์นั้นไม่เป็นไปตามที่ฉันวางแผนเอาไว้ ฉันจะกลับไปดูแผนงานและคิดวิธีอื่นที่จะทำให้มันสำเร็จ"
    • ลองคิดเกี่ยวกับการวิจารณ์ตัวเองอย่างมีตรรกะ การวิจารณ์ตัวเองอาจเป็นเรื่องง่าย ครั้งต่อไปที่คุณสังเกตว่าคุณใจร้ายกับตัวเองก็ลองหาคำตอบที่มีเหตุผลให้กับคำวิจารณ์นั้น เช่น หากคุณคิดว่า "ฉันโง่จัง ฉันไม่รู้อะไรเลยในวิชานี้และทุกคนฉลาดกว่าฉัน" ลองไตร่ตรองความคิดนี้อย่างมีตรรกะ ทุกคนฉลาดกว่าคุณหรือบางคนแค่เตรียมตัวมาพร้อมกว่าคนอื่น? ประสิทธิภาพของคุณในวิชานี้เกี่ยวข้องกับความฉลาดของคุณ (ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น) หรือมันเป็นเพราะคุณเตรียมตัวมาไม่ดีพอ? คุณตั้งใจเรียนหรือเปล่า? คุณได้ความรู้จากครูผู้สอนหรือเปล่า? การย่อยสิ่งเหล่านี้ด้วยความคิดที่มีตรรกะสามารถช่วยให้คุณเจอขั้นตอนในการปรับปรุงตัวโดยไม่ต้องวิจารณ์ตัวเองให้เสียหาย
  6. How.com.vn ไท: Step 6 รับเอาความยืดหยุ่น.
    หนึ่งในเหตุผลที่เราหงุดหงิดคือเราคาดหวังสิ่งต่างๆ ให้เป็นเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ชีวิตเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง การเปิดตัวเองให้กับกระบวนการของการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตและเรียนรู้ที่จะปรับ ตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ๆ และท้าทายสิ่งที่เกิดขึ้น [7]
    • การรับเอาอารมณ์ที่เป็นบวก เช่น ความสุขและการมองโลกในแง่ดีจะช่วยให้คุณพัฒนาความ ยืดหยุ่น[8]
    • มองหารูปแบบที่คุณตอบโต้กับเหตุการณ์และสถานการณ์ต่างๆ ระบุสิ่งที่เป็นประโยชน์และสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ วิธีนี้สามารถช่วยให้คุณเรียนรู้ที่จะแก้ไขคำตอบที่ไม่เป็นประโยชน์และเรียนรู้ที่จะปรับตัวได้เก่งขึ้น ไม่เพียงแต่คุณจะรู้สึกดีขึ้นกับตัวเองเท่านั้น คุณยังจะสามารถมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับผู้อื่นอีกด้วย [9]
    • เรียนรู้ที่จะมองเหตุการณ์ที่เป็น "ลบ" ให้เป็นประสบการณ์การเรียนแทน การมองปัญหาหรือสถานการณ์ที่เป็นลบว่าเป็น "ความล้มเหลว" สามารถทำให้คุณหมกมุ่นกับมันมากกว่าที่จะเรียนรู้และเติบโตไปกับมัน แทนที่จะมองเห็นความท้าทายหรืออุปสรรคว่าเป็นสิ่งที่ลบ จงมองมันให้เป็นสิ่งที่บวกสำหรับการเรียนรู้และการพัฒนา
    • เช่น นายทุนผู้โด่งดังอย่าง สตีฟ จอบส์ พูดว่า "การถูกไล่ออกจาก Apple คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผม ความหนักหน่วงของการประสบความสำเร็จถูกแทนที่ ด้วยความเบาของการเป็นผู้เริ่มอีกครั้งโดยมั่นใจน้อยลงเกี่ยวกับทุกสิ่ง มันปล่อยให้ผมเข้าสู่ช่วงเวลาที่สร้างสรรค์ที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิต"[10] เจ เค โรว์ลิ่ง นักเขียนที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับนิยายภาคต่ออย่าง แฮร์รี่ พอตเตอร์ เคยพูดว่าเธอมองความล้มเหลวเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมากที่ควรให้คุณค่ามากกว่าที่ควรจะกลัว[11]
  7. How.com.vn ไท: Step 7 ใส่ใจร่างกายของคุณ.
    ส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตให้เต็มที่คือการดูแลเอาใจใส่ร่างกายของคุณ คุณมีร่างกายแค่ร่างเดียว คุณต้องทำให้มั่นใจว่ามันสามารถแบกรับคุณไปตลอดชีวิตของการผจญภัยและการเรียนรู้
    • ทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูงและไม่มีแคลอรี่ ทานผลไม้ ผักสด คาร์โบไฮเดรตและโปรตีน ที่มีไขมันต่ำ ในปริมาณมาก แต่อย่าลืมให้รางวัลกับตัวเอง คุณสามารถทานเค้กสักชิ้นหรือดื่มไวน์สักแก้วเป็นบางครั้งบางคราวได้ [12]
    • อย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำ ผู้ชายควรดื่มน้ำประมาณ 13 ถ้วย (3 ลิตร) ต่อวัน ผู้หญิงควรดื่มประมาณ 9 ถ้วย (2.2 ลิตร) ต่อวัน [13]
    • ออกกำลังกาย งานวิจัยเผยว่าการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณรู้สึกสุขภาพดี มีความสุขและเป็นบวกมากขึ้น ตั้งเป้าหมายเพื่อออกกำลังกายแอโรบิกให้ได้ประมาณ 150 นาทีต่อสัปดาห์ [14]
  8. How.com.vn ไท: Step 8 เรียนรู้การมีสติ.
    การเรียนรู้เรื่องการมีสติสามารถช่วยให้คุณใช้ชีวิตให้เต็มที่โดยให้คุณพุ่งเล็งไปที่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน สติมีรากฐานมาจากธรรมเนียมของศาสนาพุทธ และหลีกเลี่ยงการตัดสินประสบการณ์ของคุณโดยการกระตุ้นให้คุณยอมรับประสบการณ์เหล่านั้นอย่างที่มันเป็น[15][16]
    • คุณไม่สามารถใช้ชีวิตให้เต็มที่หากคุณยังซึมซับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตหรือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต การเรียนรู้ที่จะมีสติกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นใน "ตอนนี้" จะช่วยให้คุณกังวลน้อยลงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วหรืออาจจะเกิดขึ้น
    • มีหลายวิธีในการเรียนรู้เกี่ยวกับสติ รวมถึงการนั่งสมาธิกำหนดสติและการเรียนเรื่องของจิตวิญญาณ[17] การฝึกต่างๆ เช่นโยคะและไท ชี ได้รวมเอาการมีสติมาใส่ไว้ในการฝึกฝนด้วย
    • ประโยชน์มากมายของการมีสติ คือ สุขภาพกายและใจที่ดีขึ้น ความเครียดที่น้อยลง ปฏิสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับผู้อื่น และสุขภาพองค์รวมที่ดีขึ้น[18]
  9. How.com.vn ไท: Step 9 หยุดบอกตัวเองว่า “ควร” ทำอะไร.
    ความคิดนี้ถูกสร้างขึ้นโดยนักจิตวิทยาชื่อ เคลย์ตัน บาร์โบ ซึ่งหมายถึงแนวโน้มของมนุษย์ในการบอกตัวเองว่า “ต้อง”ทำอะไรบางอย่าง แม้มันจะไม่สอดคล้องกับเป้าหมายหรือคุณค่าของเราก็ตาม [19] คำว่า “ควรจะ” สามารถก่อให้เกิดความไม่พอใจและความเสียใจเป็นอย่างมาก การกำจัดมันออกจากชีวิตจะช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้เต็มที่มากขึ้น[20]
    • เช่น ลองพิจารณาประโยคที่ใช้คำว่า “ควรจะ”: “ฉันควรจะลดน้ำหนักมากกว่านี้” ทำไมคุณจึงรู้สึกแบบนั้น? เป็นเพราะคุณมีเป้าหมายในการออกกำลังกายที่คุณต้องการจะบรรลุเพื่อตัวเองหรือเปล่า? เป็นเพราะคุณได้ปรึกษาแพทย์และตกลงว่าคุณต้องมีสุขภาพที่ดีขึ้นหรือเปล่า? หรือเป็นเพราะบางคนบอกคุณว่าคุณ “ควรจะ” เป็นแบบนั้น? เป้าหมายเดียวกันสามารถทำให้คุณมีสุขภาพดี เป็นประโยชน์ “หรือ” ให้โทษกับคุณ ขึ้นอยู่กับว่าทำไมคุณจึงรู้สึกว่าคุณต้องทำมันให้สำเร็จ
    • การตัดสินใจที่จะไม่ “บังคับ” ตัวเองไม่ได้แปลว่าคุณไม่ได้ตั้งเป้าหมาย แต่มันคือการที่คุณตั้งเป้าหมายสำหรับตัวเองบนพื้นฐานของสิ่งที่มีความหมายสำหรับ “คุณ” ไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นต้องการหรืออยากให้คุณทำ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การเดินบนทางของตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ผลักตัวเองออกจากขอบเขตที่คุณคุ้นเคย.
    งานวิจัยเสนอว่าคนเราต้องผลักตัวเองออกจากขอบเขตที่คุณคุ้นเคยเพื่อใช้ศักยภาพของตัวเองได้เต็มที่[21] สิ่งนี้เรียกว่าการน้อมรับ “ความกังวลสูงสุด” และยิ่งคุณพร้อมที่จะท้าทายตัวเองมากแค่ไหนคุณก็จะยิ่งคุ้นเคยกับประสบการณ์ใหม่มากเท่านั้น[22]
    • มันอาจจะน่ากลัวที่ต้องเสี่ยงเพราะเราไม่คุ้นเคยกับแนวคิดของความล้มเหลว คนส่วนใหญ่กลัวความเสี่ยงในระยะสั้น อย่างไรก็ตามคนที่ไม่ชอบเสี่ยงและไม่ผลักดันตัวเองมักจะเสียใจใจภายหลังที่ไม่ได้ทำเช่นนั้น[23]
    • การออกจากขอบเขตที่คุณคุ้นเคยเป็นครั้งคราวสามารถช่วยให้คุณพัฒนาความยืดหยุ่นที่คุณต้องการเพื่อรับมือกับอุปสรรคที่ไม่คาดหวังในชีวิต[24]
    • เริ่มจากก้าวเล็กๆ และค่อยพัฒนาเป็นก้าวใหญ่ๆ เช่น ไปร้านอาหารโดยไม่ต้องอ่านรีวิวก่อน ขับรถไปเที่ยวกับคนรัก ลองสิ่งที่ไม่เคยทำในที่ทำงาน เป็นต้น
  2. How.com.vn ไท: Step 2 อยู่บนหลักของความจริง.
    ตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้ตามความสามารถและพรสวรรค์ของคุณ จงนึกว่าความพยายามแต่ละครั้งให้คือความสำเร็จ ทำขั้นแรกให้สำเร็จก่อนจะทำขั้นต่อไปเพื่อที่เดินหน้าหาความมั่นคงและความอุ่นใจ[25]
    • ตั้งเป้าหมายที่มีค่าสำหรับคุณและอย่าเปรียบเทียบเป้าหมายของคุณกับของคนอื่น หากเป้าหมายที่มีค่าสำหรับคุณคือการเรียนกีต้าร์เพื่อเล่นเพลงโปรดของคุณ จงอย่ารู้สึกไม่ดีหากคุณไม่ได้กลายเป็นนักกีตาร์ผู้โด่งดัง
    • รักษาเป้าหมายตามศักยภาพของคุณ การบรรลุเป้าหมายต้องใช้ความพยายาม การทุ่มเทและแรงบันดาลใจ อย่างไรก็ตาม คุณต้องมั่นใจว่าคุณสามารถบรรลุเป้าหมายโดยใช้ความพยายาม "ของคุณ" และจำไว้ว่าคุณไม่สามารถควบคุมคนอื่นได้[26] เช่น "การเป็นดาราภาพยนตร์" คือเป้าหมายที่ต้องอาศัยการกระทำของผู้อื่น (ทีมคัดตัวนักแสดงต้องคัดความสามารถของคุณหรือผู้คนต้องไปดูภาพยนตร์ของคุณ เป็นต้น) อย่างไรก็ตาม "การไปคัดตัวนักแสดงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้" เป็นเรื่องที่เป็นไปได้เพราะ "คุณ" ควบคุมการกระทำนั้นๆ แม้คุณจะไม่เคยได้รับบทนั้น คุณสามารถมองเป้าหมายของคุณว่าเป็นความสำเร็จเพราะคุณได้ทำสิ่งที่คุณตั้งเป้าไว้ซึ่งคือการพยายามทำสิ่งที่คุณต้องการ
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ยอมรับความไม่มั่นคง.
    เมื่อคุณใช้ชีวิตให้เต็มที่คุณก็ต้องเสี่ยง คุณต้องตามล่าสิ่งที่คุณต้องการ คุณต้องเลือกการตัดสินใจที่จะมีเหตุการณ์ต่างๆ ตามมาและบางครั้งสิ่งเหล่านี้ก็ไม่เป็นไปตามที่คุณคาดหวัง การยอมรับความไม่มั่นคงในชีวิตหรือความเป็นไปได้ที่สิ่งต่างๆ จะแตกต่างไปจากที่เราคาดหวังนั้นสำคัญต่อการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ เปิดเผยและจริงใจ [27]
    • ความไม่มั่นคงช่วยให้คุณทำสิ่งต่างๆ ในทุกด้านของชีวิต หากคุณกลัวการเปิดเผยและจริงใจกับคนอื่นเพราะคุณกลัวว่าคุณอาจจะเสียใจ คุณก็จะไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่สนิทสนมแน่นแฟ้นได้ หากคุณกลัวการที่ต้องเสี่ยงเพราะมันอาจจะไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ คุณก็จะพลาดโอกาสต่างๆ
    • เช่น ลองดูตัวอย่างของมิชกิน อินกาเวล นักประดิษฐ์คิดค้นซึ่งต้องการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของเด็กในถิ่นทุรกันดารของอินเดีย อินกาเวลมักจะพูดถึงการที่เขาล้มเหลวตลอด 32 ครั้งแรกที่เขาพยายามคิดค้นเทคโนโลยีนี้ เขาทำสำเร็จในครั้งที่ 33 ความพยายามที่ไม่มั่นคงและที่ยอมรับความเป็นไปได้ของความเสี่ยงและความล้มเหลวคือสิ่งที่ทำให้เขาพัฒนาเทคโนโลยีนี้เพื่อช่วยชีวิตผู้คนได้สำเร็จ
  4. How.com.vn ไท: Step 4 มองหาโอกาสของการเรียนรู้.
    อย่าเพียงแต่พอใจปล่อยให้ชีวิตเป็นไปในแบบนั้น คุณต้องลงมือทำและมีส่วนร่วมด้วย ลองหาสิ่งที่คุณสามารถเรียนรู้จากสถานการณ์ที่พบเจอ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงความเครียดจากความท้าทายและจะช่วยให้คุณพุ่งความสนใจไปกับอนาคต ไม่ใช่อดีต
    • การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ยังช่วยให้สมองของคุณใช้การได้เต็มที่ เมื่อคุณถามคำถามและไต่สวนประสบการณ์ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอคุณมักรู้สึกว่ามีสุขภาพจิตและอารมณ์ที่ดี
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ฝึกฝนทัศนคติของความซาบซึ้งใจ.
    ความซาบซึ้งใจไม่ได้เป็นแค่ความรู้สึกแต่คือวิธีของชีวิตที่ต้องใช้การฝึกฝนที่สม่ำเสมอ งานวิจัยเผยว่าการฝึกฝนความซาบซึ้งใจทำให้คุณรู้สึกมีสุขภาพดี มีความสุขและคิดบวกมากขึ้น[28] ความซาบซึ้งใจสามารถช่วยให้คุณก้าวผ่านความทุกข์ใจในอดีตและทำให้ความสัมพันธ์ของคุณกับผู้อื่นแข็งแกร่งขึ้น[29][30] ลองนึกถึงสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวันซึ่งคุณซาบซึ้งใจที่มีสิ่งเหล่านั้น ทำให้ครอบครัว เพื่อนและคนรักรู้ว่าคุณดีใจมากเท่าไหร่ที่มีพวกเขาในชีวิต แบ่งปันและแสดงความรักเมื่อคุณสามารถทำได้ ชีวิตของคุณจะรู้สึกเติมเต็มมากขึ้นเมื่อคุณฝึกฝนความซาบซึ้งใจเป็นประจำ
    • ดื่มด่ำช่วงเวลา. มนุษย์มีแนวโน้มที่ไม่ดีในการมุ่งความสนใจไปที่ด้านลบของชีวิตและเมินเฉยต่อความสวยงามและพลังบวกต่างๆ รอบตัว ลองใช้เวลารับรู้และดื่มด่ำช่วงเวลาเล็กๆ น้อยๆ ของความงามในชีวิตประจำวัน ลองนึกว่าประสบการณ์นี้มีความหมายอย่างไรกับคุณ มีสติกับความสุขที่ประสบการณ์นั้นนำมาสู่ชีวิตของคุณในช่วงเวลานั้น การเขียนประสบการณ์เหล่านี้ลงบนกระดาษสามารถเป็นประโยชน์เช่นกัน [31] แม้แต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น ข้อความที่คุณไม่คาดหวังจากเพื่อนคนหนึ่งหรือเช้าวันใหม่ที่สดใสสวยงามก็สามารถทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งได้หากเราน้อมรับสิ่งเหล่านั้น
    • แบ่งปันความซาบซึ้งใจกับผู้อื่น คุณมักจะ “เก็บสะสม” สิ่งที่เป็นบวกในความทรงจำของคุณหากคุณแบ่งปันสิ่งเหล่านั้นกับผู้อื่น หากคุณเห็นดอกไม้แสนงดงามเมื่อคุณกำลังนั่งรถประจำทางก็ลองส่งข้อความหาเพื่อนเพื่อให้เขารู้ด้วย หากคนรักของคุณล้างจานและคุณรู้สึกประหลาดใจก็บอกเขาว่าคุณซาบซึ้งมากแค่ไหน การแบ่งปันความซาบซึ้งใจยังสามารถช่วยให้ผู้อื่นรู้สึกเป็นบวกและมีแนวโน้มที่จะมองหาวิธีในการซาบซึ้งใจในชีวิตของพวกเขา[32]
  6. How.com.vn ไท: Step 6 เขียนบันทึก.
    การเขียนบันทึกสามารถช่วยให้คุณมองสะท้อนเป้าหมายและคุณค่าของคุณและยังสามารถช่วยให้คุณระบุสิ่งที่กำลังเป็นไปได้ด้วยดีในชีวิตและสิ่งที่คุณต้องการสานต่อ การเขียนบันทึกยังสามารถเป็นวิธีที่ดีในการฝึกฝนสติ
    • การเขียนบันทึกควรเป็นประโยชน์ ไม่ใช่เพียงการสุ่มจดบันทึกความคิดและประสบการณ์ แทนที่จะบันทึกทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ คุณควรใช้การบันทึกเพื่อสะท้อนสถานการณ์ที่คุณพบเจอ ปฏิกิริยาตอบโต้อย่างแรกของคุณคืออะไร สถานการณ์ทำให้คุณรู้สึกอย่างไรในช่วงแรก ตอนนี้คุณรู้สึกแตกต่างไปหรือเปล่า คุณจะทำอะไรต่างออกไปหรือไม่หากคุณพบเจอสถานการณ์เดียวกันอีก[33]
  7. How.com.vn ไท: Step 7 หัวเราะ.
    การหัวเราะคือยาที่ดีที่สุดจริงๆ เพราะมันช่วยลดฮอร์โมนของความเครียดและช่วยหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินหรือตัวกระตุ้นอารมณ์ดีตามธรรมชาติของร่างกาย การหัวเราะช่วยเผาผลาญพลังงานแคลอรี่และส่งออกซิเจนไปทั่วร่างกายทำให้คุณรู้สึกเป็นบวกและสุขภาพดีขึ้น[34]
  8. How.com.vn ไท: Step 8 ทำความต้องการให้เรียบง่าย.
    ทรัพย์สินของคุณอาจจะกลายมาเป็นเจ้าของเสียเอง บ้านที่เต็มไปด้วยสิ่งของจะไม่ทำให้คุณมีความสุข คุณควรตัดสินใจเพื่อให้มีความต้องการที่เรียบง่ายของชีวิตประจำวัน งานวิจัยเผยว่าการครอบครองสิ่งของต่างๆ คือวิธีในการปกปิดความต้องการที่ลึกซึ้งบางอย่าง[36][37] มีสิ่งที่ต้องการและต้องการในสิ่งที่คุณมี
    • คนที่ลุ่มหลงในสิ่งของมากๆ มักจะมีความสุขและรู้สึกเติมเต็มน้อยกว่าคนอื่น[38] สิ่งของจะไม่ทำให้คุณมีความสุขแต่ความสัมพันธ์ที่คุณสร้างกับผู้อื่นต่างหากที่จะทำให้คุณมีความสุข
    • กำจัดสิ่งของในบ้านที่คุณไม่ใช้หรือไม่ชอบ หาองค์กรการกุศลท้องถิ่นเพื่อบริจาคเสื้อผ้า ของใช้ในบ้านและสิ่งของอื่นๆ ที่เกลื่อนกลาดเต็มบ้านของคุณ
    • ทำชีวิตส่วนตัวให้เรียบง่ายเช่นกัน คุณสามารถปฏิเสธพันธะสัญญาหรือคำเชิญต่างๆ ได้ เลือกใช้เวลาทำสิ่งที่มีความหมายหรือเป็นประโยชน์กับคุณ
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 คิดถึงคนที่อยู่รอบตัวคุณ.
    เชื่อหรือไม่ว่ามนุษย์สามารถ “จับติด” อารมณ์ได้ง่ายพอๆ กับที่เราติดหวัด [39] หากคุณใช้เวลามากๆ กับคนที่เป็นสุขและเป็นบวก คุณก็มักจะรู้สึกเช่นเดียวกัน หากคุณใช้เวลามากๆ กับคนที่จดจ่อกับเรื่องลบๆ คุณก็จะรู้สึกเป็นลบเช่นกัน คุณควรแวดล้อมตัวเองด้วยคนที่ใส่ใจคุณ เคารพคุณและผู้อื่นและทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้น
    • คุณใช้เวลากับใคร? พวกเขาทำให้คุณรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับตัวของคุณ? คุณรู้สึกว่าคนที่อยู่ในชีวิตเคารพและเห็นคุณค่าของคุณหรือไม่?[40]
    • สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าเพื่อนหรือคนรักของคุณไม่ควรวิจารณ์คุณอย่างมีหลักการ จริงๆ แล้วในบางครั้งเราก็ต้องการให้เพื่อนชี้ให้เห็นเวลาที่เราทำบางอย่างโดยไม่คิดหรือทำให้คนอื่นเจ็บช้ำ อย่างไรก็ตาม คุณควรรู้สึกเสมอๆ ว่าคนที่คุณรักเข้าหาคุณด้วยความเมตตาและความเคารพและคุณควรปฏิบัติต่อพวกเขาแบบนั้นเช่นกัน
  2. How.com.vn ไท: Step 2 พูดถึงความต้องการของคุณกับผู้อื่น.
    การเรียนรู้ที่จะสื่อสารแบบตรงไปตรงมา (แต่ไม่ก้าวร้าว) สามารถช่วยให้คุณรู้สึกแข็งแกร่ง มั่นใจและเติมเต็มมากขึ้น การสื่อสารแบบตรงไปตรงมาคือการที่คุณและอีกฝ่ายล้วนมีความต้องการในชีวิตและต้องการให้แต่ละฝ่ายได้รับรู้[41]
    • เปิดเผยและจริงใจแต่อย่าใช้คำพูดตัดสินหรือกล่าวโทษ หากมีคนทำให้คุณเสียใจคุณก็ควรแบ่งปันความรู้สึกกับเขาหรือเธอ อย่างไรก็ตาม อย่าใช้คำพูดที่กล่าวโทษอีกฝ่าย เช่น “เธอใจร้ายกับฉัน” หรือ “เธอไม่สนใจความต้องการของฉัน”
    • ใช้ประโยคที่แทนตัวเอง การใช้ประโยคที่พุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่คุณรู้สึกและพบเจอจะไม่ทำให้คุณฟังดูเหมือนว่ากำลังกล่าวโทษหรือตัดสิน เช่น “ฉันรู้สึกเสียใจเมื่อเธอลืมไปรับฉันจากที่ทำงาน ฉันรู้สึกว่าความต้องการของฉันไม่สำคัญกับเธอ”
    • ให้คำวิจารณ์ที่มีหลักการและยอมคำวิจารณ์เหล่านั้นจากผู้อื่น อย่าสั่งคนอื่นให้ทำหรือไม่ทำอะไร อธิบายให้เขาฟังว่าทำไมคุณจึงขอร้อง
    • เชิญชวนผู้อื่นให้แบ่งปันความต้องการและความคิดกับคุณ ใช้ภาษาที่เรียบง่าย เช่น “คุณอยากทำอะไร?” หรือ “คุณคิดอย่างไร?”
    • แทนที่จะรู้สึกโดยอัตโนมัติว่าคุณต้องแทรกความเห็นของคุณเข้าไป ลองพูดว่า “เล่าต่อสิ” เมื่อคุณได้ยินบางอย่างที่ตอนแรกดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่คุณมักจะไม่เห็นด้วย ลองมองจากมุมมองของเขา
  3. How.com.vn ไท: Step 3 รักทุกคน.
    คุณต้องไม่มีทิฐิในทัศนคติที่มีต่อผู้อื่น สิ่งหลักๆ ที่ดึงรั้งเราไว้ในชีวิตคือความสนใจที่เรามุ่งไปยังความคิดที่ว่าเรา “สมควร” ได้บางสิ่ง ความรู้สึกนี้สามารถทำให้เรารู้สึกไม่พอใจและโกรธ[42] มอบความรักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน รักผู้อื่นแม้มันจะยาก
    • สิ่งนี้ไม่ได้แปลว่าคุณต้องเป็นเบี้ยรองรับคนที่ปฏิบัติไม่ดีต่อคุณ คุณสามารถรักและยอมรับบางคนและยังคงระลึกได้ว่าพวกเขาไม่ดีต่อคุณ
    • เชื่อหรือไม่ว่าความรักเป็นประโยชน์แม้แต่ในที่ทำงาน ที่ทำงานที่ใช้ความเห็นใจ ความใส่ใจและการแสดงออกของความรักมักจะมีประสิทธิภาพและลูกจ้างพึงพอใจมากกว่า[43]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ให้อภัยตนเองและผู้อื่น.
    การให้อภัยนั้นดีต่อร่างกายและจิตใจของคุณ แม้มันอาจจะยากแต่มันช่วยลดความเครียด ความดันในเลือดและอัตราการเต้นของหัวใจ การให้อภัยสามารถช่วยให้คุณรู้สึกเติมเต็มและมีความสุขถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่เคยรับรู้ถึงสิ่งที่ตัวเองทำผิดเลยก็ตาม[44]
    • คิดถึงเรื่องอะไรก็ได้ที่คุณอยากให้อภัย สังเกตว่าความคิดเหล่านั้นทำให้คุณรู้สึกอย่างไร ยอมรับความรู้สึกนั้นเพราะการตัดสินหรือการพยายามกดดันจะยิ่งทำให้มันแย่ลง[45]
    • เปลี่ยนประสบการณ์ที่เจ็บปวดให้เป็นประสบการณ์การเรียนรู้ คุณจะทำให้มันแตกต่างออกไปได้อย่างไร? คนอื่นจะทำมันได้แตกต่างออกไปอย่างไร? คุณเรียนรู้อะไรจากประสบการณ์นี้ซึ่งสามารถช่วยให้คุณกลายเป็นคนที่ดีขึ้น?
    • จำไว้ว่าคุณสามารถควบคุมการกระทำของตัวคุณเองไม่ใช่ของคนอื่น เหตุผลหนึ่งที่ทำให้การให้อภัยเป็นสิ่งที่ยากคือเพราะว่ามันขึ้นอยู่กับคุณคนเดียว อีกฝ่ายอาจจะไม่เคยรับรู้ถึงสิ่งที่ตัวเองทำผิดเลย เขาหรือเธออาจจะไม่เคยเผชิญหน้ากับเหตุการณ์หรือเรียนรู้จากประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม การยืนอยู่บนความโกรธเกี่ยวกับสถานการณ์มีแต่จะทำร้ายคุณอย่างสาหัส การเรียนรู้ที่จะให้อภัยโดยไม่คำนึงว่าอีกฝ่ายจะลงมือทำบางอย่างหรือรับรู้ผลของการกระทำนี้หรือไม่นั้นจะช่วยรักษาเยียวยา “คุณ”
    • การให้อภัยตัวเองนั้นสำคัญพอๆ กับการให้อภัยผู้อื่น การพร่ำเพ้อถึงสิ่งต่างๆ ในอดีตหรือพฤติกรรมที่เรารู้สึกผิดที่ทำสิ่งนั้นจะทำให้เราตกอยู่ในวงจรการโทษตัวเองที่ไร้ประโยชน์แทนที่จะให้ประสบการณ์เหล่านั้นเป็นเครื่องมือเพื่อช่วยให้เราจดจ่อกับการเป็นคนที่ดีขึ้นในปัจจุบัน[46] ใช้เทคนิคในบทความนี้ เช่น การท้าทายการพูดกับตัวเองในแง่ลบและการฝึกสติ เพื่อช่วยให้คุณอภัยให้ตัวเองและแสดงความเห็นใจต่อตัวเองเช่นเดียวกับต่อผู้อื่น
    • เมื่อเราให้อภัย จำไว้ว่าเราต้องลืมสถานการณ์บางอย่างในชีวิตซึ่งนำอารมณ์ลบๆ มาให้เรา
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ตอบแทน.
    คุณต้องไม่มีทิฐิในการบริการผู้อื่นโดยเริ่มจากเพื่อนบ้าน เช่น ทำงานการกุศลในชุมชน การตอบแทนไม่เพียงแต่จะทำให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้นแต่ยังช่วยผู้อื่นอีกด้วย
    • การช่วยเหลือผู้อื่นไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์กับพวกเขาแต่ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายของคุณ การทำงานการกุศลอาจจะทำให้สารเอ็นดอร์ฟินพลุ่งพล่านเมื่อเราทำสิ่งที่ดีให้กับผู้อื่น[47]
    • คุณไม่จำเป็นต้องเปิดโรงเจหรือจัดตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรสำหรับผู้อื่น การกระทำเพียงเล็กน้อยในชีวิตประจำวันก็สามารถมีผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ได้ งานวิจัยเผยว่าผลกระทบแบบ “ส่งต่อ” นั้นมีอยู่จริง ความเมตตาของคุณสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นในการแสดงความมีน้ำใจและความเมตตาตอบแทนซึ่งจะช่วยเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอีกมากมายให้ทำสิ่งเดียวกัน[48]
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ยอมรับทุกคน.
    ใจดีและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับผู้อื่น มีความสุขกับการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่คุณอยากให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อคุณ
    • คุณอาจจะรู้สึกอึดอัดในตอนแรกเมื่อต้องพูดกับคนที่คุณคิดว่า “แตกต่าง” จากคุณ จำไว้ว่าคุณสามารถเรียนรู้บางอย่างจากทุกคนที่คุณเจอและยิ่งคุณยอมรับความแตกต่างเข้าสู่ชีวิตประจำวันมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งเห็นว่าเราทุกคนคือมนุษย์เหมือนๆ กัน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ทำสิ่งเหล่านี้
    • ฟังให้มากขึ้นและพูดให้น้อยลง
    • มองข้ามความผิดพลาดและความบกพร่อง
    • ให้คุณค่ากับสิ่งที่คุณมี
    • แสดงความชื่นชม
  • มีความสุขกับสิ่งที่เรียบง่ายในชีวิต นั่งลง ทำตัวสบายๆ และนึกว่าคุณชอบนั่งมองฟ้าสีครามหรือฟังเสียงหัวเราะของพี่สาวหรือมุกตลกของพ่อขนาดไหน ลองนึกว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรหากไม่มีสิ่งเหล่านี้
  • เลี่ยงคำนินทา อคติและทัศนคติที่ชอบตัดสิน สิ่งที่สำคัญในการใช้ชีวิตให้เต็มที่คือการที่เราใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน อดีตไม่อาจย้อนมา อนาคตก็ไม่แน่นอน เพราะฉะนั้นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือปัจจุบัน
  • ปลดปล่อยความกลัว มันคอยจ้องจะกดขี่คุณและกักขังคุณให้อยู่ในโลกใบเล็ก เมื่อพูดถึงเรื่องของหัวใจและความปรารถนาของคุณ ความกลัวก็เปรียบได้กับโรคร้าย คุณต้องใช้ช่วงเวลาให้เต็มที่และแบ่งปันความสุขอันล้นพ้นที่อยู่ภายในกับทุกสิ่งและทุกคนรอบตัวคุณ
  • กล้าท้าลุย! สิ่งนี้ไม่ได้แปลว่าคุณต้องทำอะไรบ้าคลั่ง เช่น ขึ้นไปบนตึกเอ็มไพร์สเตทในนิวยอร์กทั้งๆ ที่คุณกลัวความสูง การผจญภัยเล็กๆ น้อยๆ สามารถเป็นสิ่งที่สนุก เช่น การลองอาหารใหม่ๆ หรือการเล่นเครื่องเล่นที่น่ากลัวที่สวนสนุก คุณจะดีใจมากหากคุณได้ทำ!
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าปล่อยให้สภาวะภายในกำหนดความรู้สึกของคุณ คุณไม่สามารถควบคุมสภาวะภายในได้ตลอดแต่คุณสามารถควบคุมความหมายที่คุณให้กับสิ่งต่างๆ
  • ตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างเรื่องราวกับความจริง อย่าจมปลักอยู่กับเรื่องราวของตัวเอง
โฆษณา
  1. http://www.businessinsider.com/the-full-text-of-steve-jobs-stanford-commencement-speech-2011-10
  2. http://news.harvard.edu/gazette/story/2008/06/text-of-j-k-rowling-speech/
  3. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/nutrition-and-healthy-eating/basics/healthy-diets/hlv-20049477
  4. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/nutrition-and-healthy-eating/in-depth/water/art-20044256
  5. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/fitness/basics/fitness-basics/hlv-20049447
  6. http://greatergood.berkeley.edu/images/uploads/Davis-Mindfulness_Potential_on_Education_Psych.pdf
  7. http://www.helpguide.org/harvard/benefits-of-mindfulness.htm
  8. Gunaratana, B. H. (2011). Mindfulness in Plain English: 20th Anniversary Edition (20th Anniversary Edition edition). Boston Mass.: Wisdom Publications.
  9. http://www.helpguide.org/harvard/benefits-of-mindfulness.htm
  10. http://daphne.palomar.edu/jtagg/should.htm
  11. https://www.psychologytoday.com/blog/inviting-monkey-tea/201304/stop-shoulding-yourself-death-0
  12. http://psychclassics.yorku.ca/Yerkes/Law/
  13. http://www.wsj.com/articles/SB10001424052702303836404577474451463041994
  14. https://www.psychologytoday.com/blog/confessions-techie/201101/comfort-kills
  15. http://www.nytimes.com/2011/02/12/your-money/12shortcuts.html?pagewanted=all&_r=0
  16. https://www.psychologytoday.com/blog/notes-self/201308/how-set-goals
  17. http://www.mindtools.com/page6.html
  18. https://www.ted.com/talks/brene_brown_on_vulnerability/transcript?language=en
  19. http://greatergood.berkeley.edu/topic/gratitude/definition#why_practice
  20. http://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0005796705000392
  21. http://greatergood.berkeley.edu/article/item/love_honor_thank/
  22. http://greatergood.berkeley.edu/article/item/tips_for_keeping_a_gratitude_journal
  23. http://greatergood.berkeley.edu/article/item/10_steps_to_savoring_the_good_things_in_life
  24. http://www.emeraldinsight.com/doi/abs/10.1108/13527590210442258
  25. http://www.webmd.com/balance/features/give-your-body-boost-with-laughter
  26. http://greatergood.berkeley.edu/article/item/why_laughter_is_contagious
  27. Reed, R. (2013). A Lacanian Ethics of Non-Personal Responsibility. Pastoral Psychology, 62(4), 515–531.
  28. http://greatergood.berkeley.edu/article/item/materialism_gratitude_happiness
  29. http://psycnet.apa.org/psycinfo/1993-16069-001
  30. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/stress-management/in-depth/positive-thinking/art-20043950?pg=2
  31. http://psychcentral.com/lib/therapists-spill-12-ways-to-accept-yourself/13976/
  32. http://www.cci.health.wa.gov.au/docs/Assertmodule%202.pdf
  33. http://www.apa.org/topics/anger/control.aspx
  34. http://greatergood.berkeley.edu/article/item/why_you_should_love_thy_coworker
  35. http://greatergood.berkeley.edu/topic/forgiveness/definition#why_practice
  36. http://greatergood.berkeley.edu/article/item/nine_steps_to_forgiveness
  37. http://greatergood.berkeley.edu/article/item/how_self_compassion_beats_rumination
  38. http://greatergood.berkeley.edu/topic/altruism/definition#what_is
  39. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2851803/?report=abstract

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Annie Lin, MBA
ร่วมเขียน โดย:
โค้ชชีวิตและอาชีพ
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Annie Lin, MBA. แอนนี่ หลินเป็นผู้ก่อตั้ง New York Life Coaching ผู้ให้บริการปรึกษาด้านชีวิตและอาชีพในนิวยอร์ก แอนนี่มีประสบการณ์โค้ชชีวิตกว่า 10,000 ชั่วโมงและผลงานถูกพูดถึงใน Elle Magazine, NBC News, New York Magazine, และ BBC World News เธอให้บริการทั้งแบบกลุ่มและตัวต่อตัว โดยเน้นที่อาชีพ ความสัมพันธ์ อารมณ์ และการเติบโต เธอได้รับปริญญา MBA จากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดบรู๊ค บทความนี้ถูกเข้าชม 18,208 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 18,208 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา