วิธีการ ผสมน้ำสำหรับเป่าฟองสบู่

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

เด็กๆ (และผู้ใหญ่บางคน) ชอบเล่นเป่าฟองสบู่จนซื้อใหม่แทบไม่ทัน บทความวิกิฮาวนี้เลยจะมาแนะนำวิธีการผสมน้ำยาเป่าฟองสบู่ไว้ใช้เองซะเลย เป็นสูตรง่ายๆ ทำเองได้สบาย เช่น ผสมน้ำยาล้างจานกับน้ำนิดหน่อย ถ้าอยากได้ฟองสบู่แบบไม่ยอมแตกง่ายๆ ก็ต้องผสมน้ำตาลหรือกลีเซอรีนเพิ่มเข้าไป ถ้าฟองสบู่แบบเดิมๆ มันจืดชืด ก็ใส่สีผสมอาหารหรือกลิ่นวานิลลาไปด้วยซะเลย!

ส่วนประกอบ

  • น้ำอุ่น 4 ถ้วยตวง (950 มล.)
  • น้ำตาลทรายป่น 1/2 ถ้วยตวง (120 กรัม)
  • น้ำยาล้างจาน 1/2 ถ้วยตวง (120 มล.)
  • น้ำเปล่า 6 ถ้วยตวง (1.5 ลิตร)
  • แป้งข้าวโพด (cornstarch) 1/2 ถ้วยตวง (70 กรัม)
  • น้ำยาล้างจาน 1/2 ถ้วยตวง (120 มล.)
  • ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ (13 กรัม)
  • กลีเซอรีน (glycerin) หรือน้ำเชื่อมข้าวโพด (corn syrup) 1 ช้อนโต๊ะ (15 มล.)
  • น้ำอุ่น 1 1/4 ถ้วยตวง (300 มล.)
  • น้ำตาลทรายป่น 2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)
  • น้ำยาล้างจาน 1/3 ถ้วยตวง (80 มล.)
  • สีผสมอาหาร
  • น้ำอุณหภูมิห้อง 1 ถ้วยตวง (240 มล.)
  • สบู่เหลวไม่แต่งกลิ่นหรือสบู่เด็ก 1/2 ถ้วยตวง (120 มล.)
  • น้ำมันหอมระเหยหรือสารสกัด
  • กลีเซอรีนหรือน้ำเชื่อมข้าวโพด 2 - 4 ช้อนโต๊ะ (30 - 60 มล.) (ไม่จำเป็น)
วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ฟองสบู่ธรรมดา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เทน้ำอุ่น 4 ถ้วยตวง (950 มล.
    ) ใส่ขวดโหลขนาดใหญ่. จะใช้ภาชนะอื่นก็ได้ เช่น เหยือก หรือชามใบใหญ่ ขอแค่ใหญ่พอจะจุน้ำมากกว่า 4 ถ้วยตวง (950 มล.) นิดหน่อย จะได้เว้นที่เผื่อไว้สำหรับใส่ส่วนผสมอื่นๆ[1]
    • จะใส่น้ำน้อยกว่านี้ก็ได้ แล้วปรับปริมาณของส่วนผสมอื่นๆ ให้สัมพันธ์กัน
    • อุณหภูมิของน้ำก็ไม่จำเป็นต้องเป๊ะๆ จะใช้น้ำร้อนจากก๊อกก็ได้ แต่ถ้าเป็นน้ำกลั่นได้จะดีที่สุด
  2. How.com.vn ไท: Watermark How.com.vn to ผสมน้ำสำหรับเป่าฟองสบู่
    ผสมน้ำตาลทรายป่น 1/2 ถ้วยตวง (120 กรัม) แล้วคนให้เข้ากัน. จะใช้เวลานานแค่ไหน ก็แล้วแต่ว่าใช้น้ำอุ่นหรือร้อนแค่ไหน แต่ไม่ควรนานเกิน 2 - 3 นาที[2]
    • ถ้าใช้ขวดโหล ก็ให้ปิดฝาแน่นๆ แล้วเขย่าให้เข้ากันซะเลย
    • อาจจะฟังดูแปลกๆ ที่ให้ผสมน้ำตาลในน้ำยาเป่าฟองสบู่ แต่บอกเลยว่าน้ำตาลจะช่วยยึดส่วนผสมต่างๆ เข้าด้วยกัน ทำให้ฟองสบู่ที่เป่าไปไม่แตกง่ายเหมือนเดิม!
    • ถ้าบังเอิญไม่มีน้ำตาลติดบ้าน จะไม่ใส่ก็ได้ แต่ก็แน่นอนว่าฟองสบู่จะแตกง่ายหน่อย
  3. How.com.vn ไท: Watermark How.com.vn to ผสมน้ำสำหรับเป่าฟองสบู่
    ) เข้าไป. ระวังอย่าใส่เยอะเกินไป! ให้ผสมน้ำยาล้างจานกับน้ำ แต่อย่าตีให้แตกฟอง[3]
    • ถ้าใช้ขวดโหล ก็ให้คนผสมโดยใช้ช้อนด้ามยาว ห้ามปิดฝาแล้วเขย่า
    • หลายคนใช้น้ำยาล้างจานยี่ห้อ Dawn สีฟ้า แล้วเห็นผลที่สุด แต่จริงๆ จะใช้ยี่ห้อไหนก็ตามสะดวก
  4. How.com.vn ไท: Watermark How.com.vn to ผสมน้ำสำหรับเป่าฟองสบู่
    ถ้าทิ้งไว้ข้ามคืนได้ยิ่งดี เพราะพอเราทิ้งน้ำยาไว้แล้วทำให้เกิดฟองสบู่เยอะกว่าเดิม[4]
    • เก็บน้ำยาเป่าฟองสบู่นี้ไว้ในที่มืดๆ เย็นๆ ถ้าแช่ตู้เย็นไว้จะยิ่งอยู่ได้นานเข้าไปอีก
    • แต่แนะนำให้รีบเอามาเป่าเล่นให้เร็วที่สุด เพราะพอผสมน้ำตาลเข้าไปแล้ว อายุการใช้งานจะอยู่ที่ประมาณ 1 - 2 อาทิตย์
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ฟองสบู่แตกยาก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Watermark How.com.vn to ผสมน้ำสำหรับเป่าฟองสบู่
    เทแป้งข้าวโพด 1/2 ถ้วยตวง (70 กรัม) ใส่ชามใบใหญ่ เติมน้ำลงไป 6 ถ้วยตวง (1.5 ลิตร) จากนั้นคนผสมให้เข้ากัน ให้คนไปเรื่อยๆ จนแป้งข้าวโพดละลายหมด[5]
    • ถ้าหา cornstarch ไม่ได้ ให้ใช้ cornflour แทน
    • สูตรนี้ผสมแล้วจะได้ฟองสบู่ที่แตกยากกว่าปกติ ใช้เป่าฟองสบู่ยักษ์ได้เลย!
  2. How.com.vn ไท: Watermark How.com.vn to ผสมน้ำสำหรับเป่าฟองสบู่
    เทน้ำยาล้างจาน 1/2 ถ้วยตวง (120 มล.) ลงไปในชาม จากนั้นเติมผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ (13 กรัม) กับกลีเซอรีน 1 ช้อนโต๊ะ (15 มล.)[6]
    • ย้ำว่าต้องใช้ผงฟู คือ baking powder ไม่ใช่เบคกิ้งโซดา (baking soda) เพราะคนละอย่างกัน
    • ถ้าหากลีเซอรีนไม่ได้ ให้ใช้น้ำเชื่อมข้าวโพด (corn syrup) แทน ถึงไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียง
  3. How.com.vn ไท: Watermark How.com.vn to ผสมน้ำสำหรับเป่าฟองสบู่
    คนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน แต่ระวังอย่าให้แตกฟอง. คนด้วยช้อนด้ามยาวจะดีที่สุด เพราะโอกาสเกิดฟองมีน้อย ให้คนไปเรื่อยๆ จนน้ำยาล้างจาน ผงฟู และกลีเซอรีนละลายเข้ากัน[7]
  4. How.com.vn ไท: Watermark How.com.vn to ผสมน้ำสำหรับเป่าฟองสบู่
    ทิ้งไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง แล้วค่อยเอามาเป่าเล่น. บางทีแป้งข้าวโพดก็ไม่ยอมละลายจนหมด โดยตกตะกอนอยู่ที่ก้นชาม แบบนี้ให้คนส่วนผสมเร็วๆ[8]
    • ถ้าสุดท้ายแป้งข้าวโพดไม่ยอมละลายจนหมดก็ไม่เป็นไร เพราะไม่ได้ส่งผลต่อการเกิดฟองสบู่
    • ให้เก็บน้ำยาเป่าฟองสบู่ไว้ในที่มืดๆ เย็นๆ และเอามาเป่าเล่นให้หมดภายใน 2 - 3 อาทิตย์ ถ้าน้ำยาเริ่มขุ่น ก็ทิ้งไปได้เลย
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ฟองสบู่มีสี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Watermark How.com.vn to ผสมน้ำสำหรับเป่าฟองสบู่
    เทน้ำอุ่น 1 1/4 ถ้วยตวง (300 มล.) ใส่เหยือก เติมน้ำตาลทรายป่น 2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม) ลงไป แล้วคนผสมให้เข้ากัน ให้คนไปเรื่อยๆ จนน้ำตาลละลายหมด[9]
    • ที่ให้ใช้เหยือกเพราะจะต้องแบ่งส่วนผสมออกเป็นชุดย่อยๆ ถ้ารินจากเหยือกจะสะดวกดี
  2. How.com.vn ไท: Watermark How.com.vn to ผสมน้ำสำหรับเป่าฟองสบู่
    คนผสมน้ำยาล้างจานลงไป แต่ระวังอย่าให้แตกฟอง. เทน้ำยาล้างจาน 1/3 ถ้วยตวง (80 มล.) ลงไปในเหยือก คนผสมให้เข้ากันจนน้ำยาล้างจานละลายหมด ย้ำว่าต้องคนช้าๆ จะได้ไม่แตกฟองเยอะเกินไป[10]
    • หลายคนใช้น้ำยาล้างจานยี่ห้อ Dawn สีฟ้า (สูตรดั้งเดิม) แล้วเห็นผลที่สุด แต่จะทำให้สีฟ้าไปปนกับสีอื่นที่คุณจะผสมในน้ำยา
    • แนะนำให้ใช้น้ำยาล้างจานสีใสจะดีที่สุด เพราะผสมสีเองง่ายกว่า โดยเฉพาะใครอยากได้น้ำยาสีเหลือง ส้ม และแดง
  3. How.com.vn ไท: Watermark How.com.vn to ผสมน้ำสำหรับเป่าฟองสบู่
    เพื่อทำน้ำยา 4 สีแตกต่างกันไป ถ้าอยากผสมน้อยสีกว่านั้น ก็ให้ใช้แค่ขวดเดียว ตามสีที่ต้องการ อย่างถ้าอยากได้น้ำยา 1 สี ก็ให้เทใส่ขวดโหลขนาดใหญ่แทน[11]
  4. How.com.vn ไท: Watermark How.com.vn to ผสมน้ำสำหรับเป่าฟองสบู่
    เฉพาะคนที่แบ่งน้ำยาออกเป็น 4 ขวดเท่านั้น ถ้าใช้ขวดโหลน้อยกว่านั้น ก็ต้องใส่สีผสมอาหารเพิ่ม[12]
    • หรือใช้สีน้ำแทน ถึงจะคนละแบบ แต่ก็ออกมาสีสวยพอๆ กัน
    • ถ้าอยากได้ฟองสบู่แบบเรืองแสงในความมืด ให้บีบสีเรืองแสงหรือสีฟลูออเรสเซนต์ลงไป 1 ครั้ง โดยจะเห็นสีชัดเจนก็ต่อเมื่ออยู่ในห้องที่เปิดไฟ black light[13]
    • สีผสมอาหารจะไปปนกับสีน้ำยาล้างจานที่ใช้ เช่น ถ้าใช้น้ำยาล้างจานสีฟ้า แล้วหยดสีผสมอาหารสีแดงลงไป น้ำยาฟองสบู่ของคุณก็จะออกมาเป็นสีม่วงนั่นเอง!
  5. How.com.vn ไท: Watermark How.com.vn to ผสมน้ำสำหรับเป่าฟองสบู่
    ต้องไปเป่าฟองสบู่เล่นนอกบ้าน ระวังสีเปื้อนด้วย. ระวังอย่าเป่าฟองสบู่แถวอะไรที่เลอะแล้วล้างออกยาก เช่น รถ หรือเฟอร์นิเจอร์ตามระเบียง เวลาเล่นฟองสบู่ คุณเองก็ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่เลอะได้ซักง่ายเช่นกัน[14]
    • ทิ้งน้ำยาไว้ 1 ชั่วโมงค่อยเอาไปเป่าเล่น ฟองสบู่ที่ได้จะอยู่นาน แตกยากขึ้น
    • ให้เก็บน้ำยาฟองสบู่ในที่มืดๆ เย็นๆ เช่น ตู้เย็น แล้วเอามาเป่าเล่นให้หมดใน 1 - 2 อาทิตย์
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ฟองสบู่มีกลิ่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Watermark How.com.vn to ผสมน้ำสำหรับเป่าฟองสบู่
    เทน้ำอุณหภูมิห้อง 1 ถ้วยตวง (240 มล.) ลงในชาม แล้วเติมสบู่เหลวของเด็กหรือแบบไม่แต่งกลิ่น 1/2 ถ้วยตวง (120 มล.) ค่อยๆ ผสม 2 อย่างเข้าด้วยกันจนสบู่ละลายหมด[15]
    • คนเบาๆ อย่าให้แตกฟองมากเกินไป
    • ถ้าใช้สบู่ Castile หรือสบู่จากน้ำมันมะกอกได้จะดีที่สุด เพราะไม่แต่งกลิ่นสังเคราะห์ หรือจะใช้สบู่อื่นๆ ที่ไม่แต่งกลิ่นและไม่ใช้สารเคมีแรงๆ ก็ได้
    • ห้ามใช้สบู่ตั้งต้นที่กลิ่นฉุนอยู่แล้ว เช่น สบู่ลาเวนเดอร์ เพราะจะไปกลบกลิ่นที่คุณเพิ่มเติมเข้าไปเองทีหลัง
  2. How.com.vn ไท: Watermark How.com.vn to ผสมน้ำสำหรับเป่าฟองสบู่
    ใส่กลิ่นที่ใช้เวลาทำขนม เช่น กลิ่นวานิลลา แล้วคนผสม. แค่นิดเดียวก็หอมฟุ้งแล้ว เพราะงั้นให้ใส่แค่ 1/8 - 1/4 ช้อนชา กลิ่นอื่นๆ ที่น่าสนใจก็เช่น เลมอน และอัลมอนด์ กระทั่งเปปเปอร์มินต์ แต่ถ้าใช้ต้องหยดแค่ 2 - 3 หยดพอ เพราะกลิ่น ฉุนกึก![16]
    • หรือจะใช้น้ำมันหอมระเหย 2 - 3 หยด ไม่ก็น้ำมันหอมสำหรับแต่งกลิ่นสบู่โดยเฉพาะก็ได้ เริ่มจากแค่ 2 - 3 หยดก่อน แล้วหยดเพิ่มตามต้องการ
    • อาจจะใช้น้ำมันแต่งรสลูกกวาดสัก 2 - 3 หยดก็ได้ กลิ่นจะค่อนข้างแรง เพราะงั้นอย่าใส่เยอะ
    • ถ้าอยากได้น้ำยาสีๆ ให้ใช้สีผสมอาหารหรือสีน้ำ 2 - 3 หยด
  3. How.com.vn ไท: Watermark How.com.vn to ผสมน้ำสำหรับเป่าฟองสบู่
    ผสมน้ำเชื่อมข้าวโพดหรือกลีเซอรีนลงไปด้วย ถ้าอยากได้ฟองสบู่แบบไม่แตกง่าย. เป็นขั้นตอนที่ ไม่บังคับ แต่ถ้าใส่ ฟองสบู่จะลอยอยู่นาน ไม่แตกง่าย ใส่แค่ประมาณ 2 - 4 ช้อนโต๊ะ (30 - 60 มล.) ก็พอ[17]
    • เลือกแค่ 1 อย่างเท่านั้น ห้ามผสมทีเดียวทั้ง 2 อย่าง!
    • ย้ำว่าต้องค่อยๆ ผสม! ไม่งั้นจะฟองฟ่อดอย่าบอกใคร!
  4. How.com.vn ไท: Watermark How.com.vn to ผสมน้ำสำหรับเป่าฟองสบู่
    เป่าเล่นให้สนุก แต่พอน้ำยาเริ่มขุ่น ต้องทิ้งไป. น้ำยาสูตรนี้จะต่างจากสูตรอื่นตรงที่อยู่ได้ไม่นาน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่คุณเลือกด้วย เช่น ถ้าผสมกลิ่นสังเคราะห์ที่ใช้ในอาหาร ก็จะอยู่ได้ไม่นานเท่าน้ำมันหอมระเหย[18]
    • ถ้าใช้แค่น้ำ สบู่ แล้วก็น้ำมันหอมระเหย น้ำยาฟองสบู่ของคุณจะแทบไม่มีวันหมดอายุเลย
    • ถ้าใช้น้ำ สบู่ กลิ่นทำขนม กับน้ำเชื่อมข้าวโพด น้ำยาก็จะอยู่ได้แค่ 1 - 2 อาทิตย์ ถ้าเก็บในที่มืดๆ เย็นๆ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • น้ำกลั่นจะใช้ได้ผลดีกว่าน้ำก๊อก เพราะน้ำก๊อกมีแร่ธาตุต่างๆ ทำให้เป่าฟองสบู่ไม่ค่อยติด
  • ถ้าไม่มีน้ำยาล้างจาน ให้ใช้สบู่อาบน้ำ สบู่ล้างมือ กระทั่งแชมพูแทน อะไรก็ได้ที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์ ใช้ผสมน้ำยาเป่าฟองสบู่ได้แทบจะทั้งนั้น
  • วันไหนอากาศชื้น ฟองสบู่จะแตกช้าลง
  • ใครมีโอกาสไปเที่ยวเมืองหนาว อุณหภูมิติดลบ ก็ลองไปเป่าฟองสบู่ดู อาจจะได้เห็นฟองสบู่แข็งไปด้วยก็ได้!
  • ใช้ที่เป่าฟองสบู่อันเก่าที่เคยซื้อ หรือจะเอาลวดไหมพรมมาดัดใช้แทนก็ได้! ยิ่งก้านเป่าฟองสบู่ใหญ่ ฟองสบู่ที่เป่าออกมาก็ยิ่งลูกใหญ่!
โฆษณา

คำเตือน

  • น้ำยาเป่าฟองสบู่แบบทำเองจะอยู่ได้ไม่นานเท่าน้ำยาที่เขาขายกัน ถ้าดูแล้วเริ่มขุ่นหรือกลิ่นแปลกๆ ก็เททิ้งแล้วผสมใหม่จะดีกว่า
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ชามใบใหญ่ ขวดโหล หรือเหยือก
  • ช้อนด้ามจับยาว

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

วิกิฮาวเป็น "wiki" ซึ่งหมายความว่าบทความหลายๆ บทความของเรานั้นเป็นการร่วมมือกันเขียนของผู้เขียนหลายคน ในการเขียนบทความชิ้นนี้ ผู้คน 89 คน ซึ่งบางคนไม่ขอเปิดเผยตัว ได้ร่วมกันเขียนและปรับปรุงเนื้อหาของบทความอย่างต่อเนื่อง บทความนี้ถูกเข้าชม 141,239 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 141,239 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา