วิธีลดกรดในกระเพาะอาหาร: วิธีธรรมชาติช่วยได้หรือไม่?

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

กรดในกระเพาะนั้นสำคัญต่อการย่อยอาหาร แต่ถ้ามีกรดมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดการไหลย้อนกลับของกรด (แสบร้อนกลางอก) หรือโรคที่เรียกว่า กรดไหลย้อน (GERD)[1] ซึ่งจะทำให้รู้สึกไม่สบายหรือแม้กระทั่งมีอาการเจ็บปวด ดังนี้ ท้องอืด ท้องเฟ้อ มีแก๊สในกระเพาะอาหาร มีความรู้สึกแสบร้อนในกระเพาะอาหารหรือหลังคอ ไอแห้ง (ไม่มีเสมหะ) หายใจมีเสียงหวีดในลำคอ และเจ็บหน้าอก[2] และคนส่วนใหญ่ที่มีอาการเหล่านี้ในบางครั้ง มักจะเกิดหลังจากการกินอาหารบางอย่าง การกินเร็วเกินไปโดยได้เคี้ยวให้ดี หรือกินแล้วนอนเร็วเกิน รวมทั้งโรคอ้วน การตั้งครรภ์ และอาการป่วยอื่นๆ ก็สามารถทำให้เกิดกรดในกระเพาะเพิ่มขึ้นได้ด้วย[3]

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 6:

แยกแยะอาการ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ตรวจหาอาการหลอดอาหารอักเสบ.
    การไหลย้อนกลับของกรดอาจจะมีอาการของโรคที่เรียกว่า หลอดอาหารอักเสบ ซึ่งเป็นการอักเสบขึ้นของหลอดอาหาร จนทำให้หลอดอาหารตีบ ทำลายเนื้อเยื่อ และเพิ่มโอกาสในการสำลักอาหาร และหากปล่อยไว้ไม่รักษา โรคนี้ก็จะทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อเนื้อเยื่อและมะเร็งหลอดอาหารได้ โดยอาการทั่วไปคือการแสบร้อนกลางอก กลืนอาหารลำบาก และเจ็บหน้าอกที่จะเกิดขึ้นขณะกินอาหาร[4] แต่หากมีหวัด ไข้ หรือการติดเชื้อไวรัสร่วมกับกรดไหลย้อนก็ควรได้รับการรักษาทันที เพราะมันจะไปเพิ่มการอักเสบของท่ออาหาร โดยให้พบแพทย์ถ้ามีอาการเหล่านี้ :[5]
    • อาการไม่หายหรือไม่ดีขึ้นจากการกินยาลดกรดตามเคาน์เตอร์ยา
    • รุนแรงจนทำให้กินลำบากอย่างมาก
    • ร่วมกับสัญญาณและอาการของไข้ เช่น ปวดหัว ไข้ และปวดกล้ามเนื้อ
    • ร่วมกับการหายใจไม่อิ่มหรือเจ็บหน้าอกที่เกิดขึ้นช่วงสั้นๆ หลังการกินอาหาร
    • เข้ารับการรักษาถ้าเคยมีอาการเจ็บหน้าอกที่เป็นมากกว่า 2 – 3 นาที หรือสงสัยว่ามีอาหารพักอยู่ที่หลอดอาหาร มีประวัติโรคหัวใจ หรือมีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ตรวจอาการกระเพาะอาหารอักเสบ.
    การแสบร้อนกลางอกก็อาจจะเป็นอาการของกระเพาะอาหารอักเสบด้วย โดยกระเพาะอาหารอักเสบนั้นเป็นการอักเสบของกระเพาะ ซึ่งมักเกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร ที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร และภูมิคุ้มกันตัวเองผิดปกติ การสำรองน้ำดีในกระเพาะอาหาร หรือการใช้ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เป็นระยะเวลานาน เช่น ไอบูโปรเฟน ก็สามารถทำให้เกิดกระเพาะอาหารอักเสบได้[6] โดยอาการของกระเพาะอาหารอักเสบก็มี :[7]
    • อาหารไม่ย่อย
    • แสบร้อนกลางอก
    • ปวดหน้าท้อง
    • สะอึก
    • ไม่อยากอาหาร
    • คลื่นไส้
    • อาเจียน ซึ่งอาจจะออกมาเป็นสิ่งที่คล้ายๆ กับกาแฟบด (เลือด)
    • อุจจาระสีดำ
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ตรวจหาสัญญาณของภาวะกล้ามเนื้อกระเพาะอาหารอ่อนแรง....
    ตรวจหาสัญญาณของภาวะกล้ามเนื้อกระเพาะอาหารอ่อนแรง. ซึ่งเป็นอาการของการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อในกระเพาะที่ทำงานอย่างผิดปกติ และยับยั้งการที่กระเพาะว่าง โดยนี่จะทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนและอาเจียนด้วยการสำรองกรดในกระเพาะอาหารในหลอดอาหาร[8]รวมทั้งหลายคนก็จะมีอาการเพิ่มขึ้น หากเป็นโรคเบาหวานหรือเคยทำศัลยกรรมมาก่อน และอาการของภาวะกล้ามเนื้อกระเพาะอาหารอ่อนแรงมี ดังนี้ :[9]
    • อาเจียน
    • คลื่นไส้
    • รู้สึกอิ่มมากหลังจากการกินแค่เพียงคำสองคำ
    • ท้องอืด
    • เจ็บหน้าท้อง
    • ระดับน้ำตาลในเลือดเปลี่ยนแปลง
    • ไม่อยากอาหาร
    • น้ำหนักลดและขาดสารอาหาร
  4. How.com.vn ไท: Step 4 รับการรักษาทางการแพทย์.
    การแสบร้อนกลางอก การเจ็บหน้าอก และภาวะที่เส้นเลือดของหัวใจเกิดการอุดตัน ซึ่งอาจจะรู้สึกเหมือนกันมากๆ และทั้งอาการแสบร้อนกลางอก และการเกิดภาวะที่เส้นเลือดของหัวใจเกิดการอุดตันจะทำให้เกิดอาการที่แย่ลง แต่สัญญาณและอาการทั่วไปของเส้นเลือดของหัวใจเกิดการอุดตัน ที่ควรไปห้องฉุกเฉินทันทีคือ :[10]
    • รู้สึกถึงแรงกดดัน รัดแน่น เจ็บ หรือบีบคั้นหรือปวดที่หน้าอกหรือแขนที่อาจจะลามไปถึงคอ ขากรรไกรหรือหลังได้
    • คลื่นไส้ อาหารไม่ย่อย แสบร้อนกลางอก หรือเจ็บหน้าท้อง
    • หายใจไม่อิ่ม
    • ตกใจจนเหงื่อแตก
    • อ่อนแรง
    • เวียนหัวหรือมึนหัวกะทันหัน
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 6:

เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเพื่อลดกรดในกระเพาะอาหาร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ.
    การนอนไม่พอจะเพิ่มฮอร์โมนความเครียด ที่สามารถกระตุ้นกรดไหลย้อน ทำให้มีความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังเพิ่มขึ้น และลดอายุขัยลง โดยถ้าเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับหรือโรคนอนไม่หลับ ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาแบบที่ทำได้
    • กลยุทธ์ในการนอนหลับให้เพียงพอ คือ มีสภาพแวดล้อมที่เงียบ มืด และเย็น และหลีกเลี่ยงคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และอาหารหวานๆ เป็นเวลา 4 – 6 ชั่วโมงก่อนเข้านอน รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารก่อนนอน 2 -3 ชั่วโมงและการทำงานหรือออกกำลังกาย 3 – 4 ชั่วโมงก่อนนอนอีกด้วย[11]
    • สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมในการนอนหลับที่เพียงพอให้ลองหาบทความเกี่ยวกับวิธีการนอนหลับได้ดีขึ้น
  2. How.com.vn ไท: Step 2 นอนตะแคงข้าง.
    การนอนคว่ำหรือนอนราบหลังจากมื้ออาหารจะทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหาร แล้วทำให้อาหารไม่ย่อยและแสบร้อนกลางอก ดังนั้นให้ลองนอนตะแคงซ้าย โดยมีหมอนแข็งๆ อยู่ระหว่างหัวเข่าเพื่อป้องกันการตึงของกระดูกสันหลัง สะโพก และหลังส่วนล่าง[12]นอกจากนี้ผลงานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าการนอนตะแคงข้างซ้าย จะจำกัดการไหลเวียนของกรดในกระเพาะอาหารเข้าไปในหลอดอาหาร ด้วยการส่งเสริมส่วนโค้งตามธรรมชาติของร่างกาย[13]
    • ดึงเข่าขึ้นไปที่หน้าอกเล็กน้อย และหมอนที่หนุนศีรษะควรทำให้สันหลังตรง รวมทั้งการมีผ้าขนหนูม้วนหรือหมอนใบเล็กใต้เอวก็อาจจะช่วยรองรับกระดูกสันหลังไว้ได้[14]
    • ถ้ามีอาการทางระบบทางเดินหายใจหรือเป็นหวัด ให้ลองหนุนศีรษะขึ้นด้วยหมอนเพื่อเพิ่มการหมุนเวียนของอากาศ และหมอนรองศีรษะควรเสริมส่วนโค้งตามธรรมชาติของคอและทำให้สบาย[15] แต่หมอนที่สูงเกินไปจะทำให้คออยู่ในตำแหน่งที่ทำให้ปวดกล้ามเนื้อหลัง คอและไหล่ได้ ซึ่งนี่จะเพิ่มแรงดัน จนทำให้ปวดหัวและกระตุ้นกรดไหลย้อนได้ ดังนั้นให้เลือกหมอนที่จะทำให้คออยู่ในแนวเดียวกับหน้าอกและหลังส่วนล่าง
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ใส่เสื้อผ้าหลวมๆ .
    รูปแบบของเสื้อผ้าที่สวมใส่มีผลต่ออาการกรดไหลย้อน โดยเฉพาะถ้ามีภาวะน้ำหนักเกิน ซึ่งเสื้อผ้าที่คับจะเพิ่มแรงดันในบริเวณท้อง ซึ่งสามารถบีบให้ของในกระเพาะอาหารกลับเข้าไปในหลอดอาหาร ดังนั้นต้องใส่เสื้อผ้าที่สบายและหลวมแบบพอดี[16]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 หลีกเลี่ยงการยืดหรือโก้งโค้งหลังจากมื้ออาหาร....
    หลีกเลี่ยงการยืดหรือโก้งโค้งหลังจากมื้ออาหาร. โดยทั่วไปแล้วควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหลังการกินอย่างน้อย 2 – 4 ชั่วโมง เพราะถ้ามีอาการกรดไหลย้อนหรือแสบร้อนกลางอก แม้จะก้ม ยืดหรือขึ้นบันไดเล็กน้อย ก็ทำให้อาการแย่ลงได้ ดังนั้นให้เดินเล่นเบาๆ แทนเพื่อช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารและช่วยในการย่อย[17]
  5. How.com.vn ไท: Step 5 เคี้ยวอาหารให้ละเอียด.
    เพราะมันจะทำให้กลืนและย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น จึงเป็นการลดหรือยับยั้งอาการแสบร้อนกลางอก รวมทั้งยังเพิ่มการดูดซึมสารอาหารด้วยการปล่อยเอนไซม์อาหาร และช่วยเสริมการลดน้ำหนักจากการลดการอยากอาหาร[18]
    • ถ้ามีปัญหาด้านทันตกรรมที่ทำให้เคี้ยวยาก ให้ปรึกษาแพทย์ว่าจะเคี้ยวยังไงให้เหมาะสม ในขณะที่กำลังดูแลสุขภาพช่องปากอยู่
  6. How.com.vn ไท: Step 6 เลิกสูบบุหรี่.
    โดยจากการศึกษาพบว่าการสูบบุหรี่จะเพิ่มน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ลดความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อในคอ และทำลายเยื่อเมือกที่ถูกปกป้องไว้ และการสูบบุหรี่ยังลดการหลั่งน้ำลาย ซึ่งน้ำลายช่วยในการปรับสมดุลของกรด[19][20]
    • ไม่รู้ว่าควันบุหรี่ นิโคตินหรือทั้งคู่ที่กระตุ้นกรดไหลย้อน เพราะบางคนที่ใช้แผ่นแปะนิโคตินเพื่อเลิกบุหรี่ ก็มีการแสบร้อนกลางอก แต่ก็ไม่แน่ชัดว่านิโคตินหรือความเครียดกันแน่ที่ผลิตกรดสำรองขึ้นมา
    • การสูบบุหรี่ทำให้เกิดโรคถุงลมโป่งพอง ซึ่งคืออาการที่ถุงลมของปอดถูกทำลายและขยายใหญ่ขึ้น จึงทำให้เกิดอาการหายใจลำบาก
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 6:

สร้างแผนการควบคุมอาหาร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ดื่มน้ำให้เยอะ.
    น้ำมีค่า pH เป็นกลาง ซึ่งจะปรับสมดุลของกรดในกระเพาะอาหาร และช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ง่ายขึ้น โดยตั้งเป้าให้ดื่มน้ำได้อย่างน้อย 250 มล. ทุกๆ 2 ชั่วโมง และปริมาณน้ำในแต่ละวันที่แนะนำสำหรับผู้ใหญ่ คือ 2 ลิตร และน้ำที่เป็นเบสที่มี pH 8.8 ก็อาจจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่มีอาการแสบร้อนกลางอกและกรดไหลย้อนรุนแรงมากกว่า[21]
    • ถ้าดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ก็ให้ดื่มน้ำ 1 ลิตรต่อคาเฟอีน 1 แก้ว (ของเหลว 1 ออนซ์)
    • การได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้เกิดภาวะการขาดน้ำได้ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดหัว หงุดหงิดฉุนเฉียว หัวใจเต้นผิดจังหวะ และการหายใจไม่อิ่ม ซึ่งเครื่องดื่มที่ไม่มีคาเฟอีน เครื่องดื่มสปอร์ตปราศจากกลูโคสที่มีอิเล็กโทรไลต์จะช่วยบรรเทาอาการขาดน้ำได้[22]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 จดบันทึกอาหาร.
    มันไม่มีการควบคุมอาหารที่เฉพาะเจาะจงสำหรับการยับยั้งอาการแสบร้อนกลางอกและกรดไหลย้อน ซึ่งวิธีเดียวสำหรับแพทย์ที่จะออกแบบแผนการกินอาหารที่เหมาะสมกับคนไข้ ก็คือการค้นหาว่าอาหารแบบที่ไหนที่สามารถรับได้และอาหารอะไรที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อน ดังนั้นให้พยายามเก็บรายละเอียดของอาหารด้วยการบันทึกประมาณ 1 – 2 อาทิตย์ ซึ่งในบันทึกก็อาจจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
    • รูปแบบและปริมาณของอาหารหรือเครื่องดื่ม เช่น น้ำส้มคั้น 1 แก้ว และจดเครื่องเทศที่ใส่ลงในอาหารด้วย
    • เวลาของวัน
    • อาการและความรุนแรงของอาการ เช่น กรดไหลย้อนแบบอ่อนๆ
  3. How.com.vn ไท: Step 3 กินมื้อละน้อยๆ และดีต่อสุขภาพมากขึ้น.
    การกินมื้ออาหารย่อยๆ วันละ 5 – 6 มื้อจะช่วยในการย่อยอาหาร เสริมการลดน้ำหนักและเพิ่มระดับพลังงานโดยไม่มีการไหลย้อนของกรด[23] โดยให้ปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในปริมาณแคลอรีที่เหมาะสมในแต่ละวัน จะได้ควบคุมน้ำหนักได้เมื่อกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ซึ่งวิธีอื่นๆ ที่จะควบคุมสัดส่วนในการกินอาหารที่ย่อยเล็กลง คือ[24]
    • แบ่งอาหารเรียกน้ำย่อยจานใหญ่กับเพื่อนแทนที่จะกินมันหมด หรือแบ่งใส่กล่องครึ่งหนึ่งเอากลับไปด้วย
    • ควบคุมสัดส่วนขนมด้วยการวางปริมาณที่แน่ชัดลงในถ้วย แทนที่จะกินหมดทั้งกล่อง
    • เสิร์ฟอาหารในจานแยกและเอาจานใบนั้นเข้าครัวไป เพื่อลดความอยากกินเพิ่ม
    • คนเรามีแนวโน้มจะกินมากขึ้นเมื่อเข้าถึงอาหารได้ง่าย ดังนั้นให้ย้ายอาหารที่ดีต่อสุขภาพมาไว้ข้างหน้าตู้เย็นและตู้กับข้าว แล้วขยับตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพน้อยกว่าให้ห่างจากสายตาไป
  4. How.com.vn ไท: Step 4 หลีกเลี่ยงอาหารที่เพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร.
    คาร์โบไฮเดรตที่ขัดสี ของทอด และอาหารที่ผ่านกระบวนการ เครื่องดื่มหวานๆ เนื้อแดง น้ำมันผ่านกรรมวิธีและมาการีนสามารถเพิ่มการอักเสบในหลอดลมอาหารได้[25] ซึ่งอาหารที่ไขมันสูงและของทอดก็มีแนวโน้มที่จะลดแรงกดของกล้ามเนื้อหูรูดตอนล่าง (LES) และชะลอการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ดังนั้นมันจะไปเพิ่มความเสี่ยงของกรดไหลย้อน
    • พริกและพริกไทยดำก็มีสารประกอบ เช่น แคปไซซิน และพิเพอริน ซึ่งสามารถเพิ่มการสร้างกรดในกระเพาะอาหารขึ้นและควรหลีกเลี่ยง แต่พริกหวานนั้นปลอดภัยเพราะไม่มีสารเหล่านี้
    • ช็อคโกแลตก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะมีเมทิลแซนทิลที่เป็นสารประกอบที่จะปล่อยกล้ามเนื้อหูรูดตอนล่าง ทำให้กรดในกระเพาะอาหารกลับเข้าไปในหลอดอาหาร
    • หมอจะช่วยสร้างแผนการกินแบบส่วนบุคคล ถ้าแพ้อาหารบางชนิดหรือเคยท้องอืดและอาหารไม่ย่อยจากกรดไหลย้อน
  5. How.com.vn ไท: Step 5 กินอาหารที่มีสารอาหาร.
    มีตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพมากมายที่ไม่ช่วยให้สร้างกรดในกระเพาะอาหาร ลดการอักเสบในหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร และยังให้สารอาหารที่จำเป็นในการเสริมการทำงานของร่างงกายที่หลากหลาย ซึ่งอาหารเหล่านี้ก็มีประโยชน์ในการช่วยรักษาน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพ และส่วนประกอบที่ใยอาหารสูงซึ่งเสริมระบบย่อยอาหารเพิ่มขึ้นด้วย แต่ใยอาหารที่มากเกินไปจะลดการว่างของกระเพาะ ในคนที่มีการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อที่กระเพาะ ดังนั้นให้ปรึกษาแพทย์หรือนักกำหนดอาหารเพื่อช่วยคิดแผนการกินอาหารที่เหมาะสม และโดยทั่วไปแล้วก็ควรพยายามกินอาหารเหล่านี้ให้มากขึ้น :[26]
    • ผักใบเขียว เช่น ผักปวยเล้งหรือผักเคล ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระและใยอาหารจากพืชสูง
    • อาร์ติโชคเพื่อช่วยในการย่อยอาหาร
    • พริกหวานที่มีวิตามินซีสูง
    • ธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ข้าวกล้อง ควินัว ข้าวฟ่าง ข้าวโอ๊ต และเมล็ดแฟลกซ์
    • ถั่วและเลนทิล แต่ควรหลีกเลี่ยงแบบที่เป็นกระป๋องทั้งหลาย เพราะมันมีโซเดียมสูงและอาจจะมีวัตถุเจือปนต่างๆ เช่น ไขมันอิ่มตัวจากสัตว์และน้ำตาล ซึ่งสามารถทำให้เกิดโรคได้มากมาย
    • สัตว์ปีกไร้มัน เช่น ไก่งวง นกกระทาและไก่
    • ปลาที่มีไขมัน เช่น แซลมอน แมคคาเรล ทูน่า และซาร์ดีน
    • ถั่วเปลือกแข็ง เช่น อัลมอนด์ หรือวอลนัต
  6. How.com.vn ไท: Step 6 เลือกกินผลไม้มากขึ้น.
    แม้ผลไม้และมะเขือเทศจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่กรดซิตริกในอาหารเหล่านี้อาจจะเพิ่มความเสี่ยงของการแสบร้อนกลางอกและกรดไหลย้อนได้ ดังนั้นการกินผลไม้ที่ไม่มีกรดซิตริกอาจจะช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารได้ โดยลองแอปเปิล กล้วย แตงกวาและแตงโม[27]
  7. How.com.vn ไท: Step 7 ใช้น้ำมันทำอาหารที่ดีต่อสุขภาพ.
    น้ำมันพืชบางอย่าง เช่น เมล็ดแฟลกซ์ คาโนล่า มะกอก และถั่วเหลืองนั้นมีกรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 ที่จำเป็นสูง ซึ่งช่วยป้องกันการแสบร้อนกลางอก ด้วยการทำให้กรดในกระเพาะอาหารเป็นกลางและเคลือบทางเดินอาหารเพื่อลดอาการอักเสบ[28]
    • น้ำมันรำข้าวมักถูกใช้เพื่อช่วยบรรเทาอาการของกรดไหลย้อน
    • สามารถใช้น้ำมันเหล่านี้แทนน้ำสลัดได้ด้วย
  8. How.com.vn ไท: Step 8 ใช้จุลินทรีย์โพรไบโอติกส์.
    เพราะมันเป็นแบคทีเรียที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ และพบในกระเพาะอาหารที่ช่วยเสริมสุขภาพของระบบย่อยอาหาร ระบบภูมิคุ้มกัน และต้านอาการอักเสบ[29] ซึ่งสามารถพบได้ในโยเกิร์ต นมบางประเภท ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง และอาหารเสริม[30]
    • กินโยเกิร์ตหรืออาหารเสริมโพรไบโอติกส์ 4 – 6 ออนซ์กับน้ำเมื่อท้องว่าง และสามารถบิดหรือตัดแคปซูล และใส่ผงแบคทีเรียลงในแก้ว แล้วเติมย้ำและโซดาไบคาร์โบเนต 1 ช้อนชาเพื่อทำให้กรดในกระเพาะอาหารเป็นกลาง
    • ถ้ามีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอหรือกำลังกำยากดภูมิคุ้มกัน ก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินโพรไบโอติกส์
  9. How.com.vn ไท: Step 9 หลีกเลี่ยงการใช้กระเทียมและหัวหอม.
    แม้มันจะไม่ทำให้เกิดกรดไหลย้อน แต่จากการศึกษาก็พบว่ามันอาจจะทำให้อาการของคนที่มีกรดไหลย้อนและแสบร้อนกลางอกแย่ลง เพราะมันจะเพิ่มความเป็นกรดของอาหาร จึงทำให้เป็นการกระตุ้นกรดไหลย้อนได้[31][32]
    • มีการพบว่ากระเทียมและหัวหอมมีประโยชน์ต่อโรคเกี่ยวกับหัวใจ และระบบทางเดินหายใจ แต่สำหรับคนที่เป็นโรคอื่นที่ต้องหลีกเลี่ยงการกระตุ้นกรดไหลย้อน อาจจะต้องใช้แบบพอดีและปริมาณน้อยๆ
  10. How.com.vn ไท: Step 10 หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์.
    แม้ว่าการดื่มแอลกอฮอล์ที่พอดีจะช่วยทำให้สุขภาพหัวใจและระบบย่อยอาหารดีขึ้น แต่มันอาจจะทำให้เกิดการอักเสบและทำลายทางเดินอาหารของคนที่มีอาการแสบร้อนกลางอก ทางเดินอาหารอักเสบ และกรดไหลย้อน[33] โดยผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่พบว่าการดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะที่มีปริมาณมากจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคกรดไหลย้อนได้ ซึ่งควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ทุกรูปแบบ เช่น เบียร์ ไวน์ หรือสุราที่ได้จากการกลั่น (สปิริต) เพราะอาจทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ ดังนั้นให้พยายามจำกัดการดื่มที่อาทิตย์ละ 1 แก้ว[34]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 6:

ใช้สมุนไพรและของใช้ในบ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ดื่มชาคาโมมายล์.
    แม้มันจะถูกใช้ในการรักษาอาการอาหารไม่ย่อยมากว่าพันปี แต่งานวิจัยถึงผลกระทบของคาโมมายล์ต่อมนุษย์นั้นมีน้อยมาก ซึ่งจากการทดลองในสัตว์พบว่าคาโมมายล์ของเยอรมันจะลดอาการอักเสบได้[35] และจากการวิเคราะห์จากการศึกษาพบว่าการรวมสมุนไพรไอบีริส เปปเปอร์มิ้นท์ และคาโมมายล์อาจจะช่วยคลายอาการอาหารไม่ย่อยได้[36]
    • ทำชาคาโมมายล์ โดยแช่ดอกคาโมมายล์ 2-4 กรัมแห้งลงในน้ำร้อน 1 แก้ว แต่การดื่มคาโมมายล์สกัดที่เข้มข้นสูงจะทำให้เกิดการคลื่นไส้ และอาเจียนได้ ดังนั้นต้องห้ามแช่ชามากเกินกว่า 5 นาที
    • คาโมมายล์นั้นมีแบบอาหารเสริมในร้านขายยาเกือบทุกร้าน แต่หากแพ้ดอก แอสเทอร์ เดซี่ เบญจมาศหรือหญ้า ragweed ก็อาจจะแพ้คาโมมายล์ด้วย[37]
    • ปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้คาโมมายล์ ถ้ากำลังกินยาสำหรับโรคเบาหวาน ความดันเลือดหรือยาระงับประสาทอยู่
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ใช้เปลือกไม้สลิปเปอรี่เอล์ม.
    มันประกอบไปด้วยยางที่เป็นสารที่ทำให้เป็นเจลมันๆ เมื่อผสมกับน้ำ ซึ่งเคลือบทางเดินอาหาร กระเพาะอาหาร และทางเดินลำไส้เพื่อลดการระคายเคืองและกรดไหลย้อน โดยสารต้านอนุมูลอิสระในเปลือกไม้นี้ก็ยังช่วยป้องกันกระเพาะแผลในกระเพาะและการอักเสบ[38] รวมทั้งมันยังมีอยู่ในรูปแบบแคปซูล ยาอม ชา และสารสกัดแบบผงที่ร้านขายยาและร้านอาหารเสริมส่วนใหญ่[39] โดยให้กินก่อนหรือหลังการกินสมุนไพรหรือยาอื่นที่อาจกำลังกินอยู่ 2 ชั่วโมง เพราะมันจะไปทำให้การดูดซึมยาอื่นช้าลงได้[40][41]
    • ทำชาจากเปลือกไม้สลิปเปอรี่เอล์ม โดยการแช่ผงสกัดเปลือกไม้ 1 – 2 กรัม (ประมาณ 1 ช้อนชา) ลงในน้ำต้มเดือด 1 แก้ว ประมาณ 3 – 5 นาที แล้วดื่มได้ถึงวันละ 3 ครั้งหรือตามคำแนะนำของแพทย์
    • ปริมาณการกินแคปซูลจากเปลือกไม้สลิปเปอรี่เอล์มที่แนะนำ คือ 400 – 500 มิลลิกรัม อย่างน้อยวันละ 3 – 4 ครั้ง เป็นเวลา 4 – 8 สัปดาห์หรือจนกว่าอาการจะดีขึ้น โดยกินพร้อมกับน้ำดื่มเต็มแก้ว[42]
    • ห้ามให้เด็กกินโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน[43]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ใช้ขิง.
    จากการวิจัยแนะนำว่าการกินขิงดิบหรือผงรากขิง 1- 2 กรัม อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนอาหารจะช่วยรักษาการที่กระเพาะอาหารส่งอาหารและน้ำย่อยที่คลุกเคล้ากัน ซึ่งก็จะเป็นการลดอาการแสบร้อนกลางอกและกรดไหลย้อน[44][45] รวมทั้งขิงยังช่วยลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และอักเสบที่เกิดจากกรดไหลย้อนไปในทางเดินอาหารได้ และรากขิงก็มีที่ร้านขายของทั่วไป
    • ชาขิงสามารถทำได้ด้วยการแช่ขิงที่ปอกเปลือกแล้ว 1 -2 กรัมลงในน้ำเดือด 1 แก้ว เป็นเวลา 5 นาที จากนั้นกรองและดื่มวันละไม่เกิน 2 ครั้ง ก่อนอาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
    • ถ้าเป็นโรคเบาหวาน โรคเกี่ยวกับหัวใจ เลือดไหลผิดปกติ หรือกำลังตั้งครรภ์หรือให้น้ำนม ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการกินขิง โดยบอกชื่อยา สมุนไพร หรืออาหารเสริมอื่นๆ ที่อาจกินอยู่เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ใช้เบกกิ้งโซดา.
    (โซเดียมไบคาร์บอเนต) นั้นมักถูกใช้เป็นยาลดกรดแบบธรรมชาติ เพื่อทำให้กรดในกระเพาะเป็นกลางและช่วยในการย่อย[46] โดยมีทั้งแบบยาเม็ดและผง ซึ่งสามารถใช้ได้ถึงวันละ 4 ครั้ง ก่อนกินอาหารหรือยาอื่นอย่างน้อย 1 – 2 ชั่วโมง และหลีกเลี่ยงการกินโซเดียมไบคาร์บอเนตเพื่อท้องอิ่มเต็มที่[47]
    • ผสมเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชาลงในน้ำหนึ่งแก้ว รอจนกว่ามันจะละลายหมดแล้วดื่มเพื่อทำให้กรดในกระเพาะเป็นกลาง รวมทั้งวัดปริมาณผงอย่างระมัดระวังด้วยการใช้ช้อนตวง และเติมน้ำผึ้งหรือมะนาวเพื่อเติมรสชาติ ถ้าต้องการ
    • ถ้าต้องควบคุมโซเดียม มีโรคเกี่ยวกับหัวใจหรือระบบการย่อยอาหาร หรือกำลังใช้ยา สมุนไพร และอาหารเสริมอื่นๆ ให้หมอตรวจก่อนใช้เบกกิ้งโซดา
    • ใช้โซเดียมไบคาร์บอเนตตามคำแนะนำ โดยห้ามใช้มากเกินกว่า 2 อาทิตย์ ยกเว้นแพทย์สั่ง และไม่ควรให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ขวบใช้[48]
    • กินยาที่ลืมทันทีที่จำได้ ยกเว้นมันใกล้ถึงเวลาของยาครั้งต่อไปแล้ว ก็ให้ข้ามครั้งนั้นไปและกินต่อไปตามปกติ[49]
  5. How.com.vn ไท: Step 5 เคี้ยวหมากฝรั่ง.
    การเคี้ยวหมากฝรั่งที่ปราศจากน้ำตาล 1 ชิ้นหลังจากมื้ออาหารครึ่งชั่วโมง สามารถลดการแสบร้อนกลางอก เพราะมันกระตุ้นการหลั่งน้ำลาย[50] ซึ่งน้ำลายนั้นเป็นเบส ดังนั้นให้กลืนน้ำลายเพื่อทำให้กรดในกระเพาะเป็นกลาง[51][52][53]
    • หมากฝรั่งที่ปราศจากน้ำตาลจะมีสารประกอบเพิ่มเติม คือ ไซลิทอล ซึ่งยับยั้งแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการฟันผุ
    • หมากฝรั่งหวานๆ จะทำให้น้ำลายหนาจนทำให้ปากแห้ง และอาจจะไม่มีประโยชน์เท่ากับแบบไม่มีน้ำตาล
    • หลีกเลี่ยงหมากฝรั่งรสมินท์ เพราะมันกระตุ้นกรดไหลย้อนได้
  6. How.com.vn ไท: Step 6 หลีกเลี่ยงการใช้เปปเปอร์มินท์หรือสเปียร์มินท์....
    หลีกเลี่ยงการใช้เปปเปอร์มินท์หรือสเปียร์มินท์. เปปเปอร์มินท์สามารถคลายกล้ามเนื้อหูรูดระหว่างกระเพาะอาหารและทางเดินอาหาร ด้วยการปล่อยให้กรดในกระเพาะอาหารไหลกลับเข้าไปในทางเดินอาหาร ซึ่งหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง (LES) นั้นเป็นกล้ามเนื้อที่แยกทางเดินอาหารออกจากกระเพาะอาหาร และในการคลายกล้ามเนื้อหูรูดนี้ เปปเปอร์มินท์ก็อาจจะทำให้อาการแสบร้อนกลางอกและอาหารไม่ย่อยแย่ลงได้[54] แต่สเปียร์มินท์ไม่ทำให้เกิดกรดไหลย้อน แต่มันทำให้เกิดเยื่อเมือกและเสมหะไหลลงคอ โดยเฉพาะเมื่อเป็นหวัด ซึ่งทำให้เกิดการระคายเคืองในทางเดินอาหารได้[55]
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 6:

ฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นความเครียด.
    ความเครียดสามารถเกี่ยวข้องกับการเพิ่มกรดไหลย้อนได้ เพราะมันทำให้คนกิน ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือนอนน้อยมากขึ้น เมื่อเต็มไปด้วยความเครียด อาหารก็จะย่อยนานขึ้น รวมทั้งกระเพาะอาหารจะส่งอาหารและน้ำย่อยที่คลุกเคล้ากันช้าลง และทำให้อาหารเหมือนจะไหลกลับ ซึ่งการเรียนรู้ที่จะหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเครียด และจัดการกับสถานการณ์ที่เครียดมากๆ ด้วยความสบายจะช่วยทำให้ความเป็นอยู่โดยรวมดีขึ้น[56] โดยวิธีทั่วไปที่จะลดความเครียดได้ คือ :[57]
    • หายใจลึกๆ ช้าๆ ในที่เงียบๆ
    • ให้ความสนใจกับสิ่งที่เป็นแง่บวก
    • ลำดับความสำคัญภาระงานใหม่และตัดงานที่ไม่จำเป็นออกไป
    • ลดการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการปวดตาและกระตุ้นให้ปวดหัวได้
    • มีอารมณ์ขัน จากงานวิจัยพบว่าอารมณ์ขันเป็นวิธีที่จะจัดการกับความเครียดที่เกิดแบบฉับพลันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • ฟังเพลงที่ผ่อนคลาย
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ฝึกสมาธิ.
    สามารถทำสมาธิได้ง่ายๆ โดยการใช้เวลา 5 นาทีเพื่อผ่อนคลายและปิดใจออกจากสิ่งรบกวนภายนอก[58] มันอาจต้องใช้ความอดทนการฝึกครั้งแรกแต่มันก็เป็นวิธีง่ายๆ ที่ดีต่อการลดความเครียด โดยทำตามขั้นตอนเหล่านี้ :[59]
    • หาที่ที่เงียบ สบาย เช่น ที่ส่วนตัวในห้องทำงาน สวนสาธารณะ หรือแม้กระทั่งที่บ้าน
    • อยู่ในท่าที่สบายและนั่งหลังตรง นั่งขัดสมาธิถ้าทำได้ หรือบนเก้าอี้ พื้นหรือพื้นหญ้า
    • หาจุดเพ่งความสนใจ โดยเอาคำหรือวลีที่มีความหมายมาแล้วทวนซ้ำ และสามารถเพ่งความสนใจได้แม้กระทั่งบนดอกไม้หรือลูกบิดประตู หรือแค่ปิดตาแบบง่ายๆ
    • ในขณะที่นั่งอยู่ในความสบายและผ่อนคลาย ก็อย่าคิดอะไรมาขัด แต่ให้เพ่งความสนใจไปที่คำหรือวัตถุอื่นประมาณ 5 - 10 นาทีหรือจนกว่าจะรู้สึกสงบและปลอดโปร่ง
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ลองไทเก๊ก.
    ถ้าไม่สามารถอยู่นิ่งได้ซัก 5 นาทีหรือมากกว่านั้น ให้ลองฝึกไทเก๊กดู เพราะมันมีทั้งช้า เคลื่อนไหวอย่างสุขุม มีสมาธิและการหายใจลึกๆ[60]
    • ฝึกบ่อยๆ เพื่อความเชี่ยวชาญ โดยทำที่บ้านวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 15 – 20 นาที[61]
    • ก่อนโปรแกรมการฝึก ควรปรึกษาแพทย์และบอกความจำเป็นทางสุขภาพกับคนสอนไทเก๊กก่อน เรื่องโรคที่อาจจะมีผลข้างเคียงต่อกรดไหลย้อน จะได้ทำโปรแกรมการสร้างความแข็งแรงโดยเฉพาะให้
    โฆษณา
วิธีการ 6
วิธีการ 6 ของ 6:

หาการช่วยเหลือทางการแพทย์จากผู้เชี่ยวชาญ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 หาหมอเพื่อวินิจฉัย.
    การรักษาพื้นบ้านอาจจะได้ผลในบางกรณี แต่ถ้าอาการคงที่ก็ควรหาหมอ โดยกรดไหลย้อนหรืแสบร้อนกลางอกอาจจะทำให้รู้สึกแสบรอนในอก หรือมีรสของของเหลวเปรี้ยวอยู่หลังปาก และมักเกิดหลังจากการกินอาหาร การออกกำลังกายหรือนอนลง ซึ่งบางครั้งการไหลย้อนของกรดก็อาจจะกลายเป็นโรคกรดไหลย้อนได้ ด้วยอาการเพิ่มเติม เช่น อาการหายใจมีเสียงหวีดในลำคอ ไอ กลืนลำบาก และเจ็บหน้าอกเพิ่มเมื่อพัก และถ้ามีอาการเหล่านี้บ่อยๆ ก็ควรพบแพทย์เพื่อดูว่าเป็นโรคกรดไหลย้อนหรือไม่
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาสำหรับการไหลย้อนของกรด....
    ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาสำหรับการไหลย้อนของกรด. หมออาจจะสั่งยาเพื่อรักษาอาการแบบระดับปานกลางไปจนถึงรุนแรง[62] ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่ถูกจ่ายยา ให้บอกชื่อยา สมุนไพรหรืออาหารเสริมอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงด้วย โดยยาที่ช่วยได้คือ :[63]
    • ยาลดกรดที่ใช้รักษาอาการแสบร้อนกลางอกอ่อนๆ ไปจนถึงรุนแรง ซึ่งเป็นส่วนผสมของแมกนีเซียม แคลเซียม และอลูมิเนียมพร้อมทั้งสารบัฟเฟอร์ เช่น ไฮดรอกไซด์หรือไบคาร์บอเนตไอออน ซึ่งยาตัวนี้สามารถช่วยคลายอาการได้ทันทีและอยู่นานถึง 1 ชั่วโมง แต่ผลข้างเคียงอาจจะมีอาการท้องเสียหรือท้องผูกได้
    • ยากลุ่มยับยั้งตัวรับฮิสตามีนชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นสารเคมีที่ลอยอยู่ในกระเพาะอาหารที่เตือนให้มันสร้างกรด โดยมันอาจจะไม่คลายอาการได้เร็วเท่ายาลดกรด แต่อาจจะมีผลกับคนที่เป็นโรคกรดไหลย้อนรุนแรง
    • ยากลุ่ม Proton-pump Inhibitors อาจจะได้ผลในการรักษาอาการโรคกรดไหลย้อนและแสบร้อนกลางอกแบบปานกลางถึงรุนแรงกว่า ยากลุ่มยับยั้งตัวรับฮิสตามีนชนิดที่ 2 และยังรักษาทางเดินอาหารด้วย
    • หมอสามารถช่วยเลือกยาและปริมาณที่เหมาะสมกับอาการ
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาตัวอื่น....
    ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาตัวอื่น. ยาบางชนิดที่อาจจะใช้ในการรักษาอาการเจ็บป่วยอื่นๆ สามารถทำให้การไหลย้อนของกรดแย่ลงได้ ในการมีผลข้างเคียงหรือทำให้รับยาไม่ไหว ดังนั้นจำเป็นต้องถามเรื่องยาและอาหารเสริมอื่นที่อาจทำให้อาการแย่ลง โดยยาบางชนิดที่ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการไหลย้อนของกรดโดยทั่วไป คือ :[64]
    • ยาต้านอาการอักเสบ เช่น แอสไพริน และแอลลีพ ซึ่งอาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
    • ยาปิดกั้นแคลเซียมสำหรับความดันเลือดสูงหรือเจ็บหน้าอก
    • ยาโรคหอบหืดสำหรับการติดเชื้อท่อปัสสาวะ ภูมิแพ้ หรือต้อหิน
    • ยาขยายหลอดลมสำหรับโรคหอบหืดหรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
    • ยารักษาโรคกระดูกพรุนกลุ่ม Bisphosphonate
    • ยาระงับประสาท ยาปฏิชีวนะ อาหารเสริมโพแทสเซียมหรือธาตุเหล็กบางอย่าง
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัด.
    มันอาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง หากการปรับเปลี่ยนยาและวิถีชีวิตไม่ช่วยบรรเทาอาการไหลย้อนของกรด และเข้าไปแทรกแซงกิจวัตรประจำวันหรือทำลายทางเดินอาหารแบบถาวร โดยหมออาจจะแนะนำให้ทำการรักษากรดไหลย้อนโดยการผ่าตัดผ่านกล้องแผลเล็ก ที่จะเข้าไปห่อหุ้มกระเพาะอาหารส่วนบนรอบๆ กล้ามเนื้อหูรูดทางเดินอาหารส่วนล่าง (LES) ที่จะเสริมสร้างและให้ความแข็งแรงกับ LES ด้วย ซึ่งวิธีการนี้ปลอดภัยและมีผลกับคนทุกช่วงวัย ที่มีอาการของโรคกรดไหลย้อนแบบปานกลางไปจนถึงรุนแรง และหวังที่จะหลีกเลี่ยงชีวิตที่ต้องพึ่งยาไปอีกนาน[65]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การน้ำหนักเกินจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคกรดไหลย้อน และอาจจะมีอาการแสบร้อนกลางอกหลายครั้งมากขึ้น นั่นเป็นเพราะน้ำหนักที่เพิ่มมาโดยไม่จำเป็นจะไปกดหูรูดทางเดินอาหาร ซึ่งอาจจะหลวมและอ่อนแอได้ง่าย
โฆษณา

คำเตือน

  • การมีความเครียดระดับสูงเป็นเวลานานจะเพิ่มความรุนแรงของปัญหาสุขภาพมากมาย ซึ่งก็คือ แผลในกระเพาะอาหาร การไหลย้อนของกรด และอาการกรดในกระเพาะอาหารอื่นๆ ดังนั้นให้หาวิธีที่จะลดและจัดการกับความเครียดเพื่อรักษาสุขภาพที่ดีของกระเพาะอาหารไว้
โฆษณา
  1. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/heartburn-gerd/in-depth/heartburn-gerd/ART-20046483?p=1
  2. http://healthysleep.med.harvard.edu/healthy/getting/overcoming/tips
  3. http://www.urmc.rochester.edu/encyclopedia/content.aspx?ContentTypeID=1&ContentID=4460
  4. Bella, M., (2012), The Complete Idiot's Guide to the Acid Reflux Diet, ISBN: 9781101559581
  5. http://www.urmc.rochester.edu/encyclopedia/content.aspx?ContentTypeID=1&ContentID=4460
  6. http://www.urmc.rochester.edu/encyclopedia/content.aspx?ContentTypeID=1&ContentID=4460
  7. Bella, M., (2012), The Complete Idiot's Guide to the Acid Reflux Diet, ISBN: 9781101559581
  8. Bella, M., (2012), The Complete Idiot's Guide to the Acid Reflux Diet, ISBN: 9781101559581
  9. http://www.health.harvard.edu/blog/why-eating-slowly-may-help-you-feel-full-faster-20101019605
  10. http://www.niddk.nih.gov/health-information/health-topics/digestive-diseases/smoking/Pages/facts.aspx#gerd
  11. Bella, M., (2012), The Complete Idiot's Guide to the Acid Reflux Diet, ISBN: 9781101559581
  12. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/nutrition-and-healthy-eating/expert-answers/alkaline-water/faq-20058029
  13. http://umm.edu/health/medical/ency/articles/dehydration
  14. http://www.health.harvard.edu/healthbeat/eating-to-boost-energy
  15. http://www.cdc.gov/healthyweight/healthy_eating/portion_size.html
  16. http://www.health.harvard.edu/staying-healthy/foods-that-fight-inflammation
  17. http://www.health.harvard.edu/staying-healthy/foods-that-fight-inflammation
  18. http://www.health.harvard.edu/staying-healthy/foods-that-fight-inflammation
  19. Bella, M., (2012), The Complete Idiot's Guide to the Acid Reflux Diet, ISBN: 9781101559581
  20. https://www.prebiotin.com/probiotics-and-stomach-acid/
  21. http://umm.edu/health/medical/altmed/supplement/lactobacillus-acidophilus
  22. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/2327378
  23. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2714564/
  24. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2880354/
  25. Bella, M., (2012), The Complete Idiot's Guide to the Acid Reflux Diet, ISBN: 9781101559581
  26. http://umm.edu/health/medical/altmed/herb/german-chamomile
  27. http://umm.edu/health/medical/altmed/herb/german-chamomile
  28. https://nccih.nih.gov/health/chamomile/ataglance.htm
  29. http://umm.edu/health/medical/altmed/herb/slippery-elm
  30. http://umm.edu/health/medical/altmed/herb/slippery-elm
  31. http://umm.edu/health/medical/altmed/herb/slippery-elm
  32. Bella, M., (2012), The Complete Idiot's Guide to the Acid Reflux Diet, ISBN: 9781101559581
  33. http://umm.edu/health/medical/altmed/herb/slippery-elm
  34. http://umm.edu/health/medical/altmed/herb/slippery-elm
  35. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/21218090
  36. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/druginfo/natural/961.html
  37. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/druginfo/meds/a682001.html
  38. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/druginfo/meds/a682001.html
  39. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/druginfo/meds/a682001.html
  40. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/druginfo/meds/a682001.html
  41. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/16246942
  42. Bella, M., (2012), The Complete Idiot's Guide to the Acid Reflux Diet, ISBN: 9781101559581
  43. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/11768700
  44. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/9144299
  45. http://umm.edu/health/medical/altmed/herb/peppermint
  46. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/10383511
  47. Bella, M., (2012), The Complete Idiot's Guide to the Acid Reflux Diet, ISBN: 9781101559581
  48. http://umm.edu/health/medical/reports/articles/stress
  49. http://umm.edu/health/medical/reports/articles/stress
  50. Bella, M., (2012), The Complete Idiot's Guide to the Acid Reflux Diet, ISBN: 9781101559581
  51. http://umm.edu/health/medical/altmed/treatment/tai-chi
  52. http://umm.edu/health/medical/altmed/treatment/tai-chi
  53. Bella, M., (2012), The Complete Idiot's Guide to the Acid Reflux Diet, ISBN: 9781101559581
  54. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/heartburn/expert-answers/heartburn-gerd/faq-20057894
  55. Bella, M., (2012), The Complete Idiot's Guide to the Acid Reflux Diet, ISBN: 9781101559581
  56. Bella, M., (2012), The Complete Idiot's Guide to the Acid Reflux Diet, ISBN: 9781101559581

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Zora Degrandpre, ND
ร่วมเขียน โดย:
แพทย์แนวธรรมชาติบำบัด
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Zora Degrandpre, ND. ดร.เดกรองด์เปรเป็นแพทย์แนวธรรมชาติบำบัดที่มีใบอนุญาตในวอชิงตัน เธอได้รับปริญญาโทจากวิทยาลัยแห่งยาธรรมชาติแห่งชาติในปี 2007 บทความนี้ถูกเข้าชม 124,599 ครั้ง
หมวดหมู่: ยาทางเลือก

คำจำกัดสิทธิ์ความรับผิดชอบทางการแพทย์

เนื้อหาของบทความชิ้นนี้มิได้มีเจตนาที่จะใช้ทดแทนคำแนะนำ การตรวจ วินิจฉัยและการรักษาทางการแพทย์ คุณควรปรึกษาแพทย์หรือมืออาชีพทางการดูแลสุขภาพที่ได้รับอนุญาตเสมอ ก่อนที่จะทำการเริ่มต้น เปลี่ยนแปลง หรือหยุดการดูแลสุขภาพไม่ว่าประเภทใด

มีการเข้าถึงหน้านี้ 124,599 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา