วิธีการ กำจัดกลิ่นเท้า

คุณเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาหนักใจกับกลิ่นเท้าเหม็นๆของตัวเองหรือไม่ เวลาคุณเดินผ่านผู้คน พวกเขาถอยห่างคุณหรือไม่ แล้วสุนัขของคุณก็ไม่กล้าแทะรองเท้าคุณด้วยหรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้นเรามีคำแนะนำในการลดกลิ่นเท้าเหม็นๆมาฝาก!

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 3:

ทำความสะอาดเท้า

ดาวน์โหลดบทความ

ถึงแม้ว่าจะฟังดูตรงตัว แต่การขัดเท้าเร็วๆ ด้วยน้ำสบู่เวลาอาบน้ำนั้นยังไม่พอ จุดประสงค์หลักก็คือกำจัดเชื้อแบคทีเรียและเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งเป็นแหล่งอาหารของแบคทีเรีย ดังนั้นเมื่อคุณล้างเท้า ให้ขัดเท้าของคุณทั้งเท้าด้วยผ้า แปรง หรือ วิธีการขัดเท้าใดๆ ก็ได้ ร่วมกับการใช้สบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แล้วก็อย่าลืมขัดบริเวณซอกนิ้วเท้าด้วยนะ
เมื่อคุณเช็ดเท้าคุณควรเช็ดให้แห้งสนิท ความชื้นจากน้ำหรือเหงื่อก็ตามเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียอย่างดี ดังนั้นคุณควรจะเช็ดเท้าให้แห้งสนิทเรียบร้อย และอย่าละเลยบริเวณซอกนิ้วเท้าด้วยนะ
อาจจะฟังดูแปลกแต่เจลทำความสะอาดมือที่มีกลิ่นหอม (หรือไม่มีกลิ่นก็ตาม) สามารถฆ่าเชื้อโรคบริเวณเท้าและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียได้
4
ใช้สารระงับเหงื่อ. สารระงับเหงื่อประเภทเดียวกับที่ใช้ใต้วงแขนก็สามารถใช้กับบริเวณเท้าได้ แต่ต้องมั่นใจนะว่าซื้อสารระงับเหงื่อแต่ละแท่งแล้วแยกใช้กับแต่ละบริเวณ ทาสารระงับเหงื่อบริเวณเท้าที่แห้งสะอาดตอนกลางคืนแล้วจึงสวมถุงเท้าและรองเท้าตามปกติในเช้าวันถัดไป ^{[1]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} การทำแบบนี้จะช่วยทำให้เท้าแห้งสะอาดสดชื่นในระหว่างวัน
- สารระงับเหงื่อจะทำปฏิกิริยากับอิเล็กโทรไลท์ในเหงื่อของเราและเกิดเป็น "เจล ปลั๊ก" ซึ่งจะระงับการทำงานของต่อมเหงื่อ และเนื่องจากเท้าเราแต่ละข้างมีต่อมเหงื่อมากกว่า 250,000 ต่อม^{[2]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} (มีต่อมเหงื่อต่อตารางนิ้วมากกว่าบริเวณอื่นๆของร่างกาย) ดังนั้นใช้สารระงับเหงื่อเพียงเล็กน้อยก็สามารถอยู่ได้ทั้งวัน
- อย่าใช้สารระงับเหงื่อทันที่ก่อนที่จะสวมรองเท้าออกไปข้างนอก เพราะเท้าคุณอาจจะลื่นได้
5
นำน้ำส้มสายชูธรรมดากับไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์มาผสมกันอย่างละครึ่ง. ใช้หลอดหยด หยดสารละลายนี้ทุกวันบริเวณซอกเท้าและผิวหนังที่คันแล้วทาให้ทั่ว ส่วนผสมทั้ง 2 ชนิดนี้ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง น้ำส้มสายชูสามารถฆ่าเชื้อรา ส่วนแอลกอฮอล์ยับยั้งหรือกำจัดเชื้อแบคทีเรียได้ นอกจากนี้ยังช่วยกำจัดเชื้อราที่เล็บได้
- คุณสามารถแช่เท้าในสารละลายน้ำส้มสายชูผสมน้ำอย่างละครึ่งเพื่อขจัดกลิ่นเท้าได้ หรือจะใช้เบคกิ้งโซดาซักเล็กน้อยพร้อมกับหยดน้ำมันไทม์ สารทั้ง 2 ชนิดนี้ก็สามารถช่วยกำจัดกลิ่นเท้าได้เช่นกัน^{[3]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
6
ทาเท้าด้วยแป้งหนึ่งชนิดหรือมากกว่าหนึ่งชนิดดังต่อไปนี้. ทาบริเวณซอกนิ้วเท้าด้วยเช่นกัน นี่คือสิ่งที่แป้งโรยเท้าและสเปรย์ระงับกลิ่นส่วนใหญ่มีเพื่อการระงับกลิ่นเท้า:
- แป้งทัลคัม. แป้งทัลคัมดูดความชื้นได้ ดังนั้นจึงทำให้เท้าแห้ง
- เบคกิ้งโซดา. เบคกิ้งโซดามีสภาพความเป็นด่างซึ่งไม่เป็นมิตรต่อเชื้อแบคทีเรีย
- แป้งข้าวโพด. แป้งข้าวโพดช่วยดูดซับเหงื่อได้
โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 3:

เพิ่มความสดชื่นให้กับสิ่งที่ใช้สวมเท้าของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ

1
สวมรองเท้าแตะหรือรองเท้าเปิดนิ้ว. สวมรองเท้าเปิดนิ้วจะทำให้เท้าคุณระบายอากาศได้ ซึ่งจะทำให้เท้าเย็นลงและทำให้เหงื่อออกเท้าน้อยลง หรือเมื่อคุณเหงื่อออก เหงื่อจะแห้งเร็วขึ้นเนื่องจากอากาศไหลเวียนผ่านเท้า
- ในช่วงหน้าหนาว สวมรองเท้าหนังหรือรองเท้าผ้าใบที่ทำให้เท้าของคุณได้ “หายใจ” เลี่ยงที่จะใส่รองเท้ายางหรือรองเท้าพลาสติก
2
เปลี่ยนถุงเท้าทุกวัน. ถุงเท้าดูดซับเหงื่อตอนที่คุณสวมใส่มัน และมันจะแห้งเมื่อคุณถอดถุงเท้าออก การสวมถุงเท้าที่สกปรกซ้ำสองจะทำให้เหงื่อระเหยออกมาอีกครั้งและส่งกลิ่นเหม็นได้ ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนถุงเท้าทุกวันโดยเฉพาะเมื่อเท้าคุณอาจจะมีเหงื่อออกมาก
- ถ้าคุณไม่ได้สวมรองเท้าแบบเปิด คุณควรสวมถุงเท้าด้วยตลอดเวลา พยายามเปลี่ยนถุงเท้าสองคู่เพื่อช่วยซับความชื้นออกจากเท้า
- เมื่อคุณซักถุงเท้า ให้กลับด้านถุงเท้าออกเพื่อให้เศษขี้ไคลหรือผิวหนังที่ตายแล้วหลุดออกขณะซักได้ง่ายขึ้น
- ใช้ถุงเท้าที่ทำจากคอตตอนหรือขนแกะที่ดูดซับความชื้นได้ดี. ถุงเท้าที่ไม่ดูดซับความชื้นเช่น ถุงเท้าไนล่อนจะทำให้ความชื้นไม่ระบายออกจากเท้า ซึ่งจะเป็นมุมเล็กๆ ที่ก่อให้เกิดเชื้อแบคทีเรียได้
โรยเบคกิ้งโซดาเล็กน้อยที่รองเท้าและถุงเท้าทุกวัน. ปัดเบคกิ้งโซดาที่เหลือจากเมื่อวานออก ก่อนที่จะโรยของใหม่แทนที่ เบคกิ้งโซดาจะดูดซับความชื้นและกลิ่นได้
ใช้ไม้ซีดาร์หรือกานพลูเพื่อเพิ่มกลิ่นสดชื่นในรองเท้า. ใส่เศษไม้ซีดาร์หรือกานพลูไว้ในรองเท้าสัก 2-3 วันเมื่อไม่จำเป็นต้องใส่รองเท้าคู่นั้นๆ จะทำให้กลิ่นหายไปได้หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน
5
พลิกรองเท้า. เพื่อให้รองเท้าแห้งสนิท แบคทีเรียจะได้ไม่อาศัยอยู่ในรองเท้า ใช้เวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงเพื่อให้รองเท้าแห้งสนิทจริงๆ
- เอาไส้รองเท้าออกเพื่อช่วยให้แห้งเร็วขึ้น. เพราะว่าการใส่รองเท้าคู่เดิมๆ ซ้ำๆ ในแต่ละวันจะทำให้เท้าเหม็นได้ ขยำหนังสือพิมพ์ใส่ไว้ในรองเท้าเปียกจะทำให้รองเท้าแห้งได้ภายในข้ามคืน
รองเท้าหลายคู่สามารถเอาเข้าเครื่องซักผ้าได้ แต่ต้องให้มั่นใจว่ารองเท้าแห้งสนิทแล้วก่อนสวมใส่อีกครั้ง
เมื่อคุณได้พัก ให้ถอดรองเท้าออกบ้างซึ่งจะช่วยให้รองเท้าและเท้าแห้งอยู่เสมอ
มีเครื่องเป่ารองเท้าและบู๊ทดีๆ และใช้ไฟน้อยๆ ที่ใช้กระแสลมหมุน เป่าให้รองเท้าชุ่มเหงื่อค่อยๆแห้งสนิทช้าๆ วางรองเท้าในเครื่องหลังจากหมดวันหรือหลังจากไปออกกำลังกายมา และค่อยนำรองเท้าที่แห้ง อุ่น สบายมาสวมใส่อีกครั้งหลังจากผ่านไปแล้ว 8 ชั่วโมง เครื่องเป่าจะกำจัดความชื้นที่ทำให้เกิดแบคทีเรียตัวการปล่อยกลิ่นเหม็นเจริญเติบโต และช่วยยืดอายุการใช้งานรองเท้าให้นานขึ้น
โฆษณา

วิธีการ 3

วิธีการ 3 ของ 3:

ใช้วิธีกำจัดกลิ่นจากสิ่งของในบ้าน

ดาวน์โหลดบทความ

1
ใช้สารฟอกขาว. เทสารฟอกขาว 2 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำอุ่น แช่เท้าในสารละลายนี้ประมาณ 5-10 นาที หนึ่งครั้งต่ออาทิตย์ ถ้าแช่แล้วรู้สึกผิวแห้ง ให้ทาด้วยเบบี้ออยล์เล็กน้อย^{[4]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ฟอกถุงเท้าขาวตอนซักแห้ง. ถ้ารองเท้าคุณทนได้ สามารถเทสารละลายข้างต้นในรองเท้าและปล่อยแช่ไว้ได้ รอประมาณครึ่งชั่วโมงและล้างด้วยน้ำเปล่าออก และทำให้รองเท้าแห้งสนิทก่อนที่จะสวมใส่อีกครั้ง
แช่ด้วยน้ำชา.แช่เท้าในน้ำชาประมาณ 30 นาที หนึ่งวันต่อสัปดาห์ สารแทนนินในชาจะทำให้ผิวคุณแห้ง ^{[5]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
ใส่เกลือโคเชอร์ครึ่งถ้วยตวงในน้ำทุกๆ 1 ลิตร หลังจากแช่เท้าเสร้จ ไม่ต้องล้างเท้า ให้เช็ดให้แห้งสนิทเลย ^{[6]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} ^{[7]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
อลูมินัม อะซิเตตจะช่วยทำให้เท้าแห้ง ใช้ Burow's Solution 2 ช้อนโต๊ะ (หาซื้อได้ตามร้านขายยา) กับ น้ำประมาณเกือบครึ่งลิตร แช่เท้าประมาณ 10-20นาที^{[7]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
เทเบคกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำ 1 ลิตร ^{[7]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} สารละลายจะทำให้ผิวหนังมีสภาพเป็นด่างมากขึ้นซึ่งจะยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
6
ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำ. ซึ่งจะทำให้ผิวหนังมีสภาพความเป็นกรดมากขึ้น โดยการผสมน้ำส้มสายชูครึ่งถ้วยกับน้ำทุกๆ 1 ลิตร^{[7]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- พึงระลึกไว้เสมอว่ากลิ่นเท้าของบางคน “เหม็นเปรี้ยว” ดังนั้นแช่เท้าในน้ำส้มสายชูอาจทำให้กลิ่นเท้าแย่หนักลง
เทแป้งเด็กหรือเบคกิ้งโซดาในรองเท้าและถุงเท้าเพื่อช่วยลดกลิ่นเท้าที่อาจเกิดได้ในอนาคต
8
ขัดเท้าด้วยหิมพัมมิซเป็นประจำทุกวัน. ซึ่งจะช่วยขจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วและป้องกันการเกิดเชื้อแบคทีเรีย
โฆษณา

เคล็ดลับ

ความเครียดอาจกระตุ้นให้เหงื่อออกมาก ซึ่งจะทำให้ทั้งเท้าและทั้งคุณเหม็นได้ในเวลาเดียวกัน
อย่าใส่แค่ถุงเท้าเดิน เพราะว่าจะทำให้ถุงเท้าติดแบคทืเรียตามทางได้ และเมื่อคุณสวมรองเท้ากลับอีกครั้งจะทำให้แบคทีเรียที่ติดมาเติบโตในรองเท้าที่อับชื้นได้
ตัดและขัดเล็บเท้าจะช่วยลดกลิ่นเท้าได้เช่นกัน
ลองใช้สารระงับกลิ่นจากธรรมชาติที่ทำจากผลึกสารส้ม สเปรย์สารส้มจะช่วยลดการเกิดแบคทีเรียได้
ถ้าเป็นไปได้ พกถุงเท้าติดมาเผื่อด้วย และเปลี่ยนถุงเท้าอย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน
อย่าสวมรองเท้าโดยไม่สวมถุงเท้าเด็ดขาด
ใช้แป้งโรยเท้าที่ทำมาจากแป้งข้าวโพดหรือแป้งอื่นๆ ที่ไม่มีส่วนประกอบของสารทัลค์

โฆษณา

คำเตือน

อย่าเป่ารองเท้าด้วยไดร์เป่าผม นำไปเข้าเตาอบ หรือ วางไว้บนกระจกหลังรถที่ร้อนอยู่ ความร้อนที่มากเกินไปจะทำให้หนังเสีย กาวและพลาสติกละลาย เราควรปล่อยให้รองเท้าแห้งช้าๆ เพื่อรักษาทรง ความยืดหยุ่นและความแข็งแรงรองเท้าไว้
ทัลค์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบในแป้งโรยเท้าอาจทำลายปอดได้ ถ้าสูดดมเข้าไปบ่อยๆ
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเท้า หรือแพทย์ถ้าคุณเป็นโรคเบาหวาน, โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย(PVD), โรคเส้นเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน(PAD), โรคปลายประสาทอักเสบ, หรือมีอาการบวมที่ส่วนปลายของกาย วิธีการแช่เท้าที่กล่าวมาข้างต้นอาจเป็นคำแนะนำที่ไม่เหมาะ และต้องได้รับการประเมินไปตามแต่ละกรณี ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนแช่เท้าถ้าคุณเป็นโรคข้างต้น
กลิ่นเท้าก็เป็นแค่เพียงกลิ่น แต่ถ้ามีอาการอื่นร่วมด้วยอาจเป็นโรคฮ่องกงฟุต โรคกลาก หรือติดเชื้อได้ ดังนั้นจึงควรไปพบแพทย์ เพื่อดูว่ามีหนอง แผลตกสะเก็ด อาการคัน หรือสัญญาณของโรคมะเร็งผิวหนัง หรือไม่

โฆษณา