ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

อาการริมฝีปากแห้งแตกนั้นยากที่จะเลี่ยงได้ และไม่สามารถแก้ได้ในทันที สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว การป้องกันไม่ให้ปากแห้งตั้งแต่ต้นเป็นทางแก้ที่ดีที่สุด แต่บางคนก็ไม่สามารถป้องกันไม่ให้ริมฝีปากแห้งได้ เพราะมันเป็นอาการและผลข้างเคียงระยะยาวที่ต้องรับมือไปตลอดชีวิต ปกติอาการปากแห้งสามารถรักษา (และป้องกัน!) ได้ด้วยน้ำและลิปมัน แต่สำหรับริมฝีปากที่แห้งแตกรุนแรงระยะยาว คุณควรไปพบแพทย์มากกว่า

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

รักษาริมฝีปากที่แห้ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ทาลิปมัน.
    เลือกใช้ลิปมันขี้ผึ้งธรรมดา หรือลิปมันที่มีสารกันแดด[1] ลิปมันจะช่วยปกป้องริมฝีปากของคุณจากสภาพอากาศ ฉะนั้นอย่าลืมทาลิปมันในวันที่อากาศแห้ง แดดแรง หรือลมแรง ลิปมันยังช่วยสมานรอยแตกบนริมฝีปาก ทำให้ไม่เกิดการติดเชื้ออีกด้วย ให้ทาลิปมันก่อนออกไปข้างนอก หลังกินอาหารหรือดื่มน้ำ หรือเมื่อไหร่ก็ตามที่สังเกตว่าลิปมันหายไปแล้ว
    • หลีกเลี่ยงลิปมันที่มีรสชาติถ้าคุณติดนิสัยชอบเลียปาก เลือกลิปมันที่รสชาติห่วยแตกแต่มีสารกันแดดดีกว่า
    • หลีกเลี่ยงลิปมันที่อยู่ในกระปุก เพราะการใช้นิ้วจิ้มลิปมันไปเรื่อยๆ อาจเป็นการเพาะเชื้อแบคทีเรียที่จะเข้าไปในริมฝีปากที่แตกได้[2]
    • ใช้ผ้าพันคอหรือหมวกฮู้ดปิดปากในวันที่ลมแรง อย่าไปยุ่งกับริมฝีปากระหว่างที่มันกำลังรักษาตัวเองอยู่
  2. How.com.vn ไท: Step 2 หลีกเลี่ยงการแกะปาก.
    คุณอาจจะคันไม้คันมืออยากเกา แกะหนังริมฝีปาก หรือกัดปากที่แห้งแตก แต่มันไม่ดีต่อริมฝีปากขณะที่กำลังรักษาตัวเองเลย การแกะปากที่แห้งอาจทำให้มันระคายเคืองและเลือดออก ซึ่งจะทำให้ปากหายแตกช้าลง และอาจทำให้เกิดการติดเชื้อด้วย รวมถึงอาจทำให้เป็นเริมหากคุณมีเชื้ออยู่แล้ว[3]
    • อย่าขัดริมฝีปากที่แห้งเชียวนะ! คุณควรดูแลปากอย่างนุ่มนวลขณะที่มันกำลังรักษาตัวเองอยู่ และการขัดปากก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้
  3. How.com.vn ไท: Step 3 เติมความชุ่มชื้น.
    ภาวะขาดน้ำเป็นหนึ่งในสาเหตุทั่วไปที่ทำให้ปากแห้ง ดื่มน้ำให้มากๆ และทาครีมและลิปมัน คุณสามารถแก้อาการปากแห้งแบบไม่รุนแรงได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงโดยการดื่มน้ำ ถ้าปากแห้งหนักมากก็จะใช้เวลานานขึ้น คุณควรดื่มน้ำพร้อมอาหารทุกมื้อ ก่อนและหลังออกกำลัง และเมื่อไหร่ก็ตามที่กระหายน้ำ[4]
    • ภาวะขาดน้ำเป็นกันมากในช่วงฤดูหนาว หลีกเลี่ยงการสร้างความอุ่นให้บ้านโดยใช้ความร้อนที่แห้ง หรือไม่ก็ซื้อเครื่องทำความชื้นมาใช้
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ไปพบแพทย์.
    หากริมฝีปากเกิดอาการแดง เจ็บ และดูบวม คุณอาจเป็นปากนกกระจอก ซึ่งเกิดจากการอักเสบหรือติดเชื้อ หากริมฝีปากคุณแห้งจนแตก เชื้อแบคทีเรียก็อาจจะเข้าไปได้ ทำให้เกิดโรคปากนกกระจอก แพทย์อาจจะสั่งยาปฏิชีวนะหรือครีมฆ่าเชื้อราให้คุณมาทาจนอาการของโรคปากนกกระจอกหายไป[5] การเลียริมฝีปากเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดปากนกกระจอก โดยเฉพาะในเด็ก
    • ปากนกกระจอกอาจเป็นอาการหนึ่งของโรคผื่นแพ้สัมผัส หากคุณมักเป็นผื่นง่าย ให้ปรึกษาแพทย์ว่าจะวินิจฉัยว่าคุณเป็นผื่นแพ้สัมผัสได้หรือไม่
    • โรคปากนกกระจอกอาจจะเกิดอย่างรุนแรงและต่อเนื่องได้
    • ยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิดอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นปากนกกระจอก หลักๆ คือเรตินอยด์ (retinoids) รองลงมาก็มีลิเธียม (lithium) วิตามินเอในปริมาณสูง ดี-เพนนิซิลลามีน (d-penicillamine) ไอโซไนอาซิด (isoniazid) ฟีโนไทอาซีน (phenothiazine) และสารสำหรับทำเคมีบำบัดอย่างเช่นบูซัลแฟน (busulfan) และแอคติโนมัยซิน (actinomycin)[6]
    • ริมฝีปากแห้งอาจเป็นอาการของโรคหลายโรค รวมถึงโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (อย่างเช่นโรค LSE และโรคโครห์น) โรคไทรอยด์ และโรคสะเก็ดเงิน[7]
    • คนที่เป็นโรคดาวน์ซินโดรมมักปากแห้งแตก
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

ป้องกันไม่ให้ปากแห้ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เลิกเลียปาก.
    คุณอาจจะลืมตัวและเลียปากเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นเมื่อเริ่มรู้สึกปากแห้ง แต่อันที่จริงแล้วการเลียปากนั้นส่งผลตรงกันข้าม เพราะมันเป็นการกำจัดน้ำมันธรรมชาติบนปากคุณออกไป ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำและปากแห้ง ถ้าคุณรู้ตัวว่ากำลังเลียปาก ก็ให้ทาลิปมันแทน ถ้าคุณติดนิสัยเลียปากแบบเลิกไม่ได้ ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อให้แนะนำนักบำบัดให้ การเลียปาก กัดปาก หรือเคี้ยวริมฝีปากอย่างหยุดไม่ได้อาจเป็นอาการของโรคหลายชนิด อย่างเช่นโรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) หรือเป็นพฤติกรรมซ้ำๆ ของร่างกายที่มุ่งเน้น (BFRB)
    • ทาลิปมันบ่อยๆ เพื่อเตือนตัวเองไม่ให้เลีย กัด หรือเคี้ยวริมฝีปาก เลือกลิปมันที่รสชาติไม่อร่อยและมีสารกันแดด
    • เด็กอายุระหว่าง 7-15 ปีเสี่ยงต่อการเป็นโรคปากนกกระจอกจากการเลียปาก
  2. How.com.vn ไท: Step 2 หายใจทางจมูก.
    การหายใจทางปากอาจทำให้ปากแห้งได้ ถ้าคุณติดหายใจทางปาก ให้พยายามฝึกหายใจทางจมูกจนติดเป็นนิสัย นั่งลงหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปากทุกวัน วันละ 2-3 นาที และลองใช้ที่ขยายโพรงจมูก (nasal dilator strip) เวลานอนเพื่อเปิดโพรงจมูกให้กว้างขึ้น[8]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 กำจัดสารก่อภูมิแพ้.
    อย่าให้สารก่อภูมิแพ้และสีย้อมมาโดนปาก แม้แต่อาการแพ้อาหารเพียงอ่อนๆ ก็สามารถทำให้ปากแห้งได้ หากคุณไม่ได้เป็นภูมิแพ้แต่มีอาการอื่น เช่น ปัญหาการย่อยหรือผื่น ซึ่งเกิดพร้อมกับอาการปากแห้ง ก็ควรปรึกษาแพทย์ ลองให้แพทย์แนะนำผู้เชี่ยวชาญเรื่องภูมิแพ้หากอาการของคุณวินิจฉัยยาก[9]
    • ตรวจสอบส่วนผสมในลิปมัน หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่คุณอาจจะแพ้ อย่างเช่นสีย้อมสีแดง
    • คนบางคนแพ้กรดพารา-อะมิโนเบนโซอิก (para-aminobenzoic acid) ซึ่งมีอยู่ในลิปมันจำนวนมากที่มีสารกันแดด หากคุณเกิดอาการคอบวมและหายใจไม่ออก ให้เลิกใช้ลิปมันและโทรเรียก 191[10]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ดื่มน้ำและปกป้องปาก.
    วิธีป้องกันไม่ให้ปากแห้งที่ดีที่สุดน่ะเหรอ? ก็คือให้ทำตัวเหมือนปากแห้งอยู่แล้วไงล่ะ ดื่มน้ำพร้อมอาหารทุกมื้อ และวางน้ำไว้ใกล้ตัวเผื่อกระหาย ทาลิปมันเวลาจะออกไปข้างนอกหรือเวลาเปิดฮีตเตอร์ หาอะไรมาคลุมหน้าในวันที่อากาศหนาวและลมแรง และใช้ลิปมันที่มีสารกันแดดในวันที่แดดแรง
    • ถ้าหากคุณไม่ได้พยายามฝึกตัวเองไม่ให้เลียปากอยู่ คุณก็ไม่น่าจำเป็นต้องทาลิปมันทุกวัน ให้ทาในวันที่ลมหรือแดดแรงถ้าไม่อยากทาลิปมันตลอดเวลา
    โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าคุณสังเกตว่าริมฝีปากเลือดออกหรือติดเชื้อ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Margareth Pierre-Louis, MD
ร่วมเขียน โดย:
แพทย์ผิวหนังที่มีใบรับรอง
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Margareth Pierre-Louis, MD. ดร. มาร์กาเร็ธ ปิแอร์-หลุยส์เป็นแพทย์ผิวหนังที่มีใบรับรองและเป็นผู้ก่อตั้ง Twin Cities Dermatology Center และ Equation Skin Care ในมินเนอาโพลิส Twin Cities Dermatology Center เป็นคลินิกที่ดูแลคนไข้ทุกช่วงวัยทั้งด้านการรักษาและการดูแลเสริมสวย ส่วน Equation Skin Care ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบบธรรมชาติอย่างเห็นผลได้ เธอจบปริญญาตรีด้านชีววิทยาและ MBA จากมหาวิทยาลัยดยุค และจบปริญญาโทแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนาแห่งชาเปลฮิลล์ และผ่านการเป็นแพทย์ประจำที่มหาวิทยาลัยมินเนโซตา บทความนี้ถูกเข้าชม 8,746 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 8,746 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา