วิธีการ เขียนโครงร่าง

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

การเขียนโครงเรื่องเป็นวิธีที่ดีในการจัดการความคิดและข้อมูลที่ค้นคว้ามาหากคุณกำลังเตรียมร่างสุนทรพจน์ เตรียมเขียนเรียงความ หรือกระทั่งเขียนแผนการการศึกษา มาดูขั้นตอนแรกเพื่อเริ่มเขียนโครงเรื่องกันเถอะ!

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

วางแผนโครงเรื่อง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เลือกหัวข้อ.
    ไม่ว่างานของคุณจะเป็นแบบพินิจพิเคราะห์ โน้มน้าว ให้ข้อมูล เป็นงานวิจัย หรือรวมทุกอย่างไว้ด้วยกัน คุณต้องเลือกมุ่งประเด็นไปที่หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งเพื่อที่ความคิดของคุณจะได้ไม่กระจัดกระจาย [1]
    • ในขั้นนี้ ยังไม่เป็นไรหากหัวข้อที่คุณคิดไว้จะกว้างแทนที่จะตีกรอบให้แคบลงจนได้ใจความหลักที่เฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่น เมื่อเริ่มคิดหัวข้อ แทนที่จะตีกรอบความคิดให้แคบลงแต่แรกจนได้หัวข้อว่า “แนวคิดของชนชาติฝรั่งเศสต่อกลุ่มนักต่อสู้เพื่ออิสรภาพมาร์กีในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง” คุณอาจจะหาข้อมูลทั่ว ๆ ไปเกี่ยวกับชีวิตของคนฝรั่งเศสในสมัยที่เยอรมณีเข้ามายึดครองก่อนก็ได้
    • คุณอาจเขียนโครงเรื่องของงานประเภทสร้างสรรค์ได้เช่นกัน เช่น งานวรรณกรรม โดยคุณต้องคิดถึงหัวข้อหลักที่จะศึกษา (เช่น การประยุกต์บทละครแฮมเลทของเช็คสเปียร์ให้เป็นแนวสตีมพังค์) เช่นเดียวกับงานเขียนประเภทอื่น เพียงแต่คุณจะไม่มีใจความหลักและโครงเรื่องของคุณก็จะดำเนินไปตามโครงสร้างของวรรณกรรม (เช่น เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในเรื่อง เป็นต้น)
  2. How.com.vn ไท: Step 2 กำหนดวัตถุประสงค์หลักของงานเขียน.
    การกำหนดเป้าหมายของงานเขียนไม่เพียงแต่จะทำให้คุณรู้ทิศทางที่หัวข้อกำลังดำเนินไป แต่ยังจะช่วยให้คุณวางโครงสร้างของงานเขียนได้อย่างมีหลักการ คุณอาจข้ามขั้นตอนนี้ไปได้หากคุณต้องเขียนเรียงความอย่างเป็นทางการเพื่ออธิบายวัตถุประสงค์หลักของงานเขียนอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ คุณก็ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าคุณต้องการให้งานชิ้นนี้บรรลุเป้าหมายใด
    • คุณอาจเปรียบเทียบความเหมือนและความต่างของสองสิ่งโดยใช้ทักษะการเชื่อมโยงและการคิดอย่างมีวิจารณญาณเพื่อเข้าถึงบทวิเคราะห์ของงานทั้งสองชิ้น ขั้นตอนดังกล่าวจะซับซ้อนกว่าการสรุปประเด็นทั่ว ๆ ไป แต่โดยทั่วไปแล้วก็ไม่ได้ต้องค้นคว้าข้อมูลจากภายนอกมากมายอะไรนัก [2]
    • นำเสนอเหตุและผล แสดงให้เห็นว่าทำไมบางสิ่งถึงเกิดขึ้น (การนำเสนอรูปแบบนี้จะเป็นประโยชน์มากหากคุณกำลังเขียนเรียงความประวัติศาสตร์เพราะคุณจะมีโอกาสได้ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์และผลกระทบของสิ่งนั้นต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ นั่นเอง)
    • จำกัดความและวิเคราะห์แง่มุมหรือประเด็นของเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะพูดถึงคตินิยมสิทธิสตรีและพูดถึงความเป็นมาของคำ ๆ นี้ คตินิยมสิทธิสตรีประเภทต่าง ๆ และอธิบายว่าคนแต่ละกลุ่มมีความเห็นอย่างไรต่อแนวคิดดังกล่าว
    • นำเสนอความคิดของฝั่งใดฝั่งหนึ่ง (โดยคุณควรจะให้ข้อมูลหรือเอ่ยถึงฝั่งที่คิดตรงข้ามด้วยเช่นกัน)
    • หาหลักฐานมาสนับสนุนและสรุปประเด็น เมื่อเขียนเรียงความ คุณต้องหาหลักฐานที่เฉพาะเจาะจงมาสนับสนุนข้อสรุปและประเด็นสำคัญที่คุณนำเสนอเสมอ ไม่ว่าคุณจะแค่เขียนเรียงความเล่าเกี่ยวกับตัวเอง เขียนเรียงความเพื่อโน้มน้าว (เรียงความประเภทนี้ยิ่งต้องมีหลักฐานมายืนยันเลยล่ะ) หรือเรียงความสร้างสรรค์ก็ตาม
  3. How.com.vn ไท: Step 3 รวบรวมข้อมูลมาสนับสนุน.
    โดยข้อมูลที่ว่าอาจเป็นการอ้างอิงคำพูด, สถิติ, ทฤษฎี, ภาพ, จุดหันเหของเหตุการณ์ หรือความรู้สึกส่วนตัวที่คุณมีต่อเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับลักษณะงานที่คุณกำลังเขียนด้วย ดูให้ดีว่าข้อมูลเหล่านี้สนับสนุนสิ่งที่คุณกำลังเขียนหรือเปล่า ถ้าคุณพบว่าหลักฐานหรือความคิดบางอย่างขัดแย้งกัน คุณต้องอธิบายให้ได้ว่าทำไมความคิดเหล่านั้นจึงไม่ถูกต้อง ไม่ใช่มองข้ามเรื่องเหล่านั้นไปเลย
    • เพิ่มเติมข้อเสนอของคุณด้วยหลักฐาน ข้อมูลยืนยันที่เป็นลายลักษณ์อักษรและตัวอย่างต่าง ๆ การเพิ่มหลักฐานที่หามาลงไปในโครงร่างจะทำให้โครงสร้างรายงานดูน่าเชื่อถือมากขึ้น จากนั้นลองพิจารณาหาจุดอ่อนของงานชิ้นนี้ดู
    • ถ้าคุณกำลังหาข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงเพื่อมาสนับสนุนงานวรรณกรรม (งานเขียนประเภทนี้จะเขียนโครงร่างต่างจากงานเขียนวิชาการอยู่สักหน่อย) เป็นการดีหากคุณหาข้อมูลเกี่ยวกับท้องเรื่อง ตัวละคร เสื้อผ้า อาหาร ฯลฯ เพราะคุณต้องทำให้เรื่องของคุณดูน่าเชื่อถือมากที่สุด
    • เมื่อคุณจดข้อมูลสำหรับเขียนโครงร่าง อย่าลืมจดหมายเลขหน้าของหนังสือและจดที่มาของข้อมูลลงไปด้วย เวลาคุณกลับมาอ่านดูเพื่อเขียนโครงร่างจริง ๆ จะได้หาเจอง่าย ๆ ไงล่ะ
  4. How.com.vn ไท: Step 4 เลือกประเภทโครงร่างที่เหมาะกับคุณ.
    การเขียนโครงร่างเป็นหัวข้อจะใช้ข้อความสั้น ๆ ทั่ว ๆ ไปและอาจเป็นประโยชน์หากคุณอยากให้โครงร่างมีความยืดหยุ่น ส่วนการเขียนโครงร่างเป็นประโยคจะเขียนด้วยประโยคสมบูรณ์และจะให้ข้อมูลที่ซับซ้อนและละเอียดกว่า [3]
    • ลองเขียนโครงร่างเป็นหัวข้ออย่างหลวม ๆ ดูก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนไปเขียนเป็นประโยคเมื่องานดำเนินไป
    • โครงร่างทั้งสองชนิดไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันมาก แต่คุณสามารถนำประโยคที่เขียนในโครงร่างชนิดที่สองมาใส่ในรายงานหรือการนำเสนอได้เลยก็เท่านั้น
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

เขียนโครงร่าง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ตัดสินใจว่าจะเรียงลำดับหลักฐานที่มาสนับสนุนในงานเขียนอย่างไร....
    ตัดสินใจว่าจะเรียงลำดับหลักฐานที่มาสนับสนุนในงานเขียนอย่างไร. โดยหลักฐานทั้งหมดต้องสนับสนุนวัตถุประสงค์หลักของงานเขียนของคุณและต้องเรียงลำดับอย่างเหมาะสมที่สุดด้วย ซึ่งก็คือต้องเริ่มจากหลักฐานที่ฟังขึ้นที่สุดก่อนและต้องดูให้แน่ใจว่าหลักฐานทุกอย่างดำเนินต่อเนื่องกันอย่างไม่สะดุด [4]
    • ตัวอย่างเช่น: ถ้าคุณกำลังนำเสนอภาพรวมทางประวัติศาสตร์ คุณอาจจะเรียงลำดับเหตุการณ์ตามเวลาที่เกิด หรือถ้าคุณกำลังนำเสนอการตีความทางวรรณคดี คุณอาจจะเรียงลำดับประเด็นต่าง ๆ ตามแก่นเรื่อง หากคุณกำลังชั่งน้ำหนักของของข้อถกเถียงของสองฝ่ายก่อนที่จะเลือกสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง คุณต้องนำเสนอหลักฐานที่ขัดแย้งกับฝั่งที่คุณสนับสนุนก่อนแล้วค่อยโต้แย้งด้วยหลักฐานที่สนับสนุนแนวคิดของคุณด้วยการเขียนเชิงโน้มน้าว
  2. How.com.vn ไท: Step 2 กำหนดหัวข้อหลักของงาน.
    กำหนดว่าจะแบ่งเรื่องออกเป็นหัวข้อหลักต่าง ๆ ที่เหมาะสมได้อย่างไรบ้างโดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์หลักของงานและเนื้อหาของข้อมูลสนับสนุนที่หามาได้ ขั้นตอนนี้จะนำไปสู่โครงร่างขั้นแรก ซึ่งโดยปกติแล้วมักใส่หมายเลขโรมันนำหน้า (I, II, III, IV, ฯลฯ)
    • โดยปกติแล้วหนึ่งหัวข้อหลักจะพัฒนาต่อเป็นย่อหน้าหนึ่งย่อหน้าเมื่อเริ่มเขียนเรียงความ โดยหัวข้อหลัก I. จะกลายเป็นย่อหน้าเปิดเรื่อง ส่วนหัวข้อหลัก II. ก็จะกลายเป็นย่อหน้าของสาระสำคัญประเด็นแรกที่คุณต้องการนำเสนอ และดำเนินต่อไปเช่นนี้เรื่อย ๆ
    • ตัวอย่างเช่น: ถ้าคุณจะนำเสนอภาพรวมทางประวัติศาสตร์ของรถยนต์ แต่ละหัวข้อหลักอาจจะครอบคลุมยุคสมัยหลัก ๆ ของประวัติศาสตร์รถยนต์ก็ได้
  3. How.com.vn ไท: Step 3 คิดประเด็นย่อยอย่างน้อยสองประเด็นให้แต่ละหัวข้อหลัก....
    คิดประเด็นย่อยอย่างน้อยสองประเด็นให้แต่ละหัวข้อหลัก. เลือกประเด็นปลีกย่อยเหล่านี้โดยคิดถึงวัตถุประสงค์ของรายงานและรายการข้อมูลสนับสนุนที่คุณได้รวบรวมไว้ก่อนหน้านี้ ขั้นตอนนี้จะนำไปโครงร่างขั้นที่สอง ซึ่งโดยปกติแล้วมักใส่ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ภาษาอังกฤษนำหน้า (A, B, C, D, ฯลฯ).
    • ย่อหน้าโครงร่างขั้นที่สองให้อยู่ถัดจากโครงร่างขั้นแรก 0.5 to 1 inch (1.3 to 2.5 cm)
    • ตัวอย่างเช่น: ถ้าคุณจะนำเสนอภาพรวมทางประวัติศาสตร์ของรถยนต์ ประเด็นย่อยอาจครอบคลุมเรื่องเครื่องยนต์ที่ใช้กันทั่วไปในแต่ละยุคก็ได้
  4. How.com.vn ไท: Step 4 คิดหัวข้อย่อยให้แต่ละประเด็นย่อยของหัวข้อหลักหากจำเป็น....
    คิดหัวข้อย่อยให้แต่ละประเด็นย่อยของหัวข้อหลักหากจำเป็น. โดยใช้หลักฐานต่าง ๆ ที่หามาเพื่อสนับสนุนงานเขียนของคุณให้คุ้มค่าที่สุด หัวข้อย่อยดังกล่าวจะกลายเป็นโครงร่างขั้นที่สาม ซึ่งโดยปกติแล้วมักใส่เลขอารบิกนำหน้า (1, 2, 3, 4,ฯลฯ).
    • ถ้าคุณยังอยากแทรกรายละเอียดเพิ่มเติมให้โครงร่างอีกชั้น ใช้เลขโรมันตัวเล็กนำหน้า (i, ii, iii, iv, ฯลฯ) จากนั้นใส่ตัวอักษรพิมพ์เล็กภาษาอังกฤษ (a, b, c, d, ฯลฯ) แล้วลงท้ายด้วยการใส่เลขอารบิก (1, 2, 3, 4, ฯลฯ)
    • คุณไม่น่าจะต้องมีลำดับโครงร่างเกินสี่ขั้น ถ้ามีก็ลองรวมประเด็นต่าง ๆ เข้าด้วยกันดูสิ
    • ตัวอย่างเช่น: ถ้าคุณจะนำเสนอภาพรวมทางประวัติศาสตร์ของรถยนต์ แต่ละหัวข้อย่อยอาจครอบคลุมนวัตกรรมเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ต้นแบบก็ได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เขียนโครงร่างอย่างกระชับและตรงไปตรงมา ไม่จำเป็นต้องเขียนอะไรสวยหรู แค่เขียนแต่ละประเด็นให้ชัดเจนก็พอแล้ว
  • อย่ากลัวที่จะตัดข้อมูลที่ไม่เข้าประเด็นออกเมื่อคุณได้หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อรายงานและตีกรอบขอบเขตที่งานเขียนของคุณจะมุ่งประเด็นถึงแล้ว
  • ใช้โครงร่างเพื่อช่วยจำโดยเลือกคำที่เฉพาะเจาะจงเพื่อกระตุ้นความคิด
  • ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อช่วยเขียนโครงร่าง คอมพิวเตอร์มีเครื่องมือช่วยเขียนโครงร่างหลายอย่าง นอกจากนี้ คุณยังสามารถเพิ่มเติมข้อมูล ลบ หรือจัดเรียงข้อมูลใหม่ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
  • หากคุณเขียนโครงร่างด้วย Microsoft Word โปรแกรมดังกล่าวมีระบบย่อหน้าอัตโนมัติที่คุณสามารถใช้ในการเขียนโครงร่างได้ หรือถ้าคุณชอบย่อหน้าเองมากกว่า ลองอ่านบทความอื่น ๆ ในวิกิฮาวเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการย่อหน้าใน Word ดูนะ
  • ย่อหน้าแต่ละขั้นของโครงร่างให้อยู่ถัดจากขั้นก่อนหน้าประมาณ 0.5 – 1 นิ้ว (1.3 to 2.5 ซม.)
  • ย่อหน้าส่วนย่อยแต่ส่วนโดยใช้ระยะห่างเท่า ๆ กัน ไม่ใช่ย่อหน้าส่วนแรก 0.5 นิ้ว (1.3 ซม) ส่วนถัดมา 1 นิ้ว (2.5 ซม.) ส่วนถัดมา 0.75 นิ้ว (1.9 ซม.) ฯลฯ
โฆษณา

คำเตือน

  • โครงร่างไม่ใช่เรียงความ ดังนั้นคุณควรเขียนแค่ประเด็นหลัก ๆ ของงานลงไปหรืออ้างอิงถึงรายละเอียดหรือตัวอย่างที่ชี้เฉพาะด้วยข้อความที่ไม่เยิ่นเย้อ โครงร่างของคุณต้องกระชับได้ใจความ
  • ตั้งใจเขียนโครงร่างแล้วสิ่งนี้จะช่วยให้คุณเขียนเรียงความได้อย่างมีหลักการในระยะยาว ที่เรียงความหลายฉบับเขียนออกมาได้ไม่ดีเพราะโครงสร้างและองค์ประกอบไม่ดีพอนั่นแหละ
  • โดยทั่วไปแล้ว คุณไม่ควรมีประเด็นหลักหรือประเด็นย่อยเพียงอย่างเดียวในการเขียนโครงร่างแต่ละขั้น เช่นถ้าคุณคิดประเด็นสนับสนุน A ได้ คุณก็ควรคิดประเด็น B ไว้ด้วยเพื่อที่งานจะได้ดูซับซ้อนขึ้นมาสักหน่อย
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: ทีมงานวิกิฮาว
ร่วมเขียน โดย:
นักเขียนในทีมวิกิฮาว
บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา

ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้ บทความนี้ถูกเข้าชม 57,204 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 57,204 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา