วิธีการ ทำอาหารให้แมว

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

เนื่องจากแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ แมวจึงจำเป็นต้องกินเนื้อสัตว์และหลีกเลี่ยงอาหารที่เต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรตที่แมวไม่สามารถย่อยได้[1] การเลี้ยงแมวโดยให้อาหารแบบผิดๆ นั้นจะทำให้แมวมีปัญหาสุขภาพและทำให้แมวอายุสั้นลง การทำอาหารให้แมวเองเป็นวิธีที่ดีที่จะมอบโปรตีนที่แมวต้องการ และก็ยังเป็นงานอดิเรกสนุกๆ ด้วย สิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้คือสารอาหารที่จำเป็นต่อแมวและการทำอาหารแบบต่างๆ ที่จะทำให้แมวได้รับสารอาหารดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

ทำความเข้าใจว่าถึงสารอาหารที่แมวต้องการ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ทำความคุ้นเคยกับสารอาหารที่แมวต้องการ.
    สารอาหารที่แมวต้องการนั้นแตกต่างกับมนุษย์อย่างมาก ดังนั้นจึงต้องเอาใจใส่และวางแผนเกี่ยวกับอาหารของแมว แมวต้องการอาหารที่มีโปรตีนและไขมันสูง ในความเป็นจริงแล้วแมวต้องการโปรตีนมากกว่าสุนัขถึงสองเท่า[2]
    • แมวต้องการเนื้อสัตว์ ไขมัน เครื่องใน และกระดูก ถึง 85 เปอร์เซนต์และต้องการผัก สมุนไพร และไฟเบอร์หยาบๆ เพียงแค่ 15 เปอร์เซนต์เท่านั้นในการกินอาหาร[3]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ระบุสัดส่วนของอาหารที่ดีต่อสุขภาพของแมว.
    อาหารที่ดีต่อสุขภาพของแมวนั้นมีดังต่อไปนี้[4] น้ำสะอาด (มีตั้งไว้ตลอดเวลาและแมวสามารถเข้าถึงได้ง่าย) โปรตีน (แมวส่วนใหญ่จะไม่กินอาหารที่มีโปรตีนน้อยกว่า 20 เปอร์เซนต์) ไขมัน (แมวต้องการไขมันเพื่อเป็นพลังงาน เพื่อกรดไขมันที่จำเป็น เพื่อสำหรับวิตามินที่ละลายในไขมัน และเพื่อเป็นรสชาติ) วิตามินเอ (แมวต้องการวิตามินชนิดนี้ในปริมาณมาก มันจะอยู่ในตับ ไข่ และนม แต่อาหารเหล่านี้ควรให้แมวทานด้วยความระมัดระวัง) วิตามินบี (แมวต้องการวิตามินบีและจะกินบริเวอร์ยีสต์ทันทีถ้ามีสัญญาณถึงการขาดวิตามินบี เช่น รู้สึกไม่อยากอาหารเป็นเวลา 2-3 วันหรือเป็นไข้) วิตามินอี (วิตามินอีนั้นจำเป็นต่อการแตกตัวของไขมันที่ไม่อิ่มตัวในอาหารแมว) และแคลเซียม (นี่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างและรักษาสุขภาพกระดูกของแมว)
    • ทอรีน (Taurine) เป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อแมว ปกติแล้วจะอยู่ในอาหารแมวที่ขายทั่วไป (ทั้งอาหารเปียกและแห้ง) จะมีปริมาณทอรีนที่เหมาะสม แต่หากคุณให้แมวกินอาหารแมวทำเองหรืออาหารมังสวิรัติ แมวของคุณอาจจะมีความเสี่ยงที่จะขาดทอรีน การขาดทอรีนในแมวนั้นจะทำให้แมวจอประสาทตาเสื่อมและจะเป็นสาเหตุให้แมวตาบอดถาวร รวมถึงหัวใจล้มเหลว นี่จึงเป็นเหตุผลว่าการเพิ่มทอรีนไปในอาหารของแมวจึงสำคัญ
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ลองคิดถึงเวลาในการให้อาหารแมวและวิธีการให้อาหาร....
    ลองคิดถึงเวลาในการให้อาหารแมวและวิธีการให้อาหาร. ตัวอย่างเช่น แมวในแต่ละช่วงวัยก็ต้องการตารางการให้อาหารที่แตกต่างกันหรือประเภทอาหารที่ต่างกัน ขณะที่แมวส่วนใหญ่สามารถควบคุมการกินอาหารของมันได้เอง แต่ก็มีในบางกรณีที่คุณจะต้องเป็นผู้ควบคุม
    • ลูกแมวจะต้องกินอาหาร 3-4 ครั้งต่อวันตั้งแต่อายุ 6 อาทิตย์ไปจนถึง 3 เดือน ในช่วงที่ลูกแมวอายุ 6 เดือน ก็สามารถลดการให้อาหารลงได้เหลือแค่ 2 ครั้งต่อวัน
    • แมวผู้ใหญ่ควรปล่อยให้มันกินอาหารในเวลาที่มันอยากกิน มันอาจจะทยอยกินอาหารตลอดวัน แต่ถ้านั่นเป็นเรื่องที่คุณไม่สามารถทำได้ ก็ควรให้อาหารอย่างน้อยหลายๆ ครั้งต่อวัน
    • ถ้าคุณมีแมวหลายตัวที่กินอาหารแตกต่างกัน คุณอาจจะต้องลองคิดถึงระบบการให้อาหารที่ไม่ทำให้มันไปกินอาหารของตัวอื่น
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ถือเอาว่าสุขภาพของแมวสำคัญกว่าหลักการทานอาหารของคุณเอง....
    ถือเอาว่าสุขภาพของแมวสำคัญกว่าหลักการทานอาหารของคุณเอง. แมวนั้นไม่สามารถเติบโตหรืออยู่รอดหากกินอาหารมังสวิรัติ[5][6] แม้จะมีการถกเถียงกันในเรื่องนี้ แต่ความต้องการตามธรรมชาติของแมวและความเป็นอยู่ของแมวควรเป็นเรื่องที่มาก่อน
    • แม้ว่าจะมีอาหารเสริมบางชนิดที่ผู้ที่ทานมังสวิรัติให้แมวกินด้วย เช่น ทอรีน และมีข้อแนะนำมากมายสำหรับอาหารแมวแบบมังสวิรัติ แต่อาหารแมวแบบมังสวิรัตินั้นอาจจะส่งผลให้แมวตาบอดและหัวใจล้มเหลว อาหารประเภทนี้ที่เป็นความพยายามอย่างมากของเจ้าของแมวอาจจะมีความเสี่ยงทำให้แมวอายุสั้นและเป็นโรคต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ดีต่อสุขภาพในปริมาณมากในอาหาร
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ระลึกไว้ว่าการทำอาหารให้แมวเองนั้นจะต้องศึกษาหาข้อมูลเองด้วยและควรทำภายใต้คำแนะนำของสัตวแพทย์....
    ระลึกไว้ว่าการทำอาหารให้แมวเองนั้นจะต้องศึกษาหาข้อมูลเองด้วยและควรทำภายใต้คำแนะนำของสัตวแพทย์. การให้อาหารแมวที่ทำเองทั้งหมดโดยไม่มีอาหารแมวสำเร็จรูปนั้น คุณจำเป็นต้องทำอาหารที่มีสารอาหารอย่างสมดุลและทำอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าแมวนั้นได้รับทุกอย่างที่จำเป็นต่อร่างกายของมัน วิธีนี้ไม่แนะนำหากคุณไม่ศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนเสียก่อนว่าแมวต้องการอะไรและไม่ปรึกษาเรื่องนี้กับสัตวแพทย์
  6. How.com.vn ไท: Step 6 พึงระวังว่าแมวนั้นติดอาหารบางอย่างได้ง่ายๆ....
    พึงระวังว่าแมวนั้นติดอาหารบางอย่างได้ง่ายๆ. หากคุณไม่ได้สังเกตในเรื่องนี้ มันอาจจะเป็นเรื่องที่น่าหดหู่ที่จะพยายามเปลี่ยนแปลงการกินอาหารของแมว อย่ารู้สึกประหลาดใจอาหารแมวของคุณจะถูกเจ้าแมวปฏิเสธ ! ให้พยายามต่อไปจนกว่าอาหารของคุณจะกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของแมวได้ ให้ยกอาหารปกติของแมวออกไปในช่วงที่ทดลองให้อาหารใหม่ นี่ก็เป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้มันลองกินอาหารใหม่บ้าง
    • ค่อยๆ เพิ่มอาหารแมวทำเองไปในอาหารปกติของแมว นี่จะทำให้แมวคุ้นเคยกับเนื้อสัมผัสและกลิ่นใหม่ๆ ของอาหารที่คุณทำเอง
    • อย่าตั้งอาหารที่แมวไม่กินทิ้งไว้ ถ้าแมวของคุณไม่ได้กินอาหารที่คุณทำภายใน 1 ชั่วโมง ให้ทิ้งมันไปและลองใหม่ครั้งหน้า
  7. How.com.vn ไท: Step 7 หลีกเลี่ยงการให้อาหารแมวที่เป็นอันตรายหรือเป็นพิษต่อแมว....
    หลีกเลี่ยงการให้อาหารแมวที่เป็นอันตรายหรือเป็นพิษต่อแมว. ระลึกไว้ว่าแค่คุณทานมันได้ไม่ได้หมายความว่าแมวจะกินได้เหมือนคุณ อาหารที่ไม่ควรให้แมวกินได้แก่ หัวหอม กระเทียม ไชว์ส ( Chives) องุ่น ลูกเกด ช็อกโกแลต (รวมถึงช็อกโกแลตขาว) น้ำตาล แป้งโดที่ยังไม่สุก และเครื่องเทศที่อยู่ในตู้อาหาร เช่น จันทร์เทศ ผงฟู [7]
    • ส่วนผสมอื่นๆ ที่ควรหลีกเลี่ยงนั้นได้แก่ แอลกอฮอล์ (มันจะส่งผลต่อแมวเหมือนที่มีต่อมนุษย์แต่เร็วกว่า แค่วิสกี้ 2 ช้อนชาก็สามารถทำให้แมวน้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัมอยู่ในอาการโคม่าได้) อาหารสุนัข (ทั้งแบบเปียกและแห้ง โดยอาหารสุนัขนั้นมีสารอาหารที่แตกต่างจากของแมวอย่างสิ้นเชิง) ลูกกวาดและหมากฝรั่ง (หากมีสารให้ความหวานเช่น ไซลิทอล มันจะทำให้ตับแมวล้มเหลว) กาแฟ ชา และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เพิ่มคาเฟอีน เช่น ยาแก้หวัด เครื่องดื่มชูกำลัง และยาแก้ปวด (ยาแก้ปวดในปริมาณมากสามารถทำให้แมวตายได้และไม่มียาถอนพิษ) และยาของมนุษย์ทุกประเภท (อะเซตามิโนเฟนและไอบูโพรเฟนนั้นเป็นอันตรายกับแมวในระดับถึงตาย)[8]
  8. How.com.vn ไท: Step 8 จำกัดปริมาณอาหารที่ไม่เป็นพิษต่อแมวแต่ไม่ดีต่อสุขภาพหากให้ในปริมาณมาก....
    จำกัดปริมาณอาหารที่ไม่เป็นพิษต่อแมวแต่ไม่ดีต่อสุขภาพหากให้ในปริมาณมาก. แมวนั้นต้องกินอาหารให้ครบถ้วน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกมันต้องการสารอาหารทั้งหมดในปริมาณมากๆ
    • จำกัดปริมาณของไขมันและกระดูก ไม่ควรให้แมวหรือแมวอ้วนกินกระดูกเพราะมันจะทำให้เป็นโรคตับอ่อนอักเสบในแมว[9]
    • ใช้แค่บางส่วนของไข่ดิบ ไข่แดงดิบนั้นแมวสามารถย่อยได้แต่ไข่ขาวนั้นไม่ได้ ให้ใช้ไข่ทั้งฟองทำอาหารหากต้องใช้ไข่ขาว คุณควรระลึกถึงปัญหาแบคทีเรียที่อยู่ในไข่ ลองพิจารณาการนำไข่ทั้งฟองมาทำอาหารในแต่ละครั้ง แม้ว่าแมวจะมีความเสี่ยงติดเชื้อซาลโมเนลลา (Salmonella) น้อยกว่ามนุษย์ (เชื่อกันว่าแมวที่ไม่มีครรภ์นั้นมีโอกาสติดมากกว่า) แต่ปัญหาก็คือแมวสามารถเป็นพาหะของโรค ซึ่งนั่นหมายความว่าแมวสามารถส่งผ่านเชื้อโรคมาสู่มนุษย์ได้[10]
    • เนื้อดิบนั้นควรแช่แข็งก่อนที่จะให้แมวกินหากคุณไม่แน่ใจจริงๆ ว่ามันเป็นเนื้อที่มาจากแหล่งที่ดี
    • ให้แมวกินตับไม่ควรเกิน 2 ครั้งต่ออาทิตย์
    • การให้ทูน่านั้นจะทำให้แมวเสพติดหากให้มากเกินไปและจะส่งผลให้แมวขาดสารไทอะมีน (Thiamine) ปกติแล้วการให้ปลาชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไปจะทำให้แมวขาดสารอาหารเช่นกัน
    • นมและผลิตภัณฑ์นมสามารถทำให้แมวปวดท้องได้ และรวมถึงอาการอาหารไม่ย่อยและอาการคัน ให้พูดคุยกับสัตวแพทย์ถ้าคุณให้แมวกินนมอยู่ ไม่ใช่สัตวแพทย์และเจ้าของแมวทุกคนจะเชื่อว่านมนั้นไม่เหมาะสมที่จะให้แมวกิน
  9. How.com.vn ไท: Step 9 ให้ระมัดระวังในการทำอาหารให้แมวเองอย่างถาวร....
    ให้ระมัดระวังในการทำอาหารให้แมวเองอย่างถาวร. หากคุณไม่แน่ใจว่าคุณสามารถทำอาหารแมวโดยคงให้มีสารอาหารอย่างสมดุล การทำอาหารให้แมวกินทุกมื้อนั้นอาจจะส่งผลให้แมวขาดสารอาหารและเป็นอันตรายต่อแมวได้ สัตวแพทย์หลายท่านไม่แนะนำให้ใช้อาหารที่ทำเองเพียงเพราะว่าเจ้าของแมวที่ยุ่งอาจจะทำผิดไปจากสูตรอาหารเนื่องจากเวลาที่เร่งรีบ[11] นอกจากนี้ สัตวแพทย์อาจจะกังวลเกี่ยวกับการขาดความรู้ในเรื่องสารอาหารที่แมวต้องการ การขาดความสนใจที่เพียงพอในการทำอาหารเนื่องจากเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันของมนุษย์เอง[12]
    • ถ้าคุณอยากที่จะทำอาหารให้แมวกินทั้งหมด มันก็เป็นเรื่องเป็นไปได้ แต่มันต้องใช้ข้อมูลและการศึกษา (ที่บ่อยครั้งแล้วขัดแย้งกัน) และการประเมินวัตถุดิบต่างๆ ที่มีในพื้นที่ของคุณ
    • พิจารณาการใช้ชีวิตของคุณ. หากคุณเดินทางบ่อยและให้คนอื่นให้อาหารแมวแทน คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าอาหารแมวที่ทำเองนั้นจะเพียงพอ? หากคุณต้องทำงานหลายชั่วโมง คุณจะสามารถเตรียมอาหารสำหรับแมวในช่วงวันหยุดเพื่อให้แมวกินทั้งอาทิตย์ได้หรือไม่?
    • พิจารณาความจำเป็นของอาหารสดที่แมวต้องกิน ถ้าคุณนำทุกอย่างมาทำสุกหมด แมวของคุณจะได้รับสารอาหารที่ปกติแล้วมาจากอาหารสดหรืออาหารแมวสำเร็จรูปได้อย่างไร?
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

ทำอาหารแมวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 หาสูตรหรือคิดค้นขึ้นมาและเริ่มทำอาหาร.
    เมื่อคุณเข้าใจพื้นฐานของสารอาหารที่แมวต้องการแล้ว คุณก็พร้อมที่จะเริ่มทำอาหารให้แมวของคุณได้ ระลึกไว้ว่าไอเดียการทำอาหารต่อไปนี้ควรให้แมวกินเป็นครั้งคราวและไม่ใช้เป็นอาหารแมวอย่างถาวร ถ้าคุณอยากจะทำอาหารแมวด้วยตนเองให้แมวกินอย่างถาวร เป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องศึกษาค้นคว้าเพื่อทำอาหารที่มีสารอาหารต่างๆ ที่แมวต้องการอย่างสมดุล และควรได้รับการรับรองจากสัตวแพทย์ด้วย
    • แมวของคุณอาจจะไม่ชอบอาหารที่คุณทำให้ และมันจะบอกให้คุณรู้เอง !
    • หากคุณมีความกังวลใดๆ ให้พูดคุยกับสัตวแพทย์เกี่ยวกับความเหมาะสมของอาหารแมวที่คุณทำเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากแมวของคุณกำลังเติบโต ตั้งครรภ์ ไม่สบาย และมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ระลึกไว้ว่าคุณจะต้องหาสูตรอาหารหรือคิดค้นสูตรขึ้นมาโดยเป็นสูตรที่มอบสารอาหารให้แมวอย่างครบถ้วนสมดุล....
    ระลึกไว้ว่าคุณจะต้องหาสูตรอาหารหรือคิดค้นสูตรขึ้นมาโดยเป็นสูตรที่มอบสารอาหารให้แมวอย่างครบถ้วนสมดุล. การได้สูตรอาหารแบบผิดๆ หรือสูตรอาหารที่ขาดสารอาหารที่สำคัญ อาจจะทำให้แมวมีปัญหาสุขภาพร้ายแรงได้ แมวนั้นก็เหมือนกับสัตว์อื่นๆ และมนุษย์ กุญแจสำคัญของสุขภาพที่ดีก็คือความสมดุล แม้แต่สารอาหารที่เป็นประโยชน์ก็อาจจะส่งผลร้ายต่อแมวได้หากแมวได้รับมากเกินไป
    • เพราะว่าสมดุลของสารอาหารนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ คุณควรที่จะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับสูตรอาหารของคุณจากสัตวแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของแมว แม้ว่าสูตรนั้นจะคิดค้นโดยคนอื่น
  3. How.com.vn ไท: Step 3 เริ่มจากโปรตีน.
    ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะซื้อสะโพกไก่มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ โดยเป็นไก่ที่เลี้ยงแบบปล่อย ฆ่าเชื้อแล้ว และปราศจากฮอร์โมน คุณสามารถใช้ตับไก่ ไก่งวง และไข่แดงก็ได้
    • คุณสามารถใช้โปรตีนได้ทั้งแบบดิบและแบบสุก ตัวอย่างเช่น คุณสามารถต้มสะโพกไก่เพื่อให้ด้านนอกสุกแต่เนื้อไก่ส่วนใหญ่ยังดิบอยู่ จากนั้น นำสะโพกไปแช่ไว้ในน้ำเย็น เลาะเนื้อออกจากกระดูกและหั่นให้เป็นชิ้นๆ ประมาณ 1/2 นิ้ว (12.7 มิลลิเมตร) ใช้กรรไกรสำหรับทำอาหารที่คมหรือมีดก็ได้ในการหั่น
  4. How.com.vn ไท: Step 4 บดเนื้อสัตว์เพื่อให้แมวกินได้ง่าย.
    ใส่เนื้อและกระดูกติดเนื้อไปในเครื่องบดอาหาร โดยรังผึ้งของเครื่องบดควรขนาด 0.15 นิ้ว (4 มิลลิเมตร) ใช้บดเนื้อตับไก่ 113 กรัมต่อเนื้อไก่ 1.3 กิโลกรัม ใช้ไข่สุก 2 ฟองต่อเนื้อไก่ทุกๆ 1.3 กิโลกรัม ผสมทุกอย่างในถ้วยผสมและนำไปแช่เย็นไว้
    • ถ้าคุณไม่มีเครื่องบด คุณสามารถใช้เครื่องปั่นอาหารแทนได้ มันอาจจะไม่สามารถบดได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าหรือไม่ง่ายต่อการทำความสะอาดแต่มันก็สามารถปั่นเนื้อสัตว์ให้เป็นชิ้นเล็กๆ ที่แมวสามารถย่อยได้
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ผสมส่วนผสมอื่นๆ เพิ่ม.
    ในถ้วยผสมอีกใบหนึ่ง เมื่อใส่เนื้อสัตว์ทุกๆ 1.3 กิโลกรัม ให้เทน้ำ 1 ถ้วย วิตามินอี 268 มิลลิกรัม วิตามินบีคอมเพล็ก 50 มิลลิกรัม ทอรีน 2,000 มิลลิกรัม น้ำมันปลาแซลมอน 2000 มิลลิกรัม เกลือ (ที่มีไอโอดีน) 3/4 ช้อนชา ผสมส่วนผสมทุกอย่างใหเข้ากัน
    • เทส่วนผสมลงไปในเนื้อสัตว์ที่บดแล้วจากนั้นก็ผสมให้เข้ากัน
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ลองพิจารณาอาหารประเภทอื่นๆ ที่สามารถให้สารอาหารที่สำคัญต่อแมว....
    ลองพิจารณาอาหารประเภทอื่นๆ ที่สามารถให้สารอาหารที่สำคัญต่อแมว. แม้ว่าส่วนผสมเหล่านี้ไม่ควรเป็นอาหารที่แมวกินเป็นส่วนใหญ่ และก็ไม่ควรให้แมวทานในทุกมื้อ แต่มันก็เป็นอาหารที่เพิ่มสารบำรุงที่สำคัญกับแมวได้
    • ผสมข้าวสวยนิดหน่อยกับแซลมอนสับและน้ำอีกนิดหน่อย เนื้อของมันจะคล้ายๆ ซุป คุณสามารถเทอาหารสูตรนี้ไปที่ชามข้าวของแมวเพื่อให้แมวกิน
    • หั่นผักเป็นชิ้นเล็กๆ และเพิ่มไปในอาหาร (ประเภทของผักนั้นคุณสามารถเลือกได้ตามใจ)
    • เพิ่มข้าวโอ๊ตไปในอาหารแมว. นำน้ำ 8 ถ้วยไปต้ม ให้ทำตามวิธีที่อยู่บนบรรจุภัณฑ์ของข้าวโอ๊ตว่าต้องใช้น้ำและข้าวโอ๊ตในสัดส่วนเท่าไหร่ ใส่เข้าโอ๊ตไปในน้ำและปิดฝาไว้ จากนั้นปิดไฟ ปล่อยให้ข้าวโอ๊ตต้มประมาณ 10 นาทีจนกระทั่งมันนุ่มลง
    • สูตรอื่นๆ ที่แนะนำได้แก่ เพิ่มเข้าโอ๊ตไปในอาหารแมวแบบดิบ การใช้ทูน่าเพื่อเป็นขนมสำหรับแมว
  7. How.com.vn ไท: Step 7 แบ่งปริมาณอาหารสำหรับมื้อต่างๆ และนำไปแช่เย็นไว้....
    แบ่งปริมาณอาหารสำหรับมื้อต่างๆ และนำไปแช่เย็นไว้. แมวทั่วไปจะกินอาหาร 113 - 170 กรัมต่อวัน เก็บอาหารแมวไว้ในช่องฟรีซจนถึงคืนก่อนวันที่คุณจะให้อาหารมัน ให้นำอาหารออกจากช่องฟรีซและเก็บในช่องเย็นธรรมดา นี่จะทำให้มีเวลาที่น้ำแข็งจะละลาย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ทำความสะอาดชามข้าวแมวอย่างเป็นประจำ ชามข้าวที่สกปรกจะเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียและเชื้อโรคและไม่เป็นที่พึงพอใจของแมวด้วย
  • ตักสินใจเกี่ยวกับการให้แมวกินอาหารดิบ มีหลักฐานที่สนับสนุนให้แมวกินอาหารดิบและก็มีหลักฐานที่ต่อต้าน และแม้แต่สัตวแพทย์ก็ยังไม่เห็นตรงกันในเรื่องนี้ แม้ว่าจะพูดกันทั่วไปว่าเนื้อสัตว์ที่ให้แมวกินนั้นจะต้องทำให้สุกก่อน แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องรู้ว่าเนื้อสัตว์แบบดิบนั้นเป็นอาหารตามธรรมชาติของแมว[13] การให้แมวกินเนื้อดิบๆ นั้นมีความเป็นไปได้ที่เชื้อปรสิตจะส่งผ่านมาสู่แมวจึงทำให้มีการปฏิเสธที่จะให้แมวกินเนื้อดิบ นอกจากนี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะว่าเจ้าของแมวนั้นไม่มีเวลาหรือมีแนวโน้มที่จะไม่ให้ความสนใจเพียงพอว่าเนื้อสัตว์ดิบนั้นถูกเตรียมอย่างถูกต้อง การที่ไม่ให้แมวกินเนื้อดิบเลยหมายความว่าแมวจะไม่ได้รับสารอาหารที่สำคัญต่อแมว เช่น กรดอะมิโน ที่อาจจะถูกทำลายระหว่างการทำให้สุก และมีความเป็นไปได้ที่จะแมวสุขภาพแย่ลง[14]
โฆษณา

คำเตือน

  • นมนั้นมีแลคโทสและแมวไม่มีเอนไซม์สำหรับย่อยแลคโทสที่ชื่อว่าแลคเทส ด้วยเหตุผลนี้ นมจะทำให้แมวหรือลูกแมวบางตัวท้องเสีย อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แมวทุกตัวจะเป็นเช่นนี้และมันอาจจะเป็นปกติเมื่อกินนม นมนั้นเป็นแหล่งสำคัญของแคลเซียม ถ้าแมวของคุณชอบกินและไม่ได้มีอาการข้างเคียงก็สามารถกินได้ แต่มันอาจจะทำให้แมวรู้สึกคันและอาหารไม่ย่อยได้ ทางที่ดีควรปรึกษากับสัตวแพทย์
  • การให้อาหารสัตว์เลี้ยงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ เพราะการวิจัยทางสัตวแพทย์ที่มีอย่างต่อเนื่อง ควรศึกษาหาข้อมูลใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

  1. http://healthypets.mercola.com/sites/healthypets/archive/2012/03/16/protein-in-real-meat-are-better-for-cats.aspx
  2. Dr Julie Summerfield, Cat Talk: With Scooter, p. 118, (2004), ISBN1-876624-81-7
  3. Dr Clare Middle, Real Food for Dogs and Cats, p. 116, (2008), ISBN 978-1-92136135-7
  4. Dr Peter Roach, Pet Care Book, p. 86, (undated)
  5. Dr Clare Middle, Real Food for Dogs and Cats, p. 116, (2008), ISBN 978-1-92136135-7
  6. Dr Julie Summerfield, Cat Talk: With Scooter, p. 118, (2004), ISBN1-876624-81-7
  7. http://pets.webmd.com/cats/slideshow-foods-your-cat-should-never-eat
  8. http://pets.webmd.com/cats/slideshow-foods-your-cat-should-never-eat
  9. http://pets.webmd.com/cats/slideshow-foods-your-cat-should-never-eat
  1. http://www.cat-world.com.au/salmonellosis-in-cats
  2. Lisa A Pierson, DVM, Making cat food, http://www.catinfo.org/?link=makingcatfood
  3. Lisa A Pierson, DVM, Making cat food, http://www.catinfo.org/?link=makingcatfood
  4. Dr Clare Middle, Real Food for Dogs and Cats, pp. 116-118, (2008), ISBN 978-1-92136135-7
  5. Dr Clare Middle, Real Food for Dogs and Cats, pp. 116-118, (2008), ISBN 978-1-92136135-7

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Pippa Elliott, MRCVS
ร่วมเขียน โดย:
สัตวแพทย์ ราชวิทยาลัยสัตวแพทยศาสตร์
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Pippa Elliott, MRCVS. ดร.เอลเลียตเป็นสัตวแพทย์ที่มีประสบการณ์กว่าสามสิบปี เธอสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ในปี 1987 และทำงานเป็นศัลยสัตวแพทย์นาน 7 ปี หลังจากนั้น ดร.เอลเลียตทำงานเป็นสัตวแพทย์ในคลินิกสัตว์มานานนับสิบปี บทความนี้ถูกเข้าชม 45,733 ครั้ง
หมวดหมู่: แมว
มีการเข้าถึงหน้านี้ 45,733 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา