ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

PowerPoint นี่แหละช่องทางที่ดีที่สุดถ้าอยากรวมข้อความและรูปภาพเข้าด้วยกันใน 1 ไฟล์นำเสนอ ข้อมูลจะได้ไหลลื่นต่อเนื่องตามต้องการ แถมใส่ลูกเล่น รูปภาพ และกราฟได้ด้วย คุณไม่ต้องมานั่งพิมพ์ใหม่ทั้งหมด แค่เปลี่ยนฟอร์แมตนิดๆ หน่อยๆ ก็แปลงไฟล์ Word เป็น PowerPoint ได้แล้ว

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

แปลงไฟล์ Word

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เปิดไฟล์ใน Microsoft Word.
    เปิดโปรแกรม Word แล้วเปิดไฟล์ โดยคลิก "File" → "Open" คุณแปลงไฟล์ไหนเป็น PowerPoint ก็ได้ แต่ต้อง copy แล้ว paste รูปเองทีหลัง
  2. Step 2 แบ่งแต่ละ "สไลด์" ด้วยชื่อเรื่อง.
    คุณต้องแบ่งข้อมูลเองแต่แรก PowerPoint ถึงจะรู้ว่าต้องแบ่งสไลด์ตรงไหน ในบรรทัดด้านบนของแต่ละรายการ ย่อหน้า หรือประโยคที่คุณอยากให้ขึ้นสไลด์ใหม่ ก็ให้พิมพ์ชื่อสไลด์นั้น เช่น "บทนำ" หรือ "ที่มาและการอ้างอิง"
    • ข้อความนี้จะกลายเป็นตัวหนาใหญ่ๆ ที่ด้านบนของแต่ละสไลด์ใน PowerPoint
  3. Step 3 ไปที่เมนู "Styles".
    คลิก tab "Home" ที่มุมซ้ายบนของ Word คุณจะเห็นช่องใหญ่ๆ เขียนว่า "Styles" ใน toolbar ที่ด้านบนของหน้าจอ ในนั้นจะมีตัวอย่างฟอร์แมตหลายแบบ เช่น "Normal", "No Spacing", "Heading 1" และอื่นๆ
  4. Step 4 ลากคลุมชื่อสไลด์ แล้วคลิก "Heading 1".
    คุณต้องฟอร์แมตเองทีละชื่อ ข้อความจะกลายเป็นตัวหนาขนาดใหญ่ และสีฟ้า ซึ่งพอ PowerPoint เห็นฟอร์แมตนี้ ก็จะรู้ทันทีว่าเป็นชื่อสไลด์
  5. Step 5 ฟอร์แมตเนื้อหาของสไลด์เป็น "Heading 2".
    กดปุ่ม "enter" เพื่อเว้นบรรทัดแยกเนื้อหาแต่ละบล็อก จากนั้นลากคลุมข้อความแล้วเลือก "Heading 2" ในเมนู "Styles" ข้อความจะกลายเป็นสีฟ้า แต่ละบรรทัดหรือย่อหน้าที่แยกออกมาจะเป็นแต่ละ bullet ในสไลด์ที่ได้
    • ข้อความที่เป็น bullet จะอยู่ในสไลด์เดียวกันถ้าฟอร์แมตเป็น "Heading 2"
  6. Step 6 ใส่ sub-bullet โดยใช้ "Heading 3".
    ถ้าคุณกำหนดอะไรเป็น "Heading 3" ก็จะเยื้องเข้าไปในหน้ากระดาษทางขวา และขึ้นบรรทัดใหม่ สไลด์ใน PowerPoint จะออกมาตามนี้
    • ข้อความที่ฟอร์แมตเป็น "Heading 2"
      • ข้อความที่ฟอร์แมตเป็น "Heading 3"
  7. How.com.vn ไท: Step 7 แยกแต่ละสไลด์ด้วยบรรทัดคั่น.
    ให้กด "Enter" ทุกครั้งที่จะขึ้นชื่อสไลด์ใหม่ เพื่อสร้าง outline หรือโครงร่างให้ PowerPoint บรรทัดไหนใช้ฟอนต์หนา ตัวใหญ่ แปลว่าเป็นชื่อสไลด์ ส่วนข้อความฟอนต์เล็กสีฟ้าข้างล่าง ก็คือเนื้อหาของสไลด์ ส่วนถ้าเว้นบรรทัด ก็คืออีกชื่อหนึ่ง PowerPoint จะขึ้นสไลด์ใหม่ให้
  8. How.com.vn ไท: Step 8 ปรับแต่งข้อความตามใจชอบ.
    พอมีโครงร่างแล้ว ก็เปลี่ยนขนาด สี และเลือกฟอนต์ของข้อความได้ตามใจ ซึ่งจะยังอยู่หลังแปลงเป็นไฟล์ PowerPoint ตอนนี้ข้อความไม่จำเป็นต้องเป็นตัวหนาหรือเป็นสีฟ้าแล้ว เพราะเราได้ทำการ code ฟอร์แมตสำหรับแปลงไฟล์เป็น PowerPoint เรียบร้อย
    • แต่ถ้าลบบรรทัดว่างหรือเพิ่มข้อความใหม่เข้าไปอาจทำให้ฟอร์แมตผิดไป เพราะงั้นต้องเก็บขั้นตอนนี้ไว้สุดท้ายเลย
    • อย่าลืมเซฟไฟล์ด้วย!
  9. Step 9 ส่งไฟล์ไปที่ PowerPoint โดยคลิก "File → "Send to PowerPoint".
    PowerPoint จะเอาไฟล์ไปแปลงเป็นสไลด์ต่างๆ โดยอัตโนมัติ ถ้าไม่มีปุ่ม "Send to PowerPoint" ให้
    • คลิก "File" → "Options" เพื่อเปิดหน้าต่าง Options
    • คลิก "Quick Access Toolbar"
    • เลือก "All Commands" ในเมนู "Choose Commands From:"
    • เลื่อนลงไปตามคำสั่งที่เรียงตามลำดับตัวอักษร จนเจอ "Send to Microsoft Powerpoint" แล้วคลิก "Add > >"
    • คลิก OK ที่มุมขวาล่าง จะมีปุ่มเล็กๆ โผล่มาที่มุมซ้ายบนของ word ใช้ส่งไฟล์ไปที่ PowerPoint
  10. How.com.vn ไท: Step 10 ปรับแต่งไฟล์นำเสนอใน PowerPoint...
    ปรับแต่งไฟล์นำเสนอใน PowerPoint. ตกแต่งไฟล์นำเสนอตามใจชอบ เช่น ใส่ภาพเคลื่อนไหว, เสียงประกอบ, ธีม และรูปภาพ
    • Word จะไม่แปลงรูปให้อัตโนมัติ ต้อง copy/paste หรือ insert คือใส่รูปในสไลด์เอง
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

สร้างเอกสาร PowerPoint ใน Word

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Step 1 ใช้ "Outlines" view ฟอร์แมตไฟล์ Word เป็น PowerPoint.
    เวลาคุณพิมพ์ในโครงร่าง Word จะแปลงฟอร์แมตชื่อสไลด์กับข้อความโดยอัตโนมัติ เลยพิมพ์และแก้ไขไฟล์ PowerPoint ได้ในเอกสารเดียว ก่อนแปลงเป็นสไลด์
    • แต่ยังต้องใส่รูปลงในไฟล์ PowerPoint เอง
  2. Step 2 สร้าง "New Document" (เอกสารใหม่) ใน Word.
    คลิก "File" → "New" เพื่อสร้างเอกสารใหม่ว่างๆ หรือกด "Ctrl" กับ "N" พร้อมกัน
  3. Step 3 คลิก "View" → "Outline".
    tab "View" จะอยู่ด้านบนของหน้าจอ พอคลิกแล้ว tab ชื่อ "Document Views" จะโผล่มาเหนือเอกสาร ให้คลิก "Outline" เพื่อเปิด Outline editing view (มุมมองการแก้ไข)
    • มุมมองนี้จะเป็นหน้าจอใหญ่ ขาวๆ โล่งๆ มี tab ต่างๆ อยู่ด้านบน
  4. Step 4 พิมพ์ชื่อสไลด์แรกลงไป แล้วกด "Enter".
    ฟอนต์ของข้อความจะใหญ่ขึ้นและกลายเป็นสีน้ำเงิน แปลว่าเป็นชื่อของแต่ละสไลด์
  5. Step 5 กด "tab" เพื่อพิมพ์เนื้อหาของสไลด์.
    กดแล้วจะย่อหน้าเข้าไปทางขวา อะไรก็ตามที่พิมพ์จะกลายเป็นเนื้อหาของสไลด์ ทุกครั้งที่กด enter ก็เท่ากับขึ้นบรรทัดใหม่ หรือก็คือ bullet point ใหม่ใน PowerPoint
    • ถ้ากด tab อีกรอบ เท่ากับสร้าง "sub-bullets" แบบนี้
      • นี่คือ sub-bullet
  6. Step 6 สร้างสไลด์ใหม่โดยเลือก "Level 1" ที่มุมซ้ายบน.
    พอพิมพ์เนื้อหาของสไลด์ครบแล้ว ให้กด enter เพื่อขึ้นบรรทัดใหม่ ที่มุมซ้ายบน ในหัวข้อ "Outline Tools" จะมีเมนูพร้อม "Level" ปัจจุบัน ให้ใช้ลูกศรสีเขียวหรือเมนูที่ขยายลงมาเลือก "Level 1" จะได้ชื่อใหม่
    • หรือคลิกแล้วลากวงกลมเล็กๆ สีเทาข้างข้อความ ถ้าลากไปทางซ้ายสุด ก็จะกลายเป็นชื่อสไลด์แทน
  7. Step 7 กำหนด "Levels" เพื่อฟอร์แมตสไลด์.
    คุณคลิกที่บรรทัดแล้วเปลี่ยน "Level" ได้ตลอดเวลา level นี้จะแปลงเนื้อหาเป็น PowerPoint ตามนี้
    • Level 1 = ชื่อสไลด์
    • Level 2 = เนื้อหาในสไลด์
    • Level 3 ขึ้นไป = sub-bullet
    • Body Text จะไม่ขึ้นใน PowerPoint
  8. Step 8 ส่งไฟล์ไปที่ PowerPoint โดยคลิก "File → "Send to PowerPoint".
    PowerPoint จะเอาไฟล์ไปแปลงเป็นสไลด์ต่างๆ โดยอัตโนมัติ ถ้าไม่มีปุ่ม "Send to PowerPoint" ให้
    • คลิก "File" → "Options" เพื่อเปิดหน้าต่าง Options
    • คลิก "Quick Access Toolbar"
    • เลือก "All Commands" ในเมนู "Choose Commands From:"
    • เลื่อนลงไปตามคำสั่งที่เรียงตามลำดับตัวอักษร จนเจอ "Send to Microsoft Powerpoint" แล้วคลิก "Add > >"
  9. How.com.vn ไท: Step 9 คลิก OK ที่มุมขวาล่าง.
    จะมีปุ่มเล็กๆ โผล่มาที่มุมซ้ายบนของ word ใช้ส่งไฟล์ไปที่ PowerPoint
  10. How.com.vn ไท: Step 10 หรือเปิดไฟล์ใน PowerPoint เลย.
    PowerPoint จะแปลงเนื้อหาที่พิมพ์เป็น Outline หรือโครงร่างไว้โดยอัตโนมัติ เปิด PowerPoint แล้วให้คลิก "File" → "Open" เลือก "All Files" จากในเมนู VIEW FILES? ที่ขยายลงมา เพื่อให้ Word Documents โผล่มา จากนั้นหาแล้วเปิดไฟล์เพื่อแปลงไฟล์อัตโนมัติ
  11. How.com.vn ไท: Step 11 ปรับแต่งไฟล์นำเสนอใน PowerPoint...
    ปรับแต่งไฟล์นำเสนอใน PowerPoint. ตกแต่งไฟล์นำเสนอตามใจชอบ เช่น ใส่ภาพเคลื่อนไหว, เสียงประกอบ, ธีม และรูปภาพ
    • Word จะไม่แปลงรูปให้อัตโนมัติ ต้อง copy/paste หรือ insert คือใส่รูปในสไลด์เอง
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

แก้ปัญหาที่พบบ่อย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ขึ้นสไลด์ใหม่แบบไม่ต้องมีชื่อสไลด์.
    ถ้าอยากขึ้นสไลด์ใหม่แบบไม่มีชื่อหรือหัวเรื่อง ก็ให้กด "enter" เพื่อขึ้นบรรทัดใหม่เหนือข้อความในสไลด์ กด space bar 1 ครั้ง จากนั้นลากคลุมช่องว่าง แล้วฟอร์แมตช่องว่างหรือเว้นวรรคนั้นเป็น "Heading One" ใน toolbar Styles แบบนี้คุณก็สร้างสไลด์ใหม่ได้เลย แบบไม่ต้องมีชื่อหรือหัวเรื่องทุกสไลด์ หรือจะสร้างสไลด์ว่างๆ ไว้ใส่รูปก็ยังได้
    • ใน Outlines view ให้ปล่อยบรรทัด "Level 1" ว่างไว้ แล้วกด "enter"
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ตรวจทานก่อนแปลงไฟล์.
    คลิก tab "View" ที่ด้านบนของโปรแกรม Word แล้วเลือก "Outline View" ที่มุมซ้ายบน จริงๆ แล้วไม่ได้ทำให้เอกสารคุณเปลี่ยนไปเลย แค่เรียงลำดับให้คุณดูเท่านั้น แต่ละ "Level" ที่คุณเปลี่ยนแปลงโดยใช้ลูกศรเขียวด้านบนของหน้าจอได้ จะแทนส่วนต่างๆ ของ PowerPoint
    • Level 1 = ชื่อสไลด์
    • Level 2 = เนื้อหาของสไลด์
    • Level 3 ขึ้นไป = sub-bullet
    • Body Text จะไม่ขึ้นใน PowerPoint
  3. How.com.vn ไท: Step 3 เพิ่มสไลด์จากโปรแกรม Word ใน PowerPoint ที่มีอยู่แล้ว.
    ถ้าอยากเพิ่มเติมบางสไลด์จากไฟล์ Word ก็สร้างสไลด์ใหม่ของ PowerPoint ใน Word ได้ โดยไปตรงจุดที่จะใส่สไลด์ คลิกปุ่มลูกศรชี้ลงเล็กๆ ใต้ "Create New Slide" แล้วเลือก "Create slide from an outline"
    • จะเพิ่มสไลด์ให้ถูกตำแหน่ง ต้องคลิกสไลด์ที่อยากให้มาก่อนไฟล์ Word แล้วค่อยเลือก "Create New Slides"
    • Powerpoint จะสร้างทุกสไลด์จากเอกสารตามลำดับโดยอัตโนมัติ ไม่ใช่แค่สไลด์แรก
  4. How.com.vn ไท: Step 4 เชื่อมไฟล์ Word กับ PowerPoint.
    Microsoft ให้คุณเปิดไฟล์ Word จากใน PowerPoint ได้ ถ้าขี้เกียจแปลงเนื้อหาทั้งหมดเป็นไฟล์นำเสนอ คุณเลยอ้างอิงถึงไฟล์ Word ได้โดยไม่ต้องมานั่งสร้างสไลด์ใหม่เยอะแยะไปหมด เวลาเปิด slideshow ก็คลิกลิงค์เพื่อเปิดไฟล์ได้เลย และพอปิดไฟล์ PowerPoint ก็จะกลับมาที่จุดเดิม
    • คลิกขวาที่ข้อความหรือรูปที่จะเชื่อมกัน
    • เลือก "Hyperlink..."
    • เลือกไฟล์ที่จะเปิดจากในเมนู แล้วกด "okay"
    • ทีนี้ก็คลิกรูปหรือข้อความระหว่าง slideshow ได้เลย เพื่อเปิดไฟล์ Word ขึ้นมา
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ใส่รูปโดย copy/paste จากไฟล์ Word.
    ข้อเสียคือ PowerPoint แปลงรูปมาจากไฟล์ Word ไม่ได้ ต้องใส่เองทีหลัง โดยคลิกขวาที่รูปในไฟล์ Word แล้วเลือก "Copy" จากนั้นไปที่สไลด์ PowerPoint ที่จะใส่รูป คลิกขวา แล้วเลือก "Paste" คุณขยับ ปรับขนาด และ crop รูปใน PowerPoint ได้เลย
    • หรือกดปุ่ม "Insert" ใน PowerPoint เพื่อค้นหารูปจากในคอมมาใส่
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ดาวน์โหลด Microsoft Office เวอร์ชั่นล่าสุดมาใช้.
    ถ้าแปลงไฟล์ไม่สำเร็จ ทั้งๆ ที่กำหนดฟอร์แมตและเปิดทุกอย่างถูกต้องแล้ว แสดงว่าคุณอาจจะใช้ Microsoft Office เวอร์ชั่นเก่าอยู่ แบบนี้ให้ไปดาวน์โหลดเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดมาจากเว็บ Microsoft
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ลองผิดลองถูกเลย! บางทีต้องใช้หลายวิธีรวมกันกว่าจะแปลงไฟล์ได้ แล้วแต่ว่าคุณมีเวลาแค่ไหน จะแปลงไฟล์ขนาดเท่าไหร่ และอื่นๆ
โฆษณา

คำเตือน

  • แปลงไฟล์แล้วลองเปิดไฟล์ Powerpoint ดู ถ้ายังไม่พอใจตรงไหน ก็ปรับแต่งเพิ่มเติมได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: ทีมงานวิกิฮาว
ร่วมเขียน โดย:
นักเขียนในทีมวิกิฮาว
บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา

ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้ บทความนี้ถูกเข้าชม 13,685 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 13,685 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา