วิธีการ ดูแลลูกแมวกำพร้าที่มีอายุน้อยกว่า 3 สัปดาห์

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

การดูแลลูกแมวเกิดใหม่ที่กำพร้าอาจจะทำให้คุณรู้สึกสุขใจอยู่บ้าง แต่ก็เป็นสิ่งที่ท้าทายในขณะเดียวกัน มนุษย์นั้นไม่ใช่ผู้ที่จะมาแทนที่แม่แมวได้ดีเลย และการดูแลป้อนนมลูกแมวนั้นเป็นงานที่ต้องทำตลอดเวลา แม้แม่แมวจะสุขภาพไม่ดีและไม่สามารถที่จะดูแลลูกแมวได้ หรือมันได้ทอดทิ้งลูกแมวไป ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม ลูกแมวต้องได้รับการดูแลจนกระทั่งมันเติบโต ให้ลองติดต่อไปที่ศูนย์ดูแลสัตว์ท้องถิ่นหรือสัตว์แพทย์เพื่อหาแมวตัวอื่นที่จะมาเป็นแม่แมวแทนได้ แมวบางตัวจะยอมรับลูกแมวกำพร้า และจะให้นมและเลียขนทำความสะอาดพวกมันด้วย นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้เพื่อให้แน่ใจว่าลูกแมวจะมีชีวิตรอด แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ คุณจะต้องสร้างบรรยากาศที่เหมาะกับการดูแลลูกแมวและเรียนรู้ที่จะดูแลป้อนนมให้ลูกแมวที่มีอายุน้อยกว่า 3 สัปดาห์อย่างถูกต้อง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

สร้างบรรยากาศที่เหมาะกับการดูแลลูกแมว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เรียนรู้วิธีการจับแมว.
    หมั่นล้างมือเสมอก่อนและหลังจับลูกแมว เพราะว่าลูกแมวอาจจะมีพาหะนำโรคบางอย่าง และพวกมันอาจจะอ่อนแอกับแบคทีเรียหรือเชื้อโรคที่อยู่บนมือของคุณ เมื่อคุณอุ้มลูกแมว ให้อุ้มมันด้วยความระมัดระวัง ตรวจดูเสมอว่าพวกมันรู้สึกอุ่นโดยดูที่อุ้งเท้าของมันว่าเย็นหรือไม่ ถ้าลูกแมวเป็นหวัด พวกมันอาจจะร้องงอแง[1]
    • ถ้าคุณมีสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ขอให้แน่ใจว่าได้แยกมันออกจากลูกแมวกำพร้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ อย่าให้พวกมันใช้กระบะขับถ่าย ถ้วยอาหารหรือน้ำ ร่วมกัน เพราะมันสามารถแพร่อาการเจ็บป่วยได้[2]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ทำให้มันอบอุ่น.
    ลูกแมวแรกเกิด (อายุน้อยกว่า 2 สัปดาห์) ไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิร่างกายของมันได้และโดยปกติแล้วจะต้องนอนอิงแอบซุกแม่แมวเพื่อทำให้ตัวเองอุ่น เพราะว่าลูกแมวกำพร้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ให้หาแผ่นให้ความร้อนที่ออกแบบมาสำหรับลูกสุนัขและลูกแมว ให้ลูกแมวนอนบนแผ่นให้ความร้อน ต้องแน่ใจว่าอย่าให้ลูกแมวนอนที่แผ่นนั้นโดยตรง จะต้องมีผ้าขนสัตว์ปูคลุมไว้ก่อน ถ้าเกิดว่าไม่มีผ้าขนสัตว์ ให้ใช้ผ้าเช็ดตัวพันรอบแผ่นให้ความร้อนแทน[3]
    • ลูกแมวไม่ควรนอนที่แผ่นให้ความร้อนโดยตรง เพราะว่ามันอาจจะโดนความร้อนเผาหรือมันอาจจะรู้สึกร้อนเกินไป
    • คุณสามารถใช้ผ้าเช็ดตัวพันรอบกระติกน้ำร้อนแทนก็ได้ แต่ให้ตรวจดูบ่อยๆ ว่ามันยังอุ่นอยู่ (ประมาณ 37 องศาเซลเซียส)[4]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 หาที่นอนนุ่มๆ ให้ลูกแมว.
    วางกล่องหรือกรงแมวไว้ตรงที่ที่เงียบและห่างไกลผู้คนในบ้านของคุณ ห้องที่คุณจะวางกล่องลูกแมวจะต้องอุ่นและไม่มีกระแสลม และจะต้องอยู่ห่างจากสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ปูผ้าเช็ดตัวภายในกล่องเพื่อให้ลูกแมวพักผ่อนอย่างอุ่นสบาย คุณควรที่จะใช้ผ้าเช็ดตัวปิดกล่องหรือกรงแมวด้วยเพื่อให้อุ่นมากขึ้น[5]
    • ขอให้แน่ใจว่าไม่ได้ใช้ผ้าขนหนูปิดรูระบายอากาศบนกล่องหรือที่กรง เพื่อไม่ให้ลูกแมวขาดอากาศหายใจ[6]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ให้ลูกแมวอยู่ด้วยกัน.
    คุณไม่จำเป็นต้องจับลูกแมวให้นอนแยกกล่องหรือแยกกรง ให้ลูกแมวนอนที่เดียวกัน นี่จะช่วยให้ลูกแมวนอนได้อุ่นและสบาย แน่ใจว่ามีพื้นที่เพียงพอที่ลูกแมวสามารถเดินเคลื่อนที่ไปรอบๆ ได้
    • ตัวอย่างเช่น ลูกแมวสามารถเดินไปนอนที่ริมแผ่นให้ความร้อนได้ถ้ามันรู้สึกร้อนไป[7]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ป้อนนมลูกแมว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ซื้อนมผงสำหรับลูกแมว.
    ซื้อนมผงสำหรับลูกแมวที่ผลิตมาเพื่อใช้แทนนมแมวจริงๆ เช่น ยี่ห้อ KMR ซึ่งหาซื้อได้จากคลินิกรักษาสัตว์ ร้านค้าขายของสำหรับสัตว์เลี้ยงขนาดใหญ่ หรือสั่งจากอินเตอร์เน็ต นี่ก็จะคล้ายๆ กับมนุษย์ที่มีนมสูตรสำหรับทารก โดยนมผงนี้จะมีองค์ประกอบที่เหมือนกับน้ำนมแมว อย่าป้อนนมวัว เพราะในนมวัวมีน้ำตาลและแลคโทส ซึ่งอาจจะทำให้ลูกแมวปวดท้อง[8]
    • ถ้าคุณไม่มีนมที่ใช้แทนนมแมวและลูกแมวก็กำลังหิว ให้ป้อนมันด้วยน้ำต้มที่เย็นแล้วโดยใช้ดรอปเปอร์หรือไซริงค์จนกว่าคุณจะสามารถไปที่คลินิกสัตว์หรือร้านค้าขายของสำหรับสัตว์เลี้ยงได้ น้ำจะทำให้ลูกแมวอิ่มน้ำและจะไม่ปวดท้อง[9]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เตรียมตัวป้อนนมลูกแมว.
    ล้างขวดนมและจุกนมด้วยน้ำที่ต้มแล้วเพื่อฆ่าเชื้อโรค วางบนผ้าขนหนูที่สะอาดและทิ้งให้เย็นสนิท ผสมนมสำหรับลูกแมวโดยตีนมเล็กน้อยเพื่อให้นมไม่จับตัวเป็นก้อน คุณควรที่จะนำนมไปอุ่นให้มีอุณหภูมิประมาณ 35-37 องศา ก่อนที่จะป้อนลูกแมว ในการตรวจสอบว่านมสามารถใช้ได้ก่อนนำไปป้อน ให้หยดนมลงไปที่ใต้ข้อมือของคุณเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่ร้อนเกินไป[10]
    • แต่แน่ใจเสมอว่าลูกแมวนั้นมีร่างกายที่อบอุ่นก่อนที่จะป้อนนมมัน อย่าป้อนนมให้ลูกแมวที่มีอุณหภูมิน้อยกว่า 35 องศา ที่จะทำให้เกิดอาการปอดอักเสบจากการสำลัก ซึ่งจะทำให้ลูกแมวหายใจลำบากและอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้[11]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 จัดตำแหน่งของลูกแมวและขวดนมให้ถูกต้อง.
    อย่าอุ้มลูกแมวและป้อนนมมันเหมือนเด็กทารก ให้ขาของลูกแมวลดต่ำลงและให้หัวของลูกแมวอยู่ตรงๆ แทน ราวกับว่าพวกมันกำลังกินนมแม่แมว จับลูกแมวที่หลังคอและป้อนนมโดยให้จุกนมไปอยู่ที่ด้านข้างก่อน จากนั้นขยับให้อยู่ตรงกลางปากของลูกแมว ลูกแมวจะขยับจนกว่ามันจะกินนมได้อย่างสบายๆ ให้ลูกแมวควบคุมการดูดนมเอง อย่าพ่นนมออกมาหรือบังคับให้นมเข้าไปในปากของลูกแมว[12]
    • อย่าลืมทำให้ลูกแมวเรอหลังจากที่มันกินนมเสร็จแล้ว ทำให้ลูกแมวเรอเหมือนที่ทำกับเด็กทารก อุ้มลูกแมวให้อยู่ที่หน้าอก ตัก หรือหัวไหล่ ลูบลูกแมวเบาๆ และใช้นิ้ว 2 นิ้วตบหลังลูกแมวเบาๆ จนลูกแมวเรอออกมา
    • ถ้าลูกแมวมีปัญหาในการงับจุกนมขวดเข้าไป ให้จับใบหน้าของลูกแมวและอย่าให้มันขยับหัว ลองป้อนนมมันอีกครั้งและลองบีบให้นมออกมา 2-3 หยด ลูกแมวก็จะงับจุกนมและกินนมได้[13]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ป้อนนมลูกแมวบ่อยๆ.
    คุณจะสามารถบอกได้ว่าลูกแมวกำลังหิวถ้าลูกแมวร้องงอแงและเดินแกว่งไปมาราวกับว่ากำลังหาจุกนมอยู่ ลูกแมวจะกินนมทุก 2-3 ชั่วโมงในช่วงตลอด 2 สัปดาห์แรก จะดีที่สุดถ้าป้อนนมลูกแมวโดยใช้ขวดนมที่ออกแบบพิเศษให้มีจุกนมสำหรับลูกแมว (ออกแบบโดยบริษัท Catac)[14] ให้ทำตามคำแนะนำที่อยู่บนผลิตภัณฑ์ของนมสำหรับลูกแมวเพื่อกำหนดว่าควรจะป้อนนมลูกแมวปริมาณเท่าไหร่ต่อมื้อ ลูกแมวที่อิ่มแล้วจะผล็อยหลับไปขณะที่กำลังดูดนมอยู่และท้องจะป่อง[15]
    • ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้ใช้หลอดหยอดตาหรือไซริงค์เล็กๆ หยดนมใส่ปากลูกแมว
    • หลังจาก 2 สัปดาห์ไปแล้ว การป้อนนมลูกแมวสามารถยืดออกไปได้เป็นทุกๆ 3-4 ชั่วโมง และเว้นช่วง 6 ชั่วโมงในตอนกลางคืน
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ดูแลลูกแมว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ช่วยลูกแมวขับของเสียและปัสสาวะ.
    โดยปกติแล้ว แม่แมวจะเลียที่อวัยวะเพศของลูกแมวหลังจากการป้อนนมในแต่ละครั้ง ซึ่งจะทำให้พวกมันขับถ่ายออกมา คุณจะต้องเช็ดที่ก้นของลูกแมวด้วยแผ่นสำลีที่ชุ่มน้ำอุ่นก่อนและหลังการป้อนนม นี่จะเป็นการกระตุ้นให้ให้ลูกแมวเกิดความอยากขับถ่าย ซึ่งมันจะไม่สามารถทำได้ถ้าไม่มีการกระตุ้นจนเมื่อมันมีอายุ 2-3 สัปดาห์ขึ้นไปแล้ว[16] วางลูกแมวบนผ้าห่มสะอาดๆ แล้วพลิกลูกแมวให้นอนขึ้น ใช้แผ่นสำลีที่เปียกชุ่มค่อยๆ เช็ดที่อวัยวะเพศของลูกแมว โดยเช็ดไปในทางเดียวกัน ไม่ใช่เช็ดไปมา ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการเสียดสีได้ คุณจะสังเกตได้ว่าลูกแมวจะเริ่มปัสสาวะหรือขับถ่ายของเสียออกมา เช็ดไปเรื่อยๆ จนลูกแมวหยุดขับถ่ายแล้ว มิเช่นนั้น ลูกแมวจะขับของเสียออกมาไม่หมด
    • ปัสสาวะของลูกแมวจะไม่มีกลิ่นและควรจะมีสีเหลืองซีดๆ อุจจาระของลูกแมวจะมีสีน้ำตาลอมเหลือง ถ้าคุณสังเกตว่าอุจจาระของลูกแมวเป็นสีเขียวหรือสีขาว หรือปัสสาวะมีสีเข้มและส่งกลิ่นรุนแรง ลูกแมวอาจจะขาดน้ำหรืออาจจะต้องตรวจเช็คสุขภาพ[17]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ทำความสะอาดลูกแมว.
    เมื่อคุณป้อนนมแล้วช่วยลูกแมวขับของเสียแล้ว คุณจะต้องทำความสะอาดมันด้วย ใช้ผ้าที่อุ่นชื้นเช็ดลูบขนของลูกแมว โดยลูบแค่สั้นๆ ขอให้แน่ใจว่าได้ใช้ผ้าขนหนูเช็ดลูกแมวให้แห้งสนิทก่อนที่จะจับมันนอนในที่นอน[18]
    • ถ้าคุณสังเกตว่ามีอุจจาระแห้งๆ ติดอยู่ที่ขนของลูกแมว ให้จุ่มก้นของลูกแมวลงไปยังอ่างน้ำอุ่นเบาๆ จากนั้นให้เช็ดอุจจาระออกอย่างระมัดระวังด้วยเศษผ้า[19]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ชั่งน้ำหนักลูกแมว.
    ลูกแมวควรที่จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่อเนื่องในช่วง 2-3 สัปดาห์แรก ขอให้แน่ใจว่าได้ชั่งน้ำหนักลูกแมวแต่ละตัวในเวลาเดียวกันทุกๆ วัน และบันทึกน้ำหนักของพวกมันไว้ ลูกแมวจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นสองเท่าใน 1 สัปดาห์หลังจากเกิดมา พวกมันควรที่จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นครึ่งออนซ์ (14.2 กรัม) ในแต่ละวันหลังจากสัปดาห์แรก[20] ถ้าน้ำหนักลูกแมวไม่เพิ่ม หรือน้ำหนักลดลง มันอาจจะมีความปกติและต้องพาลูกแมวไปพบสัตว์แพทย์
    • ตัวอย่างเช่น ปกติแล้วลูกแมวจะมีน้ำหนักแรกเกิดประมาณ 3.0-3.7 ออนซ์ (90-110 กรัม) ในช่วงที่ลูกแมวมีอายุ 2 สัปดาห์ ลูกแมวจะต้องมีน้ำหนักประมาณ 7 ออนซ์ (198.8 กรัม) เมื่ออายุ 3 สัปดาห์ ลูกแมวควรจะมีน้ำหนัก 10 ออนซ์ (280.4 กรัม)[21]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรพาลูกแมวไปหาสัตว์แพทย์....
    รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรพาลูกแมวไปหาสัตว์แพทย์. เป็นเรื่องดีในการพาลูกแมวไปหาสัตว์แพทย์อย่างรวดเร็วเพื่อให้สัตว์แพทย์ตรวจเรื่องอาการขาดน้ำ หนอนแมลงวันหรือปรสิตที่อาจจะฝังตัวอยู่ในลูกแมว และเพื่อให้สัตว์แพทย์ตรวจสุขภาพทั่วไปให้[22] เจ้าหน้าที่สัตว์แพทย์บางคนอาจจะตรวจลูกแมวให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายถ้าคุณบอกเขาว่าคุณกำลังดูแลลูกแมวกำพร้าที่ชีวิตไว้ คุณควรที่จะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่คุณควรพาลูกแมวไปรักษากับสัตว์แพทย์ ให้พาลูกแมวไปหาสัตว์แพทย์ถ้าคุณสังเกตว่าลูกแมวมีอาการต่อไปนี้[23]
    • อุณหภูมิที่สูงหรือต่ำเกินไป (มากกว่า 39.4 องศาหรือน้อยกว่า 37.2 องศา)
    • ไม่อยากอาหาร (ถ้าลูกแมวไม่กินอะไรเลยตลอดทั้งวัน ให้พาลูกแมวเข้ารับการตรวจฉุกเฉิน)
    • อาเจียน (ถ้าเกิดขึ้นตลอดเวลา ให้พาลูกแมวเข้ารับการตรวจฉุกเฉิน)
    • น้ำหนักลดลง
    • ไอ จาม และมีน้ำออกมาจากตาหรือจมูก
    • ท้องเสีย (ถ้าเกิดขึ้นตลอดเวลา ให้พาลูกแมวเข้ารับการตรวจฉุกเฉิน)
    • หมดแรง
    • เลือดออกไม่ว่าจะตรงไหนก็ตาม (ให้พาลูกแมวเข้ารับการตรวจฉุกเฉิน)
    • หายใจลำบาก (ให้พาลูกแมวเข้ารับการตรวจฉุกเฉิน)
    • บาดเจ็บ เช่น ถูกลดชน ร่วงตกลงมา เดินกระโผลกกะเผลก ถูกเหยียบ หรือหมดสติ (ให้พาลูกแมวเข้ารับการตรวจฉุกเฉิน)
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ในหลายเมืองมีโครงการในการทำหมันแมวและแมวจรจัด
  • ศูนย์ดูแลสัตว์เป็นสถานที่ที่ดีในการขอคำแนะนำและการบริการจากสัตว์แพทย์ในราคาไม่แพง และอาจจะช่วยให้คุณหาบ้านให้ลูกแมวเมื่อมันโตพอแล้ว บางคนก็ได้ช่วยเหลือเลี้ยงดูลูกแมวจนกระทั่งมันถูกรับเลี้ยงไป
  • ที่ที่ดีที่สุดสำหรับลูกแมวแรกเกิดคือการได้อยู่กับแม่ของมัน ถ้าเป็นไปได้ ลูกแมวดุร้ายควรจะออกห่างจากแม่ของมันเมื่ออายุ 4 สัปดาห์ ให้สังเกตบริเวณที่แม่แมวคลอดลูกว่าลูกแมวนั้นกำพร้าหรือถูกทิ้งจริงๆ ก่อนที่จะเก็บมันมาดูแล บางครั้งแม่แมวอาจจะซุ่มอยู่ไม่ไกล ลูกแมวที่ถูกทอดทิ้งจะสกปรกและจะร้องงอแงเพราะอากาศหนาวเย็นและความหิว
  • ถ้าคุณพบลูกแมวแรกเกิดกำพร้าและไม่สามารถช่วยเหลือดูแลได้ หรือไม่รู้จักใครที่จะช่วยเหลือได้ ให้พามันไปที่องค์กรช่วยเหลือสัตว์หรือศูนย์ดูแลสัตว์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ องค์กรเหล่านี้จะรู้วิธีดูแลลูกแมวดีที่สุดถ้าคุณไม่มีข้อมูลอะไร
  • ถ้ามีแค่ลูกแมวตัวเดียว ให้หาตุ๊กตาตัวเล็กๆ ให้ลูกแมวกอดซุกไซ้ก็จะช่วยให้ลูกแมวอุ่นและทำให้มันนึกถึงแม่ของมันและพี่น้องตัวอื่นๆ
  • ใช้แปรงสีฟันเลียนแบบความสากของลิ้นแม่แมวที่เลียลูกแมวขณะที่ลูกแมวกินนมเสร็จ ใส่นาฬิกาเข็มแบบ 'ติ๊กต๊อก' ไปใน 'รังพัก' ของลูกแมว เพื่อจะได้กล่อมปลอบลูกแมว
  • ปล่อยให้ลูกแมวหลบซ่อนตัวและไม่ต้องบังคับให้มันทำอะไร มันจะเปิดใจให้กับคุณในที่สุด หากล่องใหญ่ๆ และใส่ที่นอนของลูกแมวลงไป เพื่อที่ลูกแมวจะได้มีพื้นที่ส่วนตัวและรู้สึกปลอดภัย
โฆษณา

คำเตือน

  • แม้ว่าจะได้ดูแลลูกแมวอย่างดีที่สุดแล้ว ลูกแมวอาจจะตายได้ถ้าไม่ได้รับการดูแลจากแม่ของมัน


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Carrie Seay, MS-CABAC, KPA-CTP, CBCC-KA
ร่วมเขียน โดย:
ผู้ให้คำปรึกษาด้านพฤติกรรมแมว
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Carrie Seay, MS-CABAC, KPA-CTP, CBCC-KA. แคร์รี ซีเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านพฤติกรรมแมวและเจ้าของ Carrie Pawpins ในฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา เธอเชี่ยวชาญในการทำงานร่วมกับเจ้าของแมวเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านพฤติกรรมของแมว ด้วยประสบการณ์มากกว่าสิบปี แคร์รีจบปริญญาตรี สาขาชีววิทยา จากมหาวิทยาลัยนอร์เทิร์นแอริโซนาและจบปริญญาโท สาขาการวิเคราะห์และการให้คำปรึกษาด้านพฤติกรรมสัตว์เลี้ยง จากวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์อเมริกา เธอได้รับประกาศนียบัตรหลายใบจากหลักสูตรการฝึกอบรมของสถาบันต่างๆ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีอย่างเช่น สถาบัน Karen Pryor บทความนี้ถูกเข้าชม 353,207 ครั้ง
หมวดหมู่: แมว
มีการเข้าถึงหน้านี้ 353,207 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา