ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

ความแปรปรวนคือการวัดว่าชุดข้อมูลนั้นมีการกระจายตัวออกไปอย่างไร มันมีประโยชน์เวลาใช้สร้างตัวอย่างทางสถิติ เนื่องจากความแปรปรวนต่ำเป็นสัญญาณว่าคุณอาจมีการบีบอัดข้อมูลมากเกินไปจนไม่อาจทำนายผลได้[1] บทความวิกิฮาวบทนี้จะสอนคุณว่าจะคำนวณความแปรปรวนได้อย่างไร

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

คำนวณความแปรปรวนของกลุ่มตัวอย่างหนึ่ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เขียนชุดข้อมูลของตัวอย่างของคุณ.
    ในกรณีส่วนใหญ่ นักสถิติจะเข้าถึงได้แต่กลุ่มตัวอย่าง หรือเป็นสับเซ็ตของจำนวนประชากรทั้งหมดที่พวกเขากำลังศึกษา เช่น แทนที่จะวิเคราะห์ปริมาณ "ราคาของรถยนต์ทุกคันในเยอรมนี" นักสถิติจะหาราคาแบบสุ่มจากรถยนต์ไม่กี่พันคัน เขาสามารถใช้กลุ่มตัวอย่างนี้ไปคาดการณ์ราคารถยนต์ของเยอรมนีอย่างใกล้เคียงได้ แต่มันจะไม่ได้เป็นตัวเลขที่แท้จริงเป๊ะๆ
    • ตัวอย่าง: วิเคราะห์ตัวเลขของจำนวนมัฟฟิ่นที่ถูกขายในแต่ละวันของโรงอาหาร คุณสุ่มตัวอย่างหกวันได้ผลออกมาดังนี้: 38, 37, 36, 28, 18, 14, 12, 11, 10.7, 9.9. นี่เป็นแค่กลุ่มตัวอย่าง มิใช่จำนวนประชากรทั้งหมด เนื่องจากคุณไม่มีข้อมูลทุกวันนับแต่โรงอาหารเปิดขาย
    • หากคุณมีข้อมูล ทั้งหมด ของประชากรทั้งหมด ข้ามไปยังวิธีการด้านล่างแทน
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เขียนสูตรความแปรปรวนของกลุ่มตัวอย่าง.
    ความแปรปรวนของชุดข้อมูลจะบอกคุณให้รู้ว่าข้อมูลนั้นมีการกระจายตัวอย่างไร ยิ่งความแปรปรวนใกล้เคียงกับศูนย์ แสดงว่าแต่ละจุดข้อมูลนั้นอยู่ใกล้ชิดกันเป็นกลุ่มก้อนมากกว่า เวลาจะใช้ชุดข้อมูลตัวอย่างนั้น ให้ใช้สูตรต่อไปนี้คำนวณความแปรปรวน:[2]
    • = ∑[( - x̅)]/(n - 1)
    • คือความแปรปรวน ความแปรปรวนจะวัดเป็นหน่วยยกกำลังสอง
    • แทนที่จุดข้อมูลในชุดข้อมูล
    • ∑, หมายถึง "รวม" จะบอกคุณให้คำนวณพจน์ต่อไปนี้สำหรับค่าแต่ละค่าของ แล้วบวกมันเข้าด้วยกัน
    • x̅ คือค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง
    • n คือจำนวนสมาชิกของข้อมูล
  3. How.com.vn ไท: Step 3 คำนวณหาค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง...
    คำนวณหาค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง. สัญลักษณ์ x̅ หรือ "x-bar" หมายถึงค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง [3] คำนวณเหมือนกับที่คุณหาค่าเฉลี่ยใดๆ: บวกค่าทั้งหมดของจุดข้อมูลเข้าด้วยกัน แล้วหารด้วยจำนวนสมาชิกของข้อมูลนั้น
    • ตัวอย่าง: เริ่มต้นด้วยการบวกจุดข้อมูลแต่ละตัวเข้าด้วยกัน: 17 + 15 + 23 + 7 + 9 + 13 = 84
      จากนั้นหารคำตอบที่ได้ด้วยจำนวนสมาชิกของข้อมูล ในกรณีนี้คือหก: 84 ÷ 6 = 14
      ค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง = x̅ = 14
    • คุณอาจมองว่าค่าเฉลี่ยเป็นเหมือน "จุดกึ่งกลาง" ของข้อมูล หากกลุ่มข้อมูลจับกลุ่มรวมตัวใกล้ค่าเฉลี่ย ความแปรปรวนก็จะต่ำ หากมันกระจายห่างออกจากค่าเฉลี่ย ก็แสดงว่าความแปรปรวนสูง
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ลบค่าเฉลี่ยออกจากจุดข้อมูลแต่ละตัว.
    ตอนนี้ได้เวลาต้องคำนวณ - x̅ โดยที่ คือจุดข้อมูลแต่ละตัวในชุดข้อมูล คำตอบแต่ละตัวจะบอกคุณถึงค่าเบี่ยงเบนจากค่าเฉลี่ย หรือพูดในภาษาทั่วไปคือ มันห่างจากค่าเฉลี่ยแค่ไหน [4].
    • ตัวอย่าง:
      - x̅ = 17 - 14 = 3
      - x̅ = 15 - 14 = 1
      - x̅ = 23 - 14 = 9
      - x̅ = 7 - 14 = -7
      - x̅ = 9 - 14 = -5
      - x̅ = 13 - 14 = -1
    • วิธีการตรวจนั้นง่ายมาก เพราะคำตอบที่คุณได้ควรรวมกันแล้วเป็นศูนย์ ทั้งนี้มาจากนิยามของค่าเฉลี่ยนั่นเอง เนื่องจากคำตอบที่เป็นลบ (ห่างจากค่าเฉลี่ยไปยังจำนวนที่ต่ำกว่า) จะหักลบพอดีกับคำตอบที่เป็นบวก (ห่างจากค่าเฉลี่ยไปยังจำนวนที่สูงกว่า)
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ยกกำลังสองผลแต่ละตัว.
    ดังที่บอกไว้ข้างต้น ค่าเบี่ยงเบนที่คุณรวบรวมมา ( - x̅) รวมกันแล้วเท่ากับศูนย์ นั่นหมายถึง "ค่าเบี่ยงเบนเฉลี่ย" จะรวมกันได้ศูนย์เช่นเดียวกันเสมอ มันจึงไม่ได้บอกอะไรแก่เราเลยว่าข้อมูลมีการกระจายตัวเช่นไร เพื่อแก้ปัญหานี้ ให้ใส่กำลังสองกับค่าเบี่ยงเบนแต่ละตัว นี่จะทำให้มันกลายเป็นจำนวนบวกทั้งหมด ดังนั้น ค่าบวกและลบจะได้ไม่หักลบกันเองจนกลายเป็นศูนย์ [5]
    • ตัวอย่าง:
      ( - x̅)
      - x̅)
      92 = 81
      (-7)2 = 49
      (-5)2 = 25
      (-1)2 = 1
    • ตอนนี้คุณมีค่า ( - x̅) สำหรับจุดข้อมูลแต่ละตัวในกลุ่มตัวอย่าง
  6. How.com.vn ไท: Step 6 หาผลรวมของค่าที่ถูกยกกำลังสอง.
    ตอนนี้ถึงเวลาคำนวณตัวเศษทั้งหมดของสูตร: ∑[( - x̅)] ตัวซิกม่าพิมพ์ใหญ่, ∑, จะบอกเราถึงผลรวมค่าของพจน์ต่อไปนี้สำหรับแต่ละค่าของ คุณได้ทำการคำนวณ ( - x̅) สำหรับแต่ละค่าของ ในกลุ่มตัวอย่างแล้ว ดังนั้นที่คุณต้องทำก็เพียงรวมผลลัพธ์ที่ได้เข้าด้วยกัน
    • ตัวอย่าง: 9 + 1 + 81 + 49 + 25 + 1 = 166.
  7. How.com.vn ไท: Step 7 หารด้วย n –...
    หารด้วย n – 1 โดยที่ n คือจำนวนสมาชิกของชุดข้อมูล. เมื่อก่อนนักสถิติจะหารแค่ n เมื่อจะคำนวณความแปรปรวนของกลุ่มตัวอย่าง มันจะให้ค่าเฉลี่ยของค่าเบี่ยงเบนยกกำลังสอง ซึ่งเหมาะสมสำหรับความแปรปรวนของกลุ่มตัวอย่างนั้น แต่อย่าเพิ่งลืมว่ากลุ่มตัวอย่างนั้นเป็นเพียงการคาดคะเนจำนวนประชากรทั้งหมดที่มากกว่านั้น หากคุณสุ่มกลุ่มตัวอย่างอีกชุดแล้วทำการคำนวณแบบเดิม คุณอาจได้ผลที่แตกต่างกัน กลายเป็นว่า การหารด้วย n - 1 แทนที่จะเป็นแค่ n จะทำให้ได้ผลการคาดคะเนความแปรปรวนของจำนวนประชากรทั้งหมดได้ดีกว่า การแก้ไขนี้ทำกันทั่วจนปัจจุบันได้รับการยอมรับว่าเป็นนิยามของความแปรปรวนของกลุ่มตัวอย่าง [6]
    • ตัวอย่าง: มีจำนวนสมาชิกค่าข้อมูลในกลุ่มตัวอย่างอยู่หก ดังนั้น n = 6
      ความแปรปรวนของกลุ่มตัวอย่าง = 33.2
  8. How.com.vn ไท: Step 8 เข้าใจความแปรปรวนและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน.
    โปรดสังเกตว่า เนื่องจากมีเลขยกกำลังอยู่ในสูตร ความแปรปรวนจึงวัดเป็นหน่วยยกกำลังสองของข้อมูลเดิม มันอาจจะยากแก่การทำความเข้าใจอยู่หน่อย การใช้ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานจึงมักมีประโยชน์ แต่คุณก็ไม่ได้เสียแรงเปล่า เพราะค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานนั้นนิยามว่าเป็นรากที่สองของความแปรปรวน นั่นคือสาเหตุที่เขียนความแปรปรวนของกลุ่มตัวอย่างเป็น และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มตัวอย่างเป็น
    • ตัวอย่างเช่น ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มตัวอย่างข้างต้น = s = √33.2 = 5.76.
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

คำนวณความแปรปรวนของจำนวนประชากรทั้งหมด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เริ่มด้วยชุดข้อมูลของจำนวนประชากรทั้งหมด.
    คำว่า "ประชากร" หมายถึงจำนวนชุดทั้งหมดของกลุ่มสมาชิกที่มีความเกี่ยวข้อง เช่น หากคุณกำลังศึกษาอายุของผู้อาศัยอยู่ในรัฐเท็กซัส จำนวนประชากรทั้งหมดจะต้องรวมอายุของผู้อยู่ในเท็กซัสทุกคน คุณจะต้องสร้างตารางจัดเก็บข้อมูลที่ใหญ่มากสำหรับชุดข้อมูลจำนวนมากเช่นนี้ เราจะยกตัวอย่างชุดข้อมูลที่เล็กกว่านั้นให้ดู:
    • ตัวอย่าง: มีอ่างปลาทั้งหมดหกอ่างภายในห้องจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ อ่างปลาทั้งหกนั้นประกอบไปด้วยประชากรปลาทั้งหมดดังนี้:





  2. How.com.vn ไท: Step 2 เขียนสูตรความแปรปรวนของประชากรทั้งหมด.
    เนื่องจากประชากรทั้งหมดมีอยู่ในฐานข้อมูล สูตรนี้จึงจะทำให้ได้ความแปรปรวนของประชากรที่ตรงพอดี เพื่อแยกมันออกจากความแปรปรวนแบบสุ่มตัวอย่าง (ซึ่งเป็นเพียงการคาดคะเน) นักสถิติจึงใช้ตัวแปรต่างกันออกไป:[7]
    • σ = (∑( - μ))/n
    • σ = ความแปรปรวนของประชากร นี่เป็นเครื่องหมายซิกม่าตัวพิมพ์เล็กยกกำลังสอง ความแปรปรวนนั้นวัดด้วยหน่วยยกกำลังสอง
    • แทนจุดข้อมูล
    • พจน์ที่อยู่ภายใน ∑ จะถูกคำนวณสำหรับค่าแต่ละค่าของ แล้วนำมารวมกัน
    • μ เป็นค่าเฉลี่ยของประชากร
    • n เป็นจำนวนสมาชิกในประชากร
  3. How.com.vn ไท: Step 3 หาค่าเฉลี่ยของประชากร.
    เมื่อวิเคราะห์ประชากร สัญลักษณ์ μ ("มิว") แทนที่ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ในการหาค่าเฉลี่ยนั้น ให้บวกค่าของพจน์สมาชิกเข้าด้วยกัน แล้วหารด้วยจำนวนของสมาชิก
    • คุณสามารถคิดว่าค่าเฉลี่ยนั้นเป็น "การถัวเฉลี่ย" ก็ได้ แต่โปรดระวัง เพราะคำนี้มีนิยามได้หลายแบบในคณิตศาสตร์
    • ตัวอย่าง: ค่าเฉลี่ย = μ = = 10.5
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ลบค่าเฉลี่ยจากแต่ละจุดข้อมูล.
    จุดข้อมูลที่อยู่ใกล้กับค่าเฉลี่ยจะทำให้ความแตกต่างใกล้เคียงกับศูนย์ ทำการลบซ้ำในแต่ละจุดข้อมูล แล้วคุณจะเริ่มมองภาพออกว่าข้อมูลมีการกระจายตัวขนาดไหน
    • ตัวอย่าง:
      - μ = 5 - 10.5 = -5.5
      - μ = 5 - 10.5 = -5.5
      - μ = 8 - 10.5 = -2.5
      - μ = 12 - 10.5 = 1.5
      - μ = 15 - 10.5 = 4.5
      - μ = 18 - 10.5 = 7.5
  5. How.com.vn ไท: Step 5 นำแต่ละคำตอบมายกกำลังสอง.
    ตอนนี้บางคำตอบจากขั้นตอนที่แล้วจะกลายเป็นค่าลบ และบางตัวเป็นค่าบวก หากคุณวาดภาพข้อมูลลงบนเส้นตัวเลข ตัวเลขสองกลุ่มนี้จะแทนที่ตัวเลขที่อยู่ข้างซ้ายของค่าเฉลี่ยกับตัวเลขที่อยู่ข้างขวาของค่าเฉลี่ย ซึ่งมันจะไม่มีประโยชน์ต่อการคำนวณความแปรปรวน เนื่องจากมันจะหักลบกันเองจนหมด จึงให้ใส่ยกกำลังสองเข้าไปในตัวเลขทุกตัวเพื่อให้มันกลายเป็นค่าบวกแทน
    • ตัวอย่าง:
      ( - μ) สำหรับค่าแต่ละค่าของ i จาก 1 ถึง 6:
      (-5.5) = 30.25
      (-5.5) = 30.25
      (-2.5) = 6.25
      (1.5) = 2.25
      (4.5) = 20.25
      (7.5) = 56.25
  6. How.com.vn ไท: Step 6 หาค่าเฉลี่ยจากผลที่ได้.
    ตอนนี้คุณจะมีค่าของจุดข้อมูลแต่ละตัวที่สัมพันธ์ (ทางอ้อม) ว่าจุดข้อมูลนั้นห่างจากค่าเฉลี่ยขนาดไหน หาค่าเฉลี่ยของค่าเหล่านี้โดยรวมมันเข้าด้วยกัน แล้วหารด้วยจำนวนสมาชิกของค่านั้น
    • ตัวอย่าง:
      ความแปรปรวนของประชากร = 24.25
  7. How.com.vn ไท: Step 7 ย้อนทวนกลับไปหาสูตร.
    หากคุณไม่แน่ใจว่ามันจะตรงกับสูตรในตอนต้นของวิธีนี้หรือเปล่า ลองเขียนโจทย์ทั้งหมดออกมาเป็นแบบละเอียดก็ได้:
    • หลังจากหาความแตกต่างจากค่าเฉลี่ยและยกกำลังสองแล้ว คุณมีค่า ( - μ), ( - μ), และต่อไปเรื่อยๆ จนถึง ( - μ), ที่ซึ่ง เป็นจุดข้อมูลตัวสุดท้ายในกลุ่ม
    • ในการหาค่าเฉลี่ยของค่าเหล่านี้ คุณบวกทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้วหารด้วย n: ( ( - μ) + ( - μ) + ... + ( - μ) ) / n
    • หลังจากเขียนตัวเลขภายในสัญลักษณ์ซิกม่าแล้ว คุณจะได้ (∑( - μ))/n สูตรสำหรับความแปรปรวนนั่นเอง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เนื่องจากมันยากที่จะแปลผลความแปรปรวน ค่านี้จึงมักใช้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการคำนวณค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
  • การใช้ "n - 1" แทนที่จะเป็น "n" ในตัวหารเวลาวิเคราะห์กลุ่มตัวอย่างนั้นเป็นเทคนิคที่เรียกว่าการตรวจแก้ของเบสเซล (Bessel's correction) กลุ่มตัวอย่างเป็นเพียงการคาดคะเนจำนวนข้อมูลทั้งหมด และค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างจะเอนเอียงไปรับกับการคาดคะเนนั้น การตรวจแก้ให้ถูกนี้จะกำจัดการเอนเอียงนี้ [8] ทั้งนี้มันเกี่ยวข้องกับความจริงที่ว่า พอคุณเติมข้อมูล n - 1 ลงไป ตัวข้อมูล n ตัวสุดท้ายจะมีเงื่อนไขบังคับทันที เนื่องจากมีแต่ค่าเฉพาะที่จะมีผลในค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง (x̅) ที่ใช้ในสูตรความแปรปรวน [9]
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Mario Banuelos, PhD
ร่วมเขียน โดย:
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Mario Banuelos, PhD. มาริโอ บันเวลอสเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยรัฐแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเฟรสโน มาริโอเชี่ยวชาญชีววิทยาเชิงคณิตศาสตร์ การหาค่าเหมาะที่สุด แบบจำลองทางสถิติสำหรับวิวัฒนาการจีโนม และวิทยาศาสตร์ข้อมูล มาริโอได้รับปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาคณิตศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรัฐแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเฟรสโน และได้รับปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเมอร์เซด มาริโอได้สอนทั้งระดับมัธยมและวิทยาลัย บทความนี้ถูกเข้าชม 253,625 ครั้ง
หมวดหมู่: คณิตศาสตร์
มีการเข้าถึงหน้านี้ 253,625 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา