บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Monica Moreno, MS, RD, LD/N. โมนิกา โมเรโนเป็นนักโภชนาการที่ขึ้นทะเบียน และเป็นผู้ก่อตั้ง เจ้าของ รวมถึงหัวหน้านักโภชนาการของ Essence Nutrition ในไมอามี ฟลอริดา โมนิกาเชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาด้านโภชนาการและโปรแกรมเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีในโรงเรียนและองค์กร เธอได้ปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิตสาขาภาษาศาสตร์ ภาษาฝรั่งเศส และการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองจากมหาวิทยาลัยฟลอริดา และวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาการกำหนดอาหารและโภชนาการจากมหาวิทยาลัยนานาชาติแห่งฟลอริดา โมนิกาเป็นนักโภชนาการให้กับ Miami Marlins และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการรับเชิญให้แก่ Ocean Reef Resort and Club โมนิกาเป็นสมาชิกสถาบันโภชนาการและการกำหนดอาหาร กลุ่มผู้ประกอบการด้านโภชนาการและการกำหนดอาหาร กลุ่มนักกำหนดอาหารด้านโภชนาการเชิงบูรณาการ สมาคมนักโภชนาการสำหรับนักกีฬามหาวิทยาลัยและนักกีฬามืออาชีพ และกลุ่มนักโภชนาการเพื่อการควบคุมน้ำหนัก เธอได้รับรางวัลนักธุรกิจหญิงแห่งปี 2020 สาขาการดูแลสุขภาพจากหอการค้าคอรัลเกเบิลส์
บทความนี้ถูกเข้าชม 7,801 ครั้ง
ไม่ว่าคุณจะบดเนื้อสัตว์เพื่อทำอาหารให้ทารกหรือเพื่อเป็นส่วนผสมของอาหารอ่อนก็ตาม จุดประสงค์ก็คือการที่เนื้อสัตว์บดนั้นผสมเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน เนื้อสัตว์บดที่มีลักษณะเหมือนแป้งเปียกหรือที่จับตัวเป็นก้อนๆ นั้นไม่ได้ดูน่ากินเลย แม้ว่าจะเป็นเนื้อบดสำหรับเด็กทารกก็ตาม เคล็ดลับคือคุณต้องนำเนื้อที่ปรุงสุกแล้วไปแช่เย็น จากนั้นก็บดเนื้อทั้งๆ ที่ยังเย็นอยู่นั่นแหละ นอกจากนี้การเติมน้ำลงไปก็จะทำให้เนื้อสัตว์บดออกมาดูหน้าตาน่าทานมากขึ้นด้วยล่ะ
ขั้นตอน
- เลือกชิ้นเนื้อที่นุ่ม ไม่เหนียว เคี้ยวง่าย. ยิ่งคุณเลือกใช้เนื้อที่เหนียวน้อยเท่าไหร่ เนื้อสัตว์บดก็จะมีเนื้อเนียนและรสชาติดีมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าคุณจะบดเนื้อวัว เนื้อไก่ เนื้อหมู หรือเนื้อแกะ คุณควรจะเลือกชิ้นเนื้อนุ่มที่จะไม่เหนียวเมื่อปรุงสุกแล้ว [1]
- ชิ้นเนื้อวัวซึ่งมีราคาถูกที่สุดก็มักจะเหนียวที่สุดเช่นกัน ดังนั้นลองเลือกใช้ชิ้นเนื้อเกรดดีๆอย่างเนื้อท็อปเซอร์ลอยน์ดูสิ ซึ่งเนื้อชนิดนี้เป็นเนื้อสันนอกคุณภาพดี
- ส่วนเนื้อไก่ คุณจะซื้อเนื้อไม่มีกระดูกหรือเนื้อติดกระดูกก็ได้ ถ้าคุณซื้อเนื้อติดกระดูก คุณก็ต้องดูให้แน่ใจนะว่าไม่มีเศษกระดูกปนอยู่ในเนื้อบด
- ปรุงเนื้อให้สุกอย่างช้าๆ โดยเปิดไฟเบา. วิธีการปรุงช้าๆ ใช้ไฟเบาๆ จะทำให้เนื้อไม่เสียรสชาติ ไม่แห้ง และยังทำให้บดง่ายขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะใช้เนื้อสัตว์ชนิดใดก็ตาม คุณควรปรุงช้าๆโดยการเปิดไฟเบา เพื่อให้ได้เนื้อบดที่ออกมาหน้าตาดูน่ากินมากที่สุด วิธีที่ได้ผลก็เช่น:
- เคี่ยว
- ใช้หม้อตุ๋น
- ต้ม
- ตรวจดูให้แน่ใจว่าเนื้อปรุงสุกอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม. ก่อนที่คุณจะบดเนื้อสัตว์ เนื้อสัตว์นั้นจะต้องได้รับการปรุงสุกมาแล้ว เมื่อเนื้อสัตว์สุกแล้ว ตรวจให้แน่ใจว่าอุณหภูมิภายในเนื้อสัตว์นั้นถูกต้องแล้วหรือยัง นี่เป็นตัวเลขอุณหภูมิที่ถูกต้องของเนื้อสัตว์แต่ละชนิด:[2]
- เนื้อไก่: 74 องศาเซลเซียส
- เนื้อหมู: 71 องศาเซลเซียส
- เนื้อวัว: 63 องศาเซลเซียส
- เนื้อแกะ: 63 องศาเซลเซียส
- แช่เนื้อสัตว์ให้เย็นอย่างทั่วถึง. หลังจากปรุงเนื้อสัตว์สุกแล้ว ให้แช่เนื้อสัตว์ในตู้เย็นไว้อย่างต่ำ 2 ชั่วโมง เนื้อสัตว์ควรจะเย็นอย่างทั่วถึงก่อนที่จะเอาไปบด เนื้อสัตว์ที่นำไปแช่เย็นเมื่อนำไปบดแล้วจะละเอียดเป็นเนื้อเนียนกว่าเนื้อสัตว์ที่ไม่ได้แช่เย็น
- หั่นเนื้อสัตว์เป็นชิ้นๆ ขนาด 1 นิ้ว. นำเนื้อสัตว์ออกมาจากตู้เย็นและหั่นเป็นชิ้นๆ เป็นขนาดที่จะใส่ลงไปในเครื่องบดอาหารได้สะดวกโฆษณา
- นำเนื้อสัตว์ที่อยู่ในชามใส่ลงไปในเครื่องบดอาหาร. ถ้าคุณไม่มีเครื่องบดอาหาร จะใช้เครื่องปั่นแทนก็ได้ แต่เนื้อสัตว์ที่บดโดยเครื่องปั่นจะไม่เนียนเป็นเนื้อเดียวกันเท่ากับเนื้อสัตว์ที่บดโดยใช้เครื่องบดอาหาร
- ปั่นเนื้อสัตว์จนละเอียดเป็นผง. คำว่า “ผง” อาจจะฟังดูขัดหูเมื่อนำมาใช้อธิบายลักษณะเนื้อสัตว์ แต่นั่นแหละ การบดเนื้อสัตว์ที่แช่เย็นก็จะได้ผลลัพธ์คือเนื้อสัตว์จะเริ่มละเอียดเหมือนผง ปั่นต่อไปจนกระทั่งเนื้อบดละเอียดเหมือนกับเม็ดทราย[3]
- เติมน้ำและปั่นต่อไปเรื่อยๆ. คุณต้องเติมน้ำลงไปเพื่อให้เนื้อสัตว์ไม่เกาะตัวและคลุกเคล้าเป็นเนื้อเดียวกัน โดยเติมน้ำ 1/4 ถ้วยต่อเนื้อสัตว์ 1 ถ้วย ไม่ว่าคุณจะบดเนื้อสัตว์ชนิดใดก็ตาม ให้คุณเลือกเติมจากน้ำดังต่อไปนี้::[4]
- น้ำซุปที่เราได้จากขั้นตอนการปรุงเนื้อให้สุก
- น้ำซุปเนื้อสัตว์ที่ไม่มีโซเดียม
- น้ำเปล่า
- เก็บเนื้อสัตว์บดในตู้เย็น. หลังจากที่ได้เนื้อสัตว์บดที่ละเอียดจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว ให้ตักใส่กล่องบรรจุอาหารที่มีฝาปิดแน่นหนา และเก็บไว้ในตู้เย็นจนกว่าจะใช้ คุณสามารถเก็บเนื้อสัตว์ในตู้เย็นไว้ใช้ได้ 3-4 วัน
- คุณสามารถนำเนื้อสัตว์บดไปเก็บในช่องแช่แข็งไว้ใช้ทีหลังได้หากต้องการ แต่ต้องแน่ใจว่าภาชนะที่เก็บเนื้อสัตว์บดเป็นกล่องบรรจุอาหารสำหรับแช่แข็ง
- ก่อนนำมารับประทาน ให้เอาเนื้อบดออกมาวางในที่ที่มีอุณหภูมิห้องหรืออุ่นด้วยไมโครเวฟ
โฆษณา
- นำมาผสมกับผักบดให้เด็กทารกทาน. คุณสามารถทำอาหารสำหรับเด็กอ่อนได้โดยนำผักบดมาผสมกับเนื้อสัตว์บด เพื่อเพิ่มรสชาติและเนื้อของอาหาร ลองผสมรวมตามสูตรด้านล่างนี้ดูสิ:
- ไก่บดผสมกับแครอทบด
- เนื้อวัวบดผสมกับถั่วลันเตาบด
- หมูบดผสมกับแอปเปิลบด
- ควรเพิ่มรสชาติให้เนื้อบดสักหน่อย ถ้าผู้ใหญ่เป็นคนทาน. สำหรับอาหารเด็กอ่อน คุณไม่จำเป็นต้องปรุงรสชาติด้วยการเติมเกลือหรือเครื่องปรุงรสอื่น แต่สำหรับผู้ใหญ่นั้น พวกเขาอาจจะรู้สึกว่าเนื้อบดจะน่าทานกว่าถ้าคุณเติมเกลือนิดหน่อยและเครื่องปรุงรสต่างๆ ลงไป โดยเติมเกลือ 1/4 ช้อนชาและเครื่องปรุงที่คุณเลือก 1/2 ช้อนชาต่อเนื้อสัตว์บดไม่ว่าจะเป็นเนื้ออะไรก็ตาม 1 ถ้วย
- ทำอาหารบดที่มีชิ้นเนื้อสัตว์ปนบ้าง. ถ้าลูกน้อยของคุณเริ่มโตขึ้นและสามารถเคี้ยวชิ้นเนื้อที่ใหญ่ขึ้นได้แล้ว คุณไม่ต้องบดเนื้อสัตว์ให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกันไปเสียทั้งหมดก็ได้ แทนที่จะบดเนื้อสัตว์จนเนียนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน ให้คุณหยุดบดตอนที่ยังมีชิ้นเนื้อเหลืออยู่บ้าง หรืออีกทางเลือกหนึ่ง คุณอาจจะเติมผักที่ปรุงสุกเป็นชิ้นๆ ในเนื้อสัตว์บดเนียนก็ได้โฆษณา
เคล็ดลับ
- คุณอาจจะลองใส่ขนมปังสักชิ้นหนึ่งไปปั่นกับเนื้อสัตว์บดที่อยู่ในเครื่องบดอาหารเพื่อทำให้เนื้อบดเนียนเป็นเนื้อเดียวกันมากขึ้น หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือลองใส่มันบด 1 ช้อนโต๊ะ (20 กรัม) ลงไปด้วยก็ได้
- คุณอาจจะบดเนื้อสัตว์กระป๋อง เช่น ปลาทูน่าหรือแซลมอน ด้วยการใส่มายองเนส 1 ช้อนโต๊ะ (24 กรัม)
- คุณสามารถปรุงเนื้อสัตว์เพื่อเพิ่มรสชาติสักเล็กน้อย ก่อนจะใส่ในหม้อตุ๋นได้เสมอ
- คุณไม่จำเป็นต้องปรุงเนื้อสัตว์กระป๋องให้สุกก่อนจะนำไปบดนะ
- อย่าใช้หม้อตุ๋นกับเนื้อปลา ให้คุณอบเนื้อปลาในเตาอบหรืออุ่นในไมโครเวฟแทนการใช้หม้อตุ๋น ก่อนที่จะบดเนื้อปลา
คำเตือน
- ถ้าคุณกำลังเตรียมเนื้อบดให้ลูกตัวน้อยแล้วล่ะก็ ควรใช้ผักอินทรีย์ที่ปลอดสารเคมี และต้องมั่นใจว่าพื้นที่บริเวณครัวและอุปกรณ์ใช้ทำอาหารของคุณสะอาดมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการที่จะทำให้ลูกน้อยของคุณป่วยเพราะอาหารเป็นพิษ
- คุณต้องปรุงเนื้อสัตว์ทั้งหมดให้สุกทั่วถึงก่อนจะนำไปบด
สิ่งของที่ใช้
- เนื้อสัตว์
- เขียง
- มีดหั่น
- ทัพพีโปร่ง
- หม้อตุ๋น
- เครื่องบดอาหารหรือเครื่องปั่น
ข้อมูลอ้างอิง
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.