วิธีการ เรียนภาษาจีน

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

ภาษาจีนซึ่งเราจะหมายถึงภาษาจีนกลางในที่นี้นั้นเป็นภาษาที่ค่อนข้างซับซ้อนในการเรียน โดยเฉพาะสำหรับคนที่พูดภาษาอังกฤษ กระนั้น หากทุ่มเทและฝึกฝนเป็นประจำทุกวัน เชื่อได้เลยว่าคุณจะเชี่ยวชาญมันได้ในสักวัน ฝึกตามตำราคนเดียว แล้วหาเพื่อนที่พูดจีนได้หรือหาเพื่อนออนไลน์ กับเว็บโรงเรียนสอนภาษาจีนที่มีอยู่มากมาย อ่านต่อเพื่อดูพื้นฐานของสิ่งสำคัญทั้งหลายที่คุณต้องรู้ไว้เกี่ยวกับการเรียนภาษาจีน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ฝึกพื้นฐานให้ชำนาญ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ฝึกการใช้เสียงสี่โทนในภาษาจีน.
    ภาษาจีนเป็นภาษาที่ใช้ความสูงต่ำของเสียง ซึ่งหมายถึงโทนเสียงที่เปลี่ยนไปก็จะเปลี่ยนความหมายของคำนั้นไปด้วย ถึงแม้ว่าจะสะกดคำหรือเขียนคำอ่านเหมือนกันก็ตาม การเรียนโทนเสียงที่แตกต่างกันจึงเป็นส่วนที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งหากคุณต้องการจะพูดภาษาจีนอย่างถูกต้อง ภาษาจีนมีสี่โทนหลักดังต่อไปนี้:
    • โทนแรก จะเป็นโทนสามัญ เสียงของคุณจะราบเรียบ เหมือนเสียงไม่มีวรรณยุกต์กำกับของไทยเรา หากใช้คำว่า " ma" เป็นตัวอย่าง โทนแรกนี้จะแสดงโดยใช้เครื่องหมายบนอักษรตัว a ว่า: "mā" (ออกเสียงว่า “มา”)
    • โทนที่สอง เป็นเสียงตรี เสียงคุณจะยกจากเสียงต่ำขึ้นไปเป็นเสียงกลาง เหมือนกับเวลาท้ายเสียงตอนถามใครสักคนหรือเวลาจะขอให้ใครพูดทวนสิ่งที่เพิ่งพูดออกไปโดยการพูดว่า "ห๊ะ" หรือ "(อะไร)นะ" เสียงโทนที่สองนี้แสดงด้วยสัญลักษณ์ "má" (ม้า)
    • โทนที่สาม จะเป็นเสียงเอก พิทช์เสียงจะเริ่มจากกลางลงต่ำแล้วค่อยตวัดสูงขึ้น เหมือนเวลาคุณพูดคำว่า "บี" เวลาที่เสียงโทนที่สามสองตัวอยู่ติดกันนั้น เสียงตัวที่สองจะยังคงโทนที่สามในขณะที่ตัวแรกจะเปลี่ยนไปใช้โทนที่สอง เสียงโทนที่สามแสดงด้วยสัญลักษณ์ "mǎ" (หม่า)
    • โทนที่สี่ จะเป็นเสียงโท คือจะเริ่มด้วยเสียงสูงแล้วลดต่ำอย่างเร็ว เหมือนกับตอนออกคำสั่ง เช่น หยุด! หรือตอนที่คุณกำลังอ่านหนังสืออยู่และเกิดมีอะไรใหม่น่าสนใจเกิดขึ้นจนคุณต้องร้องอุทานว่า "เฮ้ย" โทนที่สี่แสดงด้วยสัญลักษณ์ "mà" (ม่า)
    • ง่ายไหม ถ้ารู้สึกว่าไม่ อย่าเพิ่งย่อท้อ ทางที่ดีแนะนำให้บอกคนจีนพูดให้ฟัง เนื่องจากมันเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายผ่านทางตัวหนังสือ
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เรียนรู้เสียงที่ชาวจีนใช้.
    • ระบบการออกเสียงที่เป็นที่นิยมที่สุดคือระบบพินอิน (pinyin: 拼音) นั้นช่วยได้มาก การเรียนรู้พินอินมีความซับซ้อนอยู่บ้าง แต่ตัวอักษรส่วนใหญ่จะออกเสียงเหมือนกับในตัวภาษาอังกฤษ เสียงใหม่ที่จะต้องเรียนรู้ก็มี : "h", "x", "q", "j", "r", และ "ü" นอกจากนี้ยังมีอักษรตัวควบกล้ำที่ต้องเรียนรู้เพิ่ม เช่น "zh", "ch", และ "sh"
      • "h": เกือบจะเหมือนภาษาอังกฤษตัว "h", แต่จะออกเสียงเค้นในลำคอมากกว่า
      • "x": วางปลายลิ้นใกล้กับจุดที่ฟันล่างติดกับเหงือก และลิ้นส่วนกลางอยู่ใกล้เพดานปาก แล้วพ่นลมออกมาจากปาก มันจะออกเสียงคล้ายกับ "sh", แต่ใกล้เคียงกับ "s"
      • "q": เหมือนกับ "x" แต่ใช้เสียง "t" เป็นตัวตั้งต้น มันจะฟังคล้าย "ch", แต่ใกล้เคียงกับ "ts"
      • "j": เหมือนกับ "q", แต่คุณจำเป็นต้องใช้เสียงในตัวนี้ แทนที่จะแค่พ่นลมหายใจออกมา ให้ทำโดยมีเสียงออกมา ความแตกต่างระหว่าง "q" กับ "j" นั้นคล้ายกับความแตกต่างระหว่าง "s" กับ "z" ในภาษาอังกฤษ
      • "r": ตัวอักษรตัวนี้ออกเสียงต่างออกไปเมื่อมันเป็นตัวเริ่มต้นกับที่มันเป็นตัวต่อท้าย เวลาที่มันเป็นตัวตั้งต้น ตรงนี้จะยากนิดหน่อยและต้องฝึกฝน ให้ใช้ปลายลิ้นยกขึ้นไปจนเกือบแตะเพดานปาก ข้างลิ้นควรแตะกับฟันกรามทั้งสองข้าง แล้วพ่นลมหายใจออกมาพร้อมเสียง มันจะฟังดูเกือบคล้ายเสียง "s" ใน "vision", แต่ใกล้เคียงกับ "r" เวลาที่ตัวอักษรตัวนี้อยู่ท้ายของคำอ่าน มันจะออกเสียงคล้ายตัว "r" ในภาษาอังกฤษ
      • "ü": ตัวอักษรตัวนี้เป็นสระตัวที่หกของภาษาจีน และไม่พบในภาษาอังกฤษ กระนั้น มันออกเสียงค่อนข้างง่าย เริ่มด้วยการห่อลิ้นเหมือนเวลาที่คุณพยายามจะพูดว่า "oo", เหมือนในคำว่า "food" จากนั้นทำเสียง "ee" เหมือนที่คุณได้ยินในคำว่า "bee"
      • "zh": คล้ายอย่างมากกับภาษาอังกฤษตัว "j" ใน "jar" แต่วางตำแหน่งปากแบบเดียวกับภาษาจีนตัว "r"
      • "ch": คล้ายอย่างมากกับภาษาอังกฤษตัว "ch" ใน "chew" แต่วางตำแหน่งปากแบบเดียวกับภาษาจีนตัว "r"
      • "sh": คล้ายอย่างมากกับภาษาอังกฤษตัว "sh" แต่วางตำแหน่งปากแบบเดียวกับภาษาจีนตัว "r" เสียงตัว "r", "zh", "ch", และ "sh" เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นกลุ่ม "retroflex" เพราะมันฟังดูเหมือนเป็นกลุ่มเสียงเดียวกัน
  3. How.com.vn ไท: Step 3 จดจำศัพท์พื้นๆ.
    ไม่ว่าจะเรียนภาษาอะไร ยิ่งมีคำศัพท์เก็บไว้เยอะ ก็ยิ่งพูดได้คล่องขึ้น ดังนั้น สิ่งต่อไปที่ต้องทำคือจดจำคำศัพท์ภาษาจีนที่มีประโยชน์และใช้บ่อย
    • ศัพท์ดีๆ ที่ควรเริ่มจำก็เช่น: ช่วงเวลาในแต่ละวัน (ตอนเช้า: zǎo shàng (จ่าว ซ่าง), ตอนบ่าย: xià wǔ (เซี่ย อู่), ตอนเย็น: wǎn shàng (อว่าน ซ่าง)) ส่วนต่างๆ ของร่างกาย (ศีรษะ: tóu (เถา), เท้า: jiǎo (เจี่ยว), มือ: shǒu (โส่ว)) อาหาร (เนื้อวัว: niú ròu (หนิว โร่ว), ไก่: (จี), ไข่: jī dàn (จี ต้าน), บะหมี่: miàn tiáo (เมี่ยน เถียว)) นอกจากนี้ก็เป็นพวกสี วัน เดือน พาหนะ การเดินทาง สภาพอากาศ เป็นต้น
    • เวลาที่คุณได้ยินคำในภาษาอังกฤษ คิดในใจว่าคุณจะพูดเป็นภาษาจีนอย่างไร หากคุณไม่ทราบ จดไว้แล้วมาค้นหาในภายหลัง มีสมุดบันทึกสักเล่มติดตัวเพื่อจุดประสงค์นี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน ติดตัวหนังสือภาษาจีน (พร้อมพินอินกับคำอ่าน) ไว้กับข้าวของทั่วทั้งบ้าน อย่างเช่นกระจก โต๊ะนั่งเล่น หรือขวดใส่น้ำตาล ยิ่งคุณเห็นคำเหล่านี้บ่อยๆ คุณจะรู้จักมันขึ้นใจอย่างไม่รู้ตัวเลย!
    • ถึงแม้การรู้ศัพท์เยอะๆ จะเป็นเรื่องที่ดี แต่จำไว้ว่าในภาษาจีนกลาง การพูดได้ถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญกว่า มันไม่มีประโยชน์เลยถ้าจะรู้ศัพท์เยอะแต่พูดออกเสียงไม่ถุก เพราะอย่างที่บอกว่าโทนเสียงเปลี่ยนจะทำให้ความหมายเปลี่ยนไปด้วย เช่น เมื่อใช้โทนเสียงผิด (ใช้ (มา) แทนที่จะเป็น (ม้า)) ก็แตกต่างเหมือนจะบอกว่า "ไก่มีไข่" กับ "ไก่มีไข้" ซึ่งความหมายมันไปกันคนละเรื่องเลย
    คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ
    ถาม

    เมื่อถูกถามว่า “ต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะเรียนรู้ภาษาจีนพื้นฐานได้?”

    How.com.vn ไท: Godspeed Chen

    Godspeed Chen

    นักแปลผู้ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาแม่
    ก็อดสปีด เฉินเป็นนักแปลอาชีพจากประเทศจีน เขาทำงานแปลและการประยุกต์ปรับให้เข้ากับท้องถิ่นมากว่า 15 ปี
    How.com.vn ไท: Godspeed Chen
    คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
    คำตอบจาก Godspeed Chen:

    ก็อดสปีด เฉิน นักแปลชาวจีนตอบว่า: “มันอาจใช้เวลา หนึ่งหรือสองสัปดาห์ ในการเรียนรู้ประโยคบางประโยคที่ใช้ประโยชน์ได้ ส่วนถ้าจะเอาให้คล่อง ก็ต้องใช้เวลา หนึ่งปีขึ้นไป

  4. How.com.vn ไท: Step 4 เรียนรู้วิธีนับเลข.
    โชคดีที่ระบบนับเลขในภาษาจีนนั้นค่อนข้างตรงและเป็นไปตามเหตุตามผล พอคุณเรียนเลขสิบตัวแรกได้ คุณจะสามารถนับเลขได้ถึง 99 เลย
    • ข้างล่างนี้คุณจะพบตัวเลขตั้งแต่หนึ่งถึงสิบ เขียนโดยใช้ตัวอักษรจีนแบบย่อ ตามด้วยคำแปลพินอินและการออกเสียงที่ถูกต้อง ให้แน่ใจว่าได้ฝึกพูดโดยใช้โทนที่ถูกต้อง
      • หนึ่ง: เขียนว่า (一) หรือ , อ่านว่า [eee] (อี)
      • สอง: เขียนว่า (二) หรือ èr, อ่านว่า [arr] (เอ้อร์)
      • สาม: เขียนว่า (三) หรือ sān, อ่านว่า [saan] (ซาน)
      • สี่: เขียนว่า (四) หรือ , อ่านว่า [ssuh] (ซื่อ)
      • ห้า: เขียนว่า (五) หรือ , อ่านว่า [woo] (อู๋)
      • หก: เขียนว่า (六) หรือ liù, อ่านว่า [lee-yoe] (ลิ่ว)
      • เจ็ด: เขียนว่า (七) หรือ , อ่านว่า [chi] (ชี)
      • แปด: เขียนว่า (八) หรือ , อ่านว่า [baa] (ปา)
      • เก้า: เขียนว่า (九) หรือ jiǔ, อ่านว่า [jee-yo] (จิ่ว)
      • สิบ: เขียนว่า (十) หรือ shí, อ่านว่า [sh] (สือ)
    • พอคุณพูดเลขหนึ่งถึงสิบได้คล่อง คุณสามารถนับเลขหลักสิบต่อได้เลยโดยพูดตัวเลขในหลักสิบ ตามด้วยพูดเลขสิบ shi (สือ) ตามด้วยตัวเลขในหลักหน่วย ตัวอย่างเช่น:
    • เลข 48 เขียนได้ว่า sì shí bā (四十八 - ซื่อ สือ ปา) แปลตรงตัวว่า "สี่สิบบวกแปด", เลข 30 เขียนได้ว่า sān shí (三十 - ซาน สือ) แปลตรงตัวว่า "สามสิบ", เลข 19 เขียนได้ว่า yī shí jiǔ (一十九 - อี สือ จิ่ว) แปลตรงตัวว่า "หนึ่งสิบบวกเก้า" (อย่างไรก็ตามในการพูดภาษาจีนส่วนใหญ่ คำว่า ตัวแรกนั้นจะถูกตัดทิ้งในเลขสิบกว่าทั้งหมด เพราะมันเหมือนไม่มีความจำเป็น)
    • คำที่หมายถึงร้อยในภาษาจีนคือ (百) หรือ baǐ (ไป่), ดังนั้น 100 จึงเขียนเป็น yī baǐ (อี ไป่), 200 เขียนเป็น èr baǐ (เอ้อร์ ไป่), 300 เขียนเป็น sān baǐ (ซาน ไป่), เป็นต้น
  5. How.com.vn ไท: Step 5 เรียนรู้คำพูดที่ใช้ในการสนทนาทั่วไป.
    พอคุณเริ่มพูดศัพท์ง่ายๆ พื้นฐานได้ ก็ขยับขึ้นไปเรียนการสนทนาที่ใช้ในชีวิตประจำวันกัน
    • สวัสดี = 你好 - nǐhǎo, อ่านว่า [nee how] (หนี ห่าว)
    • คุณมีนามสกุล (หรือแซ่) อะไร = 您贵姓? - nín guì xìng, อ่านว่า [neen gway shing] (หนิน กุ้ย ซิ่ง)
    • หรือ 你姓什么?- nǐ xìng shén me (inf.), อ่านว่า [nee shing shurn muh] (หนี ซิ่ง เสิ่น เมอ)
    • คุณชื่ออะไร = 你叫什么名字?- nǐ jiào shén me míng zì[1] อ่านว่า หนี่ เจี้ยว เสิ่น เมอ หมิง ซื่อ
    • ใช่ = 是 - shì, อ่านว่า [sh] (ซื่อ)
    • ไม่ใช่ = 不是 - bú shì, อ่านว่า [boo sh] (ปู๋ ซื่อ)
    • ขอบคุณ = 谢谢 - xiè xiè, อ่านว่า [shie shie] (เซี่ย เซี่ย)
    • ด้วยความยินดี = 不用谢 - bú yòng xiè, อ่านว่า [boo yong shee-e] (ปู๋ โย่ง เซี่ย)
    • ขอโทษนะ = 对不起 - duì bu qǐ, อ่านว่า [dway boo chee] (ตุ้ย ปู้ ฉี่)
    • ฉันไม่เข้าใจ = 我不懂 - wǒ bù dǒng, อ่านว่า [wuo boo downg] (หว่อ ปู้ ต่ง)
    • ลาก่อน = 再见 - zài jiàn, อ่านว่า [zay jee-en] (ไจ้ เจี้ยน)
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

พัฒนาทักษะด้านภาษาของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ศึกษาไวยากรณ์พื้นฐาน.
    มีความเข้าใจผิดๆ ว่าภาษาจีนไม่มีไวยากรณ์ แต่นั่นไม่ใช่ความจริง กฎทางไวยากรณ์ของภาษาจีนนั้นมีอยู่ เพียงแต่มันต่างไปจากไวยากรณ์ภาษาอังกฤษและระบบภาษาอื่นๆ ภาษาจีนนั้นเป็นภาษาเชิงวิเคราะห์ ซึ่งนั่นเป็นทั้งข่าวดีและข่าวร้ายสำหรับนักเรียนภาษา
    • ตัวอย่างเช่น ในภาษาจีนนั้นไม่มีกฎซับซ้อนในเรื่องการผันกริยา ความสอดคล้องระหว่างประธานกับกริยา เพศ คำพหูพจน์ หรือกาลเวลา คำส่วนใหญ่จะประกอบด้วยคำเดี่ยวที่มารวมกันกลายเป็นคำผสม นั่นทำให้โครงสร้างของรูปประโยคเป็นไปอย่างเกือบเป็นเส้นตรง
    • อย่างไรก็ตาม ภาษาจีนก็มีไวยากรณ์เฉพาะของมันเองซึ่งไม่เหมือนกับภาษาอังกฤษและภาษายุโรปอื่นๆ เช่น ภาษาจีนใช้ลักษณะไวยากรณ์อย่างเช่น ลักษณนาม มีความเป็นภาษาที่เน้นหัวข้อ (ซึ่งอาจละประธานหรือกรรมในประโยคเพราะเน้นที่หัวข้อหรือกริยาเป็นสำคัญ เช่นเดียวกับภาษาไทย) และอ้างอิงตามมุมมอง ซึ่งลักษณะทั้งหมดนี้ไม่มีการใช้ในภาษาอังกฤษ จึงอาจเป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจ
    • กระนั้น ถึงจะมีความแตกต่างกัน ภาษาจีนก็ใช้การเรียงลำดับคำแบบเดียวกับภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ เช่น ประธาน – กริยา – กรรม ทำให้แปลคำต่อคำออกมาได้ง่าย เช่น คำในภาษาอังกฤษว่า "he likes cats" (เขาชอบแมว) สามารถแปลตรงๆ เป็น "tā (he) xǐ huan (likes) māo (cats) หรืออ่านว่า (ทา สี่ฮวาน มาว)
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เรียนวิธีการใช้พินอิน.
    พินอินเป็นระบบที่ใช้เขียนภาษาจีนโดยใช้ตัวอักษรโรมัน ฮั่นหยวีพินอิน (Hanyu pinyin) เป็นรูปแบบการถอดเป็นตัวอักษรโรมันที่พบเห็นบ่อยที่สุด และถูกใช้ในตำราเรียนและอุปกรณ์การเรียนการสอนส่วนใหญ่
    • พินอินทำให้นักเรียนภาษาจีนเพ่งไปที่การออกเสียง ในขณะที่ช่วยให้สามารถอ่านเขียนได้ โดยไม่ต้องศึกษาตัวอักษรจีนที่ซับซ้อนยุ่งยาก ถึงแม้พินอินจะใช้ตัวอักษรโรมัน แต่การออกเสียงตัวอักษรแต่ละตัวก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนพูดภาษาอังกฤษ จึงควรที่จะศึกษาอย่างละเอียดก่อนนำมาใช้
    • ตัวอย่าง ตัวอักษร "c" ในพินอินจะออกเสียงเหมือน "ts" ในคำว่า "bits", ตัวอักษร "e" ออกเสียงคล้าย "er" ในคำว่า "hers" และตัวอักษร "q" ออกเสียงคล้าย "ch" ในคำว่า "cheap" เนื่องจากความแตกต่างเช่นนี้ จึงจำเป็นที่คุณต้องเรียนการออกเสียงพินอินที่ถูกต้องก่อนใช้มันเป็นแนวทาง
    • ถึงแม้การเรียนออกเสียงพินอินอาจดูเหมือนยากมาก มันจะเอื้อประโยชน์อย่างยิ่งในการเรียนภาษาและนับว่าง่ายกว่าไปนั่งเรียนการจำตัวอักษรจีนมากๆ
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ฝึกอ่านเขียนตัวอักษรจีน.
    อุปสรรคขั้นสุดท้ายในการเรียนภาษาจีนคือการเรียนอ่านเขียนตัวอักษรจีนดั้งเดิม มันอาจต้องใช้เวลานาน (อาจถึงหลายปี) กว่าจะเชี่ยวชาญ เพราะหนทางเดียวที่จะเรียนได้คือจดจำและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
    • จากข้อมูลของ BBC มีตัวอักษรจีนมากกว่า 50,000 ตัวที่มีบันทึกใช้อยู่ อย่างไรก็ดี ส่วนใหญ่ก็แทบไม่ค่อยพบว่าถูกใช้บ่อย คนจีนที่มีการศึกษาจะรู้ตัวอักษรประมาณ 8000 ตัว แต่มีเพียงแค่ราว 2000 ตัวที่จำเป็นต้องรู้เพื่ออ่านหนังสือพิมพ์ [2]
    • เวลาเขียนตัวอักษรจีน คุณจะต้องเรียน "ตัวมูลฐาน" 214 ตัวก่อน ซึ่งเป็นพื้นฐานของตัวอักษรจีนทุกตัว ตัวมูลฐานบางตัวอาจเป็นตัวอักษรที่มีความหมายในตัวมันเอง ในขณะที่บางตัวถูกใช้ประกอบภายในตัวอักษรที่ซับซ้อนกว่า
    • จำเป็นเหมือนกันที่คุณต้องเขียนตามลำดับการตวัดปากกาเวลาเขียนตัวอักษรเหล่านี้ มันมีกฎบังคับโดยเฉพาะที่คุณต้องทำตาม อย่างเช่น จากซ้ายไปขวา บนลงล่าง และเขียนแนวนอนก่อนไปแนวตั้ง
    • มีตำราเรียนภาษาจีนมากมายที่คุณสามารถหาซื้อมาศึกษาลำดับการเขียนตัวอักษร โดยมากจะเป็นตำราให้เด็กนักเรียนหัดเขียน แต่มีประโยชน์ต่อใครก็ตามที่อยากเรียนตัวอักษรจีน ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้ 快乐汉语 จาก Hanban เพราะมันมีคำแปลภาษาอังกฤษ
    • ประโยชน์สำคัญอย่างหนึ่งของการเรียนตัวอักษรจีนคือคุณสามารถใช้เป็นทางลัดรู้จักภาษากวางตุ้ง ญี่ปุ่น เกาหลี และวรรณกรรมอื่นๆ ที่ใช้ตัวอักษรจีนทั้งแบบดั้งเดิมและแบบประยุกต์ในงานเขียน ถึงแม้ภาษาพูดจะไม่เหมือนกันก็ตาม
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ทุ่มเทตนเองในภาษา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 หาคนที่พูดภาษาจีนเป็นหลัก.
    วิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาทักษะทางภาษาคือฝึกพูดกับเจ้าของภาษา พวกเขาจะคอยแก้ข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์หรือการออกเสียง และยังแนะนำให้คุณรู้จักกับรูปแบบภาษาพูดหรือภาษาเฉพาะกลุ่มอย่างที่จะไม่เจอในตำราอีกด้วย
    • หากคุณมีเพื่อนพูดภาษาจีนที่เต็มใจจะช่วย ก็เยี่ยมไปเลย! ถ้าไม่งั้นคุณสามารถลงประกาศในเน็ตหากลุ่มคนพูดภาษาจีนในละแวกที่คุณอยู่ก็ได้
    • หากแถวนั้นไม่มีใครพูดได้สักคนเลย ลองหาคนตาม Skype พวกเขาอาจเต็มใจแลกเปลี่ยนการสนทนาภาษาจีนสัก 15 นาทีกับการสนทนาภาษาอังกฤษหรือไทย 15 นาที
    • หากหาคนใน Skype ไม่ได้ ลอง QQ (กูเกิลดู จะเจออยู่ลิงก์แรกเลย :)) มันเป็นโปรแกรมแช็ทที่นิยมมากแต่ในเฉพาะประเทศจีน คุณจะพบกลุ่ม/ห้องเรียนภาษามากมายในนั้น คนส่วนใหญ่จะเรียนภาษาอังกฤษกัน พวกเขาจะเต็มใจอยากคุยกับคุณแน่ ลองเพิ่มกลุ่ม (ID:229776426) หวังว่าคุณจะเจอคู่หูคอยผลัดกันสอนภาษานะ
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ลองพิจารณาลงเรียนคอร์สภาษา.
    ถ้าต้องการแรงขับเคลื่อนกว่านั้น หรือรู้สึกว่าจะเรียนดีขึ้นในบรรยากาศเป็นทางการ หาคอร์สเรียนภาษาจีนเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย
    • จากการที่คนจีนแพร่ขยายหรือออกมาท่องเที่ยวเยอะมาก จึงมีคลาสเปิดสอนภาษาจีนมากมาย ราคาก็แตกต่างกันไป คุณสามารถเรียนทางออนไลน์ยังได้เลย
    • มองหาคอร์สภาษาจีนที่มีประกาศในมหาวิทยาลัยหรือศูนย์ชุมชนดู
    • หากคุณกังวลการต้องไปเรียนตามลำพัง ลากเพื่อนไปด้วยสิ จะยิ่งสนุกและมีคนช่วยฝึกระหว่างเรียน!
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ดูหนังและการ์ตูนจีน.
    ลองหาหนังจีน (ที่มีซับไทเทิล) หรืออ่านการ์ตูนจีนในเน็ต ทั้งง่ายและสนุกเพื่อจะได้รับรู้โครงสร้างและวิธีการพูดภาษาจีน
    • ถ้าไฟแรงจัด ลองกดปุ่มหยุดหลังประโยคง่ายๆ ในหนังแล้วหัดพูดตาม ทีนี้จะได้สำเนียงแท้ๆ ตามในหนังเลย!
    • หนังจีนแบบที่มีเสียงจีนมีวางจำหน่ายทั่วไป ซื้อมาแล้วไม่ต้องเปิดแบบพากย์ไทยหรอก ลองดูแบบเสียงดั้งเดิม ไม่แน่ใจก็เปิดแค่ซับไทเทิล
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ฟังเพลงจีนหรือรายการวิทยุภาษาจีน.
    นี่ก็เป็นวิธีทำความคุ้นเคยกับภาษาได้ดี ถึงคุณจะไม่เข้าใจไปทุกคำ ลองหาคีย์เวิร์ดที่จะช่วยคุณเดาได้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไรกัน
    • หาแอปรายการวิทยุภาษาจีนมาใส่ไว้ในมือถือ เพื่อจะได้ฟังเวลาไปไหนมาไหน
    • ลองดาวน์โหลดพอดคาสต์ภาษาจีนมาฟังเวลาออกกำลังกายหรือทำงานบ้าน
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ลองคิดที่จะไปเที่ยวเมืองจีน.
    พอคุณเริ่มคุ้นเคยกับการพูดภาษาจีนพื้นฐาน ลองคิดหาทางไปเที่ยวเมืองจีน หรือแม้แต่ไต้หวัน ไม่มีอะไรจะให้คุณพาตัวเองลุ่มหลงไปในภาษาจีนเท่ากับการเดินทางไปยังแผ่นดินต้นกำเนิดภาษาอีกแล้ว!
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ
    How.com.vn ไท: Godspeed Chen

    Godspeed Chen

    นักแปลผู้ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาแม่
    ก็อดสปีด เฉินเป็นนักแปลอาชีพจากประเทศจีน เขาทำงานแปลและการประยุกต์ปรับให้เข้ากับท้องถิ่นมากว่า 15 ปี
    How.com.vn ไท: Godspeed Chen
    Godspeed Chen
    นักแปลผู้ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาแม่

    ผู้เชี่ยวชาญของเราเห็นด้วยว่า: วิธีเรียนภาษาจีนที่ดีที่สุดก็เหมือนภาษาอื่นๆ คือการลงไปเต็มตัวเลย ไปใช้ชีวิตหรือไปเยือนประเทศจีนจะช่วยทำให้คุณเรียนภาษาจีนได้เร็วขึ้นมากๆ

  6. How.com.vn ไท: Step 6 อย่าเร่งหรือโหดกับตัวเอง.
    การเรียนภาษานั้นเป็นกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไป ภาษาจีนเป็นหนึ่งในภาษาที่เรียนยากที่สุด ให้เวลากับตนเองเถอะ
    โฆษณา


เคล็ดลับ

  • คุณสามารถลองโปรแกรม wechat เพื่อรู้จักคนจีนเจ้าของภาษา มันเป็นเครือข่ายสังคมที่คนจีนนิยมที่สุด เหมือนทวิตเตอร์ในโลกตะวันตก คนจีนต้องเต็มใจอยากคุยกับคุณแน่
  • ถ้าทำได้ อย่างน้อยลองเรียนคอร์สเบื้องต้นในโรงเรียนจะได้มั่นใจว่าออกเสียงแต่ละเสียงถูกต้อง การเรียนพื้นฐานจะช่วยให้คุณเรียนเองที่เหลือได้เร็ว ให้แน่ใจว่าคอร์สเรียนสอนเป็นภาษาจีน ไม่ใช่ ภาษาไทยหรืออังกฤษ ฝรั่งที่ไปสอนภาษาในเมืองจีนต้องพูดอังกฤษ ไม่ใช่ได้พูดจีน
  • ส่วนใหญ่แล้วคนจีนจะมีความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเอง จึงยินดีที่จะช่วยเวลาพบคนอยากเรียนภาษาจีน อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ
  • กุญแจสำคัญคือฝึกฝนต่อเนื่อง! ถ้าคิดว่ารู้เยอะพอแล้ว ให้แน่ใจว่าจะไม่หยุดแค่นั้น คุณจะลืมสิ่งที่เรียนมาในไม่ช้า มันคงน่าโมโหนะถ้าต้องมารื้อฟื้นกันใหม่เรื่อยๆ เพราะคุณไม่ได้ใช้มันอย่างน้อย 4 ครั้งต่อสัปดาห์
  • ถึงจะมีคนไม่เห็นด้วยเรื่องการเขียนจีนเป็นอักษรโรมันและการใช้ระบบแบบนี้ แต่การเรียนพินอินก็พิสูจน์แล้วว่ามีค่าถ้าคุณคิดจะพิมพ์ภาษาจีนด้วยคีย์บอร์ด
  • โทนเสียงกับการออกเสียงสำคัญมากในภาษาจีน เวลาเรียนศัพท์ใหม่ๆ (โดยเฉพาะคนเริ่มหัดเรียน) ให้ใช้เวลาฝึกโทนเสียงเป็นพิเศษ ตัวอย่างเช่น คำว่า "มู", "หมู?" และ "มู่!" เป็นคำที่แยกจากกันสามคำสามความหมายที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรต่อกันเลยในภาษาจีน
  • อย่าขอข้ามการเรียนหลายวันหรือสัปดาห์แล้วอ้างว่าไม่มีเวลา คุณจะลืมเอาได้และต้องเริ่มกันใหม่
  • หากคุณอยากเรียนแบบไวๆ ลองโปรแกรม (เช่น Rosetta Stone หรือแอปมือถือ Duolingo) หรือใช้แฟลชการ์ดมาเรียนก่อนเข้านอน จะได้สนุกไปกับการได้พูด เขียน อ่าน ในแบบมีการโต้ตอบและสนุกสนาน
  • ถึงภาษาจีนไต้หวันจะเหมือนกับจีนกลาง แต่ก็มีความแตกต่างเล็กน้อยทั้งในการออกเสียง คำศัพท์ และไวยากรณ์ ก็เหมือนภาษาอังกฤษที่แตกต่างระหว่างอเมริกากับอังกฤษ (จีนไต้หวันจะยังคงใช้ตัวอักษรดั้งเดิม ในขณะที่จีนแผ่นดินใหญ่จะใช้ตัวประยุกต์)
โฆษณา

คำเตือน

  • หากคุณเรียนคำหยาบ ควรพูดให้เป็นมุกตลกไปซะ เพราะคำด่าในภาษาจีนบางคำมันแรงมากๆ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Tian Zhou
ร่วมเขียน โดย:
ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Tian Zhou. เทียน โจวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาและเป็นผู้ก่อตั้ง Sishu Mandarin โรงเรียนสอนภาษาจีนในย่านมหานครนิวยอร์ก เทียนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านการสอนภาษาจีนเป็นภาษาต่างประเทศ (CFL) จากมหาวิทยาลัยซุนยัดเซ็น และปริญญาโทศิลปศาสตรมหาบัณฑิตสาขาการสอนภาษาอังกฤษให้ผู้ที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ (TESOL) จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก นอกจากนี้เทียนยังได้รับใบรับรองด้านภาษาต่างประเทศ (&ESL) - ภาษาจีนกลาง (7-12) จากรัฐนิวยอร์ก และใบรับรองด้านการทดสอบสำหรับวิชาเอกภาษาอังกฤษและการสอบวัดระดับผู่ตงหัวจากกระทรวงศึกษาธิการแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เขาเป็นผู้จัดรายการของ MandarinPod ซึ่งเป็นพอดคาสต์การเรียนรู้ภาษาจีนขั้นสูง บทความนี้ถูกเข้าชม 74,245 ครั้ง
หมวดหมู่: ภาษาสากล
มีการเข้าถึงหน้านี้ 74,245 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา