วิธีการ ทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น

ดาวน์โหลดบทความ

ดาวน์โหลดบทความ

ภายในบทความนี้:

ทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นในช่วงเวลานั้น

สร้างความพยายามในระยะยาวเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้ออ้างอิง

คุณอาจจะเพิ่งทะเลาะกับเพื่อนสนิท หงุดหงิดจากที่ทำงานหรือที่โรงเรียน หรือแค่รู้สึกไม่สบาย ทุกคนล้วนมีช่วงเวลาที่รู้สึกไม่ค่อยมีความสุขกับอะไรที่ต้องทำกันทั้งนั้น และสิ่งแรกที่คุณควรจำไว้คือคุณไม่ได้อยู่คนเดียว ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร คุณสามารถใช้วิธีการทั้งแบบรวดเร็วและแบบระยะยาวที่จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นและก้าวต่อไปได้

ขั้นตอน

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 2:

ทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นในช่วงเวลานั้น

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   หายใจลึกๆ สักครู่. วิธีที่เรียบง่ายอย่างการสูดหายใจลึกๆ ให้เต็มปอดสามารถช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ การหายใจลึกๆ จะเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้ร่างกาย ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและลดความดันโลหิตเวลาที่คุณอารมณ์ไม่ดีหรือเครียด นอกจากนี้มันยังช่วยกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติกที่ช่วยทำให้เกิดภาวะสงบด้วย การมุ่งความสนใจไปยังการหายใจมากกว่าเรื่องที่ทำให้เครียดนั้นสามารถทำให้รู้สึกดีขึ้นได้

   • ผู้ที่ฝึกหายใจลึกๆ ประมาณ 20-30 นาทีต่อวัน จะมีระดับความเครียดและความวิตกกังวลลดลง
2. 
   2
   เริ่มเขียนบันทึก. การได้เขียนความรู้สึกลงกระดาษถือเป็นการระบายอย่างหนึ่ง และเป็นช่องทางให้ได้ประมวลผลเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้คุณเกิดความรู้สึกต่างๆ วิธีนี้ยังช่วยเพิ่มความชัดเจนเพื่อรักษาความเจ็บปวดทางจิตใจด้วย ผลวิจัยพบว่าการเขียนมีประโยชน์ในการทำให้รู้สึกดี คือเป็นการบรรเทาความเครียดทางอารมณ์ นอกจากนี้ยังพบว่าการเขียนบันทึกส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย

   • ถ้าคุณมีความเจ็บปวดทางจิตใจที่ไม่อยากบอกเล่าให้ใครฟัง การเขียนบันทึกเกี่ยวกับประสบการณ์เหล่านั้นจะเป็นทางระบายความรู้สึกที่ไม่ทำให้เครียดมากขึ้นจากการถูกมองว่าเป็นคนอ่อนแอโดยเพื่อนหรือครอบครัวที่ไม่เข้าใจคุณ
3. 
   3
   ร้องไห้. น้ำตาที่เกิดจากอารมณ์จะส่งสัญญาณให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน หรือ “ฮอร์โมนแห่งความสุข” ออกมาเพื่อช่วยให้รู้สึกสงบและรู้สึกดีขึ้น การร้องไห้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ร่างกายได้หลั่งฮอร์โมนความเครียด แต่เมื่อร้องไห้เสร็จแล้ว ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะสงบมากขึ้น อัตราการเต้นของหัวใจและอัตราการหายใจช้าลง การร้องไห้ที่มีประโยชน์คือการร้องไห้ที่ทำให้คุณได้ปลดปล่อยความเครียดและความรู้สึกที่ถูกกักเก็บอยู่ออกมา และไม่ไปรบกวนบทบาทหน้าที่ประจำวันของคุณ

   • ถ้าคุณเหมือนจะไม่สามารถควบคุมเวลาหรือความถี่ในการร้องไห้ได้ หรือการร้องไห้ของคุณไปรบกวนการทำงานหรือชีวิตที่บ้าน นี่อาจเป็นตัวบ่งชี้ถึงปัญหาที่ใหญ่ขึ้นอย่างโรคซึมเศร้าหรือโรคเกี่ยวกับความเครียดอื่นๆ ควรพบผู้ให้คำปรึกษาหรือนักบำบัดที่สามารถสอนวิธีการควบคุมการร้องไห้ไม่ให้กระทบต่อชีวิตประจำวันของคุณได้
4. 
   4
   หางานอดิเรกที่สร้างสรรค์. การแสดงออกในทางสร้างสรรค์มีประวัติศาสตร์และความเกี่ยวข้องกับอารมณ์มาอย่างยาวนาน ดนตรี การเต้น และเรื่องเล่า ถูกใช้เพื่อเป็นการแสดงออกทางอารมณ์ที่ช่วยในการรักษาในหลายวัฒนธรรม ไม่ว่าจะในฐานะผู้ชื่นชมหรือผู้สร้าง ลองหันไปหางานอดิเรกที่คุณชอบเพื่อสื่อสารอารมณ์ในทางลบหรือความเจ็บปวดออกมาเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์แทน

   • ตัวอย่างเช่น ผลวิจัยพบว่าดนตรีมีความเชี่อมโยงกับการลดความเครียด โดยจะไปเพิ่มการทำงานของระบบประสาทในสมองส่วนอไมกดาลา (amygdala) ที่ช่วยทำให้อยู่ในภาวะสงบ นอกจากนี้ ยังมีการพิสูจน์ว่าดนตรีทำให้เกิดความรู้สึกที่สามารถควบคุมชีวิตตนเองได้มากขึ้น และช่วยลดความเจ็บปวดในผู้ที่ป่วยเรื้อรัง
   • ทัศนศิลป์ เช่น การวาดรูป การระบายสี การทำภาพปะติดหรือทำการ์ด หรืองานสิ่งทอ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างความหมายให้กับความเจ็บปวดทางจิตใจ และเพิ่มความรู้สึกมีค่าในตัวเองได้
   • การแสดงออกที่เน้นการเคลื่อนไหว เช่น การเต้น หรือการแสดง ได้รับการพิสูจน์ว่าช่วยเพิ่มความรู้จักตนเอง และพัฒนาภาพลักษณ์ ความสามารถในการแก้ปัญหา และความเคารพในตนเอง
5. 
   5
   พึ่งพาผู้สนับสนุนของคุณ. หลายผลวิจัยแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ในการมีกลุ่มผู้สนับสนุนที่สนิทใจ ทั้งครอบครัวและเพื่อนที่คุณสามารถหันไปพึ่งได้ แรงสนับสนุนทางสังคมจะทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนได้มีส่วนร่วมและรู้สึกปลอดภัยกว่าความโดดเดี่ยวเมื่อต้องเผชิญความเจ็บปวด และยังทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากขึ้นได้ด้วย ลองโทร.คุยกับเพื่อนที่ไว้ใจหรือนั่งคุยกับครอบครัวเพื่อระบายความทุกข์และความรู้สึกแย่ๆ
6. 
   6
   ให้รางวัลตัวเอง. ช่วงเวลาที่เกิดความวุ่นวายทางอารมณ์เป็นช่วงที่ดีที่จะหาสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง มันสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่คุณทำแล้วมีความสุข คุณอาจจะไปนวด ไปเที่ยวสวนสนุก ซื้อรองเท้าคู่ใหม่ ทำของหวานจานโปรด ไปดูหนัง หรือทำอะไรอย่างอื่นที่คุณชอบ ให้เวลาตัวเองและตามใจตัวเองบ้าง

   • อย่าลืมทำอย่างรับผิดชอบด้วย คุณคงไม่อยากใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไปกับการให้รางวัลตัวเองแล้วต้องมาเครียดหนักทีหลังเพราะไม่มีเงินหรอกนะ
7. 
   7
   หัวเราะบ้าง. การหัวเราะจะช่วยทุกอย่างตั้งแต่ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ไปจนถึงบรรเทาการตอบสนองต่อความเครียดของร่างกาย นอกจากนี้ยังมีการพิสูจน์ว่าการหัวเราะช่วยยกระดับอารมณ์ให้ดีขึ้นในตอนที่กำลังกังวลหรือเศร้า หาเวลาหัวเราะบ้างโดยนึกถึงเรื่องตลกๆ หรือคุยกับเพื่อนที่มีอารมณ์ขัน หรือแค่หาหนังตลกดูผ่านอินเทอร์เน็ตก็ได้ ใช้ประโยชน์จากอะไรก็ตามที่หาได้ในขณะนั้นเพื่อให้ได้พักและหัวเราะ
8. 
   8
   ให้เวลาตัวเองสงบสติอารมณ์. การเดินเล่นสักห้านาที หรือการลุกขึ้นมายืดเหยียดร่างกายจะช่วยให้คุณปลดปล่อยพลังงานด้านลบได้ แม้ว่าคุณจะไม่ใช่ผู้เล่นโยคะมืออาชีพก็ตาม แค่การยืดเหยียดง่ายๆ ก็ช่วยเพิ่มอารมณ์ด้านบวกได้ การฝึกยืดเหยียดกล้ามเนื้อได้พิสูจน์แล้วว่าช่วยปลดปล่อยพลังด้านลบที่สัมพันธ์กับความเครียด ความวิตกกังวล โรคซึมเศร้า และอื่นๆ ออกไป
9. 
   9
   อย่าหันไปพึ่งยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์. แม้ว่ายาเสพติดและแอลกอฮอล์จะช่วยให้คุณสงบลงได้ชั่วคราวเมื่อรู้สึกเครียดหรือเจ็บปวด แต่ผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องกันว่าการปลดปล่อยในระยะสั้นๆ นี้ไม่คุ้มเลยกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การประสบปัญหาความเครียดและความบอบช้ำทางจิตใจเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงหลักๆ ที่นำไปสู่ปัญหาการใช้สารเสพติดให้โทษ ในขณะที่ขั้นตอนต่างๆ ในบทความวิกิฮาวนี้สรรหาเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณเอาชนะอารมณ์ด้านลบได้ แต่ยาเสพติดและแอลกอฮอล์ก็แค่สร้างวงจรปัญหาที่ทำให้คุณต้องพึ่งพาสิ่งเหล่านั้นเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น ซึ่งมันจะกลายเป็นการติดได้อย่างรวดเร็ว

   • คุยกับผู้ให้คำปรึกษาเรื่องการใช้สารเสพติดให้โทษ ถ้าคุณพบว่าตัวเองต้องพึ่งยาเสพติดและ/หรือแอลกอฮอล์บ่อยๆ ในการปลดปล่อยตัวเองจากความรู้สึกแย่ๆ
   โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 2:

สร้างความพยายามในระยะยาวเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   เบี่ยงเบนความคิดตัวเองถ้าคิดถึงเรื่องไม่ดีขึ้นมา. การใคร่ครวญเป็นกระบวนการของการฉายเหตุการณ์ที่ทำให้เจ็บปวดหรือผิดหวังซ้ำไปซ้ำมาในหัว ซึ่งทำให้มันยากที่จะต้านทานได้ การคิดถึงเรื่องไม่ดีซ้ำๆ ไม่ทำให้เกิดประโยชน์ และจะมีแต่ผลเสียเพราะมันไม่ได้ช่วยให้คุณแก้ปัญหาหรือก้าวต่อไปได้เลย การใคร่ครวญจะดึงความสนใจของคุณไปจากการแก้ปัญหา การเบี่ยงเบนความคิดตัวเองออกจากเรื่องนั้นอย่างมีสติเป็นวิธีหนึ่งที่จะใช้หลีกเลี่ยงมันได้

   • ผลวิจัยพบว่าคนที่ชอบคิดหรือพูดถึงเรื่องเก่าๆ ซ้ำๆ มักจะทำให้เพื่อนและครอบครัวที่อาจช่วยเป็นแรงสนับสนุนได้กลับถอยห่างออกไป
   • การมีสติเป็นวิธีการเบี่ยงเบนตัวเองออกจากการใคร่ครวญนั้นได้ มันคือการที่คุณสนใจกับสิ่งรอบตัว และเสียงต่างๆ รอบตัว หรือความรู้สึกข้างในตัวคุณขณะนั้น
2. 
   2
   ลองมองประสบการณ์ที่ผ่านมาในอีกมุม. ประสบการณ์ที่ไม่ดีมักจะกลายเป็นสิ่งที่สะท้อนความรู้สึกผิดซ้ำๆ การเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับประสบการณ์คือการมองมันจากอีกมุมหนึ่ง การทำเช่นนั้นจะสามารถเพิ่มทักษะการแก้ปัญหาและความมั่นใจของคุณได้

   • ตัวอย่างเช่น การจะปรับมุมมองใหม่หลังจากพบเจอสถานการณ์ที่เจ็บปวด คุณอาจจะคิดถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองและความสัมพันธ์ของคุณก็ได้
   • หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง ถ้าคุณกำลังไม่สบายใจเกี่ยวกับเรื่องที่น่าอาย คุณสามารถลองหาความตลกในสถานการณ์นั้น และเรียนรู้ที่จะหัวเราะให้กับตัวเองเพื่อให้รู้สึกดีขึ้นและก้าวต่อไปได้
3. 
   3
   หาว่าอะไรคือสิ่งที่มีผลกระทบต่อคุณในทางลบ. ถ้าคุณเริ่มจดบันทึกหรือพูดคุยกับเพื่อนหรือคนที่ไว้ใจเกี่ยวกับสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อคุณแล้ว ลองสังเกตรูปแบบของมันดู คุณมักจะเขียนหรือพูดเกี่ยวกับเรื่องเดิมๆ หรือเปล่า ถ้าใช่ คุณสามารถทำอะไรเพื่อเปลี่ยนแปลงสาเหตุของปัญหาได้บ้าง นอกจากแค่ระบายอารมณ์เพราะเรื่องนั้นเป็นประจำ

   • วิธีนี้หมายรวมถึงการสังเกตความสัมพันธ์อย่างจริงจังเพื่อหาว่ามีความสัมพันธ์ใดที่มักจะทำให้คุณรู้สึกแย่หรือไม่ ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างบุคคลอาจเป็นแหล่งความเครียด โรคซึมเศร้า และความรู้สึกด้านลบอื่นๆ อย่างรุนแรง
   • ถ้าสาเหตุเดิมๆ นั้นเกี่ยวกับงานของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมการทำงานได้อย่างไรบ้าง ถ้าคุณไม่สามารถเปลี่ยนให้มันดีกับสุขภาพจิตของคุณได้ บางทีคุณอาจจะต้องคิดถึงเรื่องเปลี่ยนงาน
4. 
   4
   ดูแลสุขภาพกาย. การทำตามขั้นตอนเพื่อพัฒนาและรักษาสุขภาพร่างกายของคุณอย่างสม่ำเสมอจะนำไปสู่สภาพจิตใจที่ดีขึ้น การออกกำลังกายไม่เพียงแต่จะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินที่ทำให้อารมณ์ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้คุณมีเป้าหมายที่จะทำให้สุขภาพดีขึ้นด้วย การเข้ายิมหรือเข้าร่วมกลุ่มออกกำลังกายที่จัดโดยองค์กรต่างๆ เช่น ที่โบสถ์ หรือที่ทำงาน ยังช่วยให้กลุ่มสนับสนุนของคุณกว้างขึ้นด้วย
5. 
   5
   เอาเวลาไปทำเรื่องดีๆ ที่คุณอยากทำ. ความรู้สึกดีจากการที่ได้ช่วยเหลือคนอื่นจะช่วยให้คุณรู้สึกมีค่าและเคารพตนเองมากขึ้น ลองทำกิจกรรมอาสาตามสถานสงเคราะห์ แจกจ่ายอาหาร หรืออย่างอื่นที่คุณอยากจะสละเวลาของตัวเองไปทำ
6. 
   6
   เตือนตัวเองให้รักษาทัศนคติที่ดี. สิ่งที่ยากและสำคัญกว่าในการรักษาความรู้สึกให้ดี คือการจำไว้ว่าสถานการณ์ที่ยากลำบากที่ทำให้เกิดความวุ่นวายทางอารมณ์นั้นเป็นเรื่องปกติในชีวิตที่ต้องเจอ ซึ่งเราจะเรียนรู้ เติบโต ก้าวผ่านประสบการณ์เหล่านั้นไป และการฟันฝ่าอุปสรรคได้ถือเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง จำไว้ว่าคุณสามารถเอาชนะต้นเหตุที่ทำให้คุณเป็นทุกข์ได้ และสิ่งสำคัญคือการที่คุณจัดการกับอารมณ์เหล่านั้นและก้าวต่อไปได้โดยที่ไม่ปล่อยให้มันมารบกวนชีวิตคุณอีก
7. 
   7
   ลองขอคำแนะนำจากผู้ให้คำปรึกษาหรือนักบำบัด. ถ้าคุณพยายามอย่างที่สุดแล้วที่จะรู้สึกดีขึ้นกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่คุณยังรู้สึกเครียด กังวล ท้อแท้ หรือซึมเศร้า ลองนัดพบผู้ให้คำปรึกษาหรือนักบำบัดดู ผู้เชี่ยวชาญสามารถช่วยคุณหาเครื่องมือที่จะใช้จัดการกับสถานการณ์ที่กระทบต่อคุณได้ และยังสามารถแนะนำยา กลุ่มช่วยเหลือ หรือวิธีการอื่นๆ ที่จะทำให้คุณได้ประโยชน์อีกด้วย
   โฆษณา

คำเตือน

• ถ้าคุณเคยมีความคิดที่จะทำร้ายตัวเอง ควรปรึกษาแพทย์โดยด่วน
• ถ้าคุณพบว่าตัวเองต้องพึ่งยาเสพติดและ/หรือแอลกอฮอล์บ่อยๆ เพื่อให้รู้สึกดีขึ้น ควรนัดพบผู้ให้คำปรึกษาเรื่องการใช้สารเสพติดให้โทษเพื่อเลิกเสียก่อนที่มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่

โฆษณา