วิธีการ ร้องไห้และปล่อยมันออกมาให้หมด

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

นานเท่าไหร่แล้วที่คุณได้ร้องไห้อย่างจริงจัง? การร้องไห้ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นในทันทีเพราะมันเป็นวิธีของร่างกายในการปลดปล่อยความเครียดแต่ถ้าหากคุณไม่ได้ร้องไห้มาหลายเดือนหรือหลายปี คุณอาจจะลืมว่าต้องเริ่มร้องไห้อย่างไร การไปที่เงียบๆ ปลดปล่อยตัวเองจากสิ่งรบกวนและปล่อยให้ตัวเองสัมผัสความรู้สึกต่างๆ จะทำให้คุณมีสภาพจิตใจที่เหมาะสม ดูขั้นตอนเหล่านี้เพื่อเรียนรู้เทคนิคที่จะช่วยให้น้ำตาของคุณไหลริน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ปล่อยให้น้ำตาไหลริน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 หาสถานที่ที่ดีเพื่อร้องไห้.
    คนส่วนใหญ่ที่ประสบปัญหาในการปล่อยให้ตัวเองร้องไห้มักจะเผชิญหน้ากับอารมณ์ของตัวเองตามลำพังโดยอยู่ห่างไกลผู้อื่น มันอาจจะง่ายในการปล่อยให้ตัวเองเผชิญกับความรู้สึกเมื่อคุณไม่กังวลว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร มันไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับการร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นแต่คุณอาจจะคิดว่าการอยู่คนเดียวในตอนแรกนั้นรู้สึกผ่อนคลายมากกว่า
    • ห้องนอนของคุณอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีถ้ามันเป็นห้องนอนส่วนตัวและเงียบ
    • ถ้าหากบ้านของคุณมีคนอยู่หลายคน ลองขับรถไปที่ไหนคนเดียวเพื่อที่คุณจะสามารถร้องไห้ในรถแต่ทำให้มั่นใจว่าคุณรู้สึกดีพอที่จะขับรถกลับมาได้ การร้องไห้ในขณะที่ขับรถเป็นเรื่องอันตราย
    • คุณยังสามารถร้องไห้ตอนอาบน้ำได้เพราะจะไม่มีใครได้ยินเสียงคุณ
    • การอยู่นอกบ้านอาจจะช่วยให้คุณรู้สึกสมองปลอดโปร่งเพื่อรับมือกับอารมณ์ มองหาสถานที่ส่วนตัวในสวนสาธารณะหรือบนชายหาด
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ทำสมองให้ปลอดโปร่งปราศจากสิ่งรบกวน.
    หลายคนเก็บอารมณ์ไว้ข้างในและฝังตัวเองกับสิ่งที่รบกวนเพื่อไม่ให้ตัวเองร้องไห้ วิธีนี้ได้ผลมากจนคุณอาจจะไม่ร้องไห้เป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี คุณเปิดทีวีและใช้เวลาช่วงเย็นเพื่อดูรายการโปรดเป็นสัญญาณแรกของความเศร้าหรือไม่? ครั้งต่อไปที่คุณเริ่มรู้สึกเศร้า ลองไม่ใช้เทคนิคนั้นและปล่อยให้ตัวเองรับรู้ความรู้สึก มันคือขั้นตอนแรกของการร้องไห้ที่ดีและเต็มเปี่ยม
    • มีสิ่งรบกวนประเภทอื่นมากมาย คุณอาจจะอยู่ที่ทำงานจนดึกและใช้เวลานอกบ้านแทนที่จะอยู่คนเดียวหรืออ่านบทความออนไลน์จนคุณหลับไป ลองนึกถึงสิ่งที่คุณมักจะทำเมื่อคุณไม่อยู่ในอารมณ์ที่รู้สึกอ่อนไหวหรือตัดสินใจหยุดแล้วจุดต่ออยู่กับอารมณ์ของตัวเอง
  3. How.com.vn ไท: Step 3 นึกดูให้ดีว่าอะไรที่ทำให้คุณเศร้า.
    คุณต้องจดจ่อกับอารมณ์ที่อยู่ในสมองแทนที่จะปล่อยให้ความคิดหลุดลอยไปกับบางอย่างที่สำคัญน้อยกว่า เพียงปล่อยให้ตัวเองคิดให้ถี่ถ้วนแทนที่จะพยายามผลักมันออกไป
    • ถ้าหากคุณเศร้า ลองนึกว่าอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกแบบนี้ ลองนึกว่าคุณหวังมากแค่ไหนว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น ชีวิตของคุณเคยเป็นอย่างไรและชีวิตของคุณจะเป็นอย่างไรจากนี้เป็นต้นไป ปล่อยให้ตัวเองเข้าใจและรับรู้ความสูญเสียสิ่งที่เคยมี
    • ไม่ว่าอารมณ์อะไรก็ตามที่ทำให้คุณอยากร้องไห้ ลองทบทวนให้ดีและปล่อยให้มันฝังอยู่ในสมองของคุณ สังเกตว่ามันทำให้คุณเครียดมากแค่ไหนและคุณจะรู้สึกโล่งอกอย่างไรเมื่อปัญหาหลุดพ้นไป
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ปล่อยให้อารมณ์บ่มเพาะจนกว่าคุณจะร้องไห้.
    คุณเริ่มรู้สึกว่าอึดอัดคอมากขึ้นหรือเปล่า? อย่ากลืนและฝืนตัวเองให้หยุดคิดว่าอะไรที่กำลังทำให้คุณเศร้า แทนที่จะทำเช่นนั้น คุณต้องปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือคุณ นึกต่อไปถึงสิ่งที่คุณหวังว่าจะไม่เกิด เมื่อน้ำตาเริ่มไหลก็อย่าฝืน
    • คุณอาจจะหยุดร้องไห้ได้ยากเมื่อคุณเริ่มร้องไห้ ร้องไห้ต่อไปจนกว่าคุณจะปลดปล่อยมันออกมาให้หมด คุณจะรู้เองเมื่อมันถึงที่สุดแล้ว
    • เวลาเฉลี่ยของการร้องไห้คือ 6 นาที [1]
  5. How.com.vn ไท: Step 5 รู้สึกดีขึ้น.
    เมื่อคุณร้องไห้เสร็จแล้วลองนึกว่าคุณรู้สึกอย่างไร ถ้าคุณเป็นเหมือนคนส่วนใหญ่ คุณจะพบว่าสมองของคุณปลอดโปร่งมากขึ้นเพราะอารมณ์เศร้าของคุณหายไป คุณอาจจะไม่รู้สึกเป็นสุขในทันทีแต่คุณจะรู้สึกสงบมากขึ้น เครียดน้อยลงและพร้อมที่จะจัดการปัญหา ยึดเหนี่ยวความรู้สึกนั้นเอาไว้และร้องไห้ให้เป็นนิสัยเมื่อคุณต้องการ มันจะง่ายขึ้นด้วยการฝึกฝน
    • งานวิจัยเผยว่า 85% ของผู้หญิงและ 73% ของผู้ชายรู้สึกดีขึ้นหลังจากร้องไห้ [2]
    • ถ้าคุณไม่รู้สึกดีทันทีหลังร้องไห้ก็ลองพิจารณาว่าทำไม มันอาจจะยากในการกำจัดสิ่งที่ถูกสอนมาว่าการร้องไห้คือความอ่อนแอ ถ้าหากคุณรู้สึกอายที่คุณร้องไห้ ลองคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติและดีต่อสุขภาพ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

รู้สึกสบายใจกับการร้องไห้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ลืมสิ่งที่คุณเรียนรู้เกี่ยวกับการร้องไห้.
    คุณถูกสอนว่าคนเข้มแข็งไม่ร้องไห้ใช่หรือไม่? หลายคนที่ถูกอบรมมาว่าให้เก็บความรู้สึกไว้ข้างในประสบปัญหาในการระบายความรู้สึกเมื่อเป็นผู้ใหญ่แต่การร้องไห้เป็นสิ่งที่จำเป็นในชีวิตที่ช่วยให้มีสุขภาพจิตที่ดี การร้องไห้เป็นการระบายความเศร้า ความเจ็บปวด ความกลัว ความสุขหรือแม้แต่อารมณ์ล้วนๆ และมันเป็นวิธีปลดปล่อยอารมณ์ผ่านทางร่างกายตามธรรมชาติที่ดี
    • ผู้ชายมักจะมีปัญหาในการปลดปล่อยอารมณ์มากกว่าผู้หญิง ส่วนใหญ่เป็นเพราะผู้ชายถูกสอนให้เก็บอารมณ์ไว้ข้างใน แต่การร้องไห้เป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับผู้ชายเช่นเดียวกับผู้หญิงถึงแม้ว่าผู้ชายจะร้องไห้น้อยครั้งกว่าก็ตาม ผู้หญิงและผู้ชายร้องไห้พอๆ กันจนถึงอายุ 12 ปี [3] เมื่อพวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ผู้ชายร้องไห้โดยเฉลี่ย 7 ครั้งต่อปีในขณะที่ผู้หญิงร้องไห้โดยเฉลี่ย 47 ครั้งต่อปี [4]
    • การร้องไห้ไม่ใช่สัญญาณของความอ่อนแอ มันคือการระบายอารมณ์ที่ไม่ข้องเกี่ยวอะไรกับการตัดสินใจ คุณยังสามารถทำตัวกล้าหาญถึงแม้ว่าคุณจะร้องไห้ก็ตาม อันที่จริงแล้วการร้องไห้สามารถช่วยให้คุณรับมือกับอารมณ์ที่คุณกำลังรู้สึกและทำให้คุณคิดถึงอนาคตได้รอบคอบมากกว่า
    • การร้องไห้ไม่ใช่สำหรับทารกซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุณอาจจะเคยได้ยิน เด็กๆ มักจะร้องไห้เพราะพวกเขาไม่ได้รู้สึกว่าการร้องไห้เป็นเรื่องผิดปกติแต่ความต้องการร้องไห้ไม่ได้หายไปเมื่อคุณโตขึ้น
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เล็งเห็นประโยชน์ของการร้องไห้.
    การร้องไห้คือวิธีที่มนุษย์ปลดปล่อยความเครียดทางจิตใจ มันเป็นการทำงานของร่างกายตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นเพราะอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นและความต้องการปลดปล่อยมันออกมา [5] เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่ามนุษย์คือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทเดียวที่สามารถผลิตน้ำตาเพื่อระบายอารมณ์ การร้องไห้คือกลไกการเอาตัวรอดที่ช่วยเราด้วยวิธีเหล่านี้:
    • มันปลดปล่อยความเครียดและลดความดันในเลือด ความเครียดและความดันในเลือดสูงสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพได้และการร้องไห้สามารถช่วยกำจัดปัญหาเหล่านี้ [6]
    • มันเป็นวิธีกำจัดสารพิษที่เกิดขึ้นเมื่อคุณเสียใจ สารเคมีก่อตัวขึ้นในร่างกายเมื่อคุณเครียดและการร้องให้ช่วยกำจัดสารพิษเหล่านี้ผ่านทางน้ำตาโดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ซึ่งตรงกันข้ามกับน้ำตาที่เกิดขึ้นเพราะการระคายเคือง[7]
    • มันช่วยให้คุณอารมณ์ดีทันที สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์รู้สึกเอาเองแต่เป็นเรื่องที่พิสูจน์แล้วทางวิทยาศาสตร์ ระดับแมงกานีสของคุณลดลงเมื่อคุณร้องไห้ การก่อตัวของแมงกานีสนำไปสู่ความเครียดและความกังวล เพราะฉะนั้นการร้องไห้คือวิธีทางธรรมชาติในการบรรเทาความเจ็บปวดทางอารมณ์ [8]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ดูว่าทำไมคุณถึงเก็บมันไว้ข้างใน.
    เมื่อคุณรู้แล้วว่ามีสิ่งที่ดีเกิดขึ้นเมื่อคุณร้องไห้ ลองนึกว่าอะไรที่ขัดขวางไม่ให้น้ำตาของคุณไหลออกมา ถ้าหากเป็นเพราะคุณไม่ได้ร้องไห้มาเป็นเวลานาน คุณอาจจะต้องพยายามไปถึงจุดที่คุณปลดปล่อยอารมณ์ผ่านทางน้ำตา
    • คุณยึดติดกับความคิดที่ไม่ดีเกี่ยวกับการร้องไห้หรือเปล่า? ถ้าใช่ ลองเปลี่ยนวิธีที่คุณคิดและดูว่าไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับการร้องไห้ มันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคุณ
    • คุณมีปัญหาเกี่ยวกับการระบายอารมณ์โดยรวมหรือเปล่า? การปล่อยให้ตัวเองร้องไห้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับคุณ การที่คุณสามารถรับมือกับอารมณ์ในแบบนี้จะช่วยให้คุณเป็นคนอ่อนโยนมากขึ้น
    • เมื่อคุณเก็บอารมณ์ไว้ข้างในและห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้ ความรู้สึกเหล่านั้นมันไม่ได้หายไป คุณอาจจะรู้สึกโกรธหรือชา
  4. How.com.vn ไท: Step 4 อนุญาตตัวเอง.
    การปล่อยให้ตัวเองร้องไห้คือวิธีดูแลตัวเองให้ดีขึ้น มันเป็นวิธีในการให้ความสำคัญกับความรู้สึกแทนที่จะปฏิเสธมันและเก็บมันเอาไว้ เมื่อคุณร้องไห้ คุณกำลังปล่อยตัวเองให้เป็นตัวเอง การให้อิสระทางอารมณ์กับตัวเองจะมีผลดีต่อสุขภาพจิตของคุณ [9]
    • ถ้าหากคุณไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองระบายอารมณ์ได้ ลองจินตนาการว่าตัวเองเป็นเด็ก ลองนึกถึงว่าคุณเคยเป็นอิสระที่ได้เป็นตัวเองและร้องไห้เมื่อคุณรู้สึกเสียใจเมื่อวันที่ดีต้องจบลงหรือเมื่อคุณจักรยานล้มและเข่าเป็นแผล เหตุการณ์ที่ทำให้คุณร้องไห้เมื่อเป็นผู้ใหญ่จะแตกต่างจากเหตุการณ์ที่ทำให้คุณร้องไห้เมื่อเป็นเด็กแต่คุณยังสามารถใช้อิสระทางอารมณ์แบบนั้นได้อีกครั้ง
    • การนึกถึงวิธีที่คุณปฏิบัติต่อผู้อื่นเมื่อเขาร้องไห้อาจจะสามารถช่วยคุณได้ คุณบอกให้พวกเขาหยุดร้องและเก็บมันไว้ข้างในหรือเปล่า? เมื่อเพื่อนสนิทของคุณรู้สึกเสียใจและเริ่มร้องไห้ คุณอาจจะกอดและกระตุ้นให้เขาร้องไห้ออกมา การปฏิบัติกับตัวเองแบบเดียวกับที่ปฏิบัติต่อผู้อื่นแทนที่จะเหนี่ยวรั้งไว้อาจช่วยให้คุณรู้สึกสบายใจมากพอที่จะลองให้ได้
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ใช้ตัวช่วยให้ร้องไห้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 มองดูรูปเก่า.
    วิธีนี้จะทำให้คุณร้องไห้ได้แน่นอนถ้าคุณรู้สึกเสียใจเกี่ยวกับใครบางคน ครอบครัวหรือชีวิตที่เปลี่ยนไป มองดูรูปเก่าๆ หรือรูปในอินเตอร์เน็ตแล้วปล่อยให้ตัวเองจ้องเเต่ละรูปให้นานเท่าที่ต้องการ นึกถึงเวลาที่ดีที่คุณมีกับคนในรูปหรือสถานที่ที่คุณรักมากมาย
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ดูหนังเศร้า.
    การดูหนังเศร้าที่เศร้ามากจนคุณร้องไห้เป็นตัวช่วยที่ดี ถึงแม้ว่าตัวแสดงอยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างจากคุณมากแต่การดูตัวแสดงเหล่านั้นในสถานการณ์ที่เศร้าอาจจะทำให้คุณร้องไห้เอง เมื่อคุณเริ่มร้องไห้ระหว่างดูหนัง ปล่อยให้ความคิดจดจ่ออยู่กับสถานการณ์ของคุณเพื่อที่คุณจะสามารถรับมือกับความรู้สึกเกี่ยวกับชีวิตของคุณ ถ้าหากคุณต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับหนังเศร้าที่ควรดู ลองดูหนังเหล่านี้:
    • Steel Magnolias
    • Stella Dallas
    • Breaking the Waves
    • Blue Valentine
    • Rudy
    • The Green Mile
    • Schindler's List
    • Inside Out
    • Titanic
    • The Boy in the Striped Pajamas
    • My Girl
    • Marley And Me
    • The Book Thief
    • Room
    • Romeo + Juliet
    • The Notebook
    • The Fault in Our Stars
    • The Giver
    • Up
    • Old Yeller
    • Where the Red Fern Grows
    • Hachi
    • Forrest Gump
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ฟังเพลงเศร้า.
    เพลงที่ใช่อาจจะเป็นวิธีที่ดีเพื่อช่วยให้อารมณ์ในสมองของคุณแบ่งบาน วิธีที่ดีในการใช้ดนตรีเพื่อช่วยให้คุณร้องไห้คือการเลือกเพลงหรืออัลบั้มที่คุณฟังในช่วงเวลาที่แตกต่างกันของชีวิตหรือเพลงที่ทำให้คุณนึกถึงใครบางคนที่จากไป ถ้าคุณไม่มีเพลงหรือศิลปินคนไหนที่ใช่ ลองฟังเพลงเศร้าเหล่านี้:
    • "Not the Love We Dream Of" ของ Gary Numan
    • "Lost" ของ Gary Numan
    • "I'm So Lonesome I Could Cry" ของ Hank Williams
    • "Hurt" ของ Johnny Cash
    • "Tears in Heaven" ของ Eric Clapton
    • "On My Own" ของ Les Misérables
    • "Jolene" ของ Dolly Parton
    • "Motion Picture Soundtrack (เวอร์ชั่นเปียโน)" ของ Radiohead
    • "Say it Like You Mean It" ของ Matchbook Romance
    • "I've Been Loving You Too Long" ของ Otis Redding
    • "How Could This Happen To Me" ของ Simple Plan
    • "I Know You Care" ของ Ellie Goulding
    • "Goodbye My Lover" ของ James Blunt
    • "Carry You Home" ของ James Blunt
    • "All By Myself" ของ Celine Dion
    • "My Heart Will Go On" ของ Celine Dion
    • "Young and Beautiful" ของ Lana Del Rey
    • "The Ice Is Getting Thinner" ของ Death Cab for Cutie
    • "Too Late" ของ M83
    • "Welcome to the Black Parade" ของ MCR
    • "With Light There is Hope" ของ Princess One Point Five
    • "Apologize" ของ One Republic
    • "Night Owl" ของ Gerry Rafferty
    • "Ladies And Gentlemen We Are Floating In Space" ของ Spiritualized
    • "8 Billion" - Trent Reznor & Atticus Ross
    • "Cry Like a Rainstorm" ของ Linda Ronstadt
    • "Shot" ของ Rochelle Jordan
    • "The Call" ของ Regina Spektor
    • "Blue Lips" ของ Regina Spektor
    • "If You Could See Me Now" ของ The Script
    • "Street Spirit (Fade Out)" ของ Radiohead
    • "Remember Everything" ของ Five Finger Death Punch
    • "Scars" ของ Papa Roach
    • "Var" ของ Sigur Rós
    • "The Man Who Can't Be Moved" ของ The Script
    • "Coming Down" ของ Five Finger Death Punch
    • "The Scientist" ของ Coldplay
    • "Wait" ของ M83
    • "Wound" ของ Arca
    • "Echoes of Silence" ของ The Weeknd
    • "Fourth of July" ของ Sufjan Stevens
    • "One more light" ของ Linkin Park
    • "Youth" ของ Daughter
    • "Don't Cry For Me Argentina" - Madonna
    • "I'm Sorry" - John Denver
    • "Iris" - John Rzeznik and The Goo Goo Dolls
    • "Stay" - Blackpink
    • "Who Lives, Who Dies, Who Tells Your Story" - Original Broadway Cast of Hamilton
    • "My Immortal" - Evanescence
  4. How.com.vn ไท: Step 4 เขียนความรู้สึกลงกระดาษ.
    หยิบกระดาษและปากกาและเขียนความรู้สึกเหล่านั้น คุณสามารถเริ่มด้วยการเขียนที่มาของอารมณ์ อธิบายเรื่องที่ดีและไม่ดีของการเลิกรา พูดถึงช่วง 2-3 เดือนสุดท้ายที่พ่อป่วย เขียนเรื่องที่คุณตกงานในตอนแรกของช่วงเศรษฐกิจซบเซา จากนั้นจึงลงรายละเอียดและเขียนว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณอย่างไรและทำให้คุณรู้สึกอย่างไร การเขียนความทรงจำคือวิธีที่ดีในการทำให้ตัวเองร้องไห้ [10]
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ปรึกษาเพื่อนถ้าหากคุณรู้สึกสบายใจมากพอ.
    การคุยกับใครบางคนเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกเศร้า โกรธหรือตื้นตันสามารถช่วยได้ พูดถึงความรู้สึกของคุณจนกว่าคุณไม่มีอะไรที่จะพูดหรือร้องไห้ฟูมฟายต่อไป
    • คุณอาจกระทั่งหาความช่วยเหลือจากนักบำบัดถ้าต้องการจะร้องไห้ออกมาติดต่อกันเป็นช่วงยาว นี่อาจแสดงถึงปัญหาร้ายแรง เช่น ความโศกเศร้าหรือความซึมเศร้าในส่วนลึกที่ยังไม่ได้รับการเยียวยา
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ไม่มีเหตุผลที่ต้องรู้สึกอายเกี่ยวกับการร้องไห้เพราะใครๆ ก็ทำ
  • หยิบขวดน้ำและทิชชู่จำนวนมากไปด้วยเพราะคุณอาจจะต้องใช้ทั้งสองสิ่ง
  • ถ้าหากคุณอยากร้องไห้ที่โรงเรียนก็หาที่ที่เป็นส่วนตัว เช่น ใต้ต้นไม้ ในห้องเก็บตู้ล็อคเกอร์ (นอกเสียจากว่ามีคาบวิชาพละศึกษา) อยู่ในห้องประชุม (นอกเสียจากว่ามีวิชาเรียน)
  • ถ้าหากคุณอยากร้องไห้ในห้องเรียน คุณสามารถก้มหน้าและปิดหน้าด้วยหนังสือ อย่าทำเสียงหรือสะอื้น อย่าสั่งน้ำมูกเช่นกัน เก็บทิชชู่ไว้ใกล้ตัวและเช็ดน้ำตาออกทันทีที่ไหนออกมา ถ้าหากคุณมีผมยาวหรือผมหน้าม้า คุณสามารถใช้ผมบังตาได้
  • คุยกับคนอื่นเกี่ยวกับอารมณ์ของคุณแทนที่จะเก็บไว้ข้างใน พวกเขายินดีที่จะช่วยเหลือ
  • จำไว้ว่าการทำร้ายตัวเองไม่ใช่วิธีการบรรเทาความเจ็บปวด
  • ถ้าหากคุณร้องไห้และพ่อแม่ของคุณไม่อนุญาต คุณสามารถร้องเงียบๆ แต่อย่าเก็บไว้ข้างใน อีกทางเลือกหนึ่งคือร้องไห้นอกบ้านในที่ส่วนตัวหรือโดยไม่มีคนแกล้งหรือพ่อแม่หรือผู้ปกครองคอยแอบดู
  • ถ้าหากคุณร้องไห้ตอนอาบน้ำ คุณสามารถสร้างเรื่องเพื่อปกปิดการร้องไห้ บอกพวกเขาว่าสบู่เข้าตาหรือน้ำร้อนหรือเย็นจนเกินไป
  • ถ้าหากคุณมีเวลาก็สามารถหาบางอย่างเพื่อทำให้คุณมีความสุขได้อีกครั้ง
  • การร้องไห้อาจเป็นสิ่งสำคัญของการเปลี่ยนแปลง เมื่อคุณเสียใจกับสถานการณ์ที่กดดันและคุณทำบางอย่างเกี่ยวกับมัน การร้องไห้คือช่วงเวลาที่คุณทำให้คนอื่นรับรู้ถึงอารมณ์ ถ้าหากมีปัญหาที่สามารถแก้ได้ด้วยอารมณ์ที่ถูกแบ่งปันเรานั้นก็ควรทำ
โฆษณา

คำเตือน

  • คุณต้องใช้มาสคาร่าที่กันน้ำถ้าหากคุณคิดว่าคุณจะร้องไห้เมื่อออกเดท
  • อย่าร้องไห้ต่อหน้ากลุ่มคนที่คุณกำลังมีเรื่องด้วย ร้องไห้กับใครบางคนที่คุณไว้ใจหรือเวลาที่คุณอยู่คนเดียว
  • ถ้าหากคุณเลือกร้องไห้ที่โรงเรียนหรือที่ทำงาน คุณอาจจะประสบปัญหาได้
โฆษณา

สิ่งที่คุณต้องใช้

  • ทิชชู่
  • เพื่อนหรือใครบางคนที่คุณไว้ใจได้เสมอ
  • น้ำเพื่อล้างหน้าและเครื่องสำอางออก

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Kelli Miller, LCSW, MSW
ร่วมเขียน โดย:
โค้ชด้านความสัมพันธ์
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Kelli Miller, LCSW, MSW. เคลลี มิลเลอร์ เป็นนักจิตบำบัด นักเขียน และพิธีกรรายการโทรทัศน์/วิทยุในลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย ปัจจุบันเคลลี่อยู่ในสถานประกอบการเอกชนและเชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและคู่รัก โรคซึมเศร้า ความวิตกกังวล เรื่องเพศ การสื่อสาร การเลี้ยงดูลูก และอื่นๆ เคลลี่ยังอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มต่างๆ สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการติดสุราและยาเสพติด ตลอดจนกลุ่มการจัดการความโกรธ ในฐานะนักเขียน เธอได้รับรางวัล Next Generation Indie Book Award สำหรับหนังสือของเธอ "Thriving with ADHD: A Workbook for Kids" และยังเขียน "Professor Kelli's Guide to Finding a Husband" เคลลี่เป็นพิธีกรในรายการ LA Talk Radio ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ของ The Examiner และพูดในระดับโลก คุณสามารถดูผลงานของเธอได้บนยูทูบ: https://www.youtube.com/user/kellibmiller อินสตาแกรม @kellimillertherapy และเว็บไซต์ของเธอ: www.kellimillertherapy.com เธอได้รับ MSW (ปริญญาโทด้านสังคมสงเคราะห์) จากมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนียและปริญญาตรีศิลปศาสตรบัณฑิตสาขาสังคมวิทยา/สุขภาพ จากมหาวิทยาลัยฟลอริดา บทความนี้ถูกเข้าชม 60,015 ครั้ง

คำจำกัดสิทธิ์ความรับผิดชอบทางการแพทย์

เนื้อหาของบทความชิ้นนี้มิได้มีเจตนาที่จะใช้ทดแทนคำแนะนำ การตรวจ วินิจฉัยและการรักษาทางการแพทย์ คุณควรปรึกษาแพทย์หรือมืออาชีพทางการดูแลสุขภาพที่ได้รับอนุญาตเสมอ ก่อนที่จะทำการเริ่มต้น เปลี่ยนแปลง หรือหยุดการดูแลสุขภาพไม่ว่าประเภทใด

มีการเข้าถึงหน้านี้ 60,015 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา