ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

การยอมรับตนเองเป็นความสามารถที่จะให้ความสำคัญกับทุกด้านของตนเองอย่างเท่าเทียม การยอมรับตนเองหมายถึงเราเห็นข้อดีของตนเองเท่ากับที่เห็นข้อเสียของตนเอง [1] กระบวนการยอมรับตนเองเริ่มต้นด้วยการประเมินตนเองและตัดสินตนเองตามความเป็นจริง จนในที่สุดเราจะเห็นว่าทุกด้านของเรานั้นต่างก็มีความสำคัญ[2] นอกจากนี้การเปลี่ยนจากการชอบตัดสินและการชอบโทษตนเองมาเป็นการยอมรับและเห็นใจตนเองก็เป็นสิ่งสำคัญ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

รับรู้ว่าเราคิดอย่างไรกับตนเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 รับรู้ข้อดีและคุณสมบัติของตนเอง.
    การรับรู้ข้อดีหรือคุณสมบัติของตนเองจะช่วยทำให้เรายอมรับข้อเสียของตนเองได้ดี นอกจากนี้การรู้ว่าเรามีข้อดีอะไรบ้างอาจช่วยเปลี่ยนแปลงความคิดที่เรามีต่อตนเองเสียใหม่ เริ่มเขียนว่าเรามีข้อดีอะไรบ้าง หรือเขียนข้อดีของตนเองวันละข้อก็ได้ ถ้าหากคิดไม่ค่อยออก ตัวอย่างเช่น
    • ฉันเป็นคนน่ารัก
    • ฉันเป็นแม่ที่เข้มแข็ง
    • ฉันเป็นจิตรกรที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์
    • ฉันเป็นนักแก้ปัญหาตัวยง
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เขียนว่าเราประสบความสำเร็จอะไรบ้าง.
    รู้จักและยอมรับข้อดีของตนด้วยการเขียนว่าเราประสบความสำเร็จอะไรมาบ้าง ความสำเร็จเหล่านี้อาจได้แก่ เคยช่วยอะไรใครไว้บ้าง เราบรรลุเป้าหมายของตนเองมามากมายแค่ไหน หรือฝ่าฟันอุปสรรคอะไรมาบ้าง ตัวอย่างเหล่านี้จะช่วยให้เรามองเห็นการกระทำของตนเองได้ชัดเจน ตัวอย่างความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมจะช่วยให้เราหาข้อดีของตนเองพบ ตัวอย่างเช่น
    • ถึงแม้การสูญเสียเสาหลักของครอบครัวไปนั้นเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสเหลือเกิน แต่ฉันก็ภูมิใจที่สามารถช่วยเหลือแม่จนเราทั้งสองคนผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นไปได้
    • ฉันตั้งเป้าหมายที่จะวิ่งฮาล์ฟมาราธอนและหลังฝึกวิ่งไป 6 เดือน ฉันก็วิ่งเข้าเส้นชัยได้สำเร็จ!
    • หลังจากตกงาน ฉันก็เริ่มประสบปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายและต้องปรับตัวมากมายเพื่อให้ตนเองอยู่รอดจนกว่าจะหางานใหม่ได้ แต่ฉันก็ได้เรียนรู้ข้อดีของตนเองมากมาย และตอนนี้ฉันมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน
  3. How.com.vn ไท: Step 3 รู้ว่าเรามองตนเองเป็นอย่างไร.
    การรู้ว่าเรามองตนเองเป็นอย่างไรนั้นสำคัญต่อการช่วยเราให้ได้ใครครวญว่าเรามองตนเองในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่า การมองตนเองในแง่ร้ายเกินไปนั้นเกิดจากการที่เรารู้สึกไม่เห็นค่าคุณสมบัติที่เรามี ความรู้สึกเหล่านี้อาจประกอบด้วยความอาย ความผิดหวัง ความรู้สึกเหล่านี้ทำให้เราไม่สามารถยอมรับตนเองได้ เริ่มเขียนความคิดลบที่มีต่อตนเองลงไป ตัวอย่างเช่น
    • ฉันไม่เคยทำอะไรถูกเลย
    • ฉันมักจะเข้าใจความคิดเห็นของผู้อื่นผิดเสมอ ฉันต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่
    • ฉันอ้วนเกินไป
    • ฉันมักจะตัดสินใจพลาด
  4. How.com.vn ไท: Step 4 รู้ว่าความคิดเห็นของผู้อื่นมีผลกระทบต่อเรา....
    รู้ว่าความคิดเห็นของผู้อื่นมีผลกระทบต่อเรา. เมื่อคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์เรา ปกติเรามักจะให้ความสำคัญกับความคิดเห็นเหล่านี้และรับเข้ามาเป็นความคิดของเราเอง ถ้าสามารถรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เรามองตนเองเป็นแบบนี้ได้ เราก็จะสามารถปรับความคิดเพื่อมองตนเองเสียใหม่ได้[3]
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าแม่ของเรามักจะวิจารณ์เรื่องหน้าตาของเราเสมอ เราก็อาจไม่มั่นใจเรื่องหน้าตาของตนเองมากนัก แต่ถ้าเราเข้าใจว่าคำวิจารณ์ของแม่เกิดจากความไม่มั่นใจในตัวท่านเอง เราก็จะเริ่มปรับความคิดเรื่องหน้าตาของเราเสียใหม่ และเริ่มมีความมั่นใจในหน้าตาของตนเองขึ้นมาบ้าง
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

ท้าทายเสียงภายในตัวเรา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 รู้ตัวว่ากำลังคิดลบ.
    พอรู้ว่าเราชอบต่อว่าตนเองเรื่องอะไรมากที่สุด ก็ได้เวลาเงียบเสียง “ภายในตนเอง” แล้ว เสียงภายในตนเองบอกเราว่า “ฉันหุ่นไม่ดีเลย” หรือบอกว่า “ฉันไม่เคยทำอะไรถูกเลย” การเงียบเสียงภายในตนเองจะช่วยลดความรุนแรงของการมองตนเองในแง่ลบลง และช่วยให้เราได้รู้สึกเห็นใจ ให้อภัยและยอมรับตนเอง ฝึกรู้ตัวว่ากำลังคิดลบเพื่อเงียบเสียงภายในตัวตน ตัวอย่างเช่น ถ้ารู้ตัวว่าตนเองกำลังคิดว่า “ฉันนี่โง่เหลือเกิน” ให้ลองถามตนเองว่า
    • คิดแบบนี้ดีแล้วหรือ
    • คิดแบบนี้แล้วตนเองรู้สึกดีไหม
    • ฉันจะพูดแบบนี้กับเพื่อนหรือคนที่ฉันรักไหม
    • ถ้าคำตอบของคำถามเหล่านี้คือไม่ เราก็จะได้รู้ว่านี้เป็นเสียงภายในตัวตนของเรา
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ท้าทายเสียงภายในตัวตนของเรา.
    เมื่อเห็นว่าเรากำลังคิดลบกับตนเองอยู่ ให้ท้าทายและเงียบเสียงภายในตัวตนนั้นเสีย เตรียมโต้ตอบด้วยความคิดหรือถ้อยคำที่เป็นบวก เราจะใช้ข้อดีที่เขียนไว้ในขั้นตอนก่อนหน้านี้ก็ได้
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดคิดว่า “ฉันนี่โง่ชะมัด” ให้เป็นเปลี่ยนความคิดนั้นให้เป็นถ้อยคำดีๆ คือ “ถึงแม้ฉันจะไม่มีความรู้ด้านนี้ แต่ฉันก็มีความรู้เรื่องด้านอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเองและคนอื่นได้”
    • ย้ำข้อดีของตนเองว่า “เราต่างก็มีความสามารถที่แตกต่างกันไป ฉันรู้ว่าตนเองมีความสามารถและความเชี่ยวชาญไม่เหมือนคนอื่น และฉันก็ภูมิใจในความสามารถที่ฉันมี”
    • ย้ำกับเสียงภายในตัวเราว่าความคิดแย่ๆ นั้นไม่เป็นความจริง “เสียงจากภายในตัวฉัน เธอเคยบอกว่าฉันนี่โง่ชะมัด แต่เรื่องนั้นไม่จริงเลย ฉันเรียนรู้แล้วว่าตนเองก็มีความรู้ความสามารถเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร และความรู้ความสามารถที่มีนั้นก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าของคนอื่น”
    • ย้ำกับเสียงภายตัวเราอย่างอ่อนโยน ให้คอยย้ำและสอนตนเอง เพราะเรายังคงสามารถเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดที่มีกับตนเองได้อยู่
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ยอมรับตนเองให้ได้ก่อนแล้วค่อยปรับปรุงตนเอง....
    ยอมรับตนเองให้ได้ก่อนแล้วค่อยปรับปรุงตนเอง. การยอมรับตนเองคือการยอมรับตัวเราที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน การปรับปรุงตนเองจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สามารถยอมรับตนเองในอนาคตได้ [4] [5] หาสิว่าเราให้ความสำคัญกับอะไรในตอนนี้ จากนั้นจึงค่อยตัดสินใจว่าจะปรับปรุงหรือไม่ในอนาคต
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องการลดน้ำหนัก ขั้นแรกให้พูดยอมรับเรื่องน้ำหนักของตนเองในปัจจุบันก่อนว่า “ถึงแม้ฉันต้องการลดน้ำหนัก แต่ฉันก็เป็นคนสวยและรู้สึกดีกับตนเองไม่เปลี่ยนแปลง” จากนั้นตั้งเงื่อนไขที่ก่อให้เกิดผลดีและมีประโยชน์ต่อตัวเราเพื่อจะได้พัฒนาตนเองไปพร้อมกัน แทนที่จะคิดว่า “หุ่นฉันไม่ดีเลย แต่เมื่อฉันลดน้ำหนัก 9 กิโลกรัม ฉันจะสวยและรู้สึกดี” ให้คิดว่า “ฉันอยากลดน้ำหนักลงไปสัก 9 กิโลกรัม ฉันจะได้มีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีกำลังเพิ่มขึ้น”
  4. How.com.vn ไท: Step 4 เปลี่ยนความคาดหวังของตนเอง.
    เมื่อตั้งความคาดหวังกับตนไว้สูงมากเกินไป ก็ย่อมพบกับความผิดหวัง ผลคือความผิดหวังก็ทำให้เราไม่อาจยอมรับตนเองได้ ฉะนั้นเปลี่ยนความคาดหวังที่มีต่อตนเองเสีย
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าคิดว่า “ฉันนี่ขี้เกียจจริงๆ ฉันยังไม่ได้แม้แต่ทำความสะอาดห้องครัววันนี้เลย” ให้เปลี่ยนความคาดหวังของตนเองเป็น “ฉันทำอาหารเย็นให้ครอบครัวเรียบร้อยแล้ว ฉันน่าจะขอให้ลูกๆ ช่วยทำความสะอาดห้องครัวพรุ่งนี้หลังอาหารเช้าได้”
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

เห็นอกเห็นใจตนเองบ้าง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เรียนรู้ที่จะเห็นใจตนเอง.
    การเห็นใจตนเองนั้นอาจเป็นอะไรที่ดูประหลาดและผิดแปลก เพราะดูเหมือนเป็นการเห็นแก่ตัวเสียมากกว่า แต่การเห็นใจตนเองนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการยอมรับตนเอง ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าความเห็นอกเห็นใจคือความรู้สึกสงสารเมื่อเห็นผู้อื่นประสบความทุกข์ยากพร้อมกับมีความปรารถนาที่ช่วยบรรเทาทุกข์นั้นให้เบาบางลง[6] เราเองก็สมควรที่จะได้รับความเห็นอกเห็นใจเช่นเดียวกัน! ขั้นแรกของการเห็นอกเห็นใจตนเองคือเห็นคุณค่าของตนเองให้ได้เสียก่อน[7] เรามักจะยอมให้ความคิด ความรู้สึก ความเห็น และความเชื่อของผู้อื่นมากำหนดตัวตนของเราได้ง่าย แต่แทนที่จะให้คนอื่นเป็นคนตัดสินตัวตนเรา ให้เราลองตัดสินเองว่าตนเป็นคนอย่างไร จงเรียนรู้ที่จะคิดและตัดสินใจเองโดยไม่ต้องพึ่งการตัดสินใจของคนอื่น [8]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ฝึกตอกย้ำตนเองทุกวัน.
    การตอกย้ำคือการใช้ถ้อยคำดีๆ มาพูดให้กำลังใจและทำให้จิตใจดีขึ้น วิธีนี้สามารถช่วยทำให้เรารู้สึกเห็นใจตนเองขึ้นมาได้[9] การมีความเห็นอกเห็นใจตนเองจะทำให้เราสงสารและให้อภัยตนเองในอดีตง่ายขึ้น ฉะนั้นจึงช่วยให้เราคลายความรู้สึกผิดและความเสียใจ การตอกย้ำตนเองทุกวันยังช่วยเปลี่ยนแปลงเสียงภายในตัวเราทีละเล็กทีละน้อย จงเห็นอกเห็นใจตนเองด้วยการบอก การเขียน หรือคิดตอกย้ำตนเอง ตัวอย่างคำพูดไว้ตอกย้ำตนเองได้แก่
    • ฉันสามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากได้ เพราะฉันแข็งแกร่งกว่าที่ตนเองคิด
    • ฉันไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบและทำเรื่องผิดพลาดไปบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก
    • ฉันเป็นลูกที่ดีและไม่เคยทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจ
    • พักและเห็นอกเห็นใจตนเอง ถ้าเรากำลังพบกับความยากลำบาก เมื่อต้องพยายามยอมรับตนเองให้ได้ ให้หยุดพักและเห็นอกเห็นใจตนเองบ้าง รับรู้ว่าการตัดสินตนเองนั้นทำให้เราเจ็บปวดและคำตัดสินนั้นก็อาจรุนแรงเกินไป จงเห็นใจตนเองและฝึกตอกย้ำเรื่องดีๆ ของตนเอง [10]
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าเราคิดว่า "ฉันหุ่นไม่ดี เพราะฉันอ้วน” จงรับรู้ว่าการคิดแบบนี้ถือว่าไม่เห็นอกเห็นใจตนเอง “นี้เป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจคนอื่น ฉะนั้นฉันจะไม่พูดแบบนี้กับเพื่อนเด็ดขาด เพราะขนาดฉันฟัง ยังรู้สึกแย่และรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ”
    • ลองมองในแง่ดี เช่น “หุ่นของฉันอาจไม่สวยสมบูรณ์แบบ แต่นี้ก็เป็นหุ่นของฉันเอง ฉันมีสุขภาพดี แข็งแรงและได้ทำสิ่งที่ตนเองรักทุกวัน เช่น เล่นกับลูกๆ ”
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ฝึกให้อภัย.
    การฝึกให้อภัยตนเองจะช่วยเราคลายความรู้สึกผิดซึ่งคอยขัดขวางไม่ให้เรายอมรับตนเองในปัจจุบันได้อย่างเต็มที่ เราอาจตัดสินตัวเราในอดีตด้วยความคาดหวังที่ไม่อาจเป็นจริงได้ การให้อภัยตนเองจะช่วยให้ความรู้สึกผิดเบาบางลงไป ทำให้เราเห็นใจและยอมรับอดีตของตนเองมากขึ้น บางครั้งเสียงในใจก็ไม่ยอมให้เราได้ให้อภัยตนเองในอดีต
    • บางครั้งเราก็โหดร้ายกับตนเองด้วยการแบกความรู้สึกผิดไว้ในใจ ลองใคร่ครวญความผิดของตนเองให้ดีๆ พยายามประเมินสิว่ามีปัจจัยภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องกับความผิดไหม ถึงแม้บางครั้งเหตุการณ์ต่างๆ ก็สุดวิสัยที่เราจะควบคุม แต่เราก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี ให้ประเมินซิว่าเหตุการณ์ต่างๆ นั้นอยู่เหนือการควบคุมของเราหรือไม่ และจงให้อภัยตนเองเสีย
    • การเขียนจดหมายเป็นวิธีการแสดงความรู้สึกและความคิดที่ได้ผลวิธีหนึ่ง อีกทั้งช่วยให้เราสามารถให้อภัยตนเองได้ [11] เวลาที่เราต้องการให้อภัยตนเอง เขียนจดหมายถึงตัวเราที่อายุน้อยหรือตัวเราในอดีตและใช้ถ้อยคำที่แสดงถึงความเมตตาและเอ็นดู บอกตัวเราในอดีต (เสียงภายในตัวตน) ว่าเราอาจเคยทำผิดพลาด แต่รู้ไหมมนุษย์เรานั้นไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ฉะนั้นจึงต้องมีการทำผิดพลาดกันบ้าง บ่อยครั้งที่ความผิดพลาดของเรากลายเป็นโอกาสในการเรียนรู้อันมีค่า บอกตนเองว่าอะไรที่เราทำลงไปนั้นอาจเป็นสิ่งที่เราทำได้ในตอนนั้น
  4. How.com.vn ไท: Step 4 เปลี่ยนความรู้สึกผิดให้เป็นถ้อยคำแสดงการขอบคุณ....
    เปลี่ยนความรู้สึกผิดให้เป็นถ้อยคำแสดงการขอบคุณ. การรู้ว่าเราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากความผิดพลาดในอดีตสามารถช่วยให้เรามองอดีตในแง่ดีขึ้น การขอบคุณสิ่งที่เราได้เรียนรู้และยอมรับว่าทำผิดพลาดไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เมื่อได้ขอบคุณและยอมรับแล้ว เราก็จะยอมรับตนเองในปัจจุบันได้อย่างไม่รู้สึกผิดอีกต่อไป เขียนสิ่งที่เราเคยทำผิดพลาดลงไป และเปลี่ยนความผิดแต่ละข้อให้เป็นถ้อยคำแสดงการขอบคุณ[12] ตัวอย่างเช่น
    • ความคิดที่ไม่ดีหรือเสียงจากภายใน: ฉันเคยเกเรตอนเรียนมหาวิทยาลัย ฉันรู้สึกละอายใจเหลือเกินที่ตนเองทำตัวแย่แบบนั้น
      • ถ้อยคำแสดงการขอบคุณ: ฉันดีใจที่ได้เรียนรู้อะไรจากการทำพฤติกรรมไม่ดีตอนนั้น เพราะฉันได้นำมาใช้ในการเลี้ยงลูกของตนเอง
    • ความคิดที่ไม่ดีหรือเสียงจากภายใน: ฉันทำให้ครอบครัวต้องทุกข์ใจอย่างหนักเพราะฉันติดเหล้า
      • ถ้อยคำแสดงการขอบคุณ: ฉันดีใจที่สามารถประสานรอยร้าวในครอบครัวได้และเลิกดื่มเหล้าในที่สุด
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

ขอความช่วยเหลือ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 อยู่กับคนที่รักและหวังดีต่อเรา.
    ถ้าอยู่กับคนที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของเรา เราก็อาจทำใจให้ยอมรับตนเองได้ยาก เมื่อมีคนมาคอยวิพากษ์วิจารณ์เราตลอด เราก็อาจมองไม่ค่อยเห็นข้อดีของตนเองสักเท่าไร ฉะนั้นจงอยู่กับคนที่คอยช่วยเหลือเราและรักเรา คนเหล่านี้จะทำให้เรายอมรับตนเองได้ง่ายขึ้น
  2. How.com.vn ไท: Step 2 พบนักบำบัด.
    นักบำบัดสามารถช่วยเราหาสาเหตุที่คอยขัดขวางไม่ให้เรายอมรับตนเอง นักบำบัดสามารถช่วยเราขุดค้นอดีตเพื่อหาสาเหตุว่าทำไมถึงคิดอะไรกับตนเองแบบนั้น นักบำบัดอาจช่วยหาวิธีพูดคุยกับตนเอง และให้คำแนะนำในการตอกย้ำตนเอง รวมทั้งวิธีอื่นๆ แก่เราได้
  3. How.com.vn ไท: Step 3 สร้างขอบเขตและสื่อสารด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดกับคนอื่น....
    สร้างขอบเขตและสื่อสารด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดกับคนอื่น. เมื่อเราต้องมาปฏิสัมพันธ์กับคนที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่เคยให้กำลังใจเรา เราอาจต้องจำกัดขอบเขตการพูดคุยกับพวกเขา ให้บอกพวกเขาไปตรงๆ พวกเขาจะได้เข้าใจว่าความเห็นของพวกเขานั้นไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ อีกทั้งยังสร้างความเจ็บปวดให้คนอื่น
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าเจ้านายเอาแต่วิพากษ์วิจารณ์เราอยู่เรื่อย เราอาจบอกไปว่า “ผมรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับการสนับสนุนให้ทำงานนี้เท่าที่ควร ผมอยากทำงานให้ออกมาดี แต่ก็รู้สึกว่าหัวหน้ายังไม่พอใจอยู่ดี ต้องทำอย่างไรบ้าง ถึงจะได้งานอย่างที่เราสองคนต้องการ”
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การยอมรับตนเองได้ต้องใช้เวลา เราต้องพยายามเลิกพูดอะไรที่ไม่ดีกับตนเอง จงอดทนและทำต่อไปจนกว่าจะสำเร็จ
  • เวลาเป็นของมีค่า จงนำมาใช้ฝึกความอดทนและความเห็นอกเห็นใจตนเองทุกวัน
  • อย่าไปสนใจอะไรที่คนอื่นพูดมากนัก พยายามปรับปรุงตนเองตามที่เห็นสมควร แต่อย่าเปลี่ยนแปลงหมดทุกอย่าง คนเราต่างก็มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Trudi Griffin, LPC, MS
ร่วมเขียน โดย:
ผู้ให้คำปรึกษามืออาชีพที่มีใบอนุญาต
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Trudi Griffin, LPC, MS. ทรูดี้ กริฟฟินเป็นผู้ให้คำปรึกษามืออาชีพที่มีใบอนุญาตในวิสคอนซิน เธอได้รับปริญญาโทด้านการให้คำปรึกษาเรื่องสุขภาพจิตจากมหาวิทยาลัยมาร์เกว็ตต์ในปี 2011 บทความนี้ถูกเข้าชม 12,565 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 12,565 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา