ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

คุณสามารถทำชีสแบบง่ายๆ ได้เองโดยใช้ส่วนผสมและอุปกรณ์ที่มีตามครัวส่วนใหญ่ "โยเกิร์ตชีส" เป็นขั้นพื้นฐานอย่างง่าย ถึงแม้จะไม่ใช่ชีสแบบดั้งเดิมอย่างที่คุณอาจจะคุ้นเคย แต่พอไม่ใส่สารเติมแต่งใดๆ แล้ว มันก็มีรสชาติใกล้เคียงกับครีมชีสหรือเนิฟชาแตล (Neufchatel) อีกทางเลือกก็สามารถใช้นมกับกรดทำชีสที่สามารถใช้ทาเหมือนกับริค็อตตา (ricotta) ได้ พอคุณเริ่มชำนาญแล้ว ลองฝึกกระบวนการที่ใช้ทำชีสส่วนใหญ่ ซึ่งจะยากขึ้นกว่านี้โดยเฉพาะกับการต้องใช้ส่วนผสมจำเพาะอย่างเช่นเอนไซม์เรนเนต (rennet)

ส่วนประกอบ

โยเกิร์ตชีส (ลับนาห์ - Labneh)

  • โยเกิร์ตธรรมดา
  • หรือ นม 1 ลิตรกับหัวเชื้อโยเกิร์ตหนึ่งกล่อง
  • นมสดครบส่วน 2 ถ้วยตวง (480 มล.) (ยังไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์ หรือ UHT)
  • น้ำส้มสายชูกลั่น, น้ำมะนาวเลมอน หรือกรดมะนาวสำหรับทำขนมปัง 4 ช้อนชา (20 มล.)
  • เกลือเพื่อเสริมรสชาติ (ไม่จำเป็น)

เรนเนตชีส

  • นม 1 แกลลอน (3.8 ลิตร) (ยังไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์ หรือ UHT)
  • เรนเนต 4 หยด ละลายในน้ำเย็น ¼ ถ้วยตวง (60 มล.)
  • เชื้อจุลินทรีย์ที่อุณหภูมิปานกลาง (mesophilic culture) 1/32 ช้อนโต๊ะ (0.15 มล.)
  • เกลือไม่เสริมไอโอดีน ¾ ช้อนโต๊ะ (11 มล.)
วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

โยเกิร์ตชีส (อย่างง่าย)

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ทำโยเกิร์ตเอง (ไม่จำเป็น)...
    ทำโยเกิร์ตเอง (ไม่จำเป็น). คุณอาจข้ามขั้นตอนนี้แล้วเริ่มด้วยโยเกิร์ตซื้อสำเร็จเพื่อให้ทำง่ายขึ้นก็ได้ แต่ถ้าอยากได้สูตรที่ต้องผ่านการหมัก คุณสามารถทำ "โยเกิร์ตชีส" อย่างหนาพิเศษได้ตั้งแต่แรกเลย ถ้าจะทำก็ให้เพิ่มขั้นตอนต่อไปนี้ลงไปในสูตรการทำ:
    • อุ่นนม 1 ลิตรที่อุณหภูมิ 43ºC โดยใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอาหารมาช่วย หลีกเลี่ยงนมที่ผ่านการพาสเจอไรซ์หรือ UHT เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
    • ใส่หัวเชื้อโยเกิร์ตหนึ่งกล่อง ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ทำอาหารหรือตามร้านทำชีสในอินเทอร์เน็ต อีกทางเลือกคือใช้โยเกิร์ตธรรมดา 2 ช้อนโต๊ะ (30 มล.) กับหัวเชื้อที่ยังเติบโต
    • แทนที่จะบ่มในตู้เย็นดังที่อธิบายไว้ด้านล่าง ลองบ่มในเครื่องทำโยเกิร์ตสัก 12–16 ชั่วโมง นี่จะกระตุ้นให้เกิดการหมักของจุลินทรีย์ในโยเกิร์ตที่อุณหภูมิ 38ºC (100ºF)
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เตรียมภาชนะสำหรับกรอง.
    วางผ้าบางบนกระชอนอย่างน้อยสี่ชั้น แล้ววางกระชอนเหนือกระทะแบน ตักโยเกิร์ตตามที่ต้องการลงบนผ้า
    • คุณสามารถมัดโยเกิร์ตไว้ในผ้าบางแล้วแขวนไว้เหนือหม้อแทนก็ได้
  3. How.com.vn ไท: Step 3 แช่ตู้เย็นราว 12–48 ชั่วโมง.
    ของเหลวในโยเกิร์ตจะไหลออกจนกระทั่งคุณได้เนื้อข้นนุ่มคล้ายครีมชีส ยิ่งทิ้งไว้ให้โยเกิร์ตระบายน้ำออกไปนานแค่ไหน ชีสก็จะยิ่งออกมาข้นหนาและรสเข้มข้นขึ้น
    • อีกทางเลือกคือคุณสามารถใช้ช้อนปรับ "ชีส" ให้เรียบเพื่อเนื้อสัมผัสที่เป็นครีมมากขึ้น
    • การทิ้งให้น้ำระบายออกในอุณหภูมิห้องจะยิ่งเร่งกระบวนการให้เร็วขึ้น แต่ก็เสี่ยงที่จะติดเชื้อจุลินทรีย์ชนิดเป็นอันตราย
  4. How.com.vn ไท: Step 4 จัดเก็บชีส.
    พอโยเกิร์ตจับตัวแห้งดีแล้ว ย้ายมันไปใส่ในถ้วยโดยใช้ผ้าสะอาดรองข้างใต้ ผ้าบางที่ใช้ทำชีสจะทำให้เกิดลวดลายสวยงามบนผิวชีส แต่คุณจะใช้อย่างอื่นก็ได้ ให้รับประทานมันก่อนเสีย ซึ่งมักจะอยู่ได้นานประมาณภายในหนึ่งสัปดาห์
    • อีกทางเลือก ให้ลองเหยาะเกลือกับสมุนไพรเพื่อใช้ทาหน้าขนมปังกรอบ หรือโรยน้ำตาลเป็นของหวานเบาๆ
    • คุณอาจไม่ใช้หางนม แล้วใช้มันแทนที่นมในการทำขนมปังก็ได้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ริค็อตตาแบบบ่มในกรด (ยากปานกลาง)

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เทนมสดครบส่วนลงไปในกระทะแบน.
    คุณต้องใช้นมครบส่วนเท่านั้นสำหรับสูตรนี้ น้ำนมที่ไม่ผ่านการทำให้ไขมันแตกตัวนั้นจะให้รสชาติดีที่สุด แต่นมที่ผ่านการทำให้ไขมันแตกตัวมาแล้วก็ยังใช้ได้ เพียงแต่อย่าใช้นมที่บอกว่าผ่านการพาสเจอไรซ์หรือ UHT มาแล้วเท่านั้น
  2. How.com.vn ไท: Step 2 คนกรดลงไปในน้ำนม.
    คนส่วนผสมกรดในขณะที่คุณใช้เครื่องมือวัดค่า pH ทดสอบน้ำนม เมื่ออ่านค่า pH ได้ถึง 5.9–6.0 ก็ให้ข้ามไปยังขั้นตอนถัดไป[1]
    • น้ำมะนาวเลมอนเพิ่มรสชาติเปรี้ยวแบบซิตรัส ยิ่งถ้าได้แบบคั้นสดๆ จะยิ่งมีรสชาติที่ดีกว่าและสะอาดกว่าที่เป็นแบบขวด
    • น้ำส้มสายชูกลั่นจะควบคุมได้แน่นอนกว่า ทำให้ได้รสชาติที่คาดเดาได้ในแต่ละครั้งที่คุณทำตามสูตร
    • กรดมะนาวซิตริกที่ใช้ในการอบขนมปังนั้นจะให้กลิ่นจางกว่าสองตัวเลือกบนซึ่งบางคนอาจชอบแบบนี้ หาซื้อได้ตามร้านของชำหรือร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่
  3. How.com.vn ไท: Step 3 อุ่นนมที่ผสมกรด.
    ค่อยๆ อุ่นนมที่ผสมกรดแล้วในอุณหภูมิ 80–85°C (176–185ºF) โดยทำการคนอยู่เรื่อยๆ จำเป็นมากที่ต้องคนไม่งั้นมันไหม้ได้ รักษาอุณหภูมิให้อยู่ในราวนี้ประมาณ 15–30 นาที[2] หยุดคนเมื่อน้ำนมเริ่มแยกกลายเป็นนมข้นแข็งกับหางนมที่ยังเหลว พยายามอย่าไปบี้โดนก้อนนมข้นแข็งนี้ให้แตกกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
    • เทอร์โมมิเตอร์แบบอินฟราเรดจะช่วยให้วัดอุณหภูมิของนมอย่างเชื่อใจได้
  4. How.com.vn ไท: Step 4 เทหางนมทิ้ง.
    ช้อนตักก้อนนมข้นแข็งขึ้นมาใส่ในผ้าห่อชีสหรือผ้ามัสลิน บีบผ้ารอบๆ ก้อนนมเพื่อไล่ความชื้นออกไปให้มากที่สุด
    • คุณสามารถใช้ช้อนที่เป็นกระชอนในตัวถ้าไม่มีผ้าห่อชีสก็ได้ แต่ก้อนนมบางส่วนจะหลุดออกไป
    • อีกทางเลือก คุณสามารถล้างก้อนนมข้นแข็งนี้ในน้ำสะอาดเพื่อให้ได้ชีสที่มีรสชาติจืดลง
  5. How.com.vn ไท: Step 5 รับประทานหรือแช่ตู้เย็น.
    เอาน้ำออกสักห้าทีให้ได้ความคงตัวแบบ "ครีมชีส", 15–20 นาทีถ้าอยากใช้เป็นสเปรดไว้ทา, และ 2–8 ชั่วโมงในตู้เย็นถ้าต้องการชีสแข็ง[3] แช่ส่วนที่เหลือทั้งหมดใส่กล่องที่มีฝาปิดแน่นในตู้เย็น รับประทานก่อนที่มันจะออกเปรี้ยว ซึ่งมักจะภายใน 2–4 วัน
    • เพื่อลดความเสี่ยงของจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย อย่าทิ้งริค็อตตาไว้ในอุณหภูมิห้องนานเกิน 20 นาที
    • เหยาะเกลือเพื่อเพิ่มรสชาติและเก็บได้นานขึ้นอีกหน่อย
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ชีสพื้นบ้านจากเรนเนต (ยาก)

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ซื้อหัวเชื้อทำชีส.
    คุณอาจหาได้ตามร้านของชำ แต่น่าจะต้องสั่งออนไลน์จากร้านที่ขายอุปกรณ์ทำชีสเสียมากกว่า สำหรับสูตรนี้และชีสอื่นๆ ส่วนใหญ่นั้น ใช้ เชื้อจุลินทรีย์ที่อุณหภูมิปานกลาง (mesophilic culture) เชื้อจุลินทรีย์เหล่านี้จะเจริญเติบโตในอุณหภูมิต่ำกว่า 39ºC (102ºF)[4] หน้าที่ของมันก็คือทำให้นมมีรสเปรี้ยวเป็นกรดและพร้อมสำหรับเรนเนต จุลินทรีย์"ดี"เหล่านี้จะช่วยให้เชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายเข้ามาแพร่กระจายในน้ำนมยากขึ้นด้วย
    • คุณอาจใช้บัตเตอร์มิลค์เหยาะแทนเป็นที่พึ่งสุดท้ายก็ได้ อย่างไรก็ดี บัตเตอร์มิลค์ที่ซื้อสำเร็จรูปนั้นมักเป็นหัวเชื้อที่ไว้ใจไม่ค่อยได้ บางทีชีสก็ไม่ขึ้นรูปซะงั้น หรือรสชาติก็อาจเพี้ยนๆ [5]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ซื้อเรนเนต.
    แต่ดั้งเดิมนั้นจะเอามาจากลำไส้สัตว์ แต่ตอนนี้กระทั่งเรนเนตแบบมังสวิรัติก็ยังมีขาย คุณจะใช้แบบไหนมาทำชีสก็ได้ เรนเนตจะแยกนมที่ผสมกรดให้กลายเป็นก้อนกับหางนม
    • นี่ก็หาซื้อได้จากร้านขายอุปกรณ์ทำชีส
    • ถ้าจะใช้เรนเนตแห้ง ให้ทำตามคำแนะนำข้างฉลากเพื่อแปลงจำนวนหยดของแบบเหลวให้เท่ากับจำนวนเม็ด ให้แน่ใจว่าแต่ละเม็ดนั้นเป็นเรนเนตล้วน 100%
  3. How.com.vn ไท: Step 3 อุ่นนมในกระทะที่ไม่ทำปฏิกิริยากับอาหาร.
    ใช้เทอร์โมมิเตอร์แบบอินฟราเรดวัดอุณหภูมินม อุ่นจนกระทั่งมันร้อนถึง30ºC (86ºF) กระทะเคลือบหรือกระทะสเตนเลสเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด อย่าใช้กระทะทองแดงหรืออลูมิเนียมซึ่งจะปล่อยสารเคมีใส่ในชีสเนื่องเพราะความเป็นกรดของชีสนั้น
    • คุณอาจใช้นมสดหรือนมที่ผ่านการพาสเจอไรซ์ก็ได้ ถึงแม้ชีสที่ทำจากนมพาสเจอไรซ์อาจจะจับตัวกันได้ยาก ส่วนนมที่ผ่านการพาสเจอไรซ์แบบอุณหภูมิสูงนั้นลืมไปได้เลย
    • คุณสามารถใช้นมที่มีไขมันผสมเท่าไหร่ก็ได้ นมสดครบส่วนจะให้รสชาติเข้มข้นกว่าพวกนมพร่องมันเนยหรือนมไขมันต่ำ
  4. How.com.vn ไท: Step 4 เติมหัวเชื้อจุลินทรีย์.
    ทิ้งไว้สักสองนาที หลังจากสองนาทีแล้ว คนเป็นจังหวะขึ้นลงให้มันผสมกับน้ำนม
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ปิดฝาแล้วตั้งทิ้งไว้.
    ปล่อยนมไว้ในห้องที่อบอุ่นและไม่โดนแสง ฉลากหัวเชื้อจุลินทรีย์น่าจะกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนของขั้นตอนนี้ ถ้าไม่ได้บอกไว้ หรือถ้าเกิดคุณใช้บัตเตอร์มิลค์ ให้ทิ้งไว้สักสองถึงสี่ชั่วโมง[6]
    • น้ำนมควรจะยังดูเหมือนน้ำนมปกติ ถ้าหากมันข้นหนืด คุณคงใช้กรดมากเกินไปหรือตั้งทิ้งไว้นานเกิน (ง่ายที่จะเป็นแบบนี้เพราะมันคาดเดายากว่าเชื้อจุลินทรีย์นั้นจะมีปฏิกิริยารวดเร็วไหม) คุณยังใช้มันทำชีสต่อได้ แต่มันอาจจับตัวขึ้นเป็นก้อนยากหน่อย
  6. How.com.vn ไท: Step 6 อุ่นน้ำนมและเติมเรนเนต.
    อุ่นนมอีกครั้งให้ได้อุณหภูมิ 30ºC (86ºF) ละลายเรนเนตเหลวในน้ำเย็น ¼ ถ้วยตวง (60 มล.) หรือละลายเรนเนตแห้งในน้ำเย็นตามคำแนะนำบนฉลาก คนในลักษณะขึ้นลงแบบเดียวกับตอนคนหัวเชื้อ
    • น้ำที่กรองมาแล้วจะไม่ไปมีผลต่อการทำชีส [7]
  7. How.com.vn ไท: Step 7 ปิดฝาแล้วตั้งทิ้งไว้สัก 4-12 ชั่วโมง.
    ทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องและห้ามไปรบกวนโดยเด็ดขาด แต่เตรียมพร้อมที่จะลุยต่อเมื่อชีสเริ่มจับตัวเป็นก้อนน้ำนมแข็งคล้ายคัสตาร์ด ปกติแล้วนิ้วสะอาดที่ใช้จิ้มชีสดูจะยังคงสะอาด และหางนมขาวใสควรจะแน่นรูที่เจาะ ถ้ามันติดนิ้วคุณขึ้นมา ให้ปิดไว้แล้วกลับมาลองใหม่ใน 30–60 นาที
    • ถ้าผ่านไป 12 ชั่วโมงแล้วมันยังไม่จับตัวเป็นก้อน ให้ทำต่อไปเลย ชีสของคุณอาจมีปัญหาในการระบายหางนม ทำให้มันนุ่มเหลว
  8. How.com.vn ไท: Step 8 เทหางนมบางส่วนออก.
    เอาผ้าห่อชีสหรือผ้ามัสลินมาวางบนกระชอน วางกระชอนเหนือหม้อเพื่อรองรับหางนมที่ระบายออกมา ใช้ช้อนตักก้อนน้ำนมแข็งใส่ในกระชอนเขย่าเบาๆ ช้าๆ ราวสิบห้านาทีเพื่อให้หางนมที่เหลือได้มีทางระบายออกมา
    • ผ้าที่ขายเป็นผ้าห่อชีสนั้นไม่ได้ละเอียดหรือหนาพอจะระบายหางนมได้เสมอไป คุณต้องลองทดสอบกับตัวเลือกอื่น แต่แน่ใจได้ว่าผ้ามัสลินน่าจะดีที่สุด
  9. How.com.vn ไท: Step 9 ตัดเป็นลูกเต๋าแล้วอุ่น.
    ค่อยๆ ตัดก้อนน้ำนมแข็งให้เป็นลูกเต๋าโดยไม่บีบจนเละ วางลูกเต๋าเหล่านี้ไว้ในหม้อนึ่งสองชั้น (มีกระทะวางอยู่เหนือกระทะที่ใส่น้ำร้อน) อุ่นด้วยความร้อนต่ำมากๆ เขย่าบ่อยๆ จนกระทั่งมันมีอุณหภูมิถึง 38ºC (100ºF) ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม [8]
    • อย่าหยุดอุ่นจนกว่าส่วนที่เป็นของเหลวเกือบทั้งหมดจะหายไป. ก้อนน้ำนมแข็งนี้ควรอยู่ทรง แต่จะแตกตัวในมือเวลาที่คุณหยิบมันขึ้นมา [9]
  10. How.com.vn ไท: Step 10 ทำชีสให้เสร็จ.
    เมื่อคุณพอใจในการได้รูปของมันแล้ว เหยาะเกลือเพื่อหยุดกระบวนการเป็นกรดและรักษาชีสนั้นไว้ อีกทางเลือกจะทำมันเป็นรูปร่างและ/หรือผสมในสมุนไพร ผลไม้หรือถั่วก็ได้ คุณจะเลือกทานตอนมันนุ่มเหลวหรือทิ้งไว้ให้แห้งอีกหน่อยก็ได้ทั้งนั้น
    • เก็บชีสไว้ในตู้เย็นหรือบริเวณที่มืดและเย็น
  11. How.com.vn ไท: Step 11 เรียนรู้เกี่ยวกับชีสสูตรอื่นๆ.
    คุณสามารถทำชีสได้สารพัดนับร้อยชนิดตามแต่การใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์ที่ต่างกัน การล้างก้อนน้ำนม การระบายหางนมมากหรือน้อย การบ่มชีส และตัวเลือกอีกต่างๆ นานา ลองทำมอสซาเรลลาชีสและเช็ดดาร์ชีสดู หรือลองปรึกษาฟาร์มโคนมเพื่อเรียนรู้มากขึ้น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่าใช้ผ้าห่อชีสกับชีสนุ่มเพราะมันมีรูใหญ่ ชีสนุ่มจะหลุดผ่านไปได้ ผ้ามัสลินจะมีรูเล็กกว่า
  • สูตรชีสบางสูตรใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์ที่อุณหภูมิสูง (thermophilic bacteria cultures) ซึ่งชอบอุณหภูมิอุ่นกว่า คุณไม่สามารถใช้มันในสูตรที่ต้องใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์ที่อุณหภูมิปานกลางได้ และในทางกลับกันด้วย
  • ชีสแต่ละชนิด ไม่ว่าจะเช็ดดาร์หรือมอสซาเรลลาหรือโคลบี้ ล้วนแต่ใช้หัวเชื้อแตกต่างกันไป และมีขั้นตอนการทำแตกต่างกัน เช่น เช็ดดาร์จะต้องมีการพลิกก้อนน้ำนมแข็งหลังจากระบายหางนม (ที่อุณหภูมิ 26.5ºC) เพื่อทำให้เป็นกรด นี่เรียกว่ากระบวนการเช็ดดารริ่ง ในทางตรงข้าม โคลบี้นั้นจะระบายหางนมแล้วเอากลับใส่หม้อใหม่แล้วใส่น้ำจนเต็ม มันจะเป็นก้อนชีสแบบล้างน้ำมา
  • วิธีที่ใช้กรดทำให้ชีสเหมือนกับริค็อตตา แต่กระบวนการที่ใช้เหมาะกับทำเองที่บ้านมากกว่า ถ้าจะพูดให้ถูกคงต้องใช้คำว่า "ชีสเต้าหู้"
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าทิ้งชีสไว้กลางแดดร้อน มันจะบูดและมีรสชาติห่วย ทางที่ดีเก็บชีสไว้ในตู้เย็นและเอาออกมาเมื่อจะใช้
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

โยเกิร์ตชีส

  • ผ้าบางเนื้อละเอียด
    • ซื้อจากร้านขายอุปกรณ์ทำชีสหรือในอินเทอร์เน็ต
    • ผ้าบางทำชีสจากร้านทั่วไปนั้นสำหรับใช้ในงานฝีมือและจะมีรูใหญ่
    • หากจะทำชีสนุ่ม ให้ใช้ผ้ามัสลินที่ทำเนยจะดีกว่า
  • กระชอน
  • กระทะแบน

ริค็อตตา

  • กระทะแบน
  • ผ้าบางหรือผ้าเช็ดหน้า
  • ช้อน
  • เทอร์โมมิเตอร์
  • เตา

เรนเนตชีส

  • ช้อนคน
  • เทอร์โมมิเตอร์
  • หม้อนึ่งสองชั้นหรือหม้อเหล็กหล่อ (เคลือบ) ขนาดใหญ่
  • เทอร์โมมิเตอร์วัดอาหารที่บอกอุณหภูมิระหว่าง 21–82ºC (70-180ºF)
  • ผ้าบางทำชีส เป็นไปได้ให้ใช้ผ้ามัสลิน
  • กระชอน
  • เตา
  1. วิดีโอจาก Food Wishes

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: ทีมงานวิกิฮาว
ร่วมเขียน โดย:
นักเขียนในทีมวิกิฮาว
บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา

ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้ บทความนี้ถูกเข้าชม 15,614 ครั้ง
หมวดหมู่: สูตรอาหาร
มีการเข้าถึงหน้านี้ 15,614 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา