ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

ความกลัวสุนัขหรือที่รู้จักกันในนาม โรคกลัวสุนัข (cynophobia) เป็นโรคกลัวสัตว์ที่พบได้บ่อยมาก โรคกลัวสัตว์ถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่าโรคกลัวแบบจำเพาะ ตรงกันข้ามกับโรคกลัวสังคม (social phobia) โรคความกลัวโดยทั่วไปนั้นก็คือความกลัวที่ไม่สามารถควบคุมได้ ไม่มีเหตุผล และคงอยู่นานซึ่งมีต่อบางสิ่งบางอย่าง (วัตถุ สถานการณ์ หรือกิจกรรม) [1] โดยเฉพาะโรคกลัวสุนัขนั้น เป็นความกลัวสุนัขที่ไม่มีเหตุผลและไม่สามารถควบคุมได้ แต่ละคนจะมีระดับความกลัวสุนัขแตกต่างกัน บางคนอาจจะต้องเห็นสุนัขจึงจะรู้สึกกลัว บางคนอาจจะแค่นึกถึงสุนัขก็กลัวแล้ว ไม่ว่าระดับของความกลัวสุนัขของคุณจะอยู่ในระดับใด มีวิธีที่จะช่วยให้คุณเอาชนะความกลัวนั้นได้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

การกำหนดขอบเขตของความกลัวของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 พิจารณาประวัติส่วนตัวของคุณกับสุนัข.
    หลายคนแต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่มีความกลัวสุนัขมาตั้งแต่พวกเขาอายุน้อย ถ้าคุณมีประสบการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ตอนที่คุณอายุน้อยก็อาจจะเป็นเหตุผลสำหรับความกลัวสุนัขของคุณในปัจจุบัน[2]
    • คุณอาจจะเคยมี ประสบการณ์ส่วนตัว แย่ๆ กับสุนัขตัวหนึ่งหรือมากกว่านั้นมาก่อนในอดีต คุณอาจจะเคยถูกสุนัขขู่ ถูกสุนัขไล่ต้อน หรือแม้กระทั่งถูกสุนัขกัด และตอนนี้สิ่งนั้นเป็นความทรงจำเกี่ยวกับสุนัขเพียงอย่างเดียวที่คุณมี การเผชิญหน้ากับสุนัขในตอนนี้อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกเดียวกันกับที่คุณเคยมีในระหว่างประสบการณ์ที่แย่ๆ ตอนนั้น ทำให้คุณกลัวสุนัขในทุกโอกาส
    • คุณอาจจะเคยได้รับ การสั่งสอนโดยไม่ได้เจตนา จากคนอื่นว่าให้กลัวสุนัข เช่น พ่อแม่ บางทีตอนที่โตขึ้นมาแม่ของคุณมักจะคุยในด้านลบเกี่ยวกับสุนัข หรือเล่าเรื่องเกี่ยวกับคนที่เธอรู้จักที่ได้ถูกสุนัขเล่นงาน ความกลัวที่เธอมีได้ถ่ายทอดมาสู่คุณเป็นหลัก คุณอาจจะไม่ได้รู้เรื่องใดๆ ที่แตกต่างกันและโตขึ้นมาโดยคิดไปว่าสุนัขนั้นน่ากลัวและดังนั้นคุณจึงควรจะกลัวพวกมัน กระทั่งอาจจะเป็นไปได้ด้วยว่าความวิตกกังวลนี้เกี่ยวข้องกับความผิดปกติที่คุณได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาจากครอบครัวของคุณด้วย
    • คุณอาจจะเคย รู้เห็น ว่าเกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้นกับบางคนเพราะว่าสุนัข คุณอาจะเคยเห็นบางคนถูกสุนัขทำร้ายและบาดเจ็บ หรือคุณอาจจะเคยดูหนังเกี่ยวกับสุนัขตอนที่อยู่ในวัยที่โน้มน้าวใจได้ง่าย เหตุการณ์นี้ซึ่งไม่ว่าจะเป็นนิยายเรื่องจริงก็อาจจะทำให้คุณเริ่มกลัวสุนัขแม้ว่าจะไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณโดยส่วนตัว[3]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 วิเคราะห์อาการของคุณ.
    โรคกลัวแบบจำเพาะรวมทั้งโรคกลัวสุนัขด้วย อาจจะประกอบด้วยอาการบางอย่างดังต่อไปนี้[4] นอกจากการหาว่าคุณอาจจะประสบกับอาการใดแล้ว ให้นึกถึงว่าคุณประสบกับอาการเหล่านั้น เมื่อไร คุณจำเป็นต้องเห็นสุนัข หรือว่ารูปภาพหรือเรื่องของสุนัขก็สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการของคุณได้ และตัวสุนัขเองที่ทำให้เกิดความกลัวหรือสิ่งที่สุนัขกำลังทำ ยกตัวอย่างเช่น บางคนกลัวเสียงเห่าแต่ถ้าสุนัขเงียบนั้นไม่เป็นไร
    • ความรู้สึกถึงภัยที่ใกล้จะมาถึง
    • ความรู้สึกต้องหลบภัยหรือหลบหนี
    • อาการหัวใจเต้นรัว อาการเหงื่อแตก อาการตัวสั่น การหายใจถี่ อาการเจ็บหน้าอก อาการคลื่นไส้ อาการเวียนหัว อาการหนาวสะท้าน
    • ความรู้สึกราวกับว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั้นไม่จริง
    • ความรู้สึกราวกับว่าคุณคุมตัวเองไม่ได้หรือกำลังจะเสียสติ
    • ความรู้สึกราวกับว่าคุณอาจจะตายก็ได้
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ตรวจสอบว่าคุณเปลี่ยนชีวิตของคุณเพราะความกลัวหรือไม่....
    ตรวจสอบว่าคุณเปลี่ยนชีวิตของคุณเพราะความกลัวหรือไม่. โชคไม่ดีที่ความกลัวอาจจะรุนแรงมากจนเรารู้สึกว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้พวกมันหายไปก็คือการหลีกเลี่ยงพวกมันอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่ความกลัวอย่างเช่นความกลัวการบินอาจจะหลีกเลี่ยงได้ค่อนข้างง่ายโดยแค่ไม่ต้องนั่งเครื่องบิน แต่กับสุนัขนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง มีสุนัขอยู่มากกว่า 60 ล้านตัวแค่ในสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียว ดังนั้นโอกาสที่จะสามารถหลีกเลี่ยงพวกมันได้อย่างสิ้นเชิงนั้นเกือบจะเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว ถามตัวเองว่าคุณทำสิ่งต่อไปนี้เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ๆ สุนัขหรือไม่ ถ้าคุณทำแล้วล่ะก็ มีโอกาสมากเลยทีเดียวที่คุณจะเป็นโรคกลัวสุนัข[5]
    • คุณหลีกเลี่ยงการไปเที่ยวกับเฉพาะบางคนเพราะพวกเขามีสุนัขหรือไม่
    • คุณเปลี่ยนเส้นทางของคุณเพื่อหลีกเลี่ยงบ้านหรือบริเวณใกล้เคียงที่มีสุนัขโดยเฉพาะหรือไม่
    • คุณหลีกเลี่ยงการพูดกับบางคนเพราะว่าพวกเขาคุยเรื่องสุนัขของพวกเขาหรือไม่
  4. How.com.vn ไท: Step 4 เข้าใจว่ามีทางที่จะเอาชนะความกลัวนี้ได้.
    แม้ว่าการเอาชนะความกลัวคุณสุนัขนั้นจะเป็นไปได้ แต่ก็ให้จำใส่ใจว่าคุณจะต้องอดทน มันจะไม่ได้หายไปในทันที แต่จะใช้เวลาในส่วนของคุณด้วย คุณอาจจะอยากลองมองหาความช่วยเหลือแบบมืออาชีพจากนักบำบัดที่สามารถพาคุณผ่านกระบวนการของการเอาชนะความกลัวของคุณได้[6]
    • ลองเขียนเกี่ยวกับความกลัวของคุณในสมุดบันทึก. เขียนความทรงจำแบบจำเพาะในอดีตที่คุณมีเกี่ยวกับสุนัขและคุณรู้สึกอย่างไรในระหว่างประสบการณ์เหล่านั้น
    • เรียนรู้เทคนิคการผ่อนคลายและการทำสมาธิเพื่อช่วยให้คุณสงบและช่วยควบคุมความกังวลของคุณ
    • แบ่งความกลัวของคุณเป็นส่วนเล็กๆ เพื่อที่จะเอาชนะ อย่าคิดว่าคุณจำเป็นต้องจัดการสิ่งทั้งหมดในคราวเดียว [7]
    • มีศรัทธาในตัวเองว่าคุณจะข้ามผ่านความกลัวสุนัขไปได้ และยอมรับความผิดพลาดใดๆ ที่คุณทำระหว่างนั้น
  5. How.com.vn ไท: Step 5 มองหาความช่วยเหลือจากนักบำบัดมืออาชีพ.
    แม้ว่าจะไม่ปรารถนา แต่นักบำบัดจะสามารถช่วยให้คุณเอาชนะความกลัวและความวิตกกังวลของคุณผ่านทางจิตบำบัดได้ นักบำบัดนั้นมีอัตราความสำเร็จในการรักษาคนที่มีโรคความกลัวต่างๆ สูงมากนักบำบัดจะใช้สิ่งที่เรียกว่า ความคิดและพฤติกรรมบำบัด (Cognitive Behavioral Therapy หรือ CBT) ซึ่งสามารถช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนวิธีที่คุณคิด และพวกเขาสามารถสอนทักษะต่างๆ ที่จะช่วยให้คุณเอาชนะความกลัวของคุณได้ พวกเขายังสามารถใช้การรักษาโดยให้คุณเผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัวเพื่อช่วยให้คุณสามารถควบคุมอารมณ์ของคุณได้อีกครั้งเมื่อพบเจอกับสุนัข[8]
    • ลองค้นหานักบำบัดในพื้นที่ของคุณโดยใช้เว็บไซต์ของ Anxiety and Depression Association of America (ADAA) ที่ http://treatment.adaa.org ใส่รหัสไปรษณีย์ของคุณเข้าไปเพื่อหารายชื่อของนักบำบัดที่อยู่ใกล้กับที่ที่คุณอยู่ รายชื่อของนักบำบัดที่มีจะรวมถึงว่านักบำบัดแต่ละคนมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับความผิดปกติด้านไหน ดังนั้นคุณสามารถเลือกคนที่มีความเชี่ยวชาญในโรคแบบจำเพาะหรือโรคกลัวสุนัขได้
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ดำเนินการปรับเปลี่ยนความคิด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เข้าใจว่าการปรับเปลี่ยนความคิดคืออะไร.
    โรคความกลัวหลายอย่างรวมทั้งโรคกลัวสุนัขด้วยนั้น ตั้งอยู่บนวิธีที่สมองของคุณ เข้าใจ สถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจงมากกว่าตัวสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงเอง ยกตัวอย่างเช่น คุณไม่น่าที่จะกลัวสุนัขจริงๆ ตรงหน้าคุณ แต่ในทางตรงข้ามสมองของคุณกำลังตีความว่าสุนัขนั้นเป็นภัยคุกคามซึ่งจากนั้นก็ทำให้คุณกลัว การปรับเปลี่ยนความคิดจะช่วยให้คุณสามารถระบุความคิดเหล่านี้ เข้าใจว่าพวกมันไม่มีเหตุผล และค่อยๆ ช่วยให้คุณคิดใหม่ (หรือปรับมุมมองใหม่) เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง (กล่าวคือ สุนัข)[9]
    • การไปสู่การปรับเปลี่ยนความคิดด้วยใจที่เปิดกว้างและสมัครใจนั้นเป็นสิ่งสำคัญ คุณจำเป็นต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่าความกลัวของคุณอาจจะไม่ได้ตั้งอยู่บนความคิดที่มีเหตุผล และเช่นนั้นหมายความว่าคุณสามารถฝึกตัวเองให้คิดแตกต่างออกไปได้ ถ้าคุณรับการรักษาประเภทนี้อย่างมองดูในแง่ร้ายหรือด้วยความเชื่อที่ว่าคุณมีเหตุผลเต็มที่ในความกลัวของคุณแล้วล่ะก็ คุณจะทำให้กระบวนการนี้สำเร็จยากขึ้นมากกว่าเดิม[10]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 คิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กระตุ้นให้เกิดความนึกกลัวของคุณ....
    คิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กระตุ้นให้เกิดความนึกกลัวของคุณ. ขั้นตอนแรกในการเอาชนะความกลัวของคุณก็คือการระบุหาสิ่งที่ทำให้เกิดความกลัวในตอนแรก ซึ่งนี่อาจจะรวมถึงการคิดและการพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ต่างๆ เรื่องสุนัขที่ผ่านมาของคุณ และการพยายามคิดหาว่าอะไรที่น่าจะเริ่มต้นให้เกิดความกลัวในตอนแรก อาจจะรวมถึงการจำกัดสิ่งกระตุ้นที่แน่นอนที่ก่อให้เกิดความกลัวของคุณให้แคบลงด้วย ว่าเป็นเพราะสุนัขโดยทั่วไปที่ทำให้คุณกลัวหรือว่าคุณจะกลัวตอนที่สุนัขทำอะไรบางอย่างที่เฉพาะเจาะจง (เช่น คำราม เห่า กระโดดขึ้น วิ่ง เป็นต้น)[11]
    • นี่ยังเป็นโอกาสสำหรับคุณและนักบำบัดของคุณที่จะตรวจสอบว่ามีความเจ็บป่วยทางการแพทย์หรือทางจิตพื้นเดิมที่อาจจะทำให้ความกลัวของคุณแย่ลงหรือไม่ สาเหตุพื้นเดิมอาจจะเป็นโรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ที่เฉพาะเจาะจงแต่ไม่เกี่ยวข้องกันที่เริ่มต้นให้เกิดโรคความกลัวนั้น
    • นี่เป็นจุดที่ดีในการเริ่มบันทึกที่คุณสามารถเขียนบันทึกข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับความกลัวสุนัขที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อการบำบัดและการวิเคราะห์ในอนาคต ให้ใช้สมุดบันทึกของคุณในการเขียนบันทึกแต่ละเหตุการณ์ที่คุณจำได้และอะไรก็ตามที่คุณจำได้ที่เกิดขึ้นซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์นั้น
  3. How.com.vn ไท: Step 3 วิเคราะห์ความเชื่อที่มีอยู่ของคุณเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เป็นตัวกระตุ้น....
    วิเคราะห์ความเชื่อที่มีอยู่ของคุณเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เป็นตัวกระตุ้น. เมื่อคุณมีความเข้าใจเป็นอย่างดีเกี่ยวกับเหตุการณ์เฉพาะที่กระตุ้นให้เกิดความกลัวของคุณแล้ว คุณต้องประเมินสิ่งที่คุณกำลังคิดตอนที่ความกลัวนี้เกิดขึ้น คุณกำลังบอกตัวเองว่าอะไร คุณตีความเหตุการณ์ที่เป็นตัวกระตุ้นในความคิดของคุณว่าอย่างไร ความเชื่อจำเพาะของคุณเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นช่วงที่มันกำลังเกิดขึ้นคืออะไร[12]
    • เขียนความทรงจำและความคิดของคุณลงในสมุดบันทึกของคุณต่อ ณ จุดนี้ให้เริ่มต้นเขียนบันทึกเหตุผลว่า ทำไม คุณจึงคิดว่าเหตุการณ์นั้นกระตุ้นให้เกิดความกลัวของคุณ จดบันทึกความเชื่อของคุณให้มากที่สุดเท่าที่คุณจะจำได้
    • วิเคราะห์ความเชื่อและความคิดของคุณเพื่อตรวจสอบว่าประกอบด้วยสิ่งใดสิ่งหนึ่งต่อไปนี้หรือไม่: [13][14]
      • ทั้งหมดหรือไม่เลย ไม่ว่าจะอะไรก็ตามคุณก็มองว่าสุนัขทั้งหมดไม่ดี หรือคุณจัดกลุ่มสุนัขแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของลักษณะเฉพาะบางอย่าง เช่น "ฉันไม่สามารถเป็นเพื่อนกับใครก็ตามมีสุนัขได้"
      • น่าจะ ต้อง หรือควร คุณเห็นสุนัขและทึกทักไปโดยอัตโนมัติว่าคุณต้องกลัวมันใช่หรือไม่ คุณรู้สึกราวกับว่าคุณไม่มีทางเลือกอื่นๆ ในเรื่องนี้หรือไม่ เช่น "แม่ของฉันบอกว่าฉันไม่ควรจะไว้ใจสุนัข"
      • การเหมารวม คุณเคยพยายามเอาชนะความกลัวของคุณมาก่อนและไม่สามารถทำได้และตอนนี้คุณทึกทักว่าคุณจะไม่มีวันสามารถเอาชนะความกลัวสุนัขของคุณได้หรือเปล่า เช่น "ฉันเคยพยายามอยู่ใกล้สุนัขมาก่อนและมันไม่ได้ผล ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากที่จะต้องกลัวสุนัข"
      • การเลือกที่จะเชื่อหรือคิดในสิ่งที่ตนเองคิดหรือมีความเชื่อ คุณสรุปความเกี่ยวกับสุนัขโดยอัตโนมัติโดยยึดประสบการณ์เกี่ยวกับสุนัขก่อนหน้านี้แค่หนึ่งหรือสองครั้งหรือเปล่า เช่น "สุนัขตัวนั้นทำร้ายฉันตอนฉันอายุ 3 ขวบ สุนัขทั้งหมดไม่ดีและจะทำร้ายคนถ้าพวกมันมีโอกาส"
      • การลดด้านบวกลง คุณไม่สนใจสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นเพราะว่าคุณไม่สามารถเชื่อได้ว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้งใช่หรือไม่ เช่น "แน่นอน ฉันเคยนั่งข้างสุนัขตัวนั้นได้ แต่มันแก่และป่วยและดูไม่เหมือนว่ามันจะเดินได้เสียด้วยซ้ำ นับประสาอะไรจะมาทำร้ายฉัน"
      • ด่วนสรุปเอาเอง คุณเห็นหรือได้ยินสุนัขและสรุปความโดยอัตโนมัติเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นใช่หรือไม่ เช่น "นั่นคือสุนัขพิทบูล พวกมันเป็นสุนัขที่น่ากลัวและน่ารังเกียจซึ่งไม่สามารถได้รับการฝึกฝนได้อย่างเหมาะสม"
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ดูความรู้สึกและพฤติกรรมที่เป็นผลมาจากความเชื่อของคุณ....
    ดูความรู้สึกและพฤติกรรมที่เป็นผลมาจากความเชื่อของคุณ. ณ ตอนนี้คุณควรจะมีความเข้าใจสิ่งที่กระตุ้นความกลัวสุนัขของคุณมากขึ้นและความคิดและความเชื่อที่คุณมีเกี่ยวกับสุนัขตอนที่สิ่งกระตุ้นนั้นเกิดขึ้น ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะวิเคราะห์ว่าความคิดและความเชื่อเหล่านี้ที่จริงทำให้คุณรู้สึกและปฏิบัติตัว อย่างไร อีกนัยหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ตามมาของความกลัวของคุณคืออะไร ความกลัว 'ทำให้' คุณทำอะไร[15]
    • เขียนในบันทึกของคุณต่อไป ตอนนี้คุณจะต้องการรวมปฏิกิริยาของคุณ (ทั้งภายในและภายนอก) เข้ากับเหตุการณ์ที่กระตุ้นความกลัวของคุณและความเชื่อที่เป็นสาเหตุของความกลัวนั้น
    • ตัวอย่างของปฏิกิริยาอาจจะเป็น:
      • คุณกำลังเดินไปตามถนนและพบสุนัขที่สนามในบ้านหลังหนึ่ง หลังจากนั้นคุณจะไม่เดินไปตามถนนอีกเลย
      • เพื่อนบ้านของคุณมีสุนัขที่พวกเขาปล่อยให้เล่นอยู่ที่สนามหลังบ้าน ดังนั้นคุณจะไม่ไปสนามหลังบ้านของคุณเองเผื่อว่าสุนัขของเพื่อนบ้านของคุณจะอยู่ข้างนอก
      • คุณปฏิเสธที่จะไปบ้านเพื่อนเพราะว่าพวกเขามีสุนัข และคุณไม่สามารถไปเที่ยวกับพวกเขาได้ถ้าพวกเขานำสุนัขไปด้วย
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ตรวจสอบว่ามีหลักฐานอยู่เพื่อสนับสนุนความเชื่อของคุณหรือไม่....
    ตรวจสอบว่ามีหลักฐานอยู่เพื่อสนับสนุนความเชื่อของคุณหรือไม่. ตอนนี้คุณควรจะอยู่ในจุดที่คุณได้วิเคราะห์แล้วว่าอะไรที่กระตุ้นความกลัวของคุณ ทำไมความกลัวของคุณถูกกระตุ้น และวิธีที่คุณตอบสนองความกลัวนั้น ตอนนี้ถึงเวลาที่จะวิเคราะห์ว่ามี หลักฐาน ที่แท้จริงใดๆ เพื่อสนับสนุนเหตุผลว่าทำไมคุณกลัวสุนัข ให้นึกถึงส่วนนี้ของกระบวนการเพราะคุณจะต้องสามารถพิสูจน์ให้นักบำบัดของคุณ (หรือตัวคุณเอง) ได้ว่าความกลัวของคุณมีเหตุผลอย่างเต็มที่ [16]
    • ใช้สมุดบันทึกของคุณเพื่อจดบันทึกแต่ละความเชื่อและหลักฐานที่เกี่ยวข้องที่คุณมีเกี่ยวกับว่าทำไมความเชื่อนั้นเหมาะสมและมีเหตุผล ถ้าคุณเป็นคนที่มีตรรกะจริงๆ แล้วล่ะก็ คุณสามารถหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ เพื่อสนับสนุนความเชื่อของคุณได้หรือไม่
    • ยกตัวอย่างเช่น คุณมีความเชื่อที่ว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามสุนัขทั้งหมดจะทำร้ายคุณ ทำไมคุณจึงคิดว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องจริง คุณเคยถูกสุนัขทุกตัวที่คุณเคยพบทำร้ายหรือเปล่า คนอื่นๆ ทุกคนถูกสุนัขทุกตัวที่พวกเขาเจอทำร้ายหรือไม่ ทำไมคนถึงเลี้ยงสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงล่ะถ้าพวกเขาถูกทำร้ายเป็นประจำ
  6. How.com.vn ไท: Step 6 สร้างคำอธิบายที่สมเหตุสมผลสำหรับเหตุการณ์ที่เป็นตัวกระตุ้น....
    สร้างคำอธิบายที่สมเหตุสมผลสำหรับเหตุการณ์ที่เป็นตัวกระตุ้น. ถึงจุดนี้คุณได้พยายามพิสูจน์ว่าความกลัวสุนัขของคุณนั้นสมเหตุสมผลอย่างเต็มที่และพบว่าคุณไม่สามารถหาหลักฐานใดๆ ที่จะสนับสนุนความเชื่อของคุณได้ ในความเป็นจริงแล้วคุณอาจจะพบหลักฐานที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ ตอนนี้คุณต้องคิดเกี่ยวกับความเชื่อที่กำลังก่อให้เกิดความกลัวและปรึกษากับนักบำบัดเพื่อสร้างคำอธิบายที่มีเหตุผลสำหรับความเชื่อของคุณ คำอธิบายที่มีเหตุผลเหล่านี้จะเริ่มสมเหตุสมผลและทำให้คุณตระหนักได้ว่าความกลัวที่เกิดขึ้นของคุณนั้นไม่เข้าท่าเอาเสียเลย[17]
    • ถึงแม้ว่านี่อาจจะฟังดูง่าย แต่นี่จะเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดในกระบวนการเอาชนะความกลัวสุนัขเลยทีเดียว ความเชื่อของเราอาจจะเกาะกุมในจิตใจของเราได้ลึกมากจนต้องใช้เวลา (และการโน้มน้าวจิตใจ) สักระยะ ว่าความเชื่อเหล่านั้นมันไม่สมเหตุผล อย่างไรก็ตาม ความเชื่อที่ไม่มีเหตุผลของคุณนั้นอาจจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงสถานการณ์แย่ๆ ได้ แล้วมีปัญหาอะไรกับความเชื่อเหล่านั้นหรือ
    • ยกตัวอย่างเช่น คุณมีความเชื่อว่าสุนัขทั้งหมดจะทำร้ายคุณ คุณไม่สามารถหาหลักฐานใดๆ ที่จะสนับสนุนเชื่อนั้นได้ แล้วทำไมคุณถึงได้เชื่ออย่างนั้นล่ะ บางทีความเชื่อของคุณอาจจะยึดตามข้อเท็จจริงที่ว่าคุณดูหนังตอนคุณอายุ 7 ขวบ (ที่คุณไม่น่าจะดู) ซึ่งมีสุนัขทำร้ายและฆ่าคน หลังจากคุณได้ดูหนังเรื่องนั้นแล้วคุณก็เริ่มกลัวสุนัขโดยยึดตามสมมติฐานว่าหนังเรื่องนี้ได้ถูกต้อง 100% แต่ในความเป็นจริงมันเป็นเพียงแค่หนัง และไม่มีความจริงอยู่ในนั้น และถ้าคุณคิดดีๆ แล้ว คุณไม่เคยเห็นสุนัขทำร้ายใครจริงๆ เสียหน่อย
  7. How.com.vn ไท: Step 7 ดำเนินขั้นตอนต่อไปในการฟื้นตัวของคุณ.
    แม้ว่าตอนนี้คุณจะมาได้ไกลแล้ว แต่ก็ยังไม่จบสิ้นนะ แม้ว่าคุณจะสามารถโน้มน้าวตัวเองได้ว่าความกลัวของคุณนั้นไม่มีคำอธิบายที่มีเหตุผลและไม่มีเหตุผลที่ดีที่จะรู้สึกแบบที่คุณรู้สึก แต่คุณไม่ได้ "หายขาด" อย่างแท้จริง ณ จุดนี้คุณได้ทำการรักษาด้านทฤษฎีเสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้คุณต้องดำเนินการรักษาด้านการปฏิบัติให้เสร็จสิ้นด้วย ในขั้นนี้คุณจำเป็นต้องฝึกการอยู่ใกล้ๆ สุนัข[18]
    • ประการแรก คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ว่าจะผ่อนคลายอย่างไรเมื่อเกิดความกลัวหรือความวิตกกังวล เพื่อความคืบหน้าของคุณจะได้ไม่หยุดชะงัก
    • ประการที่สอง คุณจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับสุนัขทีละน้อย (ในวิธีต่างๆ ) จนกว่าคุณจะสามารถรู้สึกผ่อนคลายเมื่อพวกมันอยู่รอบๆ
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

เรียนรู้เทคนิคการผ่อนคลาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เข้าใจเทคนิคการผ่อนคลายประเภทต่างๆ.
    มีเทคนิคการผ่อนคลายประเภทต่างๆ เป็นจำนวนมากที่คุณสามารถเรียนรู้เพื่อช่วยเกี่ยวกับความกลัวและความวิตกกังวลของคุณได้ ยกตัวอย่างเทคนิคส่วนหนึ่งได้ดังต่อไปนี้: การผ่อนคลายแบบออโต้เจนิก การผ่อนคลายกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง การสร้างมโนภาพ การหายใจลึกๆ การสะกดจิต การนวด การทำสมาธิ ไทชิ โยคะ ไบโอฟีดแบ็ก และดนตรีและศิลปะบำบัด[19]
    • การผ่อนคลายแบบออโต้เจนิก เป็นเทคนิคที่คุณใช้จินตภาพและการตระหนักรู้ของร่างกาย ในระหว่างที่มีการพูดคำหรือข้อความซ้ำๆ เพื่อช่วยผ่อนคลายและลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ
    • การผ่อนคลายกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง เป็นเทคนิคที่คุณเกร็งและผ่อนคลายกล้ามเนื้อแต่ละมัดในร่างกายของคุณเพื่อให้ได้รับความรู้สึกว่ากล้ามเนื้อแต่ละมัดรู้สึกอย่างไรทั้งในภาวะเกร็งและผ่อนคลาย
    • การสร้างมโนภาพ เป็นเทคนิคที่คุณสร้างภาพทิวทัศน์จำเพาะที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและสงบ (เช่น ป่า ชายหาดที่มีคลื่น เป็นต้น)
    • การหายใจลึกๆ เป็นเทคนิคที่คุณตั้งใจหายใจลึกๆ จากท้องของคุณเพื่อที่จะปลดปล่อยความตึงเครียดและปรับเปลี่ยนอาการหายใจเร็วกว่าปกติ [20]
    • ไบโอฟีดแบ็ก เป็นเทคนิคที่คุณเรียนรู้ที่จะควบคุมแต่ละหน้าที่ของร่างกายของคุณ อย่างเช่นอัตราการเต้นหัวใจหรือการหายใจของคุณ [21]
  2. 2
  3. ตอนที่คุณกังวลหรือกลัวนั้นคุณอาจจะตอบสนองโดยการหายใจเร็วเกินไปและการหายใจถี่ การหายใจถี่ๆ สามารถทำให้ความรู้สึกวิตกกังวลและความกลัวของคุณรุนแรงขึ้นและทำให้สถานการณ์แย่ลง การหายใจลึกๆ จะสามารถช่วยให้คุณผ่อนคลาย ลดความตึงเครียดของคุณ และทำให้คุณรู้สึกวิตกกังวลน้อยลงได้ ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อผ่อนคลายโดยใช้การหายใจลึกๆ :[22]
    How.com.vn ไท: ฝึกการผ่อนคลายด้วยการหายใจลึกๆ.
    • นั่งหรือยืนที่ไหนสักแห่งที่คุณรู้สึกสบายและตั้งหลังของคุณให้ตรง วางมือของคุณข้างหนึ่งบนหน้าอกและวางมือของคุณอีกข้างหนึ่งบนท้อง
    • หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ ผ่านจมูกของคุณในขณะที่นับถึงสี่ มือข้างที่อยู่ท้องของคุณจะสูงขึ้นในขณะที่มือข้างที่อยู่บนหน้าอกของคุณไม่ควรจะขยับมาก
    • กลั้นลมหายใจไว้แล้วนับถึงเจ็ด
    • หายใจออกผ่านทางปากของคุณในขณะที่คุณนับถึงแปด ผลักอากาศออกมาให้มากที่สุดเท่าที่คุณทำได้โดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องของคุณ ซึ่งนี่หมายความว่ามือข้างที่อยู่บนท้องของคุณควรขยับลงต่ำและมือข้างที่อยู่บนหน้าอกของคุณไม่ควรจะขยับมาก
    • ทำขั้นตอนเหล่านี้ซ้ำๆ จนกว่าคุณจะรู้สึกสงบลงและผ่อนคลาย
  4. กระทำการผ่อนคลายกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง. คนที่วิตกกังวลยังมีแนวโน้มที่จะเครียดเช่นกัน แม้แต่ตอนที่พวกเขาคิดว่าพวกเขาผ่อนคลาย การผ่อนคลายกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่องสามารถช่วยให้คุณแยกแยะความแตกต่างระหว่างกล้ามเนื้อที่ผ่อนคลายและกล้ามเนื้อที่เครียดเกร็งได้ ดังนั้นคุณจะรู้อย่างแท้จริงว่ารู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างไร ฝึกฝนขั้นตอนต่อไปวันละสองครั้งจนกว่าคุณจะรู้สึกว่าได้ผลจริงๆ[23]
    How.com.vn ไท: Overcome a Fear of Dogs Step 15
    • หาสถานที่เงียบๆ ที่คุณสามารถนั่งหลับตาได้อย่างสบายๆ แล้วก็ถอดรองเท้าของคุณ
    • ปล่อยให้ร่างกายของคุณผ่อนคลายที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้และหายใจลึกๆ 5 ครั้ง
    • เลือกกลุ่มกล้ามเนื้อเฉพาะที่เพื่อที่จะเริ่ม (เช่น เท้าซ้ายของคุณ) และมุ่งเน้นไปที่กล้ามเนื้อเหล่านั้น
      • ออกกำลังกล้ามเนื้อแต่ละมัดในกลุ่มกล้ามเนื้อเหล่านี้: เท้าแต่ละข้าง ขาส่วนล่างและเท้า ขาทั้งหมด มือแต่ละข้าง แขนทั้งหมด ก้น ท้อง หน้าอก คอและไหล่ ปาก ตา และหน้าผาก
    • หายใจลึกๆ ช้าๆ ในขณะที่เกร็งกล้ามเนื้อที่คุณได้เลือกเป็นเวลา 5 วินาที ให้แน่ใจว่าคุณสามารถรู้สึกถึงความตึงในกล้ามเนื้อของคุณก่อนที่คุณจะดำเนินการต่อไป
    • ปล่อยให้ความตึงทั้งหมดออกจากกล้ามเนื้อที่คุณได้เลือกในขณะที่กำลังหายใจออก
    • ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดว่ากล้ามเนื้อเหล่านี้รู้สึกอย่างไรตอนตึงและตอนผ่อนคลาย
    • พักเป็นเวลา 15 วินาที หลังจากนั้นเลือกกล้ามเนื้อกลุ่มอื่นและทำขั้นตอนเดิมซ้ำ
  5. ลองวิธีการสร้างมโนภาพภายใต้การชี้นำ. การใช้มโนภาพเพื่อผ่อนคลายคือการทำเหมือนอย่างชื่อนั่นเอง ก็คือให้คุณสร้างมโนภาพบางอย่างที่คุณคิดว่าผ่อนคลายอย่างมากเพื่อที่จะลดความวิตกกังวลและลดความกลัวของคุณ การสร้างมโนภาพภายใต้การชี้นำคือการที่คุณฟังแผ่นบันทึกเสียงที่มีคนพูดกับคุณตลอดกระบวนการทีละขั้นตอน มีวิธีการสร้างมโนภาพภายใต้การชี้นำฟรีมากมายออนไลน์ บางอันจะมีเพลงพื้นหลังหรือเสียงประกอบต่างๆ เพื่อช่วยทำให้กระบวนการดูเหมือนจริงมากขึ้น[24]
    How.com.vn ไท: Overcome a Fear of Dogs Step 16
    • แผ่นบันทึกเสียงการสร้างมโนภาพภายใต้การชี้นำนั้นจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการเตรียมตัวและสิ่งที่ต้องทำ ซึ่งมีระยะเวลาสั้นยาวแตกต่างกันไป ดังนั้นคุณจะสามารถเลือกอันที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับคุณได้

ดำเนินการรักษาโดยให้เผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เริ่มแผนเผชิญหน้า. เหตุผลที่คุณได้เรียนรู้เทคนิคการผ่อนคลายต่างๆ ก็เพื่อให้ตัวเองสงบในขณะที่ค่อยๆ สร้างการเผชิญหน้ากับสุนัข แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มยอมให้สุนัขอยู่ต่อหน้าคุณ คุณต้องเริ่มสร้างแผน แผนนี้ควรจะประกอบด้วยแต่ละขั้นตอนที่คุณจะทำโดยตลอดระหว่างตอนนี้ (ไม่มีสุนัข) และตอนพวกมันมาอยู่ต่อหน้าจริงๆ[25]
    How.com.vn ไท: Overcome a Fear of Dogs Step 17
    • แผนของคุณควรจะปรับให้เหมาะสำหรับประเภทของความกลัวนั้นๆ ของคุณ และสถานการณ์ที่น่ากลัวที่คุณประสบโดยส่วนตัวได้ ในรายการนั้นควรจะเขียนตามลำดับความกลัวน้อยที่สุดไปยังความกลัวมากที่สุด เพื่อให้คุณสามารถค่อยๆ สร้างวิธีการไปสู่การเอาชนะสถานการณ์ที่น่ากลัวที่สุดของคุณ
    • ตัวอย่างของแผนในการเอาชนะความกลัวสุนัขมีดังต่อไปนี้:
      • ขั้นตอนที่ 1 วาดรูปสุนัขบนกระดาษ
      • ขั้นตอนที่ 2 อ่านหนังสือเกี่ยวกับสุนัข
      • ขั้นตอนที่ 3 ดูรูปสุนัข
      • ขั้นตอนที่ 4 ดูวิดีโอเกี่ยวกับสุนัข
      • ขั้นตอนที่ 5 ดูสุนัขผ่านหน้าต่างที่ปิดอยู่
      • ขั้นตอนที่ 6 ดูสุนัขผ่านหน้าต่างที่เปิดไว้เพียงบางส่วน
      • ขั้นตอนที่ 7 ดูสุนัขผ่านหน้าต่างที่เปิดอยู่
      • ขั้นตอนที่ 8 ดูสุนัขผ่านช่องประตู
      • ขั้นตอนที่ 9 ดูสุนัขจากข้างนอกประตู
      • ขั้นตอนที่ 10 ดูสุนัข (ที่อยู่กับสายจูง) ในห้องข้างๆ
      • ขั้นตอนที่ 11 ดูสุนัข (ที่อยู่กับสายจูง) ในห้องเดียวกัน
      • ขั้นตอนที่ 12 นั่งข้างๆ สุนัข
      • ขั้นตอนที่ 13 ลูบหัวสุนัข
  2. สร้างและฝึกการใช้ระบบการวัดความวิตกกังวล. ใช้ระบบการวัดในการวัดระดับของความวิตกกังวล โดย 0 คือ ผ่อนคลายอย่างที่สุดและ 100 คือ ความกลัว/ ความวิตกกังวล/ ความอึดอัดที่สุดที่คุณเคยประสบมา [26] นี่เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับวัดว่าระดับความเครียดของคุณเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไปอย่างไร[27]
    How.com.vn ไท: Overcome a Fear of Dogs Step 18
    • ระบบการวัดความวิตกกังวลนั้นสามารถช่วยให้คุณตัดสินใจได้เมื่อถึงเวลาที่คุณจะดำเนินขั้นตอนต่อไปของแผนการเผชิญหน้าของคุณอีกด้วย
    • อดทนและใช้เวลากับมัน อย่าข้ามไปขั้นตอนต่อไปเร็วเกินไป [28]
  3. ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่เชื่อถือได้ที่มีสุนัข. ในจุดหนึ่งของแผนคุณนั้นคุณจะต้องพบกับสุนัขจริงๆ คุณต้องการให้บุคคลที่มีความสามารถและเชื่อใจได้จัดการกับสุนัขตัวนี้ และสุนัขจะต้องสามารถคาดการณ์ได้และได้รับการฝึกมาอย่างดี ให้คุยกับเจ้าของสุนัขล่วงหน้าเกี่ยวกับการดำเนินแผนของคุณและอธิบายให้พวกเขาฟังถึงสิ่งที่คุณกำลังพยายามที่จะทำให้สำเร็จ พวกเขาควรจะอดทนและเข้าใจเพราะพวกเขาอาจจะแค่ต้องนั่งอยู่ที่นั่นกับสุนัขของพวกเขาสักพักหนึ่งตอนที่คุณปรับตัวให้ชินกับการปรากฏตัวของสุนัข[29]
    How.com.vn ไท: Overcome a Fear of Dogs Step 19
    • การใช้ลูกสุนัขไม่ใช่ความคิดที่ดี แม้ว่าคุณจะคิดว่าพวกมันน่ารักกว่าและไม่ดุเท่า ลูกสุนัขนั้นไม่ได้รับการฝึกอย่างดีและอาจจะค่อนข้างคาดเดาไม่ได้ ซึ่งนี่สามารถเป็นเหตุให้พวกมันทำอะไรที่ไม่คาดคิดตอนพบกับคุณซึ่งอาจจะทำให้ความกลัวของคุณแย่ลงได้
    • ท้ายที่สุด ถ้าคุณสามารถทำได้ให้ขอให้เพื่อนของคุณสอนคุณเกี่ยวกับคำสั่งพื้นฐานสำหรับสุนัขเพื่อให้คุณสามารถควบคุมสุนัขได้ด้วยตัวเอง การที่สุนัขอยู่ภายใต้การควบคุมอาจจะช่วยคุณบรรเทาความกลัวของคุณต่อไปได้เมื่อคุณรู้ว่าคุณมีความสามารถในการควบคุมกระทำของพวกมัน
  4. เริ่มเผชิญหน้ากับความกลัวสุนัขของคุณ. เริ่มต้นด้วยข้อแรกในแผนของคุณและลงมือทำ ปฏิบัติซ้ำๆ จนกว่าคุณจะรู้สึกกังวลและกลัวที่จะทำน้อยลง ถ้าขั้นตอนที่คุณกำลังทำนั้นคุณจะต้องอยู่ในที่ที่หนึ่ง (คือ ดูสุนัขผ่านทางหน้าต่าง) ให้ค่อยๆ ขยายช่วงเวลาที่คุณดำเนินกิจกรรมด้วย ใช้เทคนิคการผ่อนคลายที่คุณได้ฝึกเพื่อที่จะช่วยให้ตัวเองสงบ[30]
    How.com.vn ไท: Overcome a Fear of Dogs Step 20
    • ใช้บันทึกของคุณเพื่อติดตามความคืบหน้าของคุณ บันทึกความพยายามที่คุณทำแต่ละครั้งและมันได้ผลอย่างไรบ้าง ประเมินระดับของความวิตกกังวลและความกลัวก่อนและหลังความพยายามในแต่ละครั้ง
    • จำไว้ว่าการเผชิญหน้ากับสุนัขนั้นควรมีการวางแผน ยืดเวลา และทำซ้ำๆ
    • อย่ารู้สึกว่าคุณจะต้องรีบ ใช้เวลากับแต่ละขั้นตอนของแผนคุณจนกว่าคุณจะรู้สึกสบายใจที่จะดำเนินขั้นตอนต่อไป
  5. ฝึกฝนเป็นประจำ. ขั้นตอนในการฟื้นตัวส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ยากที่สุดที่คุณจะต้องผ่านไปให้ได้ แต่วิธีเดียวที่มันจะประสบความสำเร็จได้ก็คือคุณทำต่อเนื่องหรือไม่ ทำตารางเวลาที่คุณฝึกเป็นประจำ ถ้าเป็นไปได้ให้ฝึกปฏิบัติเป็นประจำทุกวัน ให้รางวัลกับตัวเองสำหรับความคืบหน้าที่คุณทำได้ ถ้าจำเป็นให้ตั้งรางวัลไว้ในแผนของคุณด้วยเพื่อให้คุณมีเป้าหมายพิเศษในการปฏิบัติแต่ละขั้นตอนต่อไป[31]
    How.com.vn ไท: Overcome a Fear of Dogs Step 21
  1. http://www.montefiore.org/psychiatry-diseases-conditions
  2. http://www.adaa.org/understanding-anxiety/specific-phobias
  3. http://www.calmclinic.com/phobias/cynophobia
  4. http://www.adaa.org/understanding-anxiety/specific-phobias/symptoms
  5. http://www.vetstreet.com/our-pet-experts/facing-fears-dog-and-cat-phobias-are-more-common-than-you-think?page=2
  6. http://www.montefiore.org/body.cfm?id=1724&action=detail&AEProductID=Staywell%5F22&AEArticleID=2966%5F1
  7. http://tinybuddha.com/blog/5-steps-to-overcome-fear-and-meet-your-goals/
  8. http://www.adaa.org/understanding-anxiety/specific-phobias/treatment
  9. https://ndarc.med.unsw.edu.au/sites/default/files/ndarc/resources/AppendicesQ.pdf
  10. http://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1002/9781118528563.wbcbt02/full
  11. http://www.mayoclinic.org/tests-procedures/cognitive-behavioral-therapy/basics/what-you-can-expect/prc-20013594
  12. http://www.mayoclinic.org/tests-procedures/cognitive-behavioral-therapy/basics/what-you-can-expect/prc-20013594
  13. http://psychology.tools/unhelpful-thinking-styles.html
  14. https://ndarc.med.unsw.edu.au/sites/default/files/ndarc/resources/AppendicesQ.pdf
  15. https://ndarc.med.unsw.edu.au/sites/default/files/ndarc/resources/AppendicesQ.pdf
  16. http://www.mayoclinic.org/tests-procedures/cognitive-behavioral-therapy/basics/what-you-can-expect/prc-20013594
  17. http://www.mayoclinic.org/tests-procedures/cognitive-behavioral-therapy/basics/what-you-can-expect/prc-20013594
  18. http://psychcentral.com/lib/relaxation-helps-ease-fears-and-phobias/?all=1
  19. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/stress-management/in-depth/relaxation-technique/art-20045368?pg=2
  20. http://www.helpguide.org/articles/anxiety/phobias-and-fears.htm
  21. http://www.mayoclinic.org/tests-procedures/biofeedback/basics/definition/prc-20020004
  22. http://www.helpguide.org/articles/anxiety/phobias-and-fears.htm
  23. http://www.anxietybc.com/sites/default/files/MuscleRelaxation.pdf
  24. http://psychcentral.com/lib/guided-visualization-a-way-to-relax-reduce-stress-and-more/
  25. http://www.anxietybc.com/sites/default/files/adult_hmspecific.pdf
  26. http://at-ease.dva.gov.au/professionals/files/2012/12/SUDS.pdf
  27. http://at-ease.dva.gov.au/professionals/files/2012/12/SUDS.pdf
  28. http://www.anxietybc.com/sites/default/files/FacingFears_Exposure.pdf
  29. http://www.calmclinic.com/phobias/cynophobia
  30. http://www.anxietybc.com/sites/default/files/FacingFears_Exposure.pdf
  31. http://www.anxietybc.com/sites/default/files/FacingFears_Exposure.pdf

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Evan Parks, PsyD
ร่วมเขียน โดย:
นักจิตวิทยาคลินิกที่มีใบอนุญาต
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Evan Parks, PsyD. ดร. อีวาน พาร์คส์เป็นนักจิตวิทยาคลินิกที่มีใบอนุญาตและผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษที่วิทยาลัยการแพทย์มนุษย์ มหาวิทยาลัยรัฐมิชิแกน เขาเชี่ยวชาญในการช่วยผู้คนจัดการอาการปวดเรื้อรังโดยใช้วิธีการบำบัดด้วยการยอมรับและความมุ่งมั่นที่โรงพยาบาลฟื้นฟูสมรรถภาพแมรี่ฟรีเบด โดยมีประสบการณ์มากกว่า 25 ปี นอกจากนี้เขายังมีประสบการณ์การทำงานในด้านอื่นๆ นับตั้งแต่การจัดการความเครียดไปจนถึงการยืดหยุ่นทางความคิดอีกด้วย ดร.พาร์คส์ยังเป็นผู้แต่งหนังสือชื่อ Chronic Pain Rehabilitation: Active Pain Management That Helps You Get Back to the Life You Love ดร.พาร์คส์ได้รับปริญญาศิลปศาสตร์บัณฑิต สาขาเทววิทยา จากมหาวิทยาลัยซีดาร์วิลล์และได้รับปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาจิตวิทยาการปรึกษา จากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นมิชิแกน และจบปริญญาเอกด้านจิตวิทยา (Psy.D) สาขาจิตวิทยาคลินิกจากสถาบันจิตวิทยาอาชีพฟอเรสต์ บทความนี้ถูกเข้าชม 6,288 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,288 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา