วิธีการ ใช้เครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษอย่างถูกต้อง

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

เมื่อเข้าสู่ยุคอินเตอร์เน็ต ยุคของภาษาอินเตอร์เน็ตและยุคของการส่งข้อความ SMS เราอาจเริ่มลืมวิธีการใช้เครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษที่มีความสำคัญ คุณอยากเขียนเรียงความที่ดีสำหรับวิชาที่คุณเรียนหรือเขียนข้อเสนอที่ถูกขัดเกลาเป็นอย่างดีให้หัวหน้าของคุณหรือไม่? ถ้าใช่ การใช้เครื่องหมายวรรคตอนอย่างถูกต้องนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างยิ่ง บทความนี้จะเป็นการเรียนรู้วิธีใช้เครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษแบบเร่งรัด คุณสามารถเริ่มได้ทันทีโดยเริ่มจากขั้นตอนที่หนึ่ง!

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 8:

การใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่อย่างถูกต้อง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ขึ้นต้นประโยคด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่เสมอ.
    เว้นแต่ว่าคุณเป็นกวีล้ำยุค ถ้าไม่เช่นนั้นคุณต้องใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่กับตัวอักษรแรกของประโยคไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม โดยปกติตัวอักษรพิมพ์ใหญ่เป็นตัวอักษรที่ใหญ่กว่าของตัวอักษรหนึ่งๆ เท่านั้น แต่ก็มีข้อแม้อยู่บ้าง (เช่น ตัวอักษร “q” และ “Q” เมื่อเขียนแบบตัวเขียน)
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่เมื่อขึ้นต้นประโยคอย่างถูกต้อง:

      She invited her friend over after school.

  2. How.com.vn ไท: Step 2 ใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ขึ้นต้นชื่อเฉพาะและชื่อเรื่อง....
    ใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ขึ้นต้นชื่อเฉพาะและชื่อเรื่อง. นอกจากตัวอักษรพิมพ์ใหญ่จะใช้เมื่อขึ้นต้นประโยคแล้ว ยังใช้ขึ้นต้นชื่อเฉพาะและชื่อเรื่องชื่อเฉพาะเป็นชื่อเรียกคน สถานที่และสิ่งอย่างเฉพาะเจาะจง ชื่อเรื่องเป็นส่วนหนึ่งของคำเฉพาะใช้เรียกชื่อผลงาน เช่น หนังสือ ภาพยนตร์ ละคร ฯลฯ และใช้เรียกชื่อสถาบัน พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ และอื่นๆ อีกมาก ชื่อเรียกยังหมายถึงคำนำหน้าชื่ออีกด้วย (Her Majesty, Mr. President, ฯลฯ)
    • ถ้าชื่อเรื่องหรือชื่อเฉพาะประกอบด้วยคำมากกว่าหนึ่งคำ ต้องขึ้นต้นแต่ละคำด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ ยกเว้นคำที่ใช้ตัวพิมพ์เล็กและคำนำหน้านาม เช่น “the,” “an,” “and,” ฯลฯ แต่คำแรกของชื่อเรียกจะต้องเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ไม่ว่าจะเป็นคำประเภทใดก็ตาม
    • ต่อนี้เป็นตัวอย่างการใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่กับชื่อเฉพาะและชื่อเรื่อง:

      Genghis Khan quickly became the most powerful man in Asia, if not the world.

      In her opinion, Queen Roberta's favorite museum in the world is the Smithsonian, which she visited during her trip to Washington, D.C., last year.

  3. How.com.vn ไท: Step 3 ใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่กับคำย่อ.
    คำย่อประกอบด้วยตัวอักษรแรกของแต่ละคำในชื่อเฉพาะหรือชื่อเรื่อง คำย่อมักใช้เพื่อกระชับชื่อเฉพาะที่ยาวให้สั้นขึ้น ชื่อที่ยาวสร้างความลำบากเมื่อต้องเขียนชื่อเต็มทุกครั้งที่ถูกกล่าวถึง บางครั้งคำย่อถูกคั่นด้วยเครื่องหมายมหัพภาค (จุด)
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างคำย่อที่ประกอบด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่:

      The CIA and the NSA are just two of the USA's many intelligence agencies.

    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 8:

การใช้เครื่องหมายวรรคตอนจบประโยค

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ใช้เครื่องหมายฟูลสต็อปเพื่อจบประโยคบอกเล่า.ทุกประโยคจะต้องเครื่องหมายวรรคตอนอย่างน้อยหนึ่งเครื่องหมายคือเครื่องหมายวรรคตอนท้ายประโยค เครื่องหมายวรรคตอนท้ายประโยคที่ใช้บ่อยมากที่สุดคือเครื่องหมายฟูลสต็อป (“.”...
    ใช้เครื่องหมายฟูลสต็อปเพื่อจบประโยคบอกเล่า.ทุกประโยคจะต้องเครื่องหมายวรรคตอนอย่างน้อยหนึ่งเครื่องหมายคือเครื่องหมายวรรคตอนท้ายประโยค เครื่องหมายวรรคตอนท้ายประโยคที่ใช้บ่อยมากที่สุดคือเครื่องหมายฟูลสต็อป (“.”) จุดเล็กๆ นี้ใช้สำหรับจบ “ประโยคบอกเล่า” โดยส่วนใหญ่ประโยคที่พบมักเป็นประโยคประเภทดังกล่าวซึ่งก็คือประโยคใดๆ ที่บอกเล่าหรือกล่าวถึงข้อเท็จจริง อธิบายหรือบรรยายแนวคิด
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้เครื่องหมายฟูลสต็อปท้ายประโยคอย่างถูกต้อง:

      The accessibility of the computer has increased tremendously over the past several years.

  2. How.com.vn ไท: Step 2 ใช้เครื่องหมายปรัศนีในการจบประโยคคำถาม.
    เครื่องหมายปรัศนีหรือเครื่องหมายคำถาม ("?") ซึ่งใช้จบประโยคมีหน้าที่แสดงว่าประโยคนั้นเป็นประโยคคำถาม ให้ใช้เครื่องหมายปรัศนีจบประโยคคำถาม ข้อสงสัยและการสอบถาม
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้เครื่องหมายปรัศนีท้ายประโยคอย่างถูกต้อง:

      What has humanity done about the growing concern of global warming?

  3. How.com.vn ไท: Step 3 ใช้เครื่องหมายอัศเจรีย์จบประโยคอุทาน.
    เครื่องหมายอัศเจรีย์ (“!” หรือ “เครื่องหมายตกใจ”) แสดงถึงความตื่นเต้นหรือการเน้นประโยคที่อยู่ก่อนหน้า เครื่องหมายอัศเจรีย์ใช้จบประโยคอุทานหรือคำสั้นๆ ที่แสดงอารมณ์แรงกล้า
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้เครื่องหมายอัศเจรีย์ท้ายประโยคอย่างถูกต้อง:

      I can't believe how difficult the exam was!

      Eek! You scared me!

    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 8:

การใช้เครื่องหมายคอมม่า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ใช้เครื่องหมายคอมม่าเพื่อแสดงการแทรกประโยค....
    ใช้เครื่องหมายคอมม่าเพื่อแสดงการแทรกประโยค. เครื่องหมายคอมม่า (",") เป็นเครื่องหมายสารพัดประโยชน์ มีประโยคตัวอย่างมากมายที่ต้องใช้เครื่องหมายคอมม่า เครื่องหมายคอมม่าใช้บ่อยสุดน่าจะเป็นการใช้เพื่อแสดงถึงการแทรกอนุประโยคในประโยคหลักเพื่อเพิ่มสารหรือข้อมูล
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้เครื่องหมายคอมม่าเพื่อแทรกประโยค:

      Bill Gates, CEO of Microsoft, is the developer of the operating system known as Windows.

  2. How.com.vn ไท: Step 2 ใช้เครื่องหมายคอมม่าเมื่อกล่าวถึงรายการ.
    การใช้เครื่องหมายคอมม่าที่ใช้บ่อยอีกประการหนึ่งคือใช้แยกรายการที่เรียงเป็นลำดับ โดยปกติเครื่องหมายคอมม่าจะใช้คั่นระหว่างรายการแต่ละรายการและระหว่างรายการที่สองจากท้ายกับคำสันธาน (คำเชื่อม)
    • อย่างไรก็ตาม นักเขียนหลายคนไม่เติมเครื่องหมายคอมม่าหน้าคำสันธาน (เรียกว่า “Serial comma” หรือ “Oxford comma”) เพราะคำสันธาน เช่น “and” ช่วยแยกรายการได้อย่างชัดเจนโดยที่มีหรือไม่มีเครื่องหมายคอมม่า
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้เครื่องหมายคอมม่ากับรายการ โดยหนึ่งในตัวอย่างเป็น “Oxford comma” และอีกตัวอย่างไม่มีเครื่องหมายคอมม่า:

      The fruit basket contained apples, bananas, and oranges.

      The computer store was filled with video games, computer hardware and other electronic paraphernalia.

  3. How.com.vn ไท: Step 3 ใช้เครื่องหมายคอมม่าเพื่อแยกคำวิเศษตั้งแต่สองคำขึ้นไปที่ขยายคำนาม.บางครั้งคำวิเศษถูกนำมาใช้ต่อกันหลายคำเพื่ออธิบายลักษณะต่างๆ ของสิ่งๆ หนึ่ง...
    ใช้เครื่องหมายคอมม่าเพื่อแยกคำวิเศษตั้งแต่สองคำขึ้นไปที่ขยายคำนาม.บางครั้งคำวิเศษถูกนำมาใช้ต่อกันหลายคำเพื่ออธิบายลักษณะต่างๆ ของสิ่งๆ หนึ่ง การใช้เครื่องหมายแบบนี้คล้ายกับการใช้เครื่องหมายคอมม่าเพื่อแยกรายการ แต่มีข้อแตกต่างอย่างหนึ่งคือการเติมเครื่องหมายคอมม่าหลังคำวิเศษคำสุดท้ายนั้น “ผิด”
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้เครื่องหมายคอมม่าเพื่อแยกคำวิเศษอย่างถูกวิธีและผิดวิธี:

      ถูก - The powerful, resonating sound caught our attention.

      ผิด - The powerful, resonating, sound caught our attention.

  4. How.com.vn ไท: Step 4 ใช้เครื่องหมายคอมม่าเพื่อแยกตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์....
    ใช้เครื่องหมายคอมม่าเพื่อแยกตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์. สถานที่หรือพื้นที่ทางภูมิศาสตร์จะเขียนรายละเอียดที่อยู่โดยเริ่มจากหน่วยที่เจาะจงที่สุดไปหน่วยที่กว้างกว่า เช่น คุณอาจกล่าวถึงเมืองๆ หนึ่งโดยการเขียนชื่อเมืองนั้นๆ แล้วตามด้วยจังหวัดและประเทศ โดยชื่อที่อยู่แต่ละชื่อจะตามด้วยเครื่องหมายคอมม่า และอย่าลืมว่าต้องใส่เครื่องหมายคอมม่าหลังที่อยู่หากมีประโยคต่อท้าย
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้เครื่องหมายคอมม่าอย่างถูกต้องเมื่อกล่าวถึงที่อยู่ทางภูมิศาสตร์:

      I am originally from Hola, Tana River County, Kenya.

      Los Angeles, CA, is one of the largest cities in the United States.

  5. How.com.vn ไท: Step 5 ใช้เครื่องหมายคอมม่าเพื่อแยกวลีเกริ่นนำจากทั้งประโยค....
    ใช้เครื่องหมายคอมม่าเพื่อแยกวลีเกริ่นนำจากทั้งประโยค. วลีเกริ่นนำ (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบุพบทวลีหนึ่งวลีหรือมากกว่า) จะเกริ่นนำเข้าประโยคและบอกบริบท แต่ไม่ได้เป็นประธานหรือภาคแสดงของประโยค ดังนั้นวลีเกริ่นนำจึงควรถูกแยกจากประโยคหลักด้วยคอมม่า
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้คอมม่าแยกวลีเกริ่นนำจากประโยคหลัก:

      After the show, John and I went out to dinner.

      On the back of my couch, my cat's claws have slowly been carving a large hole.

  6. How.com.vn ไท: Step 6 ใช้เครื่องหมายคอมม่าแยกประโยคหลักสองประโยค....
    ใช้เครื่องหมายคอมม่าแยกประโยคหลักสองประโยค. การมีประโยคหลักสองประโยครวมกันเป็นหนึ่งประโยคหมายความว่าประโยคดังกล่าวสามารถแยกออกมาเป็นสองประโยคได้โดยใจความไม่เปลี่ยน ถ้าประโยคหนึ่งๆ มีประโยคหลักสองประโยคที่ถูกแยกด้วยคำสันธาน (เช่น and, as, but, for, nor, so, หรือ yet) ให้วางคอมม่าหน้าคำวิเศษ
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างประโยคที่มีประโยคหลักสองประโยค:

      Ryan went to the beach yesterday, but he forgot his sunscreen.

      Water bills usually rise during the summer, as people are thirstier during hot and humid days.

  7. How.com.vn ไท: Step 7 ใช้เครื่องหมายคอมม่าเมื่อเรียกขานชื่อโดยตรง....
    ใช้เครื่องหมายคอมม่าเมื่อเรียกขานชื่อโดยตรง. เมื่อเรียกชื่อบุคคลเพื่อเรียกร้องความสนใจที่ต้นประโยค ให้แยกชื่อบุคคลออกจากประโยคด้วยคอมม่า แต่การใช้คอมม่าในกรณีนี้พบได้น้อยมากในการเขียนเพราะมักจะใช้เฉพาะกับการพูดเท่านั้น ในการเขียนผู้เขียนมักใช้วิธีอื่นเพื่อบอกว่าใครกับพูดกับใครมากกว่า
    • ต่อไปนี้เป็นประโยคการเรียกขานชื่อโดยตรง:

      Amber, could you come here for a moment?

  8. How.com.vn ไท: Step 8 ใช้เครื่องหมายคอมม่าเพื่อแยกประโยคอ้างอิงโดยตรงจากประโยคหลัก....
    ใช้เครื่องหมายคอมม่าเพื่อแยกประโยคอ้างอิงโดยตรงจากประโยคหลัก. คอมม่าควรอยู่หลังคำสุดท้ายของประโยคอ้างอิงแต่อยู่หน้าเครื่องหมายอัญประกาศซึ่งคั่นระหว่างประโยคอ้างอิงและประโยคหลักที่ช่วยขยายและอธิบายประโยคอ้างอิง ในทางกลับกัน การใช้เครื่องหมายคอมม่ากับประโยคอ้างอิงโดยอ้อมนั้น “ไม่” จำเป็น กล่าวคือคุณใช้วิธีถอดความแทนการยกประโยคที่อ้างอิงมาทั้งประโยค นอกจากนี้ คุณไม่จำเป็นต้องเติมคอมม่าถ้าคุณอ้างอิงเพียงไม่กี่คำและไม่ได้ยกประโยคมาทั้งประโยค
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างประโยคอ้างอิงโดยตรงที่ต้องใช้คอมม่า:

      While I was at his house, John asked, "Do you want anything to eat?"

    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างประโยคอ้างอิงโดยอ้อมที่ไม่ต้องใช้คอมม่า:

      While I was at his house, John asked me if I wanted anything to eat.

    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างประโยคอ้างอิงโดยตรงแค่ “บางส่วน” เพราะความสั้นของคำที่นำมาอ้างอิงและการนำมาใช้ในประโยคซึ่งไม่ต้องใช้คอมม่า:

      According to the client, the lawyer was "lazy and incompetent."

    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 8:

การใช้เครื่องหมายโคลอนและเซมิโคลอน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ใช้เซมิโคลอนเพื่อแยกอนุประโยคสองประโยคที่เกี่ยวเนื่องกัน.การใช้เซมิดคอนที่ถูกต้องนั้นคล้ายกับการใช้เครื่องหมายฟูลสต็อปแต่ก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว เซมิโคลอนบ่งบอกถึงการจบอนุประโยคหนึ่งและต่อด้วยอีกอนุประโยคหนึ่งที่อยู่ในประโยคเดียวกัน แต่ถ้าอนุประโยคทั้งสองประโยคนั้นซับซ้อนและยาวควรใช้เครื่องหมายฟูลสต็อปแทน...
    ใช้เซมิโคลอนเพื่อแยกอนุประโยคสองประโยคที่เกี่ยวเนื่องกัน.การใช้เซมิดคอนที่ถูกต้องนั้นคล้ายกับการใช้เครื่องหมายฟูลสต็อปแต่ก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว เซมิโคลอนบ่งบอกถึงการจบอนุประโยคหนึ่งและต่อด้วยอีกอนุประโยคหนึ่งที่อยู่ในประโยคเดียวกัน แต่ถ้าอนุประโยคทั้งสองประโยคนั้นซับซ้อนและยาวควรใช้เครื่องหมายฟูลสต็อปแทน
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้เซมิโคลอนอย่างถูกต้อง:

      People continue to worry about the future; our failure to conserve resources has put the world at risk.

  2. How.com.vn ไท: Step 2 ใช้เซมิโคล่อนเพื่อแยกรายการที่ซับซ้อน.โดยปกติ การเขียนรายการจะถูกแยกด้วยคอมม่าแต่รายการที่ต้องการการอธิบายหรือขยายความจะใช้เซมิโคลอนประกอบคอมม่าเพื่อช่วยไม่ให้ผู้อ่านเกิดความสับสน ให้ใช้เซมิดคลอนเพื่อแยกรายการหนึ่งๆ...
    ใช้เซมิโคล่อนเพื่อแยกรายการที่ซับซ้อน.โดยปกติ การเขียนรายการจะถูกแยกด้วยคอมม่าแต่รายการที่ต้องการการอธิบายหรือขยายความจะใช้เซมิโคลอนประกอบคอมม่าเพื่อช่วยไม่ให้ผู้อ่านเกิดความสับสน ให้ใช้เซมิดคลอนเพื่อแยกรายการหนึ่งๆ พร้อมความขยายออกจากรายการอื่น และใช้คอมม่าเพื่อแยกรายการและความขยายออกจากกัน
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้เครื่องหมายเซมิโคลอนกับรายการที่อาจสร้างความคลุมเครือ:

      I went to the show with Jake, my close friend; his friend, Jane; and her best friend, Jenna.

  3. How.com.vn ไท: Step 3 ใช้เครื่องหมายโคลอนเพื่อเริ่มการนำเสนอรายการ.อย่างไรก็ตาม ต้องระวังอย่าใช้โคลอนเมื่อประโยคนั้นมีใจความที่ต้องกล่าวถึงรายการ ประโยคที่มีรายการทั้งแบบที่ใช้และไม่ใช่โคลอนนั้นคล้ายกันแต่แตกต่างกัน...
    ใช้เครื่องหมายโคลอนเพื่อเริ่มการนำเสนอรายการ.อย่างไรก็ตาม ต้องระวังอย่าใช้โคลอนเมื่อประโยคนั้นมีใจความที่ต้องกล่าวถึงรายการ ประโยคที่มีรายการทั้งแบบที่ใช้และไม่ใช่โคลอนนั้นคล้ายกันแต่แตกต่างกัน โดยปกติ คำว่า “following” หรือ “below” จะช่วยบ่งบอกถึงการใช้โคลอน เติมโคลอนที่ท้ายประโยคที่สมบูรณ์ซึ่งจบด้วยคำนามเท่านั้น
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้เครื่องหมายโคลอนที่ถูกต้องในกรณีนี้:

      The professor has given me three options: to retake the exam, to accept the extra credit assignment, or to fail the class.

    • ในทางกลับกัน ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้เครื่องหมายโคลอนที่ผิด::

      The Easter basket contained: Easter eggs, chocolate rabbits, and other candy.

  4. How.com.vn ไท: Step 4 ใช้โคลอนเพื่อเสนอความคิดหรือตัวอย่างใหม่.สามารถใช้เครื่องหมายโคลอนหลังวลีขยายหรือคำอธิบายเพื่อบ่งบอกว่าสิ่งที่อยู่ถัดจากนี้เป็นสิ่งที่ถูกอธิบายหรือขยายความ ให้ลองคิดว่าเป็นการ “นำเสนอรายการที่มีเพียงหนึ่งรายการ”...
    ใช้โคลอนเพื่อเสนอความคิดหรือตัวอย่างใหม่.สามารถใช้เครื่องหมายโคลอนหลังวลีขยายหรือคำอธิบายเพื่อบ่งบอกว่าสิ่งที่อยู่ถัดจากนี้เป็นสิ่งที่ถูกอธิบายหรือขยายความ ให้ลองคิดว่าเป็นการ “นำเสนอรายการที่มีเพียงหนึ่งรายการ”
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้เครื่องหมายโคลอนที่ถูกต้องในกรณีนี้:

      There's only one person old enough to remember that wedding: grandma.

  5. How.com.vn ไท: Step 5 ใช้โคลอนเพื่อแยกชื่อเรื่อง.
    ผลงานบางชิ้น โดยเฉพาะหนังสือและภาพยนตร์ อาจมีชื่อเรื่องที่ยาวหรือมีชื่อย่อย ในกรณีเช่นนี้ ชื่อที่ตามมาจากชื่อแรกจะเรียกว่า “ชื่อย่อย” ให้ใช้โคลอนเพื่อแบ่งชื่อหลักและชื่อย่อยออกจากกัน
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้เครื่องหมายโคลอนเพื่อแบ่งชื่อหลักและชื่อย่อยที่ยาว:

      Fred's favorite movie was The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring, though Stacy preferred its sequel, The Lord of the Rings: The Two Towers.

    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 8:

การใช้เครื่องหมายไฮเฟ่นและแดช

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ใช้ไฮเฟ่นเมื่อเติมคำนำหน้า (prefix).จุดประสงค์ของการเติมไฮเฟ่นคือเพื่อให้อ่านง่าย เช่น...
    ใช้ไฮเฟ่นเมื่อเติมคำนำหน้า (prefix).จุดประสงค์ของการเติมไฮเฟ่นคือเพื่อให้อ่านง่าย เช่น ถ้าคุณไม่เติมไฮเฟ่นหน้าคำว่า “re-examine” ก็จะกลายเป็น “reexamine” ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านสับสน อย่างไรก็ตาม คำบางคำไม่จำเป็นต้องใช้ไฮเฟ่นเพื่อแยกคำนำหน้า เช่น restate, pretest, และ undo ให้ดูพจนานุกรมเป็นแบบว่าเมื่อใดควรใช้ไฮเฟ่นหลังคำนำหน้า
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้ไฮเฟ่นที่ถูกต้อง:

      Cara is his ex-girlfriend.

  2. How.com.vn ไท: Step 2 ใช้ไฮเฟ่นเมื่อสร้างคำผสมจากคำเล็กๆ หลายคำ.
    ถ้าคุณเคยเขียนอะไรที่ “gold-plated,” “radar-equipped,” หรือ “one-size-fits-all” แสดงว่าคุณเคยใช้ไฮเฟ่นในกรณีนี้แล้วเมื่อสร้างคำพรรณนายาวๆ ที่ประกอบด้วยคำสองคำขึ้นไปให้ใช้ไฮเฟ่นแยกคำออกจากกัน
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้เครื่องหมายไฮเฟ่นเพื่อสร้างคำผสม:

      The up-to-date newspaper reporters were quick to jump on the latest scandal.

  3. How.com.vn ไท: Step 3 ใช้ไฮเฟ่นเมื่อเขียนตัวเลขเป็นตัวอักษร.แยกเลขที่มีสองคำที่มีจำนวนน้อยกว่าหนึ่งร้อยออกจากกันด้วยไฮเฟ่น ให้ระวังตอนเขียนเลขที่มากกว่าหนึ่งร้อยเพราะถ้าเลขทำหน้าที่เป็นคำวิเศษจะต้องเติมไฮเฟ่น เพราะคำวิเศษผสมจะต้องเติมไฮเฟ่นเสมอ...
    ใช้ไฮเฟ่นเมื่อเขียนตัวเลขเป็นตัวอักษร.แยกเลขที่มีสองคำที่มีจำนวนน้อยกว่าหนึ่งร้อยออกจากกันด้วยไฮเฟ่น ให้ระวังตอนเขียนเลขที่มากกว่าหนึ่งร้อยเพราะถ้าเลขทำหน้าที่เป็นคำวิเศษจะต้องเติมไฮเฟ่น เพราะคำวิเศษผสมจะต้องเติมไฮเฟ่นเสมอ (This is the one-hundredth episode.) หรือไม่เช่นนั้น เลขที่น้อยกว่าหนึ่งร้อยแต่ต้องเติมไฮเฟ่นจะต้องเป็นเลขที่อยู่ในเลขจำนวนใหญกว่า เช่น He lived to be one hundred twenty-one.
    • ไม่ควรใช้ “and” เวลาเขียนตัวเลข ดังกรณีนี้ "The amount is one hundred and eighty" ซึ่งสำหรับคนสหรัฐอเมริกาและแคนาดาถือว่าเป็นการใช้อย่างผิดวิธีเพราะในกรณีดังกล่าว “and” มักจะถูกละไว้ อย่างไรก็ตามประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษประเทศอื่นๆ “and” สามารถใช้ในกรณีนี้ได้
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้ไฮเฟ่นกับเลขที่น้อยกว่าและมากกว่าหนึ่งร้อยตามลำดับ:

      There are fifty-two playing cards in a deck.

      The packaging advertised one thousand two hundred twenty-four firecrackers, but it only contained one thousand.

  4. How.com.vn ไท: Step 4 ใช้เครื่องหมายแดชเพื่อแสดงการถูกขัดจังหวะในประโยค....
    ใช้เครื่องหมายแดชเพื่อแสดงการถูกขัดจังหวะในประโยค. เครื่องหมายแดช ("--" or "—") จะค่อนข้างยาวกว่าไฮเฟ่นและใช้เพื่อแสดงการเปลี่ยนทิศทางหัวข้อสนทนา, การเสริมความเห็น, หรือการเขียนแสดงข้อแม้ที่หนักแน่นภายในประโยค แดชยังสามารถใช้เพื่อแทรกประโยคเสริม เช่น เพื่ออธิบายเพิ่มในภายหลัง แต่ประโยคที่แทรกเข้ามาควรมีความเกี่ยวข้องกับประโยคหลักเพราะไม่เช่นนั้นควรวงเล็บแทน พึงนึกไว้เสมอว่าประโยคทั้งประโยคควรมีความลื่นไหลและเป็นธรรมชาติ
    • วิธีการดูว่าคุณใช้เครื่องหมายแดชถูกต้องหรือไม่ ให้ลองลบประโยคที่อยู่ในแดชออกจากประโยคหลัก ถ้าอ่านประโยคหลักแล้วความไม่ครบหรือไม่เข้าใจแสดงว่าคุณควรเรียบเรียงประโยคใหม่มากกว่าใส่แดช
    • ในภาษาอังกฤษแบบบริติชควรเว้นวรรคหน้าและหลังเครื่องหมายแดช
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้เครื่องหมายแดชที่ถูกต้อง:

      An introductory clause is a brief phrase that comes — yes, you guessed it — at the beginning of a sentence.

      This is the end of our sentence — or so we thought.

  5. How.com.vn ไท: Step 5 ใช้ไฮเฟ่นเพื่อแยกคำระหว่างบรรทัด.
    แม้ว่าปัจจุบันจะไม่ค่อยใช้ไฮเฟ่นในกรณีนี้แล้วก็ตาม แต่ไฮเฟ่นเคยถูกใช้เป็นประจำเมื่อพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดีด ไฮเฟ่นจะใช้แบ่งคำที่ยาวที่ทำให้ต้องแยกบรรทัด การใช้แบบนี้ยังสามารถเห็นได้บ้างในหนังสือบางเล่ม แต่โปรแกรมพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ทำให้การไฮเฟ่นในกรณีนี้แทบจะหายไป
    • ต่อไปนี้เป็นตัวการใช้ไฮเฟ่นเพื่อแยกคำออกเพราะอยู่คนละบรรทัด:

      No matter what he tried, he just couldn't get the novel's elec-
      trifying surprise ending out of his head
      .

    โฆษณา
ส่วน 6
ส่วน 6 ของ 8:

การใช้อะพอสทรอฟี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ใช้อะพอสทรอฟีร่วมกับตัว “s” เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ....
    ใช้อะพอสทรอฟีร่วมกับตัว “s” เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ. อะพอสทรอฟี (" ' ") มีวิธีใช้หลายวิธีเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ พึงระวังการใช้อะพอสทรอฟีกับนามเอกพจน์และพนูพจน์ที่แตกต่างกัน นามเอกพจน์จะใส่อะพอสทรอฟีก่อน ตัว“s” ('s) ขณะนี้นามพหูพจน์จะใส่อะพอสทรอฟีหลังตัว “s” (s') การใช้แบบนี้มีกฎตามมาอยู่สองสามกฎดังนี้
    • ระวังคำนามที่ถูกมองว่าเป็นพหูพจน์ เช่น “children” และ “people” ในกรณีนี้ควรใช้ 's แม้ว่านามนั้นจะเป็นพหูพจน์
    • ระวังสรรพนามที่แสดงความเป็นเจ้าของอยู่แล้วจึงไม่ต้องใช้อะพอสทรอฟี เช่น “her” และ “its” (“it’s” ใช้สำหรับรวบคำ “it is” และ “it has”) “their” เป็นคำแสดงความเป็นเจ้าของที่ไม่ใช้ทั้งอะพอสทรอฟีและ “s” เว้นแต่จะเป็นคำวิเศษที่ขยายประธานซึ่งจะกลายเป็น “theirs”
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้อะพอสทรอฟีใช้กับนามเอกพจน์เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ:

      The hamster's water tube needs to be refilled.

    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้อะพอสทรอฟีที่ใช้กับนามพหูพจน์เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ:

      In the pet store, the hamsters' bedding needed to be changed.

    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้อะพอสทรอฟีที่ใช้นามพหูพจน์ที่ไม่ลงท้ายด้วย “s” เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ:

      These children's test scores are the highest in the nation.

  2. How.com.vn ไท: Step 2 ใช้อะพอสทรอฟีเพื่อรวบคำสองคำเข้าด้วยกัน.
    การรวบคำเป็นการรวบคำสองคำเข้าด้วยกันให้สั้นขึ้น เช่น จาก cannot เป็น can't, "it is" เป็น "it's", you are เป็น you're, และ “they have” เป็น they've ในการรวบคำ อะพอสทรอฟีจะแทนที่ตัวอักษรที่หายไปจากคำทั้งสองคำหรือจากคำใดคำหนึ่ง
    • อย่าลืมใช้สรรพนาม “your” และคำรวบ “you’re” ให้ถูกต้องตามหน้าที่ของมัน การใช้คำสองคำนี้สลับกันเป็นข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยมากที่สุด!
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้อะพอสทรอฟีในกรณีรวบคำ it is และกรณีนามเอกพจน์ที่แสดงความเป็นเจ้าของซึ่งในขณะเดียวกันก็ถูกแทนที่ด้วยสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ (hers, theirs, its):

      Friends of hers explained that it's her idea, not theirs, to refill the hamster's water tube and change its bedding.

  3. How.com.vn ไท: Step 3 ใช้อัญประกาศเดี่ยวในประโยคคำพูดเพื่อสื่อว่าประโยคนั้นเป็นคำพูดซ้อนคำพูด....
    ใช้อัญประกาศเดี่ยวในประโยคคำพูดเพื่อสื่อว่าประโยคนั้นเป็นคำพูดซ้อนคำพูด. อัญประกาศเดี่ยวที่ดูเหมือนอะพอสทรอฟีนั้นใช้สำหรับแยกประโยคคำพูดประโยคหนึ่งที่อยู่ในอีกประโยคคำพูดหนึ่ง ควรใช้อัญประกาศเดี่ยวอย่างระมัดระวัง คอยตรวจสอบว่าคุณได้เขียนอัญประกาศเดี่ยวที่ทั้งเปิดและปิดประโยคอย่างสมบูรณ์
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้คำพูดซ้อนคำพูด:

      Ali said, "Anna told me, 'I wasn't sure if you wanted to come!'"

  4. How.com.vn ไท: Step 4 ห้ามใช้ “s” ของอะพอสทรอฟีเพื่อทำนามเอกพจน์เป็นพหูพจน์....
    ห้ามใช้ “s” ของอะพอสทรอฟีเพื่อทำนามเอกพจน์เป็นพหูพจน์. การใช้ที่ผิดในกรณีนี้มักเกิดขึ้นอยู่ทั่วไปดังนั้นจึงควรเลี่ยง พึงระลึกว่าอะพอสทรอฟีนั้นมีไว้สำหรับแสดงความเป็นเจ้าของไม่ใช่แสดงการมีจำนวนมากกว่าหนึ่ง
    • ต่อไปเป็นการใช้อะพอสทรอฟีที่ถูกและผิด:

      ถูก - apple → apples

      ผิด - apple → apple's

    โฆษณา
ส่วน 7
ส่วน 7 ของ 8:

การใช้เครื่องหมายทับ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ใช้เครื่องหมายทับเพื่อแยก and และ...
    ใช้เครื่องหมายทับเพื่อแยก and และ or ตามความเหมาะสม. เครื่องหมายทับ ( " / " ) ที่ใช้กับ and/or สื่อถึงว่าตัวเลือกที่ยกมานั้นไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในขอบเขตที่ยกมาเสมอไป
    • ต่อเป็นนี้เป็นการใช้ and/or ที่เหมาะสม:

      To register, you will need your driver's license and/or your birth certificate.

  2. How.com.vn ไท: Step 2 ใช้เครื่องหมายทับเมื่อยกเนื้อเพลงหรือบทกลอนเพื่อแสดงถึงการแบ่งวรรค....
    ใช้เครื่องหมายทับเมื่อยกเนื้อเพลงหรือบทกลอนเพื่อแสดงถึงการแบ่งวรรค. เครื่องหมายทับเป็นตัวช่วยที่ดีเมื่อไม่สามารถเขียนรูปแบบกลอนหรือเพลงตามต้นฉบับได้ เมื่อใช้เครื่องหมายทับในกรณีนี้ให้เว้นวรรคก่อนและหลังเครื่องหมายทับ
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้เครื่องหมายทับเพื่อแบ่งวรรคในเพลง:

      Row, row, row your boat / Gently down the stream. / Merrily, merrily, merrily, merrily, / Life is but a dream.

  3. How.com.vn ไท: Step 3 ใช้เครื่องหมายทับแทน and เพื่อเชื่อมคำนามสองคำ....
    ใช้เครื่องหมายทับแทน and เพื่อเชื่อมคำนามสองคำ. การแทน and ด้วยเครื่องหมายทับเป็นการสื่อว่าสิ่งสองสิ่งที่กล่าวถึงนั้นมีความสำคัญเท่าเทียมกัน ควรใช้เครื่องหมายทับเท่าที่จำเป็นเท่านั้นเพื่อเพิ่มความเน้นย้ำที่ and ไม่สามารถสื่อได้และเพื่อลดความสับสน คุณสามารถเครื่องหมายทับในกรณีนี้กับ or ได้เช่นกัน เช่น his/her อย่างไรก็ตามคุณ “ไม่ควร” ใช้เครื่องหมายทับเพื่อแยกประโยคสมบูรณ์
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างวิธีใช้และไม่ควรใช้เครื่องหมายทับ:

      ถูก
      "The student and part-time employee has very little free time."
      "The student/part-time employee has very little free time."

      ผิด
      "Do you want to go to the grocery store, or would you prefer to go to the mall?"
      "Do you want to go to the grocery store / would you prefer to go to the mall?"

    โฆษณา


ส่วน 8
ส่วน 8 ของ 8:

การใช้เครื่องหมายวรรคตอนอื่นๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Step 1 ใช้เครื่องหมายอัญประกาศ ( "...
    ใช้เครื่องหมายอัญประกาศ ( " ) เพื่อปิดท้ายข้อความที่ยกมาโดยตรงไม่ว่าข้อความนั้นจะถูกกล่าวโดยบุคคลหรือถูกยกมาจากงานเขียน. โดยปกติอัญประกาศมักถูกใช้เพื่อสื่อว่าสารที่ยกมานั้นคือข้อความที่ยกมา กล่าวคือ ไม่ว่าคุณจะนำคำพูดของบุคคลใดหรือยกข้อความที่อยู่ในงานเขียนใดมาเขียน คุณต้องใช้เครื่องหมายอัญประกาศ
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้เครื่องหมายอัญประกาศ:

      "I can't wait to see him perform!" John exclaimed.

      According to the article, the value of the dollar in developing nations is "strongly influenced by its aesthetic value, rather than its face value."

  2. How.com.vn ไท: Step 2 ใช้วงเล็บเพื่อให้เกิดความกระจ่าง.
    วงเล็บมักถูกใช้เพื่ออธิบายสิ่งที่ไม่สามารถอนุมานได้จากข้อความ เมื่อใช้วงเล็บ( " ( ) " ) ต้องไม่ลืมใส่ฟูลสต็อป “หลัง” วงเล็บปิด เว้นแต่ว่าประโยคทั้งประโยคอยู่ในวงเล็บ นอกจากนี้ในบางโอกาสวงเล็บและคอมม่าสามารถใช้แทนกันได้
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่าง Here is an example of parentheses used for clarification:

      Steve Case (AOL's former CEO) resigned from the Time-Warner board of directors in 2005.

  3. How.com.vn ไท: Step 3 ใช้วงเล็บเพื่อแสดงถึงการแสดงความคิดที่เกิดขึ้นในภายหลัง....
    ใช้วงเล็บเพื่อแสดงถึงการแสดงความคิดที่เกิดขึ้นในภายหลัง. วงเล็บสามารถใช้กับสารที่ช่วยเสริมประโยคหลัก ในกรณีนี้ การเลือกระหว่างใช้วงเล็บกับขึ้นประโยคใหม่นั้นค่อนข้างตัดสินได้ยาก กฎอย่างง่ายๆ คือใช้วงเล็บกับการเสริมความสั้นๆ หรือคำเย้าแหย่ แต่ห้ามใช้เพื่อเขียนแสดงสารที่ซับซ้อน
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้วงเล็บในการแสดงความคิดที่เกิดขึ้นภายหลัง. พึงระลึกว่าฟูลสต็อปจะตามหลังวงเล็บปิดไม่ใช่วงเล็บเปิด และพึงระลึกอีกว่าการแทนที่วงเล็บด้วยคอมม่าอาจจะไม่เหมาะเท่าไรนักในขณะที่ฟูลสต็อปหรือเซมิโคลอนอาจเหมาะสมกว่า:

      You will need a flashlight for the camping trip (don't forget the batteries!).

  4. How.com.vn ไท: Step 4 ใช้วงเล็บในการแทรกความเห็นส่วนตัว.
    การใช้วงเล็บอีกแบบหนึ่งคือการใช้วงเล็บเพื่อแทรกข้อความจากผู้เขียนถึงผู้อ่านโดยตรง โดยปกติความเห็นที่อยู่ในวงเล็บมักจะกล่าวถึงประโยคที่อยู่ก่อนหน้า ดังที่ได้กล่าวไปด้านบน ประโยคในวงเล็บยิ่งสั้นและง่ายนั้นยิ่งดี ถ้าคุณจำเป็นต้องเขียนอธิบายอย่างละเอียดและยาวหรืออ้างอิงงานเขียนอื่นๆ ของคุณหลายชิ้น การขึ้นประโยคใหม่จะดีที่สุด
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้วงเล็บในการความเห็นส่วนตัว:

      Most grammarians believe that parentheses and commas are always interchangeable (I disagree).

  5. How.com.vn ไท: Step 5 ใช้วงเล็บเหลี่ยมเพื่อแสดงถึงข้อความของผู้เรียบเรียงงานเขียน....
    ใช้วงเล็บเหลี่ยมเพื่อแสดงถึงข้อความของผู้เรียบเรียงงานเขียน. คุณสามารถใช้วงเล็บเหลี่ยม ( " [ ] " ) เพื่อสร้างความกระจ่างหรือเรียบเรียงข้อความที่ยกมาโดยตรงใหม่เพื่อช่วยส่งเสริมงานเขียนของคุณ วงเล็บเหลี่ยมมักใช้คร่อมคำ “sic” (เป็นภาษาละตินของคำว่า “thus”) ซึ่งสื่อว่าคำหรือวลีก่อนหน้านั้นถูกยกมาโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ผู้อ่านเห็นข้อผิดพลาดที่มีมาแต่เดิมอยู่ก่อนแล้วในงานเขียนที่ยกมา
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้วงเหลี่ยมเพื่อความกระจ่างกับข้อความที่ยกมาโดยตรง ขอให้เข้าใจว่าประโยค "It was absolutely devastating!" เป็นข้อความที่ยกมาโดยตรง:

      "[The blast] was absolutely devastating," said Susan Smith, a local bystander at the scene of the incident.

  6. How.com.vn ไท: Step 6 ใช้วงเล็บปีกกาเพื่อแสดงถึงชุดตัวเลขทางคณิตศาสตร์....
    ใช้วงเล็บปีกกาเพื่อแสดงถึงชุดตัวเลขทางคณิตศาสตร์. แม้ว่าการใช้วงเล็บปีกกา ( " { } " ) จะไม่แพร่หลายนักแต่สามารถใช้ในงานเขียนทั่วๆ ไปเพื่อแสดงชุดตัวเลือก
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้วงเล็บปีกกา แต่พึงเข้าใจว่าตัวอย่างที่สองนั้นพบได้น้อยมาก:

      The set of numbers in this problem are: { 1, 2, 5, 10, 20 }

      Choose your favorite utensil { fork, knife, spoon } and bring it to me.

    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การใส่เครื่องหมายวรรคตอนก่อนหรือหลังเครื่องหมายอัญประกาศขึ้นอยู่กับแต่ละโอกาส
    • ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันมักใส่เครื่องหมายฟูลสต็อปและคอมม่าในเครื่องหมายอัญประกาศ“เช่นนี้.” เป็นต้น ส่วนภาษาอังกฤษแบบบริติชมักใส่เครื่องหมายฟูลสต็อปและคอมม่าหลังเครื่องหมายอัญประกาศ “เช่นนี้”. เป็นต้น
    • เซมิโคลอนและโคลอนจะอยู่นอกเครื่องหมายอัญประกาศเสมอ “เช่นนี้”;
    • สำหรับเครื่องหมายปรัศนีและอัศเจรีย์จะขึ้นอยู่กับบริบท เช่น ถ้าประโยคทั้งประโยคเป็นประโยคคำถามและมีคำหรือข้อความที่มีอัญประกาศคร่อมอยู่ที่ท้ายประโยค ปรัศนีจะอยู่ด้านนอกอัญประกาศ ถ้าประโยคทั้งประโยคเป็นประโยคบอกเล่าและข้อความในอัญประกาศเป็นคำถาม ปรัศนีจะอยู่ด้านในอัญประกาศ
      • Do you like to watch "The Office"? (คุณชอบดูซีรีย์เรื่อง "ดิ ออฟฟิศ" ไหม?)
      • He shouted, "Where do you think you're going?" (เขาตะโกนว่า "คุณกำลังจะไปไหน?")
  • นักไวยากรณ์หลายท่านเชื่อว่าวงเล็บและคอมม่าสามารถใช้แทนกันได้เมื่อต้องการเสริมข้อมูล แต่ถึงแม้ว่าความเชื่อนี้จะถูกต้อง บางครั้งการใช้วงเล็บอาจเหมาะสมกว่า เช่น การบ่งบอกว่าประโยคนั้นๆ เป็นการแสดงความคิดส่วนบุคคล
  • กฎการใช้ไฮเฟ่นและแดชนั้นมีข้อยกเว้น ในการสร้างคำผสม เมื่อหนึ่งในคำผสมประกอบด้วยคำสองคำควรใช้ “เอ็น แดช” ( – ) มากกว่าไฮเฟ่น ในกรณีดังเช่น "He took the Paris–New York route." เอ็น แดชยังใช้ขั้นตัวเลขหรือปีเพื่อบอกช่วงระยะ (เช่น "A discussion on personal finance is found in pages 45–62.")
  • ในการเขียนในรูปแบบทางการ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ปรัศนีและอัศเจรีย์บ่อยเกินไป เพราะควรเขียนเป็นประโยคบอกเล่าเป็นส่วนใหญ่
  • สิ่งหนึ่งที่คุณสามารถทำได้ง่ายๆ คือคิดเหมือนว่าคุณกำลังพูดอยู่จริงๆ เช่น มีคนกล่าวว่า "I want to do something let's go right now" คุณควรจะใส่อัศเจรีย์ที่ท้ายประโยคเพราะคุณรู้สึกตื่นเต้นสนใจและใส่คอมม่าระหว่าง "something" และ "Let's go" ซึ่งจะได้ประโยคที่ถูกต้องคือ "I want to do something, let's go!" เห็นไหม? มันไม่ยากเลย!
  • ถ้าคุณเลือกที่จะไม่ใช้คอมม่าขั้นรายการ ต้องทำให้แน่ใจว่าความหมายของประโยคยังคงเดิมแม้ไม่ใช้คอมม่า ให้ลองนึกถึงประโยคคลาสสิกที่จำเป็นต้องใช้คอมม่าขั้นรายการ "My heroes are my parents, Mother Teresa and the Pope." (เพราะไม่เช่นนั้นประโยคนี้จะแปลว่า "บุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจของฉันคือพ่อแม่ซึ่งก็คือแม่ชีเทเรซาและพระสันตะปาปา" แทนที่จะแปลว่า "บุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจของฉัน ได้แก่ พ่อแม่, แม่ชีเทเรซา, และพระสันตะปาปา")
  • แม้ว่าเครื่องหมายแดชและวงเล็บจะมีการใช้คล้ายกัน แต่อย่าลืมว่าวงเล็บจะสื่อถึง “ความคิดเสริม” มากกว่าแดช
  • เครื่องหมายแดชมันจะถูกนับว่าไม่มีความเป็นทางการ ดังนั้นอาจจะต้องใช้วงเล็บหรือคอมม่าแทนแดช ในทำนองเดียวกัน ให้ใช้แดชให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะแดชควรมีไว้สำหรับเน้นประเด็นที่สำคัญบางประเด็น
  • ไม่ต้องกลัวที่จะแบ่งประโยคยาวๆ ที่มีหลายประเด็นออกเป็นประโยคสั้นๆ หลายประโยค ผู้อ่านจะชอบงานเขียนที่กระชับและชัดเจนและสั้นมากกว่างานเขียนที่ย่อหน้าหนึ่งยาวหนึ่งหน้ากระดาษและแต่ละประโยคยาวไม่น้อยกว่ายี่สิบคำ
  • ถ้าคุณเขียนเพื่อการทำงานให้ทำตามแนวทางหรือรูปแบบที่กำหนดโดยนายจ้าง บางครั้งกฎของนายจ้างอาจขัดแย้งกับสิ่งที่คุณอ่านจากบทความนี้หรือจากแหล่งอื่น แต่กฎของนายจ้างต้องมาก่อนเสมอ เช่น บางบริษัทใส่คอมม่าหน้าคำสันธานเมื่อเขียนรายการ (a, b, and c) ขณะที่บางแห่งไม่ใส่ (a, b and c)
  • ถ้ารู้สึกว่าประโยคยาวเกินไปพยายามหาทางใส่คอมม่าเพื่อให้อ่านง่ายขึ้น ถ้าประโยคเริ่มยาวอาจแยกเป็นสองประโยคหรือหลายประโยค
โฆษณา

ข้อควรระวัง

  • แม้ว่าการใช้เครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องจะช่วยให้การเขียนลื่นไหลมากขึ้นและทำให้การเขียนดูมาจาก “ผู้มีความรู้” คุณไม่ควรใช้เครื่องหมายวรรคตอนมากเกินไป เพราะการละเครื่องหมายวรรคตอนในบางครั้งอาจจะผิดแต่ก็ดีกว่ามีเครื่องหมายวรรคตอนล้นจนเกินไป
  • ควรแยกแยะกฎการใช้เครื่องหมายวรรคในแต่ละภาษาเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด และพึงนึกเสมอว่าการใช้เครื่องหมายวรรคตอนจะขึ้นอยู่กับความหมายของประโยค
  • ”ไม่ควร” ใช้เครื่องหมายวรรคตอนเพียงเพราะทำให้คุณดู “ฉลาด”

ข้อมูลอ้างอิง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

วิกิฮาวเป็น "wiki" ซึ่งหมายความว่าบทความหลายๆ บทความของเรานั้นเป็นการร่วมมือกันเขียนของผู้เขียนหลายคน ในการเขียนบทความชิ้นนี้ ผู้คน 162 คน ซึ่งบางคนไม่ขอเปิดเผยตัว ได้ร่วมกันเขียนและปรับปรุงเนื้อหาของบทความอย่างต่อเนื่อง บทความนี้ถูกเข้าชม 45,024 ครั้ง
หมวดหมู่: ภาษาสากล
มีการเข้าถึงหน้านี้ 45,024 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา