บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Joanna Kula. โจแอนนา คูลาเป็นหัวหน้าด้านการดูแลความงามที่ Rescue Spa ในฟิลาเดลเฟีย เธอเชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาผิวหน้า โดยมีประสบการณ์ในการดูแลผิวมากว่า 8 ปี
มีการอ้างอิง 11 ข้อที่อ้างอิงอยู่ในบทความ ซึ่งสามารถพบได้ทางด้านล่างของบทความ
บทความนี้ถูกเข้าชม 22,070 ครั้ง
น้ำกุหลาบอาจมีราคาแพงและหายาก อย่างไรก็ตาม คุณสามารถทำได้เองง่ายๆ น้ำกุหลาบใช้เพิ่มรสชาติให้กับพวกขนมอบและเค้กต่างๆ ได้ หรือคุณจะใช้มันเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ทำเองก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นโทนเนอร์และใช้เพิ่มความสดชื่นให้ผ้าปูที่นอนได้ด้วย บทความนี้จะสอนวิธีทำน้ำกุหลาบด้วยตัวเองสี่วิธี
ส่วนประกอบ
ส่วนประกอบในการทำน้ำกุหลาบจากน้ำมันหอมระเหย[1]
- น้ำมันหอมระเหยจากดอกกุหลาบ 12 หยด
- น้ำกลั่น 1 ถ้วย (240 มิลลิลิตร)
ส่วนประกอบในการทำน้ำกุหลาบจากกลีบดอกกุหลาบแห้ง[2]
- โหลแก้ว (โหลขนาดใหญ่ ปากกว้าง)
- กลีบดอกกุหลาบแห้ง ¼ ถ้วย
- น้ำกลั่นร้อน 1 ¼ ถ้วย (300 มิลลิลิตร)
ส่วนประกอบในการทำน้ำกุหลาบจากกลีบดอกกุหลาบสด[3]
- กลีบดอกกุหลาบ 1 ถ้วย (ใช้ประมาณ 2 ดอก)
- น้ำกลั่น 2 ถ้วย (475 มิลลิลิตร)
- วอดก้า 1 ช้อนชา (ใช้หรือไม่ก็ได้)
ส่วนประกอบในการทำน้ำกุหลาบจากกลีบดอกกุหลาบบด[4]
- กลีบดอกกุหลาบ 16-20 ถ้วย (500 กรัม)
- น้ำกลั่น (ตามต้องการ)
ขั้นตอน
- เตรียมวัตถุดิบและอุปกรณ์. นอกจากน้ำมันหอมระเหยดอกกุหลาบและน้ำกลั่นแล้ว คุณยังต้องใช้โหลแก้วด้วย แต่ถ้าคุณจะใช้น้ำกุหลาบนี้เป็นสเปรย์ฉีด ก็ให้เตรียมขวดสเปรย์ไว้ด้วย เลือกขวดที่ทำจากแก้วหรือพลาสติกคุณภาพดี อย่าใช้แบบที่ทำจากโลหะหรือพลาสติกคุณภาพต่ำ
- ใส่น้ำลงในโหล. ใช้น้ำกลั่นแทนน้ำประปา เพราะน้ำประปามักจะมีเชื้อแบคทีเรียปนเปื้อน ถ้าคุณหาน้ำกลั่นไม่ได้ ให้ใช้น้ำกรองต้มจนเดือดทิ้งไว้ให้เย็นเท่าอุณหภูมิห้อง
- เติมน้ำมันหอมระเหยจากดอกกุหลาบ 12 หยด. คุณต้องเจือจางน้ำมันด้วยวอดก้าสักสองช้อนชาก่อน ไม่อย่างนั้นมันจะลอยเหนือผิวน้ำ ต้องใช้น้ำมันหอมระเหยสกัดบริสุทธิ์แท้ๆ ที่ไม่ใช่แค่น้ำมันหอมแต่งกลิ่นเฉยๆ น้ำมันหอมจะให้แค่กลิ่น แต่ไม่ให้คุณประโยชน์ที่มีในดอกกุหลาบและน้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์เลย
- ปิดโหลให้สนิทและเขย่า. เขย่าสักพักเพื่อให้น้ำกับน้ำมันผสมเข้ากัน
- ถ่ายน้ำกุหลาบใส่ภาชนะอื่น. คุณจะใส่น้ำกุหลาบไว้ในโหลอย่างเดิม หรือจะเทผ่านกรวยใส่ขวดสเปรย์และใช้ฉีดเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้ผ้าหรือใบหน้าก็ได้โฆษณา
- เตรียมวัตถุดิบและอุปกรณ์. นอกจากกลีบดอกกุหลาบแห้งและน้ำร้อนแล้ว คุณยังต้องใช้โหลแก้วสองใบและกระชอนด้วย
- ใส่กลีบกุหลาบแห้งลงในโหลใบหนึ่ง. ถ้าคุณจะใช้น้ำกุหลาบในการปรุงอาหาร ให้เลือกใช้กลีบดอกไม้แห้งจากกุหลาบพันธุ์ที่กินได้ เช่น Rosa damascena, Rosa Centifolia และ Rosa Gallica[5] พวกนี้จะรสชาติดีสุด
- เทน้ำร้อน (แต่ไม่ต้องเดือด) ลงไปบนกลีบกุหลาบ. อย่าลืมว่าให้ใช้น้ำกลั่นซึ่งปราศจากเชื้อโรค ถ้าหาน้ำกลั่นไม่ได้ก็ให้ใช้น้ำกรองแทน
- ปิดฝาทิ้งไว้ให้น้ำเย็นลง. ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิห้อง
- นำกระชอนมาวางบนโหลเปล่าอีกใบ. คุณจะต้องถ่ายน้ำกุหลาบลงในโหลนี้ กระชอนจะช่วยกรองกลีบกุหลาบ
- เทน้ำกุหลาบลงในโหลเปล่า. ค่อยๆ เทผ่านกระชอน ให้น้ำลงโหลและให้กลีบกุหลาบลงไปในกระชอน พอเทน้ำเสร็จแล้วก็ทิ้งกลีบดอกไม้ได้เลย
- ปิดฝาโหลแล้วเก็บไว้ในตู้เย็น. น้ำกุหลาบนี้ต้องใช้ภายในหนึ่งสัปดาห์ ไม่อย่างนั้นจะหมดอายุโฆษณา
- เลือกดอกกุหลาบสดที่มีกลิ่นหอมแล้วนำมาล้าง. ถ้าดอกกุหลาบยิ่งสดก็ยิ่งจะได้น้ำกุหลาบที่ดี[6] เลือกใช้ดอกกุหลาบที่ปลูกแบบออร์แกนิก ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง แม้จะต้องนำมาล้างอยู่แล้ว แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าคุณจะล้างสารเคมีต่างๆ ออกได้หมด และพยายามเลือกใช้ดอกกุหลาบแค่สายพันธุ์เดียว เพราะแต่ละพันธุ์จะมีกลิ่นที่เฉพาะตัว และถ้าใช้หลายพันธุ์ปนกันอาจจะได้กลิ่นออกมาไม่ดีนัก อย่าลืมล้างดอกกุหลาบให้สะอาดเพื่อกำจัดสิ่งสกปรก แมลง และยาฆ่าแมลง
- ถ้าคุณจะใช้น้ำกุหลาบในการปรุงอาหาร ให้เลือกใช้ดอกกุหลาบพันธุ์ที่กินได้ เช่น Rosa damascena, Rosa Centifolia และ Rosa Gallica[7]
- เด็ดกลีบกุหลาบออกแล้วทิ้งส่วนที่เหลือ. คุณต้องใช้กลีบดอกกุหลาบหนึ่งถ้วย ซึ่งจะใช้ประมาณสองดอก ขึ้นอยู่กับขนาดของดอก
- ปิดฝาหม้อและใช้ไฟต่ำ. อย่าปล่อยให้น้ำเดือดหรือเกือบเดือด การใช้ความร้อนสูงเกินไปจะทำลายสีและสิ่งของอื่นๆ หลังผ่านไปประมาณ 20 นาที จะเห็นว่ากลีบกุหลาบจะสีซีดลง และสีของน้ำจะเปลี่ยนไปเป็นสีดอกกุหลาบ
- นำกระชอนมาวางบนโหลแก้วขนาดใหญ่. ต้องใช้ขวดโหลที่สะอาดจริงๆ และใหญ่พอจะใส่น้ำได้ 2 ถ้วย (475 มิลลิลิตร) ขั้นตอนนี้ต้องใช้กระชอนเพื่อกรองกลีบดอกไม้
- เทน้ำกุหลาบลงในโหล. ใช้สองมือ ถือหม้อเหนือโหลแล้วค่อยๆ เอียง เทช้าๆ ให้น้ำและกลีบดอกผ่านกระชอนลงไป น้ำจะไหลผ่านได้ ส่วนกลีบจะถูกกรองออก
- ลองแบ่งน้ำกุหลาบบางส่วนใส่ขวดเล็กๆ มันจะใช้ง่ายกว่าใส่โหลแก้วใหญ่ๆ พอใช้หมดแล้วค่อยเอาจากในโหลไปเติม
- เก็บใส่ตู้เย็นไว้. น้ำกุหลาบจะอยู่ได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถ้าแช่ตู้เย็น[10] ถ้าเติมวอดก้าลงไปมันก็จะอยู่ได้นานกว่านั้นอีกหน่อยโฆษณา
- แบ่งกลีบกุหลาบออกเป็นสองส่วน. ส่วนแรกจะเอาไปบดก่อน อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้ใช้ทีหลัง
- บดกลีบกุหลาบส่วนแรกด้วยครกและสาก. ขณะที่บดกลีบมันจะมีน้ำออกมา ซึ่งเราต้องใช้น้ำนี่ในการทำน้ำกุหลาบ คุณจะบดกลีบกุหลาบกับกระชอนก็ได้ แค่วางกระชอนไว้บนโหลแก้ว แล้วใช้หลังช้อนบดกลีบกุหลาบไปกับตะแกรง
- นำน้ำกุหลาบที่ได้กับกลีบที่บดแล้วใส่ถ้วยเซรามิก. จะใช้โหลแก้วหรือถ้วยแก้วก็ได้เช่นกัน ทิ้งน้ำกุหลาบบดและกลีบมันไว้ในถ้วยสักสองสามชั่วโมง แบบนี้จะทำให้น้ำชุ่มขึ้น
- ใส่กลีบกุหลาบส่วนที่เหลือลงไปแล้วทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง. คลุกกลีบสดให้เข้ากับกลีบที่บดแล้ว ปิดฝาถ้วยและปล่อยทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง
- เทน้ำกุหลาบบดและกลีบใส่หม้อแก้วหรือหม้อเซรามิก. อย่าใช้หม้อโลหะ เพราะมันจะไปทำปฏิกิริยากับน้ำมัน
- ต้มน้ำและกลีบกุหลาบนั้นด้วยไฟต่ำ. เอาหม้อตั้งเตา ใช้ไฟต่ำ ต้มให้กลีบกุหลาบนั้นกรุ่นๆ พอฟองเริ่มขึ้นก็ยกหม้อลงจากเตาได้เลย
- เทน้ำกุหลาบใส่โหลโดยผ่านกระชอน. คุณจะใช้กระดาษกรองหรือผ้าขาวบางก็ได้เช่นกัน กรองไปจนกว่าจะไม่เหลือเศษกลีบอยู่ในน้ำกุหลาบ
- ถ้าคุณจะใช้น้ำกุหลาบเป็นโทนเนอร์ ให้เจือจางด้วยน้ำกลั่นจนกว่าจะได้ความเข้มข้นตามที่ต้องการ
- ปิดโหลแล้วทิ้งไว้ในที่ที่มีแดดสักสองสามชั่วโมง. ความร้อนจากแดดจะช่วยดึงเอาน้ำมันจากธรรมชาติที่มีประโยชน์ออกมา
- เก็บน้ำกุหลาบไว้ในตู้เย็น. ต้องใช้ภายในหนึ่งสัปดาห์ ไม่อย่างนั้นจะหมดอายุโฆษณา
เคล็ดลับ
- ยิ่งคุณใช้ดอกกุหลาบที่มีกลิ่นหอม น้ำกุหลาบของคุณก็จะยิ่งหอมมากขึ้น
- ดอกกุหลาบมีหลายสายพันธุ์ แต่ละพันธุ์ก็มีกลิ่นเฉพาะตัว ควรเลือกแค่พันธุ์เดียวเพื่อไม่ให้กลิ่นตีกัน
- น้ำกุหลาบเหมาะจะเป็นของขวัญชั้นยอด ลองทำตะกร้าของขวัญที่มีน้ำกุหลาบที่ทำเอง น้ำมันนวดกลิ่นกุหลาบ สบู่ และเทียนหอมดูสิ
- ใช้น้ำกุหลาบที่คุณทำเป็นโทนเนอร์หรือน้ำหอม คุณจะใช้ฉีดตามผ้าเพื่อให้มันหอมขึ้นก็ได้[11]
- ใช้น้ำกุหลาบเป็นเครื่องประทินผิวที่ทำเอง[12]
- แต่งรสให้เค้ก ลูกกวาด ขนมอบ และชาต่างๆ ด้วยน้ำกุหลาบ[13]
- น้ำกุหลาบมีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์มากมาย ทั้งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ ต้านการอักเสบ และต้านเชื้อแบคทีเรีย และยังสามารถใช้เป็นโทนเนอร์เพื่อปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างของผิวให้สมดุลได้ด้วย[14]
- ถ้าคุณใช้ขวดสเปรย์ ให้เลือกขวดที่ทำจากแก้วหรือพลาสติกคุณภาพดี
- น้ำกุหลาบผสมกับสตรอว์เบอร์รีบดช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้
คำเตือน
สิ่งของที่ใช้
สิ่งของที่ใช้ในการทำน้ำกุหลาบจากน้ำมันหอมระเหย[17]
- โหลแก้ว
- ขวดสเปรย์
สิ่งของที่ใช้ในการทำน้ำกุหลาบจากกลีบดอกกุหลาบแห้ง
- โหลแก้วทนความร้อน 2 โหล
- กระชอน
สิ่งของที่ใช้ในการทำน้ำกุหลาบจากกลีบดอกกุหลาบสด[18]
- กระชอน
- โหลแก้วฆ่าเชื้อ ขนาด 16 ออนซ์ (475 มิลลิลิตร)
- ขวดขนาดเล็ก (ใช้หรือไม่ก็ได้)
สิ่งของที่ใช้ในการทำน้ำกุหลาบจากกลีบดอกกุหลาบบด
- สากและครก
- ถ้วยเซรามิก
- หม้อเซรามิกหรือหม้อแก้ว
- กระชอน ผ้าขาวบาง หรือกระดาษกรองกาแฟ
- โหลแก้ว
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ One Good Thing by Jillee, DIY Coconut Oil Body Wash
- ↑ A Delightful Home, How to Make Rosewater
- ↑ She Knows, DIY Rosewater Toner
- ↑ Reader's Digest, Back to Basics, p. 342, (2003), ISBN 0-86449-028-3
- ↑ The Beauty Gypsy, How to Make Rosewater
- ↑ Free People, DIY: How to Make Rosewater
- ↑ The Beauty Gypsy, How to Make Rosewater
- ↑ She Knows, DIY Rosewater Toner
- ↑ Soap Deli News, Homemade Rosewater Recipe
- ↑ She Knows, DIY Rosewater Toner
- ↑ HGTV Gardens, How to Make Rose Oil and Rose Water
- ↑ HGTV Gardens, How to Make Rose Oil and Rose Water
- ↑ HGTV Gardens, How to Make Rose Oil and Rose Water
- ↑ One Good Thing by Jillee, Make Your Own Rose Water Spray
- ↑ Crunchy Betty, DIY 101 – Working with Water
- ↑ Whole New Mom, Homemade Rosewater Spray Recipe
- ↑ One Good Thing by Jillee, DIY Coconut Oil Body Wash
- ↑ She Knows, DIY Rosewater Toner
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.