บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Mark Co, DPM. ดร. มาร์ค โคเป็นหมอรักษาเท้าที่เปิดคลินิกในซานฟรานซิสโก โดยเขาเชี่ยวชาญการรักษาตาปลา หูด เชื้อราตามร่องเท้า โรครองช้ำและอาการปวดที่เท้าอื่นๆ เขายังทำการบำบัดและป้องกันเท้ากับข้อเท้าด้วย ดร. โคจบปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์กและปริญญาโทด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ และจบด้านการรักษาเท้าจากโรงเรียนแพทย์รักษาเท้าแห่งแคลิฟอร์เนียและผ่านการฝึกหัดจากศูนย์แพทย์ไกเซอร์เพอร์มาเนนท์ในซานตาคลารา ดร.โคได้รับรางวัล "หมอรักษาเท้า 3 อันดับที่ดีที่สุด" ของซานฟรานซิสโกในปี 2018, 2019, และ 2020 และยังเป็นสมาชิกของสมาคมหมอรักษาเท้าแห่งอเมริกา (CPMA)
มีการอ้างอิง 9 ข้อที่อ้างอิงอยู่ในบทความ ซึ่งสามารถพบได้ทางด้านล่างของบทความ
บทความนี้ถูกเข้าชม 115,107 ครั้ง
ตาปลาและหนังด้านคือบริเวณผิวหนังที่ตายแล้วและมีผิวหนาแข็งซึ่งอาจเกิดจากการเสียดสีของบริเวณผิวหนัง ถ้าในกรณีที่มีตาปลาขึ้นอยู่บริเวณข้างเท้า หลังเท้าหรือนิ้วเท้าแล้วล่ะก็มันอาจจะก่อให้เกิดความเจ็บปวดได้ ส่วนถ้าเกิดหนังหนาด้านเกิดขึ้นในบริเวณเท้ามันอาจจะไม่ได้ทำให้มีความเจ็บปวดมากมายนักแต่อาจจะทำให้ใช้ชีวิตลำบากขึ้นได้ ซึ่งหนังหนาด้านนั้นสามารถเกิดขึ้นได้บนมือของคุณเช่นกัน โดยทั่วไปแล้วหนังด้านและตาปลานั้นสามารถรักษาเองให้หายได้ง่ายๆ ที่บ้านแต่ถ้าเกิดว่าคุณมีอาการเจ็บหรือมันเริ่มดื้อยาหรือถ้าคุณมีโรคแทรกซ้อนอยู่แล้ว เช่น โรคเบาหวาน คุณก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
ขั้นตอน
- แยกความแตกต่างระหว่างตาปลาและหนังหนาด้านให้ออกเสียก่อน. ตาปลาและหนังด้านนั้นไม่เหมือนกันเพราะฉะนั้นวิธีการรักษาก็จะต้องต่างกันออกไปด้วย[1]
- ตาปลาสามารถเกิดขึ้นได้บริเวณนิ้วเท้าซึ่งถ้าหากว่ามันมีขนาดใหญ่หรือแข็งมากๆ อาจจะทำให้เจ็บปวดได้ ซึ่งตาปลาส่วนมากจะสามารถพบเจอได้ตามบริเวณร่องนิ้วเท้าของคุณ[2]
- ตาปลาสามารถแบ่งออกได้เป็นสามแบบได้แก่ แบบแข็ง แบบอ่อนและแบบที่เป็นผื่นแดง โดยตาปลาแบบแข็งนั้นมักจะเกิดขึ้นบริเวณหลังของนิ้วเท้าและบนผิวหนังบริเวณข้อต่อกระดูก ตาปลาแบบอ่อนสามารถพบเจอได้บริเวณนิ้วเท้าซึ่งส่วนมากจะพบเจอที่บริเวณนิ้วนางและนิ้วก้อย ส่วนตาปลาที่มีผื่นแดงขึ้นมักจะไม่ใช่ตาปลาแบบธรรมดาทั่วไปโดยสามารถพบเจอได้ในบริเวณรอบๆ เล็บ [3]
- โดยปกติแล้วแกนของตาปลามักจะเห็นไม่ค่อยชัดแต่จะสามารถพบเจออยู่บริเวณตรงกลางของตาปลาซึ่งก็คือบริเวณที่มีผิวหนังที่หนาที่สุดรวมๆ กันอยู่ [4]
- แกนของตาปลานั้นมักจะหันหัวเข้าไปภายในร่างกายซึ่งอาจจะโดนกระดูกหรือเส้นประสาทและสามารถทำให้คุณนั้นเจ็บปวดได้ [5]
- ส่วนหนังด้านนั้นไม่มีแกน เป็นเพียงแค่บริเวณที่มีผิวหนังทีมีความหนาและด้านซึ่งจะไม่ค่อยก่อให้เกิดความเจ็บปวดเท่าไรนักแต่จะสร้างความรำคาญให้ผู้ที่เป็นมากกว่า [6]
- หนังด้านนั้นสามารถเกิดขึ้นบริเวณใต้เท้าหรือบริเวณใต้นิ้วเท้า แม้กระทั่งบนฝ่ามือหรือบริเวณแถวนิ้วมือก็สามารถเกิดหนังหน้าด้านกันได้เช่นกัน [7]
- ทั้งตาปลาและหนังหนาด้านนั้นล้วนเกิดมาจากการที่ผิวหนังถูกกดทับและเสียดสีเป็นระยะเวลานาน [8]
- หาซื้อยาตามร้านขายยาทั่วไป. กรดซาลิซิลิกถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในยาหลายชนิดที่สามารถช่วยรักษาตาปลาและหนังหน้าด้านได้ [9]
- ผลิตภัณฑ์ยาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปนั้นสามารถช่วยเยียวยาและกำจัดตาปลาและหนังด้านได้แต่ถ้าจะให้เห็นผลอย่างดีที่สุดคุณจะต้องมีวิธีการในการดูแลรักษามันอย่างต่อเนื่องหลังจากใช้ยาด้วย [10]
- ไม่เพียงแต่ต้องดูแลปัญหาตาปลาและหนังด้านอย่างผิวเผินเท่านั้น คุณจะต้องมองไปถึงสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ด้วย เช่น การเสียดสีของผิวหนังหรือการที่ผิวคุณโดนกดทับเป็นเวลานาน เป็นต้น [11]
- ใช้แผ่นรักษาตาปลา (แผ่นยากรดซาลิซิลิก) เพื่อกำจัดตาปลาให้หมดไป. แผ่นรักษาตาปลาที่มีส่วนผสมของกรดซาลิซิลิกนั้นมารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปโดยไม่ต้องได้ใช้ใบสั่งยาจากแพทย์ซึ่งจะมีความเข็มข้นอยู่ที่ 40% เท่านั้น[12]
- แช่เท้าในน้ำประมาณ 5 นาทีเพื่อทำให้บริเวณผิวหนังที่ด้านหนานั้นหนุ่มขึ้นจากนั้นเช็ดเท้าให้แห้งก่อนที่จะนำแผ่นย่ามาปิดไว้ [13]
- ระวังอย่าแปะแผ่นยาลงบริเวณผิวหนังที่สุขภาพดีอยู่แล้ว [14]
- สำหรับผลิตภัณฑ์ส่วนมากที่นำมาใช้จะต้องทำซ้ำๆ ทุกๆ 48 ถึง 72 ชั่วโมงเป็นเวลาทั้งหมด 14 วัน หรือนำมาใช้จนกว่าตาปลาจะหายไปหมด [15]
- กรดซาลิซิลิกนั้นถือว่าเป็นสารลอกเคาราทินที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อและป้องกันเชื้อซึ่งจะทำให้บริเวณผิวหนังนั้นมีความชุ่มชื่นมากขึ้นและในขณะเดียวกันจะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นลุ่มลงอีกด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตามกดซาลิซิลิกสามารถเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผิวหนังได้เช่นกัน [16]
- เพราะฉะนั้นให้ปฏิบัติตามคำแนะนำที่แปะไว้บนฉลากอย่างเคร่งครัดและพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถ้าคุณแพ้กดซาลิซิลิก[17]
- หลีกเลี่ยงการใช้กรดซาลิซิลิกบริเวณรอบดวงตา จมูกหรือปากและพยายามอย่าใช้กับส่วนอื่นๆ ของร่างกายโดยปราศจากคำแนะนำจากแพทย์[18]
- ในกรณีที่กรดซาลิซิลิกนั้นถูกผิวหนังบริเวณใดบริเวณหนึ่งให้คุณรีบล้างออกด้วยน้ำสะอาดทันที[19]
- เก็บรักษาผลิตภัณฑ์จากกรดซาลิซิลิกให้ห่างจากเด็กและสัตว์เลี้ยง
- การใช้กรดซาลิซิลิกกับหนังด้าน. กรดซาลิซิลิกนั้นมีหลายรูปแบบและมีความเข้มข้นที่แตกต่างกันออกไป เช่น มาในรูปแบบของโฟม โลชั่น เจลหรือแผ่นยาซึ่งสามารถนำมาใช้เพื่อที่จะรักษาบริเวณผิวหนังที่หนาด้านที่เท้าได้ทั้งนั้น [20]
- แต่ละผลิตภัณฑ์นั้นจะมีข้อควรปฏิบัติบนฉลากที่แตกต่างกันออกไปเพราะฉะนั้นให้คุณอ่านฉลากให้ดีเพื่อที่จะนำยามาใช้ให้เห็นผลมากที่สุด[21]
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารยูเรีย 45%. นอกจากกรดซาลิซิลิกจะสามารถช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้แล้ว สารยูเรียเองก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปเพื่อนำมารักษาตาปลาและหนังด้านได้เช่นกัน[22]
- ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารยูเรีย 45% นั้นถือได้ว่าเป็นสารลอกเคาราทินที่สามารถช่วยกำจัดเซลล์ผิวหนังบริเวณที่ไม่ต้องการออกไปได้ซึ่งรวมไปถึงพวกตาปลาและหนังหนาด้านด้วย[23]
- ทำตามขั้นตอนการใช้ยาตามที่ติดเอาไว้ที่ฉลากเสมอ[24]
- ปกติแล้วข้อปฏิบัติในการใช้ยาที่มีส่วนผสมของยูเรีย 45% นั้นคือ มักจะให้ใช้สองครั้งต่อวันจนกว่าอาการจะดีขึ้น [25]
- ห้ามรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารยูเรียเป็นอันขาดและห้ามให้โดนบริเวณดวงตา จมูกและปาก [26]
- เก็บผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงของคุณ[27]
- ถ้าคุณเผลอกลืนเข้าไปแล้วให้รีบโทรเรียกรถพยาบาลทันที (โทร 1646) หรือว่าโทรไปที่ศูนย์พิษวิทยาเพื่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉินทันที[28]
- ใช้หินพัมมิสขัดเท้า. คุณสามารถใช้หินพัมมิสที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถนำไปขัดเท้าได้มาขัดบริเวณหนังด้านเพื่อกำจัดผิวหนังที่ตายแล้วในบริเวณนั้นออกไปเสีย [29]
- วิธีนี้สามารถนำมาใช้กับหนังด้านที่ขึ้นบริเวณมือได้เช่นกัน [30]
- การใช้หินพัมมิสในการขัดผิวนั้นสามารถช่วยขจัดชั้นผิวหนังที่ตายแล้วออกไปได้ แต่ต้องระวังอยากขัดเอาบริเวณผิวหนังที่มีสุขภาพดีออกไปเสียก่อนเพราะมันอาจจะทำให้บริเวณดังกล่าวเกิดอาการระคายเคืองหรือติดเชื้อได้ในอนาคต [31]
- ควรตะไบชั้นผิวหนังที่หนาและแข็งออกก่อนที่คุณจะใช้ยา [32]
- แช่เท้าในน้ำ. การแช่เท้าลงในน้ำอุ่นสามารถช่วยให้ผิวหนังบริเวณตาปลาและหนังด้านนุ่มขึ้นได้[33]
- สำหรับหนังด้านบนมือที่คุณไม่ต้องการนั้นก็สามารถทำให้นุ่มขึ้นได้โดยการแช่น้ำเช่นเดียวกับที่เท้า [34]
- เช็ดมือหรือเท้าให้แห้งหลังจากที่แช่น้ำแล้ว และในขณะที่ผิวของคุณยังนุ่มๆ อยู่หลังจากการแช่น้ำให้คุณนำหินพัมมิสหรือตะไบมาค่อยๆ ขัดผิว[35] .
- ถึงแม้ว่าคุณจะไม่มีเวลาแช่เท้าในน้ำทุกวันแต่คุณก็ควรจะนำหินพัมมิสมาขัดเท้าหลังจากอาบน้ำเสร็จเป็นประจำ[36]
- พยายามทำให้ผิวหน้าของคุณชุ่มชื่นตลอดเวลา. พยายามทามอยเจอร์ไรเซอร์ที่เท้าหรือว่ามือบ้างเพื่อที่จะช่วยให้ผิวหนังหนุ่มอยู่เสมอ[37]
- วิธีในการใช้หินพัมมิสหรือตะไบขัดจะสามารถช่วยทำให้ผิวหนังที่มีความแข็งและหนาค่อยๆ นุ่มขึ้นและจะสามารถช่วยป้องกันการเกิดขึ้นของตาปลาและหนังหน้าด้านได้อีกด้วย[38]
โฆษณา
- ปรึกษาแพทย์ถึงการรักษาที่ถูกต้อง. ถ้าเกิดว่าคุณเป็นโรคเบาหวานคุณจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อทางกระแสเลือดมากกว่าคนอื่นเขา [39]
- ถ้าคุณเป็นโรคเบาหวานหรือโรคที่เกี่ยวกับเส้นประสาทหลายเส้นหรือโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบไหลเวียนของเลือด คุณจะต้องรีบปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการรักษาตาปลาและหนังด้านแทนที่จะรักษาเองที่บ้าน[40]
- ถ้าเกิดเริ่มเจ็บบริเวณที่เป็นตาปลาหรือหนังด้านและรูสึกว่ามันใหญ่ขึ้นให้คุณรีบปรึกษาคุณหมอทันที. ถึงแม้ว่าการเป็นตาปลาหรือมีหนังด้านนั้นไม่ได้เป็นโรคที่ร้ายแรงมากนักแต่บางครั้งมันก็สามารถสร้างความเจ็บปวดให้กับคุณได้ [41]
- การปรึกษาเพื่อขอความช่วยเหลือทางการแพทย์เป็นวิธีที่ปลอดภัยและเห็นผลมากที่สุด [42]
- ตาปลาและหนังด้านบางชนิดนั้นสามารถที่จะดื้อยาที่ซื้อตามร้านขายยาทั่วไปได้ เพราะฉะนั้นให้คุณปรึกษาคุณหมอให้ออกใบสั่งยาให้เพื่อที่คุณจะสามารถซื้อผลิตภัณฑ์แรงๆ มากำจัดปัญหาดังกล่าวจะดีกว่า[43]
- คุณหมออาจจะใช้เครื่องมือหรือมีกระบวนการบางอย่างในการกำจัดตาปลาหรือหนังด้านได้ที่คลินิกหรือโรงพยาบาล[44]
- คุณหมออาจจะใช้มีดผ่าตัดหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่สามารถหาได้ในโรงพยาบาลหรือคลินิกเพื่อที่จะเล็มเอาบริเวณที่มีหนังแข็งออกจากผิวคุณได้[45]
- อย่าพยายามเล็มหนังที่มีความด้านและแข็งด้วยตนเองที่บ้านเป็นอันขาดเพราะมันอาจจะทำให้เกิดการระคายเคือง เลือดออกหรืออาจจะติดเชื้อได้ [46]
- สังเกตให้ดีว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เท้าของคุณมีปัญหาผิดรูปร่าง. หลายๆ คนมีเท้าที่ผิดรูปร่างออกไปซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาเดิมซ้ำๆ กับพวกเขาได้ เช่น ปัญหาในเรื่องของตาปลาและหนังหน้าด้าน[51]
- คุณหมอของคุณอาจจะส่งคุณต่อไปให้กับนักบาทานามัยในการรักษาขั้นตอนต่อไป การที่เท้าผิดงผิดปกติ กระดูกงอกหรือโค้งต่ำกว่าปกติหรือแม้กระทั่งพวกตาปลาบนนิ้วเท้าสามารถก่อให้เกิดหนังด้านและตาปลาใหญ่ในบริเวณเท้าได้[52]
- ซึ่งอาการเหล่านี้อาจจะหายไปได้เมื่อคุณได้ใส่รองเท้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อความเหมาะสมในการสวมใส่ [53]
- บางครั้งอาจจะต้องใช้การศัลยกรรมเพื่อช่วยเหลืออาการดังกล่าวแต่ก็ถือว่ามีคนใช้วิธีนี้น้อยมาก[54]
- คอยสังเกตสิ่งผิดปกติบนมือของคุณให้ดี. หนังด้านนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากการที่บริเวณผิวหนังของฝ่ามือนั้นถูกกดทับ มันสามารถทำให้ผิวหนังนั้นแตกและติดเชื้อได้[55]
- สำหรับบางคนอาจจะมีแผลพุพองเกิดขึ้นบริเวณข้างบนหรือรอบๆ หนังด้านได้ ซึ่งในบริเวณที่เป็นแผลพุพองนั้นมักจะมีของเหลวอยู่ข้างในที่สามารถที่จะแห้งกลับเข้าสู่ผิวได้โดยตามธรรมชาติได้ แต่ถ้าเกิดว่ามันแตกหรือมีน้ำออกมาจนแห้ง ให้ระวังแผลนั้นให้ดีเพราะมันอาจจะติดเชื้อและทำให้ผิวหนังที่สุขภาพดีบริเวณนั้นอาจจะต้องเสื่อมสภาพไปด้วย[56]
- ถ้าเกิดผิวหนังเริ่มบวมแดงหรืออุ่นเวลาจับให้รีบเข้าพบคุณหมอทันที [57]
- ในกรณีที่เกิดการติดเชื้อ คุณอาจจะต้องพึ่งยาปฏิชีวนะแบบทาหรือยาปฏิชีวนะแบบทานเพื่อรักษาอาการดังกล่าว [58]
โฆษณา
- ใส่รองเท้าที่เหมาะสมกับรูปเท้า. รองเท้าที่ไม่พอดีสามารถที่จะเสียดสีบริเวณนิ้วเท้าและบริเวณข้างๆ เท้าได้ [61]
- ดูรองเท้าที่คุณใส่แล้วสามารถขยับนิ้วเท้าไปมาได้[62]
- ตาปลาจะสามารถเกิดขึ้นได้ในบริเวณหลังหรือข้างๆ นิ้วเท้าได้ถ้าเกิดว่าคุณใส่รองเท้าที่ไม่มีพื้นที่ว่างให้สามารถขยับนิ้วได้เลย [63]
- การเสียดสีหรือการระคายเคืองที่เกิดจากการที่คุณใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสมกับรูปเท้านั้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดหนังด้านและตาปลา[64]
- ถ้ารองเท้าที่คุณใส่นั้นมีความแน่นหรือเป็นรองเท้าส้นสูง มันมักจะทำให้เท้าของคุณถูกบีบและในที่สุดมันจะส่งผลให้เกิดตาปลาและหนังด้านขึ้นบริเวณผิวหนังของคุณ[65]
- หนังด้านมักจะเกิดขึ้นในบริเวณใต้หรือข้างๆ เท้าหรือบริเวณผิวหนังที่รองเท้าของคุณนั้นมาเสียดสีหรือบริเวณที่มีพื้นรองเท้าใหญ่มากเกินไป [66]
- ใส่ถุงเท้าด้วยก็ดี. การที่คุณใส่รองเท้าโดยที่ไม่ใส่ถุงเท้าอาจจะทำให้ผิวหนังบริเวณเท้าคุณเกิดการเสียสีหรือถูกกดจากรองเท้าของคุณได้ [67]
- พยายามใส่ถุงเท้าเพื่อป้องกันการกดทับและการเสียสีของผิวหนังอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะใส่คู่กับรองเท้าที่ถูกออกแบบมาให้ใส่คู่กับถุงเท้าเท่านั้น เช่น พวกรองเท้ากีฬาหรือรองเท้าทำงานและบูท [68]
- พยายามอย่าใส่ถุงเท้าที่มีไซด์พอดีกับเท้าเพราะถ้าเกิดว่ามันแน่นเกินไปมันอาจจะทำให้นิ้วเท้าของคุณได้รับการเสียดสีหรือถูกบีบได้ ให้คุณใส่ถุงเท้าที่หลวมหน่อยๆ เพื่อที่จะสามารถมีที่ว่างให้เท้าของคุณเวลาที่คุณเดินได้และจะช่วยลดการเสียดสีและการถูกบีบลงได้อีกด้วย [69]
- ใส่ถุงมือ. คุณควรจะใส่ถุงมือด้วยเพราะหนังด้านจะสามารถเกิดขึ้นในบริเวณที่มือของคุณได้รับการเสียดสี [72]โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://emedicine.medscape.com/article/1089807-overview
- ↑ http://emedicine.medscape.com/article/1089807-overview
- ↑ http://emedicine.medscape.com/article/1089807-overview
- ↑ http://emedicine.medscape.com/article/1089807-overview
- ↑ http://www.skinsight.com/adult/cornClavus.htm
- ↑ http://emedicine.medscape.com/article/1089807-overview
- ↑ http://emedicine.medscape.com/article/1089807-overview
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/001232.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.drugs.com/condition/c.html
- ↑ http://www.drugs.com/condition/c.html
- ↑ http://www.drugs.com/condition/c.html
- ↑ http://www.drugs.com/condition/c.html
- ↑ http://www.drugs.com/condition/c.html
- ↑ http://www.drugs.com/condition/c.html
- ↑ http://www.mayoclinic.org/drugs-supplements/salicylic-acid-topical-route/description/drg-20066030
- ↑ http://www.mayoclinic.org/drugs-supplements/salicylic-acid-topical-route/description/drg-20066030
- ↑ http://www.drugs.com/mtm/dr-scholl-s-callus-removers.html
- ↑ http://www.drugs.com/mtm/dr-scholl-s-callus-removers.html
- ↑ http://www.drugs.com/pro/urea-45-cream.html
- ↑ http://www.drugs.com/pro/urea-45-cream.html
- ↑ http://www.drugs.com/pro/urea-45-cream.html
- ↑ http://www.drugs.com/pro/urea-45-cream.html
- ↑ http://www.drugs.com/pro/urea-45-cream.html
- ↑ http://www.drugs.com/pro/urea-45-cream.html
- ↑ http://www.drugs.com/pro/urea-45-cream.html
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://familydoctor.org/familydoctor/en/health-tools/search-by-symptom/foot-problems.printerview.all.html
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://familydoctor.org/familydoctor/en/health-tools/search-by-symptom/foot-problems.printerview.all.html
- ↑ http://familydoctor.org/familydoctor/en/health-tools/search-by-symptom/foot-problems.printerview.all.html
- ↑ http://familydoctor.org/familydoctor/en/health-tools/search-by-symptom/foot-problems.printerview.all.html
- ↑ http://familydoctor.org/familydoctor/en/health-tools/search-by-symptom/foot-problems.printerview.all.html
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://familydoctor.org/familydoctor/en/health-tools/search-by-symptom/foot-problems.printerview.all.html
- ↑ http://familydoctor.org/familydoctor/en/health-tools/search-by-symptom/foot-problems.printerview.all.html
- ↑ http://familydoctor.org/familydoctor/en/health-tools/search-by-symptom/foot-problems.printerview.all.html
- ↑ http://familydoctor.org/familydoctor/en/health-tools/search-by-symptom/foot-problems.printerview.all.html
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.