วิธีการ เรียนรู้การพูดภาษาสเปน

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

ภาษาสเปนเป็นภาษาที่สวยงามและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีประชากรทั่วโลกกว่า 500 ล้านคนที่พูดภาษาสเปน ภาษาสเปนเป็นภาษาที่เรียนต่อยอดจากภาษาอังกฤษได้ไม่ยาก เพราะทั้งสองภาษามีรากจากภาษาละติน แต่การเรียนรู้ภาษาอื่นย่อมต้องใช้เวลาและความตั้งใจเป็นอย่างมาก แต่ความพึงพอใจที่ได้รับหลังจากที่สามารถสนทนาเป็นภาษาสเปนได้เป็นครั้งแรกก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่า บทความนี้เป็นแนวคิดที่ดีในการเรียนรู้ที่จะพูดภาษาสเปนและสนุกสนานไปกับการเรียนรู้ (บทความนี้เน้นการเรียนรู้ภาษาสเปนโดยอิงจากพื้นฐานภาษาอังกฤษเป็นหลัก ดังนั้น ผู้อ่านจึงควรมีพื้นฐานภาษาอังกฤษในระดับหนึ่ง)

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

เชี่ยวชาญพื้นฐาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เรียนรู้การออกเสียง.
    ตัวอักษรภาษาสเปนนั้นเหมือนกับภาษาอังกฤษ แต่มีการออกเสียงแต่ละตัวอักษรที่แตกต่างเป็นอย่างมาก และเสียงบางเสียงก็ออกยาก เพราะไม่ได้ออกเสียงเหมือนกับภาษาอื่นๆ ดังนั้น วิธีเรียนรู้ภาษาสเปนที่ดีที่สุดก็คือเรียนรู้วิธีการออกเสียงแต่ละตัวอักษรก่อน จากนั้น คุณจึงเริ่มเรียนรู้วิธีออกเสียงเป็นคำ วลี และเป็นประโยค ลองศึกษาการออกเสียงแต่ละตัวอักษรดังต่อไปนี้เป็นภาษาสเปน :
    • A = อา, B = เบ, C = เซ, D = เด, E = เอ, F = เอฟเฟ่, G = แฮ, H = อาเช, I = อี
    • J = โฮตา, K = คา, L = เอเล่, M = เอเม่, N = เอเน่, Ñ = เอเย่, O = โอ
    • P = เพ, Q = คู, R = เอเร่, S = เอเซ่, T = เต, U = อู, V = เบ
    • W = อูเบ่โด๊เบล่, X = เอ๊กิส, Y = อิเกร๊ก่า and Z = เซ้ตะ [1]
    • จำไว้ว่ามีตัวอักษรเพียงตัวเดียวในภาษาสเปนที่ภาษาอังกฤษไม่มี คือตัวอักษร Ñ ออกเสียงว่า เอเย่ ซึ่งเป็นตัวอักษรที่แยกออกมาจากตัว N ซึ่งมีความใกล้เคียงกับเสียง "ny" ในภาษาอังกฤษของคำว่า "canyon."[2]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เรียนรู้การออกเสียงตัวอักษรของภาษาสเปน.
    เมื่อคุณเรียนรู้กฎการออกเสียงของภาษาสเปนได้แล้ว คุณจะสามารถออกเสียงเป็นคำได้
    • ca co cu = คา โค คู ce, ci = เธ ธี หรือ เซ ซี
    • เสียง ch ออกเสียงเหมือนเสียง ch ในภาษาอังกฤษ
    • ga go gu = กา โก กู ge gi = เฮ, ฮี
    • ไม่ออกเสียง h เช่นคำว่า Hombre ออกเสียงว่า ออมเบร
    • hua hue hui huo = วา เว วี โว
    • เสียง ll ออกเสียงเหมือนตัว y หรือ j ในภาษาอังกฤษ เช่น Calle ออกเสียงว่า คาเย หรือ คาเจ
    • ออกเสียง r เมื่อเป็นพยัญชนะต้น และเสียง rr กลางคำจะม้วนลิ้น ลองศึกษาวิธีการม้วนลิ้นก่อน
    • r กลางคำจะออกเสียงเหมือนเสียง tt ในคำว่า butter ตามสำเนียงอเมริกัน เช่น Loro = โลโด
    • que qui = เค คี
    • เสียง v ออกเสียงเหมือนเสียง b
    • เสียง y ออกเสียงเหมือนเสียง y หรือ j ในภาษาอังกฤษ Yo อ่านว่า โย หรือ โจ
      ลองศึกษาวิธีออกเสียงตัวอักษรบางตัวในภาษาสเปน
  3. How.com.vn ไท: Step 3 เรียนนับเลข.
    การรู้วิธีนับเลขเป็นทักษะที่จำเป็นในการเรียนภาษาใดๆ ก็ตาม การเรียนรู้วิธีนับเลขภาษาสเปนนั้นไม่ยาก เพราะตัวเลขในภาษาสเปนเหมือนกับภาษาอังกฤษ การนับเลขจากหนึ่งถึงสิบออกเสียงได้ดังต่อไปนี้:
    • One = อูโน่, Two = โดส, Three = เตรส, Four = ควาโต้, Five = ซิงโค่, Six = เซอิส, Seven = ซิเอเต, Eight = โอโช่, Nine = นูเอเบ, Ten = ดิเอช.[3]
    • จำไว้ว่าเลขหนึ่ง -- "uno" – จะเปลี่ยนไปเมื่อใช้กับคำนามเพศหญิงหรือเพศชาย ยกตัวอย่างเช่น "ผู้ชายหนึ่งคน" ออกเสียงว่า "อูน ออมเบร" ในขณะที่ "ผู้หญิงหนึ่งคน" ออกเสียงว่า "อูนา ชีกา".[3]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 จดจำคำทั่วไป.
    ยิ่งคุณมีคลังคำศัพท์ที่มากเท่าใด คุณก็จะพูดได้อย่างคล่องแคล่วง่ายขึ้นเท่านั้น ทำความคุ้นเคยกับคำศัพท์ภาษาสเปนที่ง่ายและใช้บ่อย แล้วคุณจะประหลาดใจว่าคุณพัฒนาได้รวดเร็วแค่ไหน
    • วิธีที่ง่ายที่สุดในการเรียนรู้ก็คือการใช้การใช้คำคล้ายกัน กล่าวคือ การจดจำคำที่มีความหมาย ตัวสะกด และการออกเสียงเหมือนกันทั้งสองภาษา การเรียนรู้ภาษาสเปนที่คล้ายกับภาษาอังกฤษเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มพูนคลังคำศัพท์อย่างรวดเร็ว โดยภาษาสเปนและภาษาอังกฤษมีความคล้ายคลึงกันถึง 30% ถึง 40% [4]
    • สำหรับคำที่ไม่คล้ายกัน ให้ภาษาใช้วิธีการจำอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้: เมื่อได้ยินคำเป็นภาษาอังกฤษ ลองคิดว่าคุณจะพูดเป็นภาษาสเปนอย่างไร ถ้าคุณไม่รู้ว่าคำนี้คืออะไร ให้จดไว้แล้วศึกษาในภายหลัง การพกสมุดเล็กๆ ติดตัวตลอดเวลาจะช่วยคุณได้ นอกจากนี้ ลองติดชื่อภาษาสเปนตามสิ่งของต่างๆ รอบบ้าน เช่น กระจก โต๊ะกาแฟ และขวดน้ำตาล คุณจะเห็นคำเหล่านี้บ่อยๆ และคุณจะเรียนรู้ได้โดยไม่ต้องมานั่งนึกคำเลย
    • การเรียนรู้คำหรือประโยคจาก ‘ภาษาสเปนเป็นภาษาอังกฤษ’ และ ‘ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสเปน’ เป็นวิธีที่สำคัญ เพราะคุณจะสามารถจำวิธีการพูดคำๆ นั้นได้ ไม่ใช่แค่นึกถึงคำนั้นเมื่อคุณได้ยิน
  5. How.com.vn ไท: Step 5 เรียนรู้ประโยคสนทนาพื้นฐาน.
    คุณจะสามารถสื่อสารกับผู้พูดภาษาอังกฤษได้อย่างรวดเร็วถ้าคุณเรียนรู้พื้นฐานประโยคสนทนาแบบสุภาพก่อน จดประโยคที่ใช้พูดในชีวิตประจำวันลงในสมุดและตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องเรียนรู้วันละ 5-10 ประโยค ประโยคเหล่านี้เป็นประโยคที่คุณควรเริ่มจดจำ :
    • Hello! = โอลา[5]
    • Yes = ซี [6]
    • No = โน[6]
    • Thank you! = กราเซียส – ออกเสียงได้ว่า "กราเธียส " หรือ "กราเซียส"[5]
    • Please = ปอร ฟาโบร [5]
    • What is your name? = โก้โม เซ ยามา อูสเตด?
    • My name is... = เม ยาโม...[7]
    • Nice to meet you = มูโช กูสโต[7]
    • See you later! = ' อัสตา ลูเอโก [5]
    • Goodbye = อาดิโอส [5]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

เรียนรู้ไวยากรณ์เบื้องต้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เรียนรู้วิธีผันกริยาทั่วไป.
    การเรียนรู้วิธีผันกริยาเป็นส่วนหลักของการเรียนพูดภาษาสเปนอย่างถูกต้อง กริยาผันรูปหมายถึงรูปแบบของกริยาตายตัว (to talk, to eat) และการเปลี่ยนรูปเพื่อระบุ ผู้ กระทำกริยาและ เวลา ที่การกระทำนั้นเกิดขึ้น เมื่อเรียนรู้วิธีผีนกริยาในภาษาฝรั่งเศส การเริ่มต้นด้วยกริยาทั่วไปในปัจจุบันกาล (Present Tense) เป็นวิธีที่ดีที่สุด กริยาทั่วไปในภาษาฝรั่งเศสมักจะลงท้ายด้วย "-ar" "-er" หรือ "-ir" และการผันกริยาก็ขึ้นอยู่กับท้ายคำ [8] คำอธิบายเกี่ยวกับวิธีผันกริยาแต่ละแบบในปัจจุบันกาลมีดังต่อไปนี้ :
    • กริยาที่ลงท้ายด้วย "-ar". Hablar เป็นคำกริยารูปปกติในภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า "to speak" ในการผันรูปให้เป็นปัจจุบันกาลนั้น ให้ตัด "-ar" ออกไปแล้วเติมด้วยคำอื่นโดยขึ้นอยู่กับประธานของประโยค [9] ยกตัวอย่างเช่น:
      • "I speak" เขียนว่า yo hablo
      • "You speak (ไม่เป็นทางการ)" เขียนว่า tú hablas
      • "You speak (ทางการ)" เขียนว่า usted habla
      • "He/she speaks" เขียนว่า él/ella habla
      • "We speak" เขียนว่า nosotros/as hablamos
      • "You all speak (ไม่เป็นทางการ)" เขียนว่า vosotros/as habláis
      • "You all speak (ทางการ)" เขียนว่า ustedes hablan
      • "They speak" เขียนว่า ellos/ellas hablan
      • จะเห็นว่า กริยาสามารถลงท้าย 6 แบบ คือ -o, -as, -a, -amos, -áis และ -an ซึ่งการลงท้ายแบบนี้จะถูกใช้กับกริยาทั่วไปทั้งหมดที่ลงท้ายด้วย "-ar" เช่น bailar (to dance), buscar (to look for), comprar (to buy) และ trabajar (to work).[9]
    • กริยาที่ลงท้ายด้วย "-er". คำว่า Comer เป็นกริยารูปปกติมีความหมายว่า "to eat." ในการผันกริยาให้อยู่ในรูปปัจจุบันกาลนั้น ให้ตัด "-er" แล้วลงท้ายด้วย -o, -es, -e, -emos, -éis หรือ -en โดยขึ้นอยู่กับประธานของประโยค [9] ยกตัวอย่างเช่น:
      • "I eat" เขียนว่า yo como
      • "You eat (ไม่เป็นทางการ)" เขียนว่า tú comes
      • "You eat (เป็นทางการ)" เขียนว่า usted come
      • "He/she eats" เขียนว่า él/ella come
      • "We eat" เขียนว่า nosotros/as comemos
      • "You all eat (ไม่เป็นทางการ)" เขียนว่า vosotros/as coméis
      • "You all eat (เป็นทางการ)" เขียนว่า ustedes comen
      • "They eat" เขียนว่า ellos/ellas comen
      • กริยาสามารถลงท้าย 6 แบบนี้จะใช้กับคำกริยาทุกคำที่ลงท้ายด้วย "-er" เช่น aprender (to learn), beber (to drink), leer (to read) และ vender (to sell)
    • กริยาที่ลงท้ายด้วย "-ir". คำว่า Vivir เป็นกริยารูปปกติ มีความหมายว่า "to live" ในการผันกริยาให้อยู่ในรูปปัจจุบันกาลนั้น ให้ตัด "-ir" และเติมคำลงท้าย -o, -es, -e, -imos, -ís หรือ -en โดยขึ้นอยู่กับประธานของประโยค [9] ยกตัวอย่างเช่น:
      • "I live" เขียนว่า yo vivo
      • "You live (ไม่เป็นทางการ)" เขียนว่า tú vives
      • "You live (เป็นทางการ)" เขียนว่า usted vive
      • "He/she live" เขียนว่า él/ella vive
      • "We live" เขียนว่า nosotros/as vivimos
      • "You all live (ไม่เป็นทางการ)" เขียนว่า vosotros/as vivís
      • "You all live (เป็นทางการ)" เขียนว่า ustedes viven
      • "They live" เขียนว่า ellos/ellas viven
      • คำลงท้ายทั้ง 6 ตัวนี้จะใช้กับกริยาทั่วไปที่ลงท้ายที่ "-ir" ทั้งหมด เช่น abrir (to open), escribir (to write), insistir (to insist) และ recibir (to receive)
    • เมื่อคุณเชี่ยวชาญเรื่องปัจจุบันกาลแล้ว คุณสามารถเริ่มเรียนรู้วิธีผันกริยาตามกาลอื่นๆ ได้ เช่น อนาคตกาล (Future tense) อดีตกาล (Past tense) อดีตกาลไม่สมบูรณ์ (Imperfect past tenses) และกาลเงื่อนไข (Conditional tense) โดยวิธีพื้นฐานในการผันกริยาในปัจจุบันกาลก็สามารถใช้กับกาลเหล่านี้ได้ คุณต้องแตกยอดของกริยารูปปกติและเติมคำลงท้ายใหม่ ซึ่งแตกต่างกันไปตามประธานของประโยค
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เรียนรู้วิธีผันกริยาอปกติ (irregular verbs).
    เมื่อคุณรู้วิธีการผันกริยาปกติได้แล้ว ก็ถือว่าเริ่มต้นได้ดี อย่างไรก็ตาม จำไว้ว่าเราไม่สามารถผันกริยาทั้งหมดโดยใช้กฎปกติได้ เพราะยังมีกริยาอปกติอยู่ ซึ่งมีวิธีการผันที่เฉพาะตัวโดยไม่มีจังหวะหรือเหตุผลใดๆ โชคไม่ดีที่ว่า คำที่ใช้ทั่วไปในทุกๆ วันส่วนใหญ่เป็นกริยาอปกติ เช่น ser (to be), estar (to be), ir (to go) และ haber (to have (done)) วิธีเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือใช้หัวใจเรียน:[10]
    • Ser. กริยา "ser" เป็นหนึ่งในสองคำภาษาสเปนที่สามารถแปลได้ว่า "to be" คำว่า "Ser" ใช้เพื่ออธิบายลักษณะของบางสิ่งบางอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ใช้อธิบายลักษณะทางกายภาพ วัน เวลา และใช้อธิบายตัวละครหรือบุคลิก สรุปก็คือเป็นคำที่ใช้อธิบายว่าสิ่งนั้นคือ อะไร [11] โดยปัจจุบันกาลของคำนี้สามารถผันได้ว่า:
      • "I am" เขียนว่า yo soy
      • "You are (ไม่เป็นทางการ)" เขียนว่า tú eres
      • "You are (เป็นทางการ)" เขียนว่า usted es
      • "He/she is" เขียนว่า él/ella es
      • "We are" เขียนว่า nosotros/as somos
      • "You all are (ไม่เป็นทางการ)" เขียนว่า vosotros/as sois
      • "You all are (เป็นทางการ)" เขียนว่า ustedes son
      • "They are" เขียนว่า ellos/ellas son[10]
    • Estar. คำว่า "estar" หมายความว่า "to be" แต่จะใช้ในบริบทที่แตกต่างกับ "ser" โดยคำว่า "Estar" จะใช้เพื่อบอกถึงการมีอยู่ ยกตัวอย่างเช่น ใช้อธิบายสถานะที่มีเงื่อนไข เช่น ความรู้สึกหรืออารมณ์ และใช้อธิบายสถานที่ของคนหรือสิ่งของ สรุปก็คือ เป็นคำที่ใช้เพื่อบอกว่าสิ่งนั้นเป็น อย่างไร [11] โดยรูปปัจจุบันกาลของคำนี้ผันได้ว่า:
      • "I am" เขียนว่า yo estoy
      • "You are (ไม่เป็นทางการ)" เขียนว่า tú estás
      • "You are (เป็นทางการ)" เขียนว่า usted está
      • "He/she is" เขียนว่า él/ella está
      • "We are" เขียนว่า nosotros/as estamos
      • "You all are (ไม่เป็นทางการ)" เขียนว่า vosotros/as estáis
      • "You all are (เป็นทางการ)" เขียนว่า ustedes están
      • "They are" เขียนว่า ellos/ellas están[10]
    • Ir. กริยา "ir" หมายถึง "to go" สามารถผันรูปปัจจุบันกาลได้ดังนี้:
      • "I go" เขียนว่า yo voy
      • "You go (ไม่เป็นทางการ)" เขียนว่า tú vas
      • "You go (เป็นทางการ)" เขียนว่า usted va
      • "He/she goes" เขียนว่า él/ella va
      • "We go" เขียนว่า nosotros/as vamos
      • "You all go (ไม่เป็นทางการ)" เขียนว่า vosotros/as vais
      • "You all go (ทางการ)" เขียนว่า ustedes van
      • "They go" เขียนว่า ellos/ellas van[10]
    • Haber. กริยา "haber" แปลได้ว่า "I have" หรือ "I have done" ขึ้นอยู่กับบริบท สามารถผันรูปปัจจุบันกาลได้ดังนี้:
      • "I have (done)" เขียนว่า yo he
      • "You have (done)(ไม่เป็นทางการ)" เขียนว่า tú has
      • "You have (done) (ทางการ)" เขียนว่า usted ha
      • "He/she has (done)" เขียนว่า él/ella ha
      • "We have (done)" เขียนว่า nosotros/as hemos
      • "You all have (done) (ไม่เป็นทางการ)" เขียนว่า vosotros/as habéis
      • "You all have (done) (ทางการ)" เขียนว่า ustedes han
      • "They have (done)" เขียนว่า ellos/ellas han[10]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 เรียนกฎเรื่องเพศของภาษาสเปน.
    ในภาษาสเปนและภาษาอื่นๆ อีกมากมาย คำนามทุกคำมีเพศโดยจะมีเพศชายและเพศหญิง และไม่มีวิธีแยกแยะเพศว่าคำใดเป็นเพศชายหรือเพศหญิงได้อย่างแน่นอนผ่านเสียงและการสะกด ดังนั้น การเรียนรู้เพศไปพร้อมกับคำเป็นสิ่งที่จำเป็น
    • คุณสามารถเดาได้ว่าคำนามคำนี้เป็นเพศหญิงหรือเพศชาย ยกตัวอย่างเช่น คำที่ใช้สำหรับ "ผู้หญิง" เป็นเพศหญิง la chica ในขณะที่คำที่ใช้กับ "ผู้ชาย" เป็นเพศชาย el chico โดยจะเรียกว่า เพศตามธรรมชาติ
    • มีคำน้อยมากที่ใช้ เพศทางไวยากรณ์ ยกตัวอย่างเช่น el bebé (the baby) เป็นคำนามเพศชาย และla visita (the visitor) เป็นคำนามเพศหญิง ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้ง baby ที่เป็นผู้หญิงและ visitor ที่เป็นผู้ชาย
    • นอกจากนี้ คำนามที่ลงท้ายด้วย "o" เช่น el libro (book) มักจะเป็นเพศชายและคำที่ลงท้ายด้วย "a" เช่น la revista (magazine) มักจะเป็นเพศหญิง อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีคำนามที่ไม่ได้ลงท้ายด้วย "a" หรือ"o" ดังนั้น วิธีนี้อาจจะช่วยไม่ได้ตลอด [12]
    • คำวิเศษณ์ทุกคำที่ใช้ในการอธิบายคำนามมักจะเป็นไปตามเพศของคำนาม ดังนั้น คำวิเศษณ์ก็จะผันรูปตามคำนามเพศชายและเพศหญิง
  4. How.com.vn ไท: Step 4 เรียนรู้วิธีการใช้คำนำหน้านาม (Articles) ชี้เฉพาะและไม่ชี้เฉพาะ....
    เรียนรู้วิธีการใช้คำนำหน้านาม (Articles) ชี้เฉพาะและไม่ชี้เฉพาะ. ในภาษาอังกฤษ คำนำหน้านามชี้เฉพาะมีเพียงคำว่า "the" และมีคำนำหน้านามไม่ชี้เฉพาะ 3 คำ คือ "a", "an" หรือ "some" แต่ในภาษาสเปนนั้นมีอย่างละ 4 คำ ซึ่งคำไหนที่ผู้พูดจะเลือกใช้ก็ขึ้นอยู่กับคำนามที่พวกเขาจะกล่าวถึงว่าเป็นเพศชายหรือเพศหญิง เอกพจน์หรือพหูพจน์
    • ยกตัวอย่างเช่น หาจะพูดถึง "the male cat" ในภาษาสเปน คุณจะต้องใช้คำนำหน้านามชี้เฉพาะ "el" พูดว่า "el gato" แต่หากพูดถึง "the male cats" คำนำหน้านามชี้เฉพาะจะผันเป็น "los" พูดว่า "los gatos".
    • คำนำหน้านามชี้เฉพาะจะเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อกล่าวถึงแมวที่เป็นเพศหญิง "The female cat" ใช้คำนำหน้านามชี้เฉพาะว่า "la" พูดว่า " la gata" ส่วน "the female cats" ใช้คำนำหน้านามชี้เฉพาะว่า "las" พูดว่า "las gatas"
    • คำนำหน้านามไม่ชี้เฉพาะทั้ง 4 รูปแบบจะใช้ในวิธีเดียวกัน "un" ใช้นำหน้าคำนามเพศชายเอกพจน์ "unos" ใช้นำหน้านามเพศชายพหูพจน์ "una" จะนำหน้านามเพศหญิงเอกพจน์ และ "unas" ใช้นำหน้านามเพศหญิงพหูพจน์
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ซึมซับภาษาสเปน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 หาเจ้าของภาษา.
    วิธีที่จะช่วยพัฒนาทักษะภาษาที่ดีที่สุดคือการฝึกพูดกับเจ้าของภาษา โดยเจ้าของภาษาสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์และการออกเสียงของคุณได้ และยังช่วยแนะแนวทางการพูดในรูปแบบไม่เป็นทางการหรือภาษาปากที่ไม่สามารถเรียนรู้ผ่านหนังสือได้
    • ถ้าคุณมีเพื่อนที่พูดภาษาสเปนที่ช่วยคุณได้จะดีมาก นอกจากนี้ คุณสามารถติดประกาศด้วยใบปลิวหรือบนอินเทอร์เน็ตหรือค้นหาว่ามีกลุ่มสนทนาภาษาสเปนอยู่ในพื้นที่หรือไม่
    • ถ้าคุณไม่สามารถหาเจ้าของภาษาใกล้ตัวได้ ลองหาผ่านโปรแกรม Skype ดู พวกเขาอาจจะยอมแลกเปลี่ยนเวลา 15 ในการพูดภาษาสเปนกับการสนทนาภาษาอังกฤษ 15 นาที
  2. How.com.vn ไท: Step 2 พิจารณาสมัครเรียนภาษา.
    ถ้าคุณต้องการแรงผลักดันมากขึ้นหรือรู้สึกว่าคุณจะเรียนได้ดีกว่าในสภาพแวดล้อมที่เป็นทางการ ก็ลองสมัครเรียนภาษาสเปนดู
    • ลองมองหาหลักสูตรภาษาสเปนตามมหาวิทยาลัย โรงเรียน หรือศูนย์ชุมชน
    • ถ้าคุณรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการสมัครเรียนด้วยตัวเอง ให้พาเพื่อนไปด้วย คุณจะรู้สึกสนุกและมีคนให้ฝึกฝนระหว่างชั้นเรียน
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ดูภาพยนตร์และการ์ตูนภาษาสเปน.
    ลองหาดีวีดีภาษาสเปน (ที่มีบทบรรยาย) หรือดูการ์ตูนภาษาสเปนบนอินเทอร์เน็ต วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและสนุกในการเข้าถึงเสียงและโครงสร้างภาษาสเปน
    • ถ้าคุณรู้สึกว่าอยากเรียน ให้ลองหยุดวีดิโอหลังจากที่มีประโยคทั่วไป จากนั้นให้ทวนสิ่งที่ได้ยินซ้ำ การทำแบบนี้จะช่วยให้คุณเรียนรู้สำเนียงภาษาสเปนอย่างแท้จริงได้
    • ถ้าคุณไม่สามารถหาภาพยนตร์ภาษาสเปนได้ ให้ลองเช่าจากร้านเช่าภาพยนตร์ ซึ่งมักจะมีส่วนภาษาต่างประเทศ นอกจากนี้ ลองดูว่าหอสมุดท้องถิ่นมีภาพยนตร์ภาษาสเปนหรือไม่ หรือลองสอบถามดูว่าสามารถหาให้คุณได้หรือไม่
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ฟังเพลงหรือวิทยาภาษาสเปน.
    การฟังเพลงหรือวิทยุภาษาสเปนเป็นวิธีที่ดีในการซึมซับภาษาสเปน แม้ว่าคุณจะไม่ได้เข้าใจทุกอย่าง แต่ให้ลองเลือกคำสำคัญที่ช่วยให้คุณเข้าถึงแก่นของสิ่งที่พูดออกมา
    • ลองหาแอพพลิเคชั่นวิทยุภาษาสเปนบนโทรศัพท์มือถือ เพื่อสามารถนั่งฟังระหว่างเดินทางได้
    • ลองดาวน์โหลดพ็อดคาสท์ (Podcasts) ภาษาสเปนมาฟังระหว่างทำการบ้านหรือทำแบบฝึกหัด
    • Alejandro Sanz, Shakira และ Enrique Iglesias เป็นนักร้องภาษาสเปนที่ดี
  5. How.com.vn ไท: Step 5 เรียนรู้วัฒนธรรมสเปน.
    ภาษาเกิดขึ้นเป็นบทสนทนาได้ด้วยวัฒนธรรม ดังนั้น การแสดงอารมณ์และจิตใจมักจะผูกติดกับต้นกำเนิดวัฒนธรรม การศึกษาวัฒนธรรมจะช่วยไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดด้านสังคม
  6. How.com.vn ไท: Step 6 พิจารณาเดินทางไปประเทศที่ใช้ภาษาสเปน.
    เมื่อคุณรู้สึกผ่อนคลายกับการเรียนรู้พื้นฐานการพูดภาษาสเปนแล้ว ลองพิจารณาเดินทางไปประเทศที่ใช้ภาษาสเปน เพราะไม่มีวิธีใดที่ช่วยซึมซับภาษาได้ดีกว่าการท่องเที่ยวและสื่อสารกับคนในพื้นที่จริง
    • จำไว้ว่าประเทศที่พูดภาษาสเปนนั้นมีสำเนียง สำนวน และคำศัพท์ที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น ภาษาสเปนสำเนียงชิลีจะแตกต่างกับภาษาสเปนเม็กซิโก แตกต่างกับภาษาสเปนของสเปน หรือภาษาสเปนของอาร์เจนตินา
    • จริงๆ แล้วนั้น เมื่อคุณเชี่ยญชาญภาษาสเปนแล้ว คุณอาจจะพบว่าการมุ่งเน้นสำเนียงภาษาสเปนที่คุณชอบนั้นช่วยได้มาก บทเรียนที่มีการเปลี่ยนความหมายและการออกเสียงของแต่ละประเทศอาจจะทำให้เกิดความสับสนได้ อย่างไรก็ตาม มีคำศัพท์ภาษาสเปนเพียง 2% เท่านั้นที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ คุณแค่ตั้งใจกับ 98% ที่เหลือจะดีกว่า
  7. How.com.vn ไท: Step 7 อย่าท้อแท้.
    ถ้าคุณจริงจังกับการเรียนพูดภาษาสเปน ให้พยายามเข้าไว้ ความพึงพอใจที่คุณจะได้รับจากการเชี่ยวชาญภาษาที่สองหรือภาษาที่สามจะมีน้ำหนักมากกว่าความยากลำบากที่คุณพบเจอระหว่างการเรียน การเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ ต้องใช้เวลาและการฝึกฝน ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ข้ามคืน ถ้าคุณยังต้องการแรงผลักดันเพิ่มเติม เคล็ดลับดังต่อไปนี้จะช่วยให้คุณรู้ว่าภาษาสเปนนั้นเรียนได้ง่ายกว่าภาษาอื่น:
    • ภาษาสเปนจะเรียนประโยคด้วย ประธาน-กรรม-กริยา ซึ่งเหมือนกับภาษาอังกฤษ นั่นหมายความว่าการแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาสเปนนั้นง่ายกว่า ไม่จำเป็นต้องจัดวางรูปแบบประโยคใหม่ [13]
    • การสะกดภาษาสเปนนั้นเน้นที่เสียงค่อนข้างมาก จึงสามารถออกเสียงคำให้ถูกต้องได้ง่าย แค่พูดตามที่สะกด ซึ่งไม่เหมือนกับภาษาอังกฤษ ดังนั้น คนอังกฤษที่เรียนภาษาสเปนอาจจะต้องใช้เวลาในการออกเสียงคำอย่างถูกต้องมากกว่าปกติ [13]
    • ตามที่กล่าวมาข้างต้น คำภาษาสเปนกับภาษาอังกฤษมีความคล้ายคลึงกันกว่า 30% ถึง 40% เพราะว่ามีรากมาจากภาษาละตินเหมือนกัน ดังนั้น คุณจะมีพื้นฐานคำศัพท์ภาษาสเปนอยู่บ้างแล้วตั้งแต่ต้น สิ่งที่คุณต้องการก็คือการปรับแต่งเล็กน้อยและคำลงท้ายภาษาสเปน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ในการออกเสียงได้สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ให้ฝึกเลียนแบบการออกเสียงจากเพลงภาษาสเปน (ควรจะเป็นเจ้าของภาษา) อย่ากังวลเรื่องการพยายามเข้าใจความหมายของคำ แค่ฝึกออกเสียงให้ตรงกับที่นักร้องทำ ตัวอย่างเพลงที่ควรฟังคือ "Amor Del Bueno" โดยวง Calibre 50 ถ้าคุณชอบ คุณสามารถอ่านเนื้อเพลงและแปลในภายหลังได้ แต่การเริ่มต้นด้วยการเลียนแบบการออกเสียงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
  • การพกเครื่องแปลภาษาติดตัวอาจจะมีประโยชน์เมื่อคุณพยายามคิดเป็นภาษาสเปนและต้องการตรวจสอบความแม่นยำ
  • ส่วนต่างๆ ของประโยคอาจจะรวมกันเป็นประโยคซับซ้อนได้ ยกตัวอย่างเช่น "I want to eat" และ "I am hungry" นั้นเป็นประโยคพื้นฐาน แต่ทั้งสองประโยคสามารถรวมกันแล้วปรับเปลี่ยนรูปประโยคเล็กน้อยจะได้ว่า "I want to eat something now because I am hungry."
  • อ่าน อ่าน และอ่าน อ่านออกเสียงดังๆ เพื่อฝึกฝนการพูด วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเชี่ยวชาญภาษาเพราะการอ่านภาษาในหลายๆ แง่มุม ทั้งคำศัพท์ ไวยากรณ์ ประโยคที่ใช้บ่อย และการแสดงอการมณ์ การอ่านที่เหนือกว่าระดับภาษาของตัวเองอาจจะยากแต่ก็คุ้มค่ากับผลที่ได้รับมากกว่าการอ่านที่ต่ำกว่าระดับภาษาของตัวเอง
  • คำหลายคำที่มีพื้นฐานภาษาละติน (เช่น ภาษาอิตาลี ภาษาสเปน ภาษาฝรั่งเศส และอื่นๆ) นั้นจะมีความคล้ายคลึงกันกับภาษาอื่นๆ ดังนั้น การเรียนรู้กฎของการเปลี่ยนแปลงระหว่างภาษา (กล่าวคือ คำภาษาอังกฤษที่ลงท้ายด้วย "-ible" เช่น "possible" นั้นเหมือนกับภาษาสเปน แต่เปลี่ยนการออกเสียง) แค่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย คุณก็อาจจะมีคำศัพท์ภาษาสเปนอยู่ในหัวถึง 2,000 คำ
  • ฝึกฝนทักษะทางภาษาทั้ง 4 ทักษะ ในการเรียนภาษาใหม่ คุณจะต้องฝึกอ่าน เขียน ฟัง และพูด คุณต้องใช้เวลาเรียนรู้ภาษาในแต่ละส่วน ไม่เรียนรวมกัน
  • ติดตั้งแอพพลิเคชั่น Duolingo ในโทรศัพท์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) และไอโอเอส (iOS) ซึ่งจะช่วยในการเรียนรู้ภาษาได้
  • ตั้งใจฟังอย่างระมัดระวังและออกเสียงภาษาสเปนตามที่ควรจะออกเสียง เช่นเดียวกับการออกเสียง 'b' และ 'd' การออกเสียงเมื่อเป็นพยัญชนะต้นและพยัญชนะกลางคำนั้นต่างกัน ถ้าคุณหูดี คุณสามารถปรับเปลี่ยนสำเนียงเพื่อลดความเสี่ยงในการออกสำเนียงที่ผิดไปจากปกติ
  • พยายามหาเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานที่ใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาแม่ พวกเขาจะแนะนำคุณให้เห็นความแตกต่างของภาษา ซึ่งอาจจะไม่สามารถพบเห็นได้ตามหนังสือหรือการเรียนการสอน
  • ฝึกฝนกับคนที่ใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว และคุ้นชินกับการออกเสียง
  • พยายามเขียนคำที่คุณได้เรียนรู้มา และจากนั้นดูว่าคุณสามารถใส่คำลงในประโยคได้หรือไม่ จากนั้น ให้ทวนประโยคซ้ำเพื่อฝึกฝันการใช้คำใหม่ที่คุณได้เรียนรู้มา
  • ñ เป็นตัวอักษรในพยัญชนะ นอกจากนี้ ch ll และ rr ก็นับเป็นตัวอักษรเช่นกัน นอกจากนี้ เรายังสามารถออกเสียงคำว่า el la los las y lo ได้ถึง 5 วิธี ภาษาสเปนนั้นก็เป็นภาษาประเภทหนึ่ง
โฆษณา

คำเตือน

  • การเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ จะต้องใช้เวลาและความตั้งใจ คุณได้ในสิ่งที่คุณทำ ให้สนุกไปกับการเรียนรู้มากกว่าท้อแท้
  • วิธีเดียวที่คุณสามารถเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ ได้คือการพูด พูดให้เสียงดัง แม้ว่าจะเป็นการพูดกับตัวเองก็ตาม วิธีนี้จะช่วยให้คุณสัมผัสได้ได้คำๆ นั้นออกเสียงอย่างไร
โฆษณา
  1. 11.0 11.1 http://www.drlemon.com/Grammar/servsestar.html#.Uf_5ZJJOPpU
  2. http://www.studyspanish.com/lessons/genoun1.htm
  3. 13.0 13.1 http://esl.fis.edu/grammar/langdiff/spanish.htm
  4. 7.0 7.1 อ้างอิงผิดพลาด: Invalid <ref> tag;no text was provided for refs named intro

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Thomas Churchill
ร่วมเขียน โดย:
Thomas Churchill
ประธานของ US-Mexico Forum for Cooperation, Understanding, & Solidarity (FoCUS)
บทความนี้ร่วมเขียนโดย Thomas Churchill สมาชิกที่ได้รับความไว้วางใจของชุมชนวิกิฮาว โทมัส เชอร์ชิลเข้าร่วมกับ FoCUS องค์กรทวิภาคีระหว่างนักศึกษาของสหรัฐและเม็กซิโกนานกว่า 3 ปี และเพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นประธานในส่วนของสแตนฟอร์ด เขายังเคยเป็นรองประธานของ Los Hermanos de Stanford และเป็นครูสอนพิเศษวิชาภาษาสเปน บทความนี้ถูกเข้าชม 22,316 ครั้ง
หมวดหมู่: ภาษา
มีการเข้าถึงหน้านี้ 22,316 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา