วิธีการ ปรุงสเต็กเนื้อวัวบริเวณส่วนไหล่ (Chuck Steak)

คุณอาจเคยเห็นเนื้อสเต็กส่วนไหล่ที่อยู่บนเคาน์เตอร์ขายเนื้อ แล้วนึกสงสัยขึ้นว่าจะนำเนื้อราคาเบาๆ นี้มาเตรียมอาหารได้อย่างไรกันนะ เพราะเนื้อส่วนไหล่จะอยู่ใกล้ๆ กับคอของวัว แน่นอนว่าถ้าปรุงไม่สุกพอ เนื้อก็จะออกมาเหนียว สเต็กเนื้อส่วนไหล่จะออกมาดีที่สุดถ้าคุณใช้วิธีปรุงนานๆ ช้าๆ อย่างการตุ๋นในเตาอบ หรือเร็วขึ้นหน่อยก็อบหรือผัด เลือกวิธีที่ถนัด แล้วจะเห็นว่าทำไมเนื้อส่วนไหล่นั้นถึงทั้งอร่อยและเป็นที่นิยมนั่นเอง

ส่วนประกอบ

สำหรับการนำไปตุ๋น

น้ำมันพืชหรือน้ำมันคาโนลา 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือและพริกไทยสำหรับปรุง
เนื้อส่วนไหล่ 1.1 - 1.4 กก.
น้ำ 3/4 ถ้วย (180 มล.)
สมุนไพร 1 ช้อนชาหรือ 1 ช้อนโต๊ะ

สำหรับการนำไปอบ

เนื้อส่วนไหล่
เกลือและพริกไทยเพื่อเพิ่มรสชาติ

สำหรับการนำไปผัด

น้ำมันพืช น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันเกรปซีด 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือและพริกไทยเพื่อเพิ่มรสชาติ
เครื่องปรุงสเต็กตามต้องการ (ไม่จำเป็น)

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 4:

การตุ๋นสเต็กเนื้อส่วนไหล่

ดาวน์โหลดบทความ

1
วอร์มเตาอบ และปรุงเนื้อสเต็ก. เปิดเตาอบไว้ที่ 162 องศาเซลเซียส ตักน้ำมันพืชหรือน้ำมันคาโนลาเทลงในหม้อใบใหญ่หรือหม้อเหล็กหล่อ 2 ช้อนโต๊ะ อุ่นน้ำมันให้ร้อนด้วยความร้อนระดับกลาง และโรยเกลือกับพริกไทยใส่เนื้อสเต็ก
- ถ้าเนื้อบาง ใช้เป็นกระทะเหล็กใหญ่ๆ แทนก็ได้^{[1]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
2
ทอดเนื้อเร็วๆ. เมื่อน้ำมันร้อนและเป็นประกาย ก็เอาเนื้อสเต็กลงหม้อได้เลย โดยมันจะมีเสียงดังซู่ๆ ทันทีที่เอาลงในหม้อ ทีนี้ก็ทิ้งไว้ให้สุกจนเป็นสีน้ำตาลด้วยไฟกลาง แล้วใช้ที่คีบกลับด้าน เพื่อให้เป็นสีน้ำตาลทั่วชิ้นเนื้อ จากนั้นก็คีบเนื้อออกจากหม้อ และเทไขมันที่เหลืออยู่ออกจากหม้อด้วย^{[2]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- อย่าลืมสวมถุงมือกันความร้อนขณะทอดเนื้อด้วยล่ะ เพราะน้ำมันร้อนๆ อาจกระเด็นใส่ได้
3
เติมน้ำลงไป. เทน้ำลงไปประมาณ ¾ ถ้วย มันจะเป็นการช่วยให้เนื้อสเต็กยังคงฉ่ำอยู่ตอนที่ทอดมัน และก็ยังทำให้เนื้อคงความนุ่มด้วย ลองใช้น้ำตามคำแนะนำข้างล่างนี้ดูนะ^{[3]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- น้ำซุปเนื้อหรือผัก
- น้ำแอปเปิลหรือไซเดอร์
- น้ำแครนเบอร์รี่
- น้ำมะเขือเทศ
- ไวน์ไม่หวานผสมน้ำสต็อก
- น้ำเปล่า
- ของเหลวสำหรับปรุงรส อย่างเช่น ซอสบาร์บีคิว มัสตาร์ดดีจอน ซอสถั่วเหลือง ซอสสเต็ก หรือซอสวูสเชสเตอร์ 1 ช้อนโต๊ะ (สามารถเจือน้ำผสมได้)
4
คลุกกับเครื่องปรุงรสแห้ง. เพื่อเพิ่มรสชาติให้สเต็กตุ๋น ให้นำไปคลุกกับสมุนไพรแห้งที่คุณต้องการ โดยต้องคลุกกับสมุนไพรแห้งประมาณ 1 ช้อนชา หรือสมุนไพรสด 1 ช้อนโต๊ะ สมุนไพรที่ใช้ได้ก็มีดังนี้
- ใบกะเพรา
- เกลือทะเลและสมุนไพร (Herbes de Provence)
- อิตาเลียน ซีซันนิ่ง
- ออริกาโน่
- ไธม์
5
ตุ๋นสเต็กในเตาอบ. ปิดฝาหม้อเหล็กหล่อแล้วใส่เข้าไปในเตาอบ อบประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาทีต่อเนื้อสเต็กส่วนไหล่ที่หนักประมาณ 1.1 - 1.4 กก. เนื้อสเต็กจะออกมานุ่มเมื่อตุ๋นเสร็จแล้ว และถือว่าพร้อมเสิร์ฟแล้วนั่นเอง ถ้าคุณตรวจสอบอุณหภูมิในเนื้อ สำหรับเนื้อระดับมีเดียมแรร์ ควรมีอุณหภูมิอยู่ที่ 62 C และระดับเวลดันจะอยู่ที่ 79 C^{[4]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้าจะตรวจสอบความนุ่ม ให้เสียบส้อมเข้าไปในเนื้อสเต็กดู ถ้านุ่มพอ ส้อมก็จะเสียบเข้าไปได้อย่างง่ายดายนั่นเอง
โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 4:

การอบสเต็กเนื้อส่วนไหล่

ดาวน์โหลดบทความ

1
เปิดเตาอบย่างแล้วปรุงเนื้อสเต็ก. ถ้าเตาอบย่างของคุณอยู่ส่วนด้านบนของเตาอบปกติ ให้ย้ายเอาตะแกรงอบอยู่ห่างจากตัวทำความร้อน 4 นิ้ว แต่ถ้าเป็นแบบถาดสไลด์อยู่ใต้เตาอบ ก็ไม่ต้องใช้ตะแกรงย่าง เปิดเตาอบย่างทิ้งไว้ และโรยเกลือกับพริกไทยบนเนื้อสเต็ก^{[5]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- จะใช้เครื่องปรุงสเต็กแทนก็ได้ถ้าชอบ
2
อบเนื้อสเต็กด้านหนึ่ง. วางสเต็กที่ปรุงรสแล้วไว้บนถาดอบหรือกระทะเหล็ก แล้วใส่เข้าไปใต้เตาอบย่าง อบประมาณ 7 ถึง 9 นาที ขึ้นอยู่กับความหนาของชิ้นเนื้อ ถ้าคุณชอบแบบมีเดียมหรือแรร์ ก็อบสัก 6 ถึง 7 นาที^{[6]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- คุณอาจต้องแง้มฝาเตาอบออกมานิดๆ เพื่อสังเกตเนื้อที่อบอยู่ด้วย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเตาอบนั่นเอง
3
กลับด้านแล้วอบเนื้อสเต็กอีกด้านหนึ่ง. ใช้ส้อมคมๆ หรือที่คีบกลับด้านเนื้อ วางเนื้อกลับที่เดิม แล้วอบต่ออีก 5 ถึง 8 นาที ขึ้นอยู่กับความหนาของเนื้อ อย่าลืมดูอุณหภูมิเนื้อด้วยล่ะ^{[7]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้าคุณอยากให้สเต็กเป็นมีเดียมแรร์ ก็นำเนื้อออกมาเมื่ออุณหภูมิถึง 60 C สำหรับมีเดียมก็ 70 C
4
พักเนื้อสเต็กและเสิร์ฟได้. นำเนื้อสเต็กมาวางไว้บนเขียงหรือจานเสิร์ฟ ห่อด้านบนของเนื้อไว้ด้วยอลูมิเนียมฟอยล์ให้เหมือนเตนท์ แล้วทิ้งเอาไว้ประมาณ 5 นาที มันจะช่วยให้เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อของสเต็กเรียงตัวกันใหม่ ทำให้น้ำในเนื้อไม่ไหลออกมาหมดเมื่อคุณเริ่มหั่นเนื้อสเต็ก^{[8]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เนื้อสเต็กควรมีอุณหภูมิต่ำลงประมาณ 5 องศาจากตอนที่นำออกจากเตาและพักเรียบร้อย
โฆษณา

วิธีการ 3

วิธีการ 3 ของ 4:

การผัดสเต็กเนื้อส่วนไหล่

ดาวน์โหลดบทความ

1
เปิดเตาอบแล้วปรุงรสสเต็ก. วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 204 C ปรุงรสสเต็กด้วยเครื่องปรุงตามใจชอบ ถ้าอยากให้รสชาติเป็นแบบดั้งเดิม จะใช้แค่เกลือทะเลกับพริกไทยก็ได้ อย่ากลัวที่จะคลุกเนื้อทั้งสองด้านเข้ากับเครื่องปรุง เพราะมันจะช่วยเรื่องรสชาติ และยังทำให้เนื้อออกมาเป็นสีน้ำตาลสวยอีกด้วย คุณควรเห็นเครื่องปรุงติดอยู่บนเนื้อสเต็กด้วยล่ะ โดยจะใช้เครื่องปรุงเหล่านี้ก็ได้เช่นกัน^{[9]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เครื่องปรุงเคจัน
- ซอสชิมิซูรี
- ซอสเทอริยากิ
- เครื่องปรุงสเต็กมอนทรีออล
2
อุ่นกระทะ. วางกระทะก้นหนา (ควรเป็นเหล็กหล่อ) บนเตาแก๊สแล้วจุดไฟสูง เติมน้ำมันมะพร้าว น้ำมันเกรปซีด หรือน้ำมันพืชลงในกระทะสักสองสามช้อนโต๊ะ คุณต้องให้กระทะร้อนมากๆ จนพอวางสเต็กลงกระทะแล้วจะมีเสียงดังซู่ๆ ทันที และเริ่มเป็นสีน้ำตาล
- น้ำมันมะพร้าว น้ำมันเกรปซีด และน้ำมันพืชต่างก็มีจุดเกิดควันที่อุณหภูมิสูงมาก ฉะนั้นมันไม่ทำให้กระทะคุณไหม้แน่นอน อย่าใช้เนยหรือน้ำมันมะกอกกับกระทะ ไม่อย่างนั้นกระทะอาจไหม้ได้
3
ทอดสเต็กทั้งสองด้าน. วางเนื้อสเต็กบนกระทะที่มีน้ำมันร้อนๆ แล้วทอดประมาณ 1 ถึง 3 นาที ค่อยๆ กลับด้านสเต็กแล้วทอดอีกด้าน 1 ถึง 3 นาทีเช่นกัน เนื้อสเต็กควรเป็นสีน้ำตาลทองในแต่ละด้าน ส่วนด้านในจะยังคงดิบเป็นส่วนใหญ่ แต่เดี๋ยวเราจะนำไปอบต่อในเตาอบให้สุกเท่ากันนั่นเอง
- คุณสามารถกลับเนื้อบ่อยๆ ได้ขณะทอด เพื่อที่จะได้เนื้อที่สุกเท่ากัน และเป็นสีน้ำตาลไวขึ้น^{[10]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
4
นำไปอบในเตาอบให้เสร็จ. ใส่เนื้อทอดแล้วทั้งกระทะเข้าไปในเตาอบที่วอร์มเอาไว้ก่อนหน้านี้ อบเป็นเวลาประมาณ 6 ถึง 8 นาที หรือจนกว่าเนื้อสเต็กจะได้ระดับที่คุณต้องการ ถ้าอยากได้มีเดียมแรร์ เนื้อควรจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 62 C และสำหรับเวลดันก็จะอยู่ที่ 79 C เสร็จแล้วก็นำเนื้อออกมาวางบนจาน พักทิ้งไว้สักหน่อยก่อนเสิร์ฟ^{[11]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- การพักเนื้อจะทำให้น้ำในเนื้อกระจายไปทั่วเนื้อเท่าๆ กัน
- ก่อนจะเอากระทะเข้าเตาอบ ต้องดูให้แน่ใจก่อนว่ามันเอาเข้าได้นะ ถึงแม้มันจะเขียนว่านำเข้าได้ แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าสามารถนำเข้าเตาอบในอุณหภูมิ 205 C ได้หรือไม่ด้วย
โฆษณา

วิธีการ 4

วิธีการ 4 ของ 4:

การเลือกและการเสิร์ฟสเต็กเนื้อส่วนไหล่วัว

ดาวน์โหลดบทความ

1
เลือกเนื้อสเต็กส่วนไหล่. ถ้าคุณจะซื้อสเต็กเพื่อทำอาหารให้คนหลายๆ คน ให้เลือกเป็นเนื้อสเต็กชิ้นเล็กขนาดใกล้ๆ กัน หากหาเนื้อสเต็กชิ้นเล็กไม่ได้ ก็ซื้อชิ้นใหญ่มาสักชิ้นสองชิ้นแล้วค่อยหั่นให้เป็นชิ้นเล็ก เพื่อที่สเต็กจะได้สุกเท่าๆ กัน
- เนื้อสเต็กส่วนไหล่มักจะมีขนาดที่ไม่เท่ากันเสมอไป เพราะกล้ามเนื้อจากบริเวณไหล่ของเนื้อวัวนั่นเอง ขอให้เลือกชิ้นเนื้อที่มีไขมันไม่มาก และดูมีความหนาเท่าๆ กัน^{[12]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
2
เก็บและจัดการกับเนื้อส่วนไหล่. ถ้าเป็นไปได้ก็ให้ใช้ทันทีหลังจากนำกลับมาที่บ้านแล้ว แต่ถ้าจะไม่ได้ใช้ในทันที ก็สามารถแช่ไว้ในตู้เย็นได้อีก 2 ถึง 3 วัน ในการเก็บเนื้อ ให้แกะแรปพลาสติกออก แล้วใส่ในจานที่ไม่ใช่พลาสติก คลุมจานเอาไว้หลวมๆ ให้พอมีอากาศไหลผ่านบ้าง แล้วใส่สเต็กแช่ในส่วนที่ไว้แช่เนื้อในตู้เย็น หรือวางไว้ชั้นล่าง เพื่อที่น้ำจากเนื้อจะได้ไม่หยดใส่อาหารชนิดอื่น^{[13]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ตอนที่จะจัดการหรือเก็บเนื้อดิบๆ สิ่งสำคัญหรืออย่าวาง สัมผัส หรือเก็บเนื้อดิบกับเนื้อสุกไว้ปนกัน แยกส่วนกันออกไปเลย รวมถึงเวลาที่จะจับห่อหรือจัดการทำอย่างอื่นกับเนื้อ ก็ให้ใช้เขียงคนละอันด้วย
3
เสิร์ฟเนื้อส่วนไหล่. สำหรับแบบคลาสสิค เสิร์ฟเนื้อส่วนไหล่กับมันฝรั่งสุก (บดหรืออบ) และสลัดเคียงได้เลย ถ้าอยากเสิร์ฟให้แตกต่างออกไป ก็ลองเสิร์ฟพร้อมโคสลอว์ ผักอบ กราแตงผัก หรือผัดเห็ดก็ได้ หรือว่าจะเสิร์ฟกับซอสก็ได้แทบทุกชนิดเลยล่ะ (เช่น ซอสบาร์บีคิว ซอสเพสโต ซอสฮอลันเดส หรือเนยผสม)^{[14]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- คุณยังสามารถหั่นเนื้อเป็นชิ้นบางๆ แล้วเสิร์ฟกับผักทอดและข้าวได้ด้วย หรือจะใส่เนื้อชิ้นบางในแป้งตอติญาเพื่อทำเป็นฟาฮีต้าก็ย่อมได้
โฆษณา