วิธีการ ลดขนาดเต้านมของผู้ชาย

ดาวน์โหลดบทความ

ดาวน์โหลดบทความ

ภายในบทความนี้:

กินอาหารที่มีประโยชน์

บริหารร่างกายช่วงบน

ผ่าตัดลดขนาดเต้านม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้ออ้างอิง

สำหรับผู้ชาย ถ้ามีเต้านมขนาดใหญ่เหมือนผู้หญิง หรือเต้านมห้อยย้อย ก็อาจสร้างความกังวลใจและอับอายได้ ซึ่งสาเหตุก็มาจากปัจจัยต่างๆ ในชีวิตประจำวัน รวมถึงฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล และความผิดปกติที่เรียกว่าภาวะเต้านมโตในผู้ชาย (gynecomastia) ถ้าคุณหน้าอกโตเพราะภาวะ gynecomastia หรือเพราะน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์ คุณก็สามารถรับมือได้หลายขั้นตอนด้วยกัน อย่างการกินอาหารครบหมู่ในปริมาณที่เหมาะสม และการออกกำลังกายทั้งคาร์ดิโอเผาผลาญไขมันและเล่นเวทเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ก็ช่วยลดขนาดหน้าอกได้อย่างเห็นผล แต่ถ้าคุณหน้าอกใหญ่เพราะฮอร์โมนแปรปรวน ก็ต้องเข้ารับการตรวจรักษาและรับยาจากคุณหมอต่อไป

ขั้นตอน

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 3:

กินอาหารที่มีประโยชน์

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   กินอาหารไขมันต่ำ. หน้าอกของคุณประกอบด้วยเซลล์ไขมัน (lipids) เป็นส่วนใหญ่ ถ้าลดพวกอาหารที่เป็นแคลอรี่ว่างและไขมันเยอะๆ ลง ก็จะช่วยลดไขมันส่วนเกินในร่างกายได้ รวมถึงไขมันที่สะสมบริเวณหน้าอกของคุณ

   • เลือกกินโปรตีนจากแหล่งที่มีประโยชน์ เช่น เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ (ไม่ติดมัน) เต้าหู้ และถั่วฝัก นอกจากนี้ให้กินอาหารอีก 4 หมู่หลักให้ได้สมดุล คือผักและถั่วเมล็ดแห้ง ผลไม้ ธัญพืช และผลิตภัณฑ์นมออร์แกนิก ที่ต้องหลีกเลี่ยงคืออาหารมันๆ พยายามกินอาหารที่ไขมันต่ำและน้ำตาลต่ำเข้าไว้
   • พยายามอ่านคุณค่าทางโภชนาการที่ฉลากของอาหารต่างๆ จนติดเป็นนิสัย และหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปหรือแต่งสี กลิ่น รสเพิ่มเติม อาหารสดจากธรรมชาตินี่แหละดีที่สุด โดยเฉพาะกินร่วมกับธัญพืชที่มีประโยชน์ เช่น คีนัว คูสคูส และข้าวกล้อง
2. 
   2
   จัดตารางอาหารของทั้งอาทิตย์. ถ้าไม่อยากตบะแตก ก็ต้องจัดตารางอาหารประจำอาทิตย์ โดยประกอบด้วยเมนูต่างๆ ที่มีประโยชน์ ให้เลือกมาวันหนึ่งที่คุณสะดวกไปจ่ายตลาด จดไปให้เป๊ะๆ ว่าต้องซื้ออะไรบ้าง โดยมีเฉพาะส่วนผสมและวัตถุดิบที่ต้องใช้ทำอาหารกินเองง่ายๆ ของทั้งอาทิตย์ รวมถึงควรจะคิดเผื่อไว้ด้วย ว่าถ้ามีอาหารเหลือแล้วจะห่อไปกินเป็นอาหารกลางวันที่ทำงาน หรือเตรียมของว่างที่มีประโยชน์ไว้กินระหว่างวันด้วย

   • อาจจะกำหนดแคลอรี่ที่ร่างกายจะได้รับในแต่ละวันไว้ด้วยเลย แล้วค่อยจัดเมนูอาหารตามแคลอรี่ที่จำกัดนั้น การกินแบบจำกัดแคลอรี่นี่แหละที่จะช่วยให้คุณไม่ตบะแตกจนกินเกินพิกัด แต่ก็แน่ใจได้ว่าร่างกายจะได้รับสารอาหารและพลังงานที่เพียงพอต่อกิจวัตรประจำวันและการออกกำลังกาย
3. 
   3
   ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์. เขาวิจัยกันมาแล้วว่าแอลกอฮอล์และสารเสพติดอื่นๆ เช่น กัญชา แอมเฟตามีน (ยาบ้า) และเมทาโดน ทำให้เกิดภาวะ gynecomastia ได้ เพราะงั้นให้พยายามลดปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดที่ไม่ได้อยู่ในการควบคุม จะช่วยจำกัดขนาดของหน้าอกคุณไม่ให้ใหญ่ไปกว่าเดิมได้
4. 
   4
   อย่าใช้สมุนไพรที่มีเอสโตรเจน. พวกผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ทำจากน้ำมันของพืช เช่น ทีทรีออยล์ หรือน้ำมันลาเวนเดอร์ เขาวิจัยกันมาแล้วว่าเกี่ยวข้องกับการเกิดภาวะ gynecomastia อาจจะเพราะผลิตภัณฑ์สมุนไพรกลุ่มนี้มีฤทธิ์เป็นเอสโตรเจนอ่อนๆ หรือชัดเจนกว่านั้นคือพืชที่ว่ามีสารที่ทำหน้าที่เหมือนเอสโตรเจน อันเป็นหนึ่งในฮอร์โมนเพศหญิงที่สำคัญนั่นเอง

   • เอสโตรเจนในพืชพบมากในถั่วเหลือง ธัญพืชเต็มเมล็ดบางชนิด เช่น เมล็ดแฟลกซ์ ข้าวไรย์ และข้าวฟ่าง รวมถึงถั่วเมล็ดแห้งบางชนิด (ถั่วเมล็ดกลม ถั่วฝัก และถั่วเลนทิล)
   • ห้ามใช้แชมพู สบู่ และโลชั่นที่ผสมน้ำมันจากพืชที่มีฤทธิ์เหมือนเอสโตรเจน โดยเฉพาะอย่าใช้น้ำมันบริสุทธิ์ในจำพวกที่ว่า มาทาบริเวณหน้าอก
5. 
   5
   กินเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมออร์แกนิก. สัตว์ที่เลี้ยงไว้เป็นอาหารส่วนใหญ่จะถูกฉีดฮอร์โมนเร่งโตหรือเร่งนม เขาวิจัยกันมาบ้างแล้วว่าถ้ากินเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์นมที่ได้จากสัตว์ที่ถูกฉีดฮอร์โมนบ่อยๆ จะส่งผลต่อการสร้างฮอร์โมนของร่างกายเราเช่นกัน ถ้ากินแต่เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมออร์แกนิกจากสัตว์ที่ไม่ได้ผ่านการฉีดฮอร์โมน ก็น่าจะช่วยป้องกันหรือบรรเทาอาการ gynecomastia ได้
6. 
   6
   ระวังยาที่ทำให้เกิดภาวะ gynecomastia ได้. เขาวิจัยกันมาแล้วว่ายาบางตัวก็ก่อให้เกิดภาวะ gynecomastia ได้ หรือทำให้หน้าอกโตกว่าเดิม ต่อไปนี้คือยาที่ควรหลีกเลี่ยง หรือควรปรึกษาคุณหมอก่อนหยุดยา ถ้าใช้ยานี้อยู่แล้ว

   • ยาคลายกังวล (anti-anxiety) เช่น diazepam (Valium) รวมถึงยาต้านเศร้ากลุ่ม tricyclic ถ้าตอนนี้คุณใช้ยาคลายกังวลหรือยาต้านเศร้าอยู่ ยังไงลองปรึกษาคุณหมอเรื่องปรับลดปริมาณยาดู ห้ามหยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาคุณหมอก่อนเด็ดขาด
   • ยารักษาโรคเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก เช่น ยายับยั้งฮอร์โมนแอนโดรเจน หรือ anti-androgens (เช่น flutamide, finasteride และ spironolactone)
   • ยารักษาโรคเอดส์ ผู้ชายที่ผลเลือดบวก มีเชื้อ HIV ก็มีสิทธิ์เกิดภาวะ gynecomastia ได้หลังเริ่มรักษา HIV และเอดส์
   • Anabolic steroids และ androgens
   • ยาปฏิชีวนะบางตัว
   • ยารักษาแผลในกระเพาะอาหาร (Ulcer) เช่น cimetidine (Tagamet)
   • ยารักษาโรคหัวใจบางตัว เช่น digoxin (Lanoxin) และ calcium channel blockers
   • ยาเคมีบำบัดหรือคีโม (Chemotherapy) ที่ใช้รักษาโรคมะเร็ง

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 3:

บริหารร่างกายช่วงบน

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ออกกำลังกายกระชับเต้านม. ถ้าคุณประสบปัญหาเต้านมโตเพราะน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์ และ/หรือเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ไม่ใช่เพราะฮอร์โมนไม่สมดุล ก็สามารถออกกำลังกายกระชับและสร้างกล้ามเนื้อบริเวณนี้ได้ นอกจากนี้ก็ต้องเปลี่ยนไปกินอาหารที่มีประโยชน์ด้วย แต่ถ้าสันนิษฐานว่าเต้านมโตเพราะฮอร์โมนแปรปรวน (เช่น ภาวะ gynecomastia) ก็ต้องไปให้คุณหมอตรวจวินิจฉัยให้ชัดเจนซะก่อน แล้วค่อยพิจารณาผ่าตัดกำจัดไขมันบริเวณนั้นต่อไป

   • ก่อนจะเริ่มลดขนาดเต้านมด้วยวิธีไหน ย้ำว่าต้องหาหมอตรวจร่างกายจนรู้สาเหตุที่แท้จริงของอาการให้ได้ซะก่อน จากนั้นคุณหมอจะแนะนำเองว่าควรปรับเปลี่ยนอาหารและออกกำลังกายเพิ่มเติมหรือเปล่า ถึงจะลดขนาดเต้านมได้
   • ส่วนใหญ่ภาวะ gynecomastia เกิดจากฮอร์โมนไม่สมดุล โดยร่างกายหลั่งเทสโทสเตอโรนน้อยลง แต่เอสโตรเจนกลับเพิ่มขึ้น ทำให้หน้าอกใหญ่ขึ้นเหมือนเต้านมของผู้หญิง ภาวะเต้านมโตในผู้ชายเกิดได้ทั้งในเด็กที่เพิ่งแตกหนุ่มและผู้ใหญ่ โดยผู้ชายมักเกิดภาวะ gynecomastia ในช่วงอายุ 50 - 80 ปี บางทีเต้านมของผู้ชายที่มีภาวะ gynecomastia จะกดเจ็บ ไวต่อความรู้สึก และดูเต่งๆ บวมๆ
2. 
   2
   บริหารท่า chest press. คุณออกกำลังกายท่า chest presses โดยใช้ดัมเบลได้ทั้งที่บ้านและฟิตเนส ท่า chest press เป็นท่าบริหารกล้ามเนื้อหน้าอก หน้าอกจะกระชับขึ้น ลดลักษณะหย่อนคล้อยห้อยย้อย

   • ให้เริ่มจากนอนหงายราบไปกับพื้น หรือบนม้านั่งสำหรับออกกำลังกายที่ปรับให้ลาดเอียง หลังแนบม้านั่ง 2 มือถือดัมเบล
   • จะใช้ดัมเบลหนัก 4.5 - 7 กก. (10 - 15 ปอนด์) ก็ได้ ถ้าไม่ได้ใช้ free weights บ่อยๆ ไม่งั้นให้ใช้ดัมเบลที่ยกแล้วรู้สึกหนัก แต่ไม่ถึงกับยกไม่ขึ้น
   • หายใจเข้า แล้วงอข้อศอกจนต้นแขนขนานกับหน้าอก จากนั้นหายใจออกตอนที่ดันออก ค่อยๆ ยกดัมเบลขึ้นจนแขนเหยียดตรง ให้งอข้อศอกนิดหน่อย แขนจะได้ไม่ล็อค
   • ทำท่านี้ค้างไว้ 2 วินาที จากนั้นหายใจเข้าในขณะที่ค่อยๆ กลับมาตั้งท่าเริ่มต้น คือต้นแขนขนานไปกับหน้าอก
   • บริหารซ้ำแบบนี้ 3 เซ็ต เซ็ตละ 10 ครั้ง อาทิตย์ละ 3 - 4 วัน อาจจะผนวกท่า chest press เข้ากับท่าบริหารส่วนอื่นของร่างกายที่คุณทำอยู่แล้วอาทิตย์ละหลายครั้งด้วยก็ได้ เพราะการบริหารให้ครบทุกส่วนของร่างกาย จะกระชับสัดส่วนได้เห็นผลกว่าการเจาะบริหารแค่กลุ่มกล้ามเนื้อเดียว เช่น กล้ามเนื้อหน้าอก
3. 
   3
   วิดพื้น. ถ้าปกติไม่ได้วิดพื้นเป็นประจำ จะเริ่มจากท่าวิดพื้นธรรมดาก็ได้ แล้วค่อยขยับขยายไปวิดพื้นด้วยท่าที่แตกต่างและยากขึ้น เช่น ยกขาสูงแล้ววิดพื้น

   • ถ้าจะวิดพื้นธรรมดา ให้ยันตัวบนเสื่อโยคะโดยแยกมือกว้างกว่าความกว้างของไหล่เล็กน้อย จากนั้นเหยียดขาตรงๆ ไปด้านหลัง วางเท้าเท่าความกว้างของสะโพก ให้ยันตัวด้วยเนินปลายเท้าและเกร็งขาเหยียดตรงให้มั่นคง หลังส่วนล่างก็ต้องตรง สะโพกจะได้ขนานไปกับไหล่
   • หายใจเข้าในขณะที่ตั้งท่าเตรียมไว้ แล้วหายใจออกโดยที่ค่อยๆ งอแขนแล้วดันตัวลงไปใกล้พื้น ให้ดันตัวลงไปจนคางเกือบแตะพื้น จากนั้นก็หายใจเข้าแล้วดันตัวกลับขึ้นมา ทำซ้ำแบบนี้ 3 เซ็ต เซ็ตละ 10 ครั้ง อาทิตย์ละ 3 - 4 วัน
   • ถ้าอยากเพิ่มความท้าทาย ให้ลองวิดพื้นท่าอื่นดู เช่น ยกขาสูงแล้ววิดพื้น (decline push up) โดยพาดเท้าไว้บนม้านั่งออกกำลังกาย หรือบันไดขั้นที่ 2 จากนั้นยันตัวกับพื้น แยกมือกว้างกว่าความกว้างของไหล่เล็กน้อย ร่างกายท่อนบนจะเอียงมาด้านหน้า วิดพื้นในท่านี้ 3 เซ็ต เซ็ตละ 10 ครั้ง อาทิตย์ละ 3 - 4 วัน
4. 
   4
   บริหารท่า bench press. bench press เป็นท่าที่ advanced หรือท้าทายขึ้นอีกหน่อย ทำได้ทั้งที่บ้านและที่ฟิตเนส โดยใช้ bench press bar หรือม้านั่งแบบมีบาร์เบล เป็นท่าบริหารที่เหมาะกับการสร้างเสริมกล้ามเนื้อหน้าอก รวมถึงเพิ่มกำลังแขนด้วย

   • เริ่มจากกำหนดตำแหน่งวางมือบนบาร์เบล นอนหงายบนม้านั่ง แล้วยกบาร์เบลออกจากแท่นวาง โดยที่ยังไม่ถ่วงน้ำหนักเข้าไป ค่อยๆ ลดบาร์เบลลงมาที่หน้าอก แล้วสังเกตตำแหน่งของปลายแขน ที่ถูกต้องคือปลายแขนควรจะตั้งตรงให้ได้มากที่สุดตอนลดบาร์เบลลง สองมือต้องจับให้มั่นแต่ถนัดมือ ทั้งตอนดันออกและลดบาร์เบลลงมา
   • ถ้าจะเริ่มถ่วงน้ำหนักในบาร์เบล ให้เพิ่มทีละน้อย แล้วค่อยขยับขยายไปเรื่อยๆ เท้าทั้งสองข้างต้องมั่นคง ราบไปกับพื้น และงอเข่าทำมุม 80 องศา
   • หายใจออกตอนยกบาร์เบลขึ้นจากแท่นวาง แล้วเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง จากนั้นหายใจเข้าตอนลดบาร์เบลลงมาหากระดูกสันอก จนบาร์เบลลอยอยู่เหนือกลางอกพอดี ให้บาร์เบลแตะหน้าอกเบาๆ อย่ากระเด้งหรือกระแทกหน้าอก สุดท้ายหายใจออกแล้วยกบาร์เบลกลับไปที่ท่าเริ่มต้น
   • ให้เริ่มบริหารแค่ 4 - 8 ครั้งก่อน แล้วค่อยเพิ่มจำนวนครั้งไปตามเวลาและความแข็งแรง อาจจะบริหารท่า bench press ควบคู่ไปกับท่าบริหารส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อหน้าอกส่วน pectoral
5. 
   5
   เล่นเครื่องกรรเชียงบก (rowing machine). เครื่องกรรเชียงบกใช้ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอได้สนุกดี ช่วยบริหารกล้ามเนื้อหลัง หน้าท้อง ไหล่ และขา ถึงจะไม่ได้ช่วยบริหารกล้ามเนื้อหน้าอกส่วน pectoral แต่เครื่องกรรเชียงบกก็เผาผลาญแคลอรี่ได้ดี ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินของทั้งร่างกาย นอกจากนี้ท่าพายเรือหรือกรรเชียงยังช่วยสร้างสมดุลให้กับท่าบริหารกล้ามเนื้อหน้าอกท่าอื่นๆ อีกด้วย

   • ปกติคุณเล่นเครื่องกรรเชียงบกได้ตามฟิตเนสทั่วไป หรือใครมีงบหน่อย จะหาซื้อมาเล่นที่บ้านจากในเน็ตก็ได้ เวลาเล่นให้ใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาที และบริหารตามจังหวะที่สม่ำเสมอ ให้เล่นเครื่องกรรเชียงบกนานหรือหนักจนเหงื่อออก เพราะแปลว่าปอดกับหัวใจได้ออกแรงเพียงพอ
6. 
   6
   ออกกำลังกายแบบ interval training. จะลดขนาดหน้าอกได้เห็นผลกว่าถ้าบริหารทุกส่วนในร่างกาย ไม่ใช่แค่เจาะจงออกเฉพาะกลุ่มกล้ามเนื้อเดียว เช่น หน้าอก คุณอาจจะจัดโปรแกรมการฝึกเป็นรอบๆ แบบ interval โดยเน้นสร้างกล้ามเนื้อหน้าอกและมีสุขภาพโดยรวมที่แข็งแรงในเวลาเดียวกัน interval training คือการออกกำลังกายหนักๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ สลับกันไปกับการออกกำลังกายปานกลางที่นานกว่า เป็นการออกกำลังกายที่เหมาะกับคนที่ต้องการลดน้ำหนักและเผาผลาญไขมัน

   • โปรแกรม interval training ที่น่าสนใจก็เช่น ออกกำลังกายหนักๆ ในช่วงสั้นๆ อย่างท่า decline push up และ chest press ตามด้วยคาร์ดิโอโดยเล่นเครื่องกรรเชียงบก และบริหารท่า bench press
   • นอกจากนี้ก็อย่าลืมใส่ท่าบริหารขาและแกนกลางลำตัว (core) เข้าไปในโปรแกรม interval training ด้วย เพื่อให้ได้สมดุล ยังไงลองปรึกษาเทรนเนอร์ในฟิตเนสดู หรือจะฝึก interval training ตามคลิปในเน็ตก็ได้ เลือกที่มีท่าบริหารร่างกายช่วงบนด้วย

วิธีการ 3

วิธีการ 3 ของ 3:

ผ่าตัดลดขนาดเต้านม

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ปรึกษาคุณหมอเรื่องผ่าตัด. ถ้าออกกำลังกายก็แล้ว ปรับเปลี่ยนอาหารการกินก็แล้ว แต่ขนาดของเต้านมยังไม่เล็กลง หรือเจ็บป่วยด้วยโรคอื่นๆ ที่ทำให้เกิดภาวะ gynecomastia อาจจะต้องลองผ่าตัดลดขนาดเต้านมดู โดยนัดปรึกษาศัลยแพทย์พลาสติกเกี่ยวกับการผ่าตัดลดขนาดเต้านมในผู้ชาย เพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะกับเคสของคุณ

   • อาจจะปรึกษาคุณหมอประจำตัวให้ช่วยโอนเคส แนะนำศัลยแพทย์พลาสติกที่เชี่ยวชาญด้านผ่าตัดลดขนาดเต้านมในผู้ชายโดยเฉพาะให้ก็ได้ รวมถึงอาจจะต้องนัดพูดคุยกับศัลยแพทย์หลายท่าน กว่าจะเจอทางเลือกที่ใช่สำหรับคุณ
   • ถึงการผ่าตัดชนิดนี้จะลดขนาดเต้านมได้อย่างเห็นผล แต่ก็ต้องควบคู่ไปกับการควบคุมน้ำหนักตัวตามเกณฑ์ รักษาระดับฮอร์โมนให้สมดุล และงดยาบางตัวที่อาจส่งผลต่อการกลับมาเกิดภาวะ gynecomastia ซ้ำได้อีก
2. 
   2
   ปรึกษาศัลยแพทย์เรื่องขั้นตอนในการผ่าตัด. ก่อนจะตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดลดขนาดเต้านม ควรปรึกษาคุณหมอที่จะทำการผ่าตัดให้คุณเรื่องขั้นตอนการผ่าตัดโดยละเอียด ตั้งแต่ต้นจนจบ

   • คุณจะถูกวางยาสลบระหว่างผ่าตัด ซึ่งกว่าจะเสร็จสิ้นก็จะใช้เวลาประมาณ 90 นาทีด้วยกัน จะมีการผ่ารอบหัวนมแล้วเอาเนื้อเยื่อไขมัน (fatty tissue) ออกไป นอกจากนี้ศัลยแพทย์ยังอาจจะผ่าลงมาตามหน้าอก เพื่อกำจัดเนื้อเยื่อส่วนเกิน ก่อนจะจัดวางตำแหน่งหัวนมซะใหม่
   • หลังผ่าตัด คุณต้องพักฟื้นต่อในโรงพยาบาลข้ามคืน และกลับไปพักต่อที่บ้านอีก 2 - 3 วัน ที่สำคัญคือห้ามทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงหนักๆ นาน 6 อาทิตย์หลังผ่าตัด รวมถึงใส่ผ้ายืดรัดพยุงช่วยเรื่องการรักษาและฟื้นตัว
3. 
   3
   รับรู้และยอมรับความเสี่ยงจากการผ่าตัด. ปกติการผ่าตัดสามารถลดขนาดเต้านมในผู้ชายได้อย่างเห็นผลชัดเจนมาก แต่ก็มักทิ้งรอยแผลเป็นแดงๆ นูนเป็นก้อนไว้ในบริเวณที่ผ่า ซึ่งจะเด่นชัดอยู่แบบนั้นหลายเดือน แล้วค่อยๆ จางหายไปตามเวลา

   • อีกความเสี่ยงคือหัวนมอาจจะสูญเสียความรู้สึกได้ รวมถึงตำแหน่งหัวนมที่เย็บกลับเข้าไปใหม่หลังผ่าตัดอาจสูง-ต่ำไม่เท่ากัน

คำเตือน

• ถ้าเจ็บเต้านม กดแล้วเจ็บ หรือมีของเหลวไหลออกมาจากเต้านมข้างใดข้างหนึ่ง ต้องรีบไปหาหมอทันที
• ที่ผู้ชายมีเต้านม (หน้าอกโต) เป็นไปได้ว่าเกิดจากโรคไฮโปไทรอยด์ (ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน) เนื้องอก ภาวะไตวาย หรือภาวะตับวาย ลองไปตรวจสุขภาพกับคุณหมอดู ถ้ากังวลว่าอาจเป็นโรคตามที่ว่า