วิธีการ พลิกชีวิตให้ดีขึ้น

การที่จะบังเกิดความพึงพอใจในชีวิตได้นั้น คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง และในขณะเดียวกัน ก็ปรับตัวเข้าหาความเปลี่ยนแปลงในชีวิตด้วย ข่าวดีก็คือ ไม่มีใครจะช่วยคุณทำเช่นนั้นได้ นอกจากตัวคุณเอง ซึ่งก้าวแรกบนหนทางนี้ มักจะยากที่สุด แต่ด้วยความแน่วแน่และทัศนคติที่ถูกต้อง คุณจะสามารถเอาชนะได้เกือบทุกสิ่ง ดังนั้น หากคุณเริ่มรู้สึกเบื่อกับสภาวการณ์ในปัจจุบันของตนเองแล้วละก็ คุณย่อมสามารถทำให้สิ่งต่างๆ ที่รออยู่ข้างหน้า แตกต่างไปได้อย่างสิ้นเชิง

ส่วน 1

ส่วน 1 ของ 3:

สรุปปัญหาทั้งหมด

ดาวน์โหลดบทความ

1
ระบุปัญหา. ไม่ว่าจะกำลังเกิดอะไรขึ้นในชีวิตคุณ คุณอาจรู้ดีถึงสาเหตุที่ตัวเองจมปลักอยู่กับที่ มันเกี่ยวกับเรื่องงาน เพื่อน ความสัมพันธ์ หรือนิสัยเสียบางประการ รวมถึงทัศนคติโดยรวมของคุณเองหรือเปล่า หรือบางทีอาจจะเป็นทั้งหมดนั่นรวมกันเลยก็ได้ คุณกลัวที่จะยอมรับถึงสาเหตุที่แท้จริงหรือไม่ จะยังไงก็ตามคุณจำเป็นต้องยอมรับว่ามีบางสิ่งผิดพลาด จึงจะสามารถแก้ไขมันได้ โชคยังดีที่คุณรู้ย่อมรู้คำตอบเรื่องพวกนี้ดีแก่ใจ
- อาจเป็นไปได้ว่า คำตอบของคุณคือ “ก็ทุกเรื่องนั่นแหละ” บ่อยครั้งที่ปัญหาด้านหนึ่งในชีวิต ส่งผลกระทบต่อด้านอื่นๆ ด้วย แต่อย่าไปเกรงกลัวมัน สุดท้ายแล้วเราสามารถสร้างชีวิตตัวเองได้ ไม่ว่าคุณต้องแก้ไขแค่บางอย่าง หรือทุกอย่างเลยก็ตามที มันก็ย่อมมีทางเป็นไปได้ แน่นอนว่า คุณอาจจะต้องเหนื่อยมากกว่าเดิมหน่อย เช่น อาจต้องปรับทัศนคติใหม่ทั้งหมด แต่มันก็ยังคงมีทางเป็นไปได้อยู่ดี
2
ระบุอุปสรรคทางใจ. การต้องทนทำงานที่ตนเองไม่มีความสุขนั้น ไม่ใช่ตัวปัญหา มันเป็นเพียงผลพวงจากปัญหา ซึ่งปัญหาก็คือการที่คุณกลัวที่จะสมัครงานใหม่และขี้เกียจเกินกว่าที่จะก้าวออกจากงานเดิมในชีวิตประจำวัน เหมือนคำกล่าวที่ว่า “คุณคือศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของตัวเอง” คุณอาจไม่ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณเองทั้งหมด แต่คุณต้องรับผิดชอบวิธีการตอบสนองต่อสิ่งเหล่านั้นอยู่ดี มีรูปแบบความคิดใดๆ ที่ทำให้คุณรับมือกับสิ่งเหล่านั้นได้ไม่ดีเท่าที่ควรหรือเปล่า
- ก่อนที่จะเปลี่ยนวิธีคิดได้ คุณต้องมีความตระหนักรู้ในตนเองเสียก่อน หากคุณต้องการจบปัญหาทุกอย่าง คุณต้องถอนรากถอนโคนมันให้หมด แม้ว่ามันอาจจะดูเป็นเรื่องไกลตัวและไม่จำเป็นในการแก้ไขปัญหา แต่ความจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น (อย่างน้อยก็เรื่องที่ว่ามันไม่จำเป็น) ความคิดอันเป็นอุปสรรคเหล่านั้นจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขก่อนที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้
3
ตั้งคำถามวิธีคิดและความเชื่อที่ทำให้คุณไม่มีความสุข. พร้อมสำหรับคำคมอันลึกซึ้งแล้วหรือยัง “คุณกำลังอยู่ในโลกแห่งความคิดของตัวเองเท่านั้น” ลองไตร่ตรองเกี่ยวกับประโยคดังกล่าวดู หาที่นั่งเงียบและใคร่ครวญดูว่าจริงไหม ทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็นผลพวงมาจากคุณ หรือความคิดและจิตใจของคุณนั่นเองทั้งสิ้น:
- เอาล่ะ คุณเริ่มรู้แล้วว่าคุณมีพลังในการกำหนดวิถีชีวิตตัวเองได้ ไม่ว่าคุณจะเชื่อว่าตัวเองเป็นอย่างไร จะเป็นเจ้าหญิงอันสูงส่ง หรือเป็นเพียงคนที่มีความสุข คุณก็จะเป็นไปตามนั้น คุณเป็นคนเดียวที่มีพลังในการพลิกฟื้นชีวิตตนเอง
- สิ่งต่างๆ ที่ทำให้คุณขาดความสุขในชีวิต มักเกิดจากจินตนาการล้วนๆ แน่นอนว่า งานที่คุณทำอาจจะน่าเบื่อ ซึ่งก็ไม่แปลก คุณอาจจะอยู่ในความสัมพันธ์อันไร้อนาคต ตกงานมาทั้งชีวิต ติดยาเสพติด คิดฆ่าตัวตาย หาทางออกไม่ได้เลย แต่วิธีการมองสถานการณ์ของคุณในตอนนี้ สามารถเป็นจุดเปลี่ยนในการแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้นได้ อย่างไรก็ดี การรู้ว่าสามารถทำให้ดีขึ้นได้ ไม่ได้หมายความจะลงมือทำได้ แต่แค่เพียงคุณรู้สัจธรรมข้อนี้ ก็ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว
4
ปรับทัศนคติให้เป็นผลดีกับตนเอง. การที่สิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นกับคุณได้นั้น คุณต้องมีทัศนคติในการคาดหวังความสำเร็จ คุณเคยลองเดินเข้าไปจีบเพศตรงข้าม โดยเชื่ออยู่ลึกๆ ว่าตนเองจะกินแห้วใช่มั้ย คงจะเคยไม่น้อย ไม่ว่าคุณจะหยุดกลางคันหรือเดินเข้าไปด้วยความประหม่าและหวาดหวั่นจนเห็นได้ชัดก็ตาม ชีวิตคนเราก็เป็นประมาณนั้นเหมือนกัน การที่จะประสบความสำเร็จได้ คุณต้องค่อนข้างมั่นใจและคาดหวังว่ามันจะต้องเกิดขึ้น ดังนั้น หากคุณกำลังมีทัศนคติในเชิงลบ ก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเสียใหม่
- เริ่มฝึกการคิดในเชิงบวก มันอาจจะดูน่าเบื่อไปหน่อย งั้นลองสักวันละ 15 นาทีดูก่อนก็ได้ เวลาที่เกิดความคิดเชิงลบ จงใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนมัน มันอาจดูแปลกๆ ในช่วงแรก แต่จะดีขึ้นในเวลาไม่นาน ในช่วง 15 นาทีดังกล่าว ขอให้เปลี่ยนความคิดที่ว่า “ชีวิตฉันมันแย่มาก” ไปเป็น “ฉันไม่มีความสุขในชีวิตเลย แต่ฉันกำลังจะทำบางอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลง” ฝีกเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะสามารถกำจัดความคิดเชิงลบไปจนหมดสิ้น มันจะง่ายกว่ามากในการตื่นขึ้นมาทำภารกิจในแต่ละวัน ด้วยจิตใจที่พร้อมสรรพในการก้าวไปข้างหน้า
5
เปิดรับพลังเข้าหาตนเอง. ข่าวดีล่าสุดก็คือว่า ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับการกำจัดปัญหาออกไปจากชีวิต มีเด็กน้อยผู้อดอยากและหิวโหยจำนวนมากในโลกนี้ ที่ยังคงยิ้มและหัวเราะได้ และย่อมมีคนที่กำลังอยู่ในสถานการณ์เดียวกับคุณ ซึ่งกำลังนึกขอบคุณในการมีชีวิตอยู่ ดังนั้น จงเปิดรับพลังแห่งความสุขและมองตัวเองว่ามีคุณค่าคู่ควรกับความสำเร็จ ปล่อยให้ตัวเองควบคุมชีวิตเสียใหม่ แทนที่จะเสแสร้งว่าตนเองเป็นเหยื่อผู้บริสุทธิ์ เริ่มกุมบังเหียนชีวิตตัวเองตั้งแต่เดี๋ยวนี้ เพราะคุณมีสิทธิอันชอบธรรมอยุ่แล้ว
- การที่คุณกำลังอ่านบทความนี้แสดงว่าคุณกำลังอยากเปลี่ยนอะไรบางอย่าง ซึ่งมันก็ถือเป็นทั้งหมดที่จำเป็นต้องมีแล้ว คุณแค่ต้องตัดสินใจที่จะทำบางอย่าง และเมื่อนั้น สถานการณ์จึงจะเริ่มเปลี่ยน มันต้องเป็นเช่นนั้น เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ประคองความมุ่งมั่นนี้ไว้และปล่อยให้มันเติบโต จนกระทั่งมันระเบิดออกมา จงกระหายในพลังอำนาจเข้าไว้ บางอย่างกำลังเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงแล้ว
6
ค้นหาความปรารถนาที่สามารถทำให้เป็นจริงได้. มันยากที่จะพลิกฟื้นชีวิตใหม่ หากคุณไม่รู้ว่าต้องมุ่งหน้าไปทางไหน การมีความปรารถนาอันแรงกล้า มีเป้าหมายหรือความฝันเพื่อต้องการไปให้ถึง จะช่วยเปิดหนทางให้คุณเอง แทนที่จะมัวโยนหินถามทางซึ่งอาจไม่มีการตอบสนองใดๆ กลับมา ดังนั้น ถามตัวเองดูว่า คุณอยากเห็นตนเองเป็นเช่นไรในอีกครึ่งหรือหนึ่งปีข้างหน้า
- คุณยังเห็นตัวเองอยู่ในบ้านเกิดหรือเปล่า จมปลักอยู่กับงานเดิมหรือเปล่า หรือกำลังเริ่มต้นหน้าที่การงานและธุรกิจใหม่ๆ ยังเรียนอยู่หรือไม่ อยู่ในสภาพร่างกายที่ดีขึ้นมั้ย ไม่มีคำตอบใดผิดหรือถูก และคุณอาจจะมีมากกว่าหนึ่งคำตอบในใจก็ได้
โฆษณา

ส่วน 2

ส่วน 2 ของ 3:

หว่านพืช

ดาวน์โหลดบทความ

1
ออกแบบแผนการ. เมื่อเริ่มเห็นทิศทางชัดเจนแล้ว คุณก็น่าจะพอวางแผนคร่าวๆ ได้แล้ว ลองลิสท์รายการสิ่งที่คุณสามารถทำได้ในการเริ่มแผ้วถางเส้นทางไปสู่จุดหมาย คุณอาจยังไม่จำเป็นต้องเริ่มวันนี้พรุ่งนี้ก็ได้ ขอแค่รู้ว่าคุณกำลังจะไปทางไหนและมีอะไรบ้างที่คุณจำเป็นต้องทำ
- ตอนนี้เราวางเป้าหมายไว้แล้ว (เช่น การลดน้ำหนัก การศึกษาต่อ หรือการเลิกเหล้าและบุหรี่ เป็นต้น) ต่อไปคุณก็ต้องคิดว่าจะไปถึงเป้าหมายดังกล่าวอย่างไร มันมีแค่นั้นเอง คุณจะต้องเริ่มทำอะไรบ้าง ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่ เพื่อจะได้เริ่มเขี่ยบอลสักที เพราะเมื่อเวลานั้นมาถึง เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว คุณจะได้รู้ว่าต้องเผชิญกับอะไรบ้าง
2
กำจัดสิ่งไร้ประโยชน์. ไม่ว่าจะเป็นการเลิกสูบบุหรี่ เลิกกับแฟนที่งี่เง่า หรือตีตัวออกห่างเพื่อนจอมอันธพาลของคุณ ก็จำเป็นต้องทำ สิ่งเหล่านี้มันจะเหนี่ยวรั้งคุณไว้ สิ่งเหล่านั้นเป็นสาเหตุของความคิดเชิงลบ และยังทำให้อุปสรรคของคุณก่อตัวบานปลายโดยไม่จำเป็น มันอาจจะเจ็บปวดสักหน่อยแต่คุณต้องทำได้ แน่นอนว่ามันปวดร้าวที่ต้องเลิกคบเพื่อนสนิทจอมเกเร หรืออยู่ตัวคนเดียวในห้องอันว่างเปล่า รวมถึงเลิกรากับคนรัก แต่มันก็เป็นเรื่องที่คุณสามารถทำได้ และจะส่งผลดีต่อคุณเองในที่สุด ซึ่งคุณอาจจะรู้ดีอยู่แล้วก็ได้
- เรื่องบางเรื่องอย่างเช่นการ “ลาออกจากงานห่วยๆ” อาจจะไม่ได้ยากอย่างที่ยกตัวอย่างมา จริงอยู่ที่ว่าในยุคปัจจุบันนี้ คุณอาจต้องการเงินในการมีชีวิตอยู่ แต่หากคิดตามความจริงแล้ว คุณก็ยังสามารถลาออกและไปพึ่งพาคนใกล้ชิดบางคนสักชั่วคราวก่อนได้ ถ้ามันจำเป็น หรือใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์ในการมองหางานใหม่ ไม่มีใครบอกเสียหน่อยว่าทุกอย่างมันจะราบรื่น แต่บางทีสถานการณ์ก็ต้องเลวร้ายลงก่อนที่มันจะดีขึ้น คุณต้องพร้อมที่จะลำบากบ้าง
3
หาที่ปรึกษา. เหตุผลก็คือว่า เราต่างจำเป็นต้องพึ่งพาบางคนที่มีประสบการณ์ เพื่อขอคำแนะนำ ขอคำปลอบโยน และขอฟังคำเตือนจากเขาหรือเธอ และหากคุณคิดว่าไม่มีใครสักคนที่คุณรู้จัก ซึ่งเคยผ่านวิกฤติในชีวิตมาก่อน คุณอาจจะคิดผิดแล้ว เพราะชีวิตคือการต่อสู้ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีใครเคยลำบากมาก่อน คุณแค่ต้องกล้าถาม
- อย่างไรก็ตาม ทันทีที่คุณอ่านวลีที่ว่า “หาที่ปรึกษา” จบลง ก็เป็นไปได้ว่าคุณสามารถนึกถึงคนสองสามคนขึ้นมาทันที เพราะปกติแล้ว กระบวนการดังกล่าวถือเป็นเรื่องธรรมดามาก ทั้งนี้ หากคุณจำเป็นต้องร้องขอคนทั่วไปนอกเหนือจากนั้น ให้มาช่วยเป็นที่ปรึกษาล่ะก็ คนๆ นั้นอาจจะไม่คู่ควรเป็นที่ปรึกษาก็ได้ เพราะเรื่องแบบนี้มันต้องอาศัยคนมีประสบการณ์ กร้านโลก และปัญหาผ่านชีวิตมาได้อย่างสง่างาม คุณแค่ต้องสังเกตพฤติกรรมและวิธีคิดของพวกเขา โดยการเปิดใจเรียนรู้และกล้าขอความเห็นในเวลาที่คุณต้องการ
4
เลิกเสแสร้ง. อย่าเพิ่งร้อนตัว เราทุกคนย่อมเคยทำเรื่องแบบนี้ เราย่อมเคยตอบตกลงคำเชิญทั้งๆ ที่ไม่ได้อยากตกลง เราย่อมเคยพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งๆ ที่เอือมระอากับความเห็นของอีกฝ่าย เราต่างก็เคยทำในสิ่งที่สังคมคาดหวัง เพียงเพื่อให้จบๆ ไป โดยไม่ตั้งคำถาม ตอนนี้คุณควรเริ่มตั้งคำถามได้แล้ว หัดพูดว่า “ไม่ล่ะ ขอบคุณ” เมื่อคุณไม่อยากทำอะไรก็ตาม ตอนนี้เป็นช่วงเวลาของการเห็นแก่ตัวและพัฒนาตนเอง นี่ไม่ใช่ข้ออ้างในการทำเรื่องไร้มารยาท แต่เป็นข้ออ้างในการทำสิ่งที่ตนเองต้องการจริงๆ
- การเป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้มีผลเสียต่อใคร การปฏิเสธคำชวนด้วยคำว่า “ไม่ล่ะ ขอบคุณนะ ผมยังไม่อยากทำตอนนี้” ก็ไม่เห็นเดือดร้อนใคร บางคนอาจมีคำถามตามมา แต่พวกเขาจะไม่เซ้าซี้ขอคำอธิบายหรอก หากคุณไม่เต็มใจทำ คุณแค่ต้องการเป็นตัวของตัวเองบ้างในช่วงนี้ หากพวกเขาเดือดร้อน ก็ปล่อยให้เดือดร้อนไป
5
ออกกำลังกาย นอนหลับให้พอ และทานอาหารที่มีประโยชน์. ร่างกายและจิตใจของคุณมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน หากร่างกายคุณรู้สึกดี จิตใจของคุณก็มักจะดีตามไปด้วย ทั้งนี้ องค์ประกอบสำคัญ 3 ประการสำหรับสุขภาพที่สมบูรณ์พร้อมที่จะเผชิญโลก ก็คือ การออกกำลังกาย นอนหลับสบายเต็มอิ่ม และบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ หากคุณไม่มีเวลาทำเรื่องพวกนี้ จงหาเวลาซะ คุณติดหนี้บุญคุณในการทำสิ่งเหล่านี้ให้กับตัวเองนะ
- สำหรับการออกกำลังกาย พยายามหาเวลาสัก 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นการไปเข้าคอร์สมวยไทย หรือแค่จูงหมาเดินเล่นก็ตาม แค่ออกไปทำกิจกรรมบางอย่างสม่ำเสมอ หากคุณสงสัยว่าจะทำไปเพื่ออะไร อย่างน้อยผลการวิจัยก็พบว่า การออกกำลังกายทำให้มีความสุขมากขึ้น^{[1]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- นอนหลับให้เพียงพอด้วย คุณภาพการตัดสินใจของคุณ ขึ้นอยู่กับเรื่องนี้จริงๆ ^{[2]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} เมื่อร่างกายและจิตใจเราอ่อนล้า เรามักจะไม่มีพลังงานมากพอที่จะชั่งน้ำหนักทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณตัดสินใจเมื่อคืนก่อน เช่น ดันตัดสินใจสั่งส้มตำมากินตอนเที่ยงคืน จนท้องเสียและไปทำงานไม่ได้ในตอนเช้า ก็ถือเป็นตัวอย่างที่ดี แต่ในบางเรื่องของชีวิตมันมีความซีเรียสและส่งผลเสียได้ร้ายแรงกว่านั้นอีก ดังนั้น จงนอนให้ได้อย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อคืน เพราะมันส่งผลต่อการตัดสินใจในช่วง 15-17 ชั่วโมงของชีวิตประจำวันที่เหลือได้มากกว่าที่คุณคิด
- โภชนาการบางอย่างยังมีผลต่ออารมณ์ของคุณด้วย^{[3]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} พยายามเพิ่มสัดส่วนของอาหารประเภทธัญพืชขัดสีต่างๆ ผักผลไม้ และเนื้อสัตว์ที่มีลีนโปรตีน รวมถึงผลิตภัณฑ์จากนมไขมันต่ำ อันสามารถชดเชยสิ่งที่คุณขาดไปก่อนหน้านี้
6
จูงใจตัวเอง. เรื่องเล็กน้อยอาจสร้างความแตกต่างอย่างใหญ่หลวง การรีบลุกจากเตียงทันทีหลังจากนาฬิกาปลุก แทนที่จะกดหยุดมันแล้วนอนต่อ จะสามารถเพิ่มความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าให้คุณได้ แม้ว่าหลายคนอาจเชื่อว่ามันตรงกันข้ามก็ตาม นอกจากนี้ การฟังเพลงที่ประโลมจิตใจ เขียนโน้ตไว้ชื่นชมตัวเอง และให้รางวัลตัวเองเมื่อทำภารกิจบางอย่างเสร็จสิ้น สิ่งเหล่านั้นจะช่วยสร้างกำลังใจให้คุณและประคองคุณไว้ในเส้นทางสู่เป้าหมาย
- เปลี่ยนเสียงนาฬิกาปลุกให้ปลุกใจหน่อย หากคุณเป็นประเภทเดียวกับคนส่วนใหญ่ เวลาที่ตื่นตอนเช้า คุณอาจเกิดความคิดที่ว่า “โอ้…ไม่” ซึ่งการเริ่มวันใหม่ด้วยท่าทีเชิงลบเช่นนั้น จะส่งผลเสียต่อช่วงเวลาที่เหลือไปตลอดทั้งวัน ดังนั้น พยายามเริ่มต้นวันใหม่ให้สดใสกว่าเดิม ด้วยการเปลี่ยนเสียงปลุกจากนาฬิกาหรือโทรศัพท์มือถือ โดยตั้งค่าให้เป็นเพลงที่ปลุกใจคุณสักนิดนึง (จะเอาเป็นเพลงเชียร์ทีมฟุตบอลที่คุณรัก หรือเพลงจากหนังมหากาพย์ก็ได้) แล้วความคิดที่ว่า “โอ้…ไม่” จะกลายเป็นคำว่า “ว้าว…เยี่ยม” โดยที่คุณไม่รู้ตัว
โฆษณา

ส่วน 3

ส่วน 3 ของ 3:

ปลูกฝังด้านบวกให้ตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ

1
จัดตารางประจำวัน. ผลการศึกษาพบว่า ผู้ที่ประสบความสำเร็จและพอใจในชีวิต มักจะมีกิจวัตรประจำวันที่พวกเขาปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด แน่นอนว่า กิจวัตรประจำวันของพวกเขาอาจไม่ได้รวมถึงการสวาปามไก่ย่างทั้งตัว หรือนอนเกลือกกลิ้งบนเตียงทั้งวัน แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ พวกเขาใช้ตารางกิจวัตรดังกล่าวเพื่อประหยัดพลังงานส่วนตัวเอาไว้ เพราะมันจะช่วยให้คุณไม่ต้องเสียพลังงานทางจิตไปกับเรื่องที่เคยชินอยู่แล้ว แต่สามารถนำใช้ไปในการควบคุมและแก้ไขปัญหาในแต่ละวันแทนได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ปกติคนเรามักต้องตัดสินใจหลายเรื่องในแต่ละวัน ดังนั้น การมีกิจวัตรประจำวันอันตายตัว จะช่วยจำกัดให้สมองคุณคิดแต่เรื่องที่สำคัญจริงๆ เท่านั้น^{[4]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- อย่าลืมว่า กิจวัตรประจำวันของคุณ ควรมีสามเรื่องสำคัญหลักๆ คือ ออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ และนอนหลับให้เพียงพอ รวมถึงกิจกรรมอื่นที่ดีต่อสุขภาพจิตของคุณ เรียกว่าเล่นนิด ทำงานหน่อย และเวลาที่เหลือก็เอาไว้พัฒนาตนเองบ้าง ไม่ว่าจะพัฒนาด้วยรูปแบบใดก็ตาม เช่น ฝึกสมาธิ หางานใหม่ เรียนต่อ ฯลฯ
2
ตัดสินใจเรื่องสำคัญตั้งแต่ตอนเช้า. เหตุผลก็คือ คุณจะเหนื่อยล้าทางกายและอารมณ์น้อยกว่าในช่วงอื่นของวัน เพราะการตัดสินใจด้วยความอ่อนล้า จะทำให้คุณคิดผิดได้ง่าย พอๆ กับเรื่องที่กินส้มตำตอนเที่ยงคืนนั่นเอง ส่วนตอนกลางคืน เรามักจะเหนื่อยมาจากการทำงานทั้งวันแล้ว จึงมักประมาทเลินเล่อ จนอาจตัดสินใจเป็นภัยร้ายแรงต่อตนเอง อย่าทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด
- หากมีเรื่องต้องตัดสินใจในช่วงค่ำ ให้นอนหลับทับมันไว้ คำพูดนี้อาจคุ้นๆ แต่ก็คล้องจองกันดี และคุณควรจำไว้ให้มั่นด้วย คุณจำเป็นต้องมีพลังงานมากพอก่อนที่ตัดสินได้ว่าทางเลือกไหนดีที่สุด
3
ช่วยเหลือผู้อื่นแบบเฉพาะหน้า. วิธีหนึ่งที่จะช่วยให้จังหวะชีวิตคุณไหลลื่นด้วยความราบรื่น ก็คือการโฟกัสไปที่ผู้อื่น ซึ่งนอกจากจะทำให้สังคมน่าอยู่แล้ว มันยังจะช่วยให้คุณผ่อนคลายและรู้สึกดีขึ้นด้วย แถมยังจะได้มีช่วงเวลาแม้เพียงชั่วครู่ ในการลืมปัญหาตัวเองไปก่อน และสนใจปัญหาของผู้อื่นแทน มันมีแต่ข้อดีเห็นๆ เลย
- การช่วยเหลือผู้อื่นเป็นการกระตุ้นให้ตัวเองมีกำลังใจได้มากกว่าสิ่งใด และการทำเช่นนั้น จะทำให้เราเลิกจมปลักกับตัวเองในเวลาที่กำลังมืดแปดด้าน ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคเสื้อผ้าให้ผู้ยากไร้ หรือการอาสาสมัครทำอาหารเลี้ยงเด็กกำพร้า หรืออย่างน้อยก็เป็นการทำบุญล่ะน่า แค่นี้ก็คุ้มแล้ว
4
เดินบนเส้นทางทีละก้าว. กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว หนทางหมื่นลี้ก็ต้องเริ่มที่ก้าวแรก อย่าคาดหวังความสำเร็จชั่วข้ามคืน เราต่างต้องการความช่วยเหลือและการผลักดันไปในทิศทางที่ถูกต้อง ไม่มีนักกีฬาคนไหนนั่งรอคว้าชัยแบบสบายๆ อะไรที่ต้องเริ่มทำ ก็จงค่อยๆ ทำไป
- ไปลงเรียนวิชาที่ต้องการ ปรึกษานักบำบัด หางานอย่างจริงจัง ดื่มด่ำกับการหาคู่ออนไลน์ เข้ารับการรักษาอาการเสพติด โทรไปเคลียร์ปัญหากับพ่อแม่ เข้าฟิตเนสที่คุณเคยได้แต่มองทุกวันตอนขับรถผ่าน การเริ่มต้นมักจะยาก แต่หากผ่านไปได้แล้ว ก็สบายเหมือนวิ่งลงเขาเลยล่ะ
5
ทำในสิ่งที่เคยใฝ่ฝันมาตลอด. ในเมื่อตอนนี้จิตใจคุณก็พร้อม และร่างกายก็พร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาลงมือทำสิ่งที่คุณต้องการทำมาตลอด สิ่งที่ไม่กล้าทำมาก่อน คุณต้องทลายกำแพงความกลัวนั้นให้ได้ ค่อยๆ เริ่มทีละก้าว ไม่ว่าจะเริ่มเห็นผลลัพธ์เมื่อไรก็ตาม
- คอร์สเรียนที่ลงเอาไว้ จงไปเรียนซะ นักบำบัดที่นัดเอาไว้ อย่าลืมไปหาล่ะ รวมถึงเรื่องส่งเรซูเม่สมัครงาน มองหาคู่เดท เข้าร่วมอบรม นัดคนในครอบครัวทานอาหาร วิ่งบนสายพานในฟิตเนส ฯลฯ จงทึ่งในความสามารถของตน และคุณจะรู้สึกดีเมื่อเห็นพัฒนาการของตัวเอง จนหยุดพัฒนาไม่ได้เลยล่ะ
6
ทบทวนแผนการเป็นระยะๆ. เปรียบเทียบเหมือนกับอาหารทางจิตวิญญาณก็แล้วกัน อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ ก็ต้องตัดทิ้งไป ดังนั้น การทบทวนกิจวัตรประจำวันเป็นครั้งคราวย่อมจำเป็น ถามตัวเองว่า คุณเริ่มรู้สึกดีขึ้นหรือยัง คุณอาจก้าวช้าแต่มั่นคงอยู่เหมือนเดิมไหม พยายามขึ้นอีกนิดได้หรือเปล่า ก็เหมือนเวลาที่คุณเพิ่มน้ำหนักตอนเล่นกล้ามขึ้นเรื่อยๆ นั่นล่ะ คุณก็สามารถเพิ่มความท้าทายให้จิตใจมากขึ้นเรื่อยๆ ได้เช่นกัน
- สิ่งที่เป็นประโยชน์กับคุณตอนนี้ อาจไม่ใช่สิ่งดีในวันข้างหน้าก็ได้ หลังจากที่แผนการคุณเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ก็ควรเพิ่มความท้าทายเข้าไปเรื่อยๆ ได้ตามใจชอบ จะว่าไปแล้ว คุณอาจจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับบางเรื่องในชีวิตได้ง่ายๆ แต่การทำตามแผนการได้สำเร็จไปเรื่อยๆ เช่นนี้ จะทำให้คุณไม่อยากหยุดเดินหน้าเลย
- ในทำนองเดียวกัน สิ่งที่คุณคาดว่าจะได้ผล อาจจะไม่เป็นตามนั้น ในกรณีดังกล่าว คุณอาจขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาว่า ควรทำอย่างไรต่อไป เรื่องดังกล่าวควรพยายามต่อไป หรือตัดทิ้งเสีย หรือมีเทคนิคอะไรทำให้มันง่ายขึ้นบ้างไหม
7
ปฏิเสธที่จะยอมแพ้. ตอนนี้คุณอาจอยู่ในช่วงที่เรียกได้ว่าเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ ซึ่งการก้าวพลาดแม้เพียงก้าวเดียว อาจหมายถึงการดำดิ่งลงไปสู้จุดที่คุณเคยอยู่ ดังนั้น ในช่วงนี้ พยายามโฟกัสไปที่การสร้างแรงจูงใจ การคิดบวก การฝึกลมหายใจ และการสนใจจดจ่ออยู่กับเป้าหมายของตัวเอง หากคุณปฏิเสธที่จะยอมแพ้ รู้อะไรไหม คุณก็จะไม่แพ้ไงล่ะ
- อุปสรรคสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา มันมาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าและโดยไม่ได้ร้องขอเลยด้วยซ้ำ จู่ๆ รถอาจจะเสีย ความสัมพันธ์แตกร้าว ความต้องการเริ่มยากเกินจะควบคุม การเตรียมใจในเหตุการณ์ทำนองดังกล่าวไว้ เป็นเรื่องสำคัญ เพราะคุณจะได้ตั้งตัวทันและไม่ตำหนิตัวเอง มันเกิดขึ้นได้กับทุกคน มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต คุณแค่ต้องการคอยหลบหลีกให้ดี
โฆษณา

เคล็ดลับ

หากคุณไม่เชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็อาจลองใช้เวลาดื่มด่ำในธรรมชาติ บางครั้งคุณก็ควรหยุดพักบ้าง เพื่อผ่อนคลายจากภารกิจต่างๆ และมองในภาพรวมของสรรพสิ่ง ใบไม้ช่างดูงดงามและมีชีวิตชีวา ลองชื่นชมความงามเวลามันสะท้อนกับแสงแดดและพริ้วไหวตามสายลม หรือหากคุณชื่นชอบวิทยาศาสตร์ ลองใคร่ครวญเกี่ยวกับแนวคิดที่คุณประทับใจดูสิ ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีดุลยภาพ ปฏิกิริยาทางเคมี ดวงดาวในจักรวาล หรือความงดงามอันน่าพิศวงของตัวเลข อะไรก็ได้ที่ทำให้คุณได้ปล่อยกายปล่อยใจไปสักพัก
จงร่าเริงเข้าไว้ เรื่องทุกข์โศกใดๆ ที่เกิดขึ้นนั้นถือเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่การเสียใจฟูมฟายนั้นเป็นทางเลือกของเรา ดังนั้น ยิ้มร่าเริงเข้าไว้ ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับความยากลำบาก

โฆษณา