วิธีการ รักษาสุขภาวะของอวัยวะเพศหญิง

ดาวน์โหลดบทความ

ดาวน์โหลดบทความ

ภายในบทความนี้:

รักษาความสะอาดของอวัยวะเพศ

สร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาวะของอวัยวะเพศ

รับประทานอาหารที่ดีและออกกำลังกาย

รับมือกับการติดเชื้อและอาการอื่นๆ

แสดงเพิ่มอีก 1...

แสดงน้อยลง...

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้ออ้างอิง

คุณอาจจะเคยถูกสอนมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าให้ทำความสะอาดอวัยวะเพศทุกวันด้วยสบู่แรงๆ หรือสเปรย์ "ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น" แต่จริงๆ แล้วการทำแบบนี้อาจเป็นอันตรายมากกว่าจะได้ประโยชน์ ในการรักษาสุขภาวะของอวัยวะเพศนั้น ให้ทำความสะอาดอวัยวะเพศด้วยน้ำอุ่นเพื่อไม่ให้ทำลายค่า pH ตามธรรมชาติ เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในช่วงมีประจำเดือนบ่อยๆ เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และเช็ดอวัยวะเพศจากหน้าไปหลังเวลาเข้าห้องน้ำ นอกจากนี้คุณก็ควรเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเล็กๆ น้อยๆ รับประทานอาหารที่ช่วยเสริมสุขภาวะของอวัยวะเพศ (เช่น โยเกิร์ต ผลไม้ กระเทียม) และฝึกขมิบกล้ามเนื้อรอบช่องคลอดเพื่อให้อวัยวะเพศแข็งแรงและมีสุขภาวะที่ดีโดยรวม

ขั้นตอน

ส่วน 1

ส่วน 1 ของ 4:

รักษาความสะอาดของอวัยวะเพศ

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ล้างด้วยน้ำอุ่นเท่านั้น. อาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่การล้างอวัยวะเพศด้วยสบู่ไม่ว่าจะเป็นสบู่ก้อนหรือสบู่เหลวนั้นไม่ใช่วิธีการรักษาความสะอาดที่ดีที่สุด เพราะอวัยวะเพศค่อนข้างสะอาดอยู่แล้วโดยไม่ต้องมีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจากภายนอกมาช่วย เช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ของร่างกาย อวัยวะเพศมีค่า pH ที่ต้องรักษาให้อยู่ในระดับที่พอดี ซึ่งก็คือ 3.5 - 4.5 เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ไม่ดีและเสริมสร้างการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ดี การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่แรงเกินไปอาจทำลายความสมดุล ทำให้เกิดการติดเชื้อ การระคายเคือง และแม้กระทั่งกลิ่นเหม็น

   • คนมักจะพูดถึงบริเวณ"ตรงนั้น" ทั้งบริเวณว่าเป็นอวัยวะเพศ แต่จำไว้ว่าจริงๆ แล้วอวัยวะเพศเป็นกล้ามเนื้อที่มีลักษณะเป็นท่ออยู่ในร่างกาย ปากช่องคลอดที่เป็นผิวที่อยู่ด้านนอกของอวัยวะเพศนั้นสามารถทำความสะอาดได้ด้วยสบู่ก้อนที่ไม่มีส่วนผสมปรุงแต่ง ถ้าไม่ทำให้ผิวของคุณระคายเคือง
   • ถ้าคุณจะล้างอวัยวะเพศด้วยสบู่จริงๆ คุณต้องใช้น้ำอุ่นล้างให้สะอาดหมดจดเพื่อไม่ให้เหลือคราบสบู่ตกค้าง คราบสบู่ที่ตกค้างอยู่ในอวัยวะเพศอาจทำให้เกิดการระคายเคือง
2. 
   2
   อย่าใช้ผลิตภัณฑ์สวนล้างช่องคลอดหรือสเปรย์สำหรับจุดซ่อนเร้น. การสวนล้างช่องคลอดด้วยสารเคมีที่ควรจะทำให้อวัยวะเพศของคุณหอมเหมือนสวนดอกไม้นั้นจริงๆ แล้วจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามมากกว่า เพราะสารเคมีเหล่านั้นจะล้างแบคทีเรียที่ดีที่ช่วยให้อวัยวะเพศของคุณสะอาดและปราศจากการติดเชื้อออกไปจนหมด สารเคมีที่ตกค้างจากการสวนล้างช่องคลอดจะทำให้เกิดการระคายเคืองและถึงขั้นแสบร้อนเช่นเดียวกับสเปรย์สำหรับจุดซ่อนเร้น ถ้าคุณดูแลสุขภาวะของอวัยวะเพศให้ดีด้วยวิธีการอื่นๆ อยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพยายามเปลี่ยนกลิ่นอวัยวะเพศ

   • ครีมที่มีกลิ่นหอมที่โฆษณาว่าช่วยเปลี่ยนกลิ่นอวัยวะเพศนั้นก็อาจทำให้เกิดปัญหาแบบเดียวกัน เพราะฉะนั้นก็ควรหลีกเลี่ยงด้วย รวมทั้งผ้าอนามัย ผ้าอนามัยแบบสอด และทิชชู่เช็ดทำความสะอาดอวัยวะเพศที่มีกลิ่นหอมด้วย
   • ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณจำเป็นต้องทำให้อวัยวะเพศมีกลิ่นหอมจริงๆ ให้พยายามใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติล้วนๆ และไม่มีสารเคมี คุณจะทำบอดี้สเปรย์เองก็ได้ด้วยการผสมน้ำมันหอมระเหยอย่างน้ำมันกุหลาบ ลาเวนเดอร์ และตะไคร้ 2 – 3 หยดกับน้ำลงในขวดสเปรย์ ใช้บอดี้สเปรย์หลังอาบน้ำ และตัวต้องให้แห้งสนิทก่อนใส่เสื้อผ้า
   • พึงระลึกไว้ว่ามันไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าการสวนช่องคลอดสามารถป้องกันการติดเชื้อหรือช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เอาเข้าจริงแล้ว การสวนช่องคลอดอาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงเสียด้วยซ้ำ
3. 
   3
   รักษาสุขอนามัยที่ดีระหว่างมีประจำเดือน. ผู้หญิงหลายคนมีอัตราการติดเชื้อที่อวัยวะเพศเพิ่มขึ้นในช่วงมีประจำเดือน เนื่องจากการมีเลือดในอวัยวะเพศนั้นทำให้ค่า pH เกิดการเปลี่ยนแปลงและทำลายความสมดุล ในการดูแลอวัยวะเพศให้มีสุขภาวะที่ดีในช่วงมีประจำเดือนนั้น ให้คุณสร้างนิสัยดังต่อไปนี้ :

   • เปลี่ยนผ้าอนามัยแบบสอดบ่อยๆ เพราะผ้าอนามัยแบบสอดนั้นดูดซึมเลือดประจำเดือน และถ้าคุณทิ้งไว้นานเกินไปก็เท่ากับว่าคุณทิ้งเลือดไว้ในอวัยวะเพศและอาจทำให้ค่า pH เปลี่ยนแปลง คุณต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยแบบสอดทุกๆ 2 – 3 ชั่วโมงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้ขึ้น
   • อย่าใส่ผ้าอนามัยหรือแผ่นอนามัยนานกว่าที่จำเป็น การใส่ผ้าอนามัยและแผ่นอนามัยตลอดทั้งเดือนหรือหลังจากหมดประจำเดือนแล้วอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
   • คุณอาจจะลองซื้อถ้วยอนามัยมาใช้ ถ้วยยางนี้จะสอดอยู่ในช่องคลอดเพื่อรองเลือด จากนั้นล้างด้วยน้ำร้อนทุกๆ 2 – 3 ชั่วโมง ถ้วยอนามัยเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในช่วงมีประจำเดือนที่ปราศจากสารเคมี และจะยิ่งมีประโยชน์หากผ้าอนามัยและผ้าอนามัยแบบสอดมักทำให้คุณระคายเคือง
4. 
   4
   เช็ดจากหน้าไปหลัง. คุณต้องเช็ดจากหน้าไปหลัง ไม่ใช่จากหลังมาหน้า เพื่อไม่ให้เศษอุจจาระเข้าสู่อวัยวะเพศและทำให้เกิดการติดเชื้อ ใช้กระดาษทิชชู่ธรรมดาไม่มีกลิ่นเช็ด อย่าใช้ทิชชู่เปียกหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีน้ำหอมและสารเคมี

ส่วน 2

ส่วน 2 ของ 4:

สร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาวะของอวัยวะเพศ

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ใส่กางเกงในผ้าฝ้าย. กางเกงในผ้าฝ้ายแห้งเร็วและอากาศสามารถทะลุผ่านผ้าได้ตลอด ป้องกันไม่ให้เกิดการอับชื้นที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของยีสต์และแบคทีเรียที่ไม่ดีต่อสุขภาพที่อาจนำไปสู่การติดเชื้อได้ กางเกงในที่ทำจากผ้าสังเคราะห์ ผ้าไหม ผ้าลูกไม้ หรือผ้าอื่นๆ นั้นป้องกันไม่ให้อากาศเข้าออกได้เช่นกัน

   • ถ้าคุณชอบใส่กางเกงในที่ทำจากผ้าชนิดอื่นที่ไม่ใช่ผ้าฝ้าย บริเวณส่วนที่สัมผัสกับอวัยวะเพศของคุณต้องทำจากผ้าฝ้าย
   • ถ้าคุณมักจะติดเชื้อที่อวัยวะเพศอยู่บ่อยๆ ลองเลือกกางเกงในที่ทำจากผ้าฝ้ายออร์แกนิกไม่แต่งสีที่ไม่ผ่านกระบวนการใช้สารเคมีเลย
2. 
   2
   ใส่เสื้อผ้าหลวมๆ. กางเกงยืดรัดรูป กางเกงยีนส์รัดรูป และถุงน่องกักเก็บความชื้นไว้ที่ผิวและทำให้อากาศไม่ไหลเวียนซึ่งมักนำไปสู่การติดเชื้อยีสต์ ลองใส่ผ้าหลวมๆ บางๆ ที่ระบายอากาศได้ดี ใส่กระโปรงและเดรสให้บ่อยขึ้น และเลือกใส่ถุงน่องครึ่งตัวแทนการใส่ถุงน่องเต็มตัวที่ดึงขึ้นมาถึงเอว เลือกกางเกงขาสั้นหลวมๆ ด้วยเช่นกัน
3. 
   3
   เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกทันที. การใส่ชุดว่ายน้ำเปียกๆ หรือชุดออกกำลังกายเปียกๆ 2 – 3 ชั่วโมงทำให้คุณเสี่ยงต่อการติดเชื้อยีสต์ คุณต้องเปลี่ยนไปใส่กางเกงในที่สะอาดและแห้งทันทีหลังจากว่ายน้ำหรือออกกำลังกาย คุณอาจจะพกกางเกงในอีกตัวเผื่อไว้สำหรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดที่คุณอาจจะต้องเปลี่ยนตัวใหม่

   • ถ้าคุณตัดสินใจที่จะโกนขนบริเวณอวัยวะเพศ ระวังอย่าให้มีดโกนบาดเข้าเนื้อ ใช้ครีมโกนขน (และอย่าให้ไหลเข้าไปในอวัยวะเพศ) และค่อยๆ ใช้เวลาโกนแถวๆ แคมเพื่อที่จะได้ไม่เผลอโกนเข้าเนื้อ
   • การแว็กซ์ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผู้หญิงหลายคนนิยม ถ้าคุณจะกำจัดขนด้วยวิธีนี้ คุณต้องหาข้อมูลและเลือกร้านแว็กซ์ที่มีชื่อเสียงที่ใช้ผลิตภัณฑ์และแว็กซ์ที่สะอาด ร้านแว็กซ์ที่แว็กซ์ขนไม่ถูกสุขลักษณะอาจทำให้การติดเชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายได้
4. 
   4
   ล้างอวัยวะเพศหลังมีเพศสัมพันธ์. เวลาที่คุณมีเพศสัมพันธ์กับคนรัก คุณได้เปิดช่องให้ตัวเองได้รับแบคทีเรียและเชื้อโรคที่มองไม่เห็นอื่นๆ ที่อาจทำให้อวัยวะเพศเกิดการระคายเคืองและทำให้เกิดการติดเชื้อ วิธีแก้น่ะเหรอ ล้างอวัยวะเพศด้วยน้ำอุ่นหลังมีเพศสัมพันธ์ วิธีนี้ช่วยลดโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงที่ไม่น่าพึงประสงค์หลังมีเพศสัมพันธ์ได้มากเลยทีเดียว

   • การขอให้คนรักล้างอวัยวะเพศก่อนมีเพศสัมพันธ์ก็เป็นความคิดที่ดีเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย
   • ถ้าเป็นการเช็ดของเสีย ให้เช็ดจากหน้าไปหลัง
   • การล้างส่วนอื่นๆ ของร่างกายก่อนมีเพศสัมพันธ์ก็ช่วยได้เหมือนกัน! โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมักจะติดเชื้อ ลองอาบน้ำกับคนรักก่อนมีเพศสัมพันธ์เพื่อลดความเสี่ยงในการที่จะมีแบคทีเรียที่ไม่ดีอยู่ในร่างกาย
   • ถ้าคนรักของคุณใช้ปากหรือนิ้วกับอวัยวะเพศของคุณ ให้ใช้แผ่นยางอนามัยสำหรับช่องปากและถุงมือเพื่อเป็นการป้องกันเพิ่มเติมรูปแบบหนึ่ง
5. 
   5
   ปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์. อย่างน้อยที่สุดให้ปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์แม้ว่าคุณจะตั้งใจล้างด้วยก็ตาม เวลาที่คุณมีเพศสัมพันธ์ แบคทีเรียที่ไม่พึงประสงค์อาจเดินทางเข้าสู่ท่อปัสสาวะซึ่งเชื่อมกับกระเพาะปัสสาวะ การปัสสาวะหลังจากมีเพศสัมพันธ์ช่วยชะล้างแบคทีเรียออกจากบริเวณอวัยวะเพศ เสริมสร้างสุขภาวะทั่วไปที่ดี และป้องกันไม่ให้คุณเป็นโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบที่น่ารำคาญ
6. 
   6
   ลองใช้ถุงยางอนามัย. ค่า pH ในอสุจินั้นเป็นด่าง ในขณะที่ค่า pH ของอวัยวะเพศหญิงนั้นเป็นกรด เมื่ออสุจิค้างอยู่ในอวัยวะเพศหญิงหลังมีเพศสัมพันธ์ อสุจิก็จะไปทำลายความสมดุลของอวัยวะเพศ ทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ง่าย การใช้ถุงยางอนามัยหรือวิธีการขวางไม่ให้อสุจิไหลเข้าไปวิธีอื่นๆ สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ถ้าคุณไม่อยากใช้ถุงยางอนามัย ให้ล้างอสุจิทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อไม่ให้มันมีเวลาที่จะไปเปลี่ยนค่า pH ของอวัยวะเพศ

ส่วน 3

ส่วน 3 ของ 4:

รับประทานอาหารที่ดีและออกกำลังกาย

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   รับประทานโยเกิร์ตเยอะๆ. โยเกิร์ตมีแบคทีเรียที่ "ดี" แบบเดียวกับที่อวัยวะเพศของคุณต้องการเพื่อให้มีสุขภาวะที่ดี คุณสามารถเติมแบคทีเรียให้ร่างกายของคุณได้ด้วยการรับประทานโยเกิร์ตเป็นส่วนหนึ่งของอาหารในแต่ละวัน การรับประทานโยเกิร์ตเป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยป้องกันและรักษาการติดเชื้อยีสต์

   • นอกจากโยเกิร์ตแล้วก็ยังมีอาหารอื่นๆ ที่ช่วยเติมแบคทีเรียให้ร่างกายของคุณได้เช่นเดียวกัน กิมจิ คอมบูชา และอาหารหมักดองอื่นๆ สามารถรับประทานแทนโยเกิร์ตได้ถ้าคุณไม่ชอบรับประทานโยเกิร์ต
   • โยเกิร์ตชนิดเม็ดก็มีขายถ้าคุณไม่ได้อยากรับประทานโยเกิร์ตทุกวัน
2. 
   2
   รับประทานผลไม้เยอะๆ. แครนเบอร์รี่ สับปะรด สตรอเบอร์รี่ และผลไม้อื่นๆ ช่วยทำให้กลิ่นของเหลวที่ขับออกมาจากอวัยวะเพศสดชื่นขึ้น การรับประทานผลไม้ไม่ได้ทำให้อวัยวะเพศของคุณกลายเป็นกลิ่นผลไม้เสียทีเดียว แต่สามารถทำให้กลิ่นดีขึ้นได้ถ้าเรื่องกลิ่นเป็นเรื่องที่คุณกังวล นอกจากนี้ผลไม้ยังมีน้ำเยอะ และการไม่ขาดน้ำก็ช่วยขับสารพิษที่อาจทำให้เกิดกลิ่นเหม็นออกจากร่างกาย
3. 
   3
   ลดน้ำตาล คาร์โบไฮเดรตแปรรูป และแอลกอฮอล์. น้ำตาลจะยิ่งทำให้อาการติดเชื้อแย่ลง จึงจำเป็นที่จะต้องควบคุมหรือลดน้ำตาล อย่าเติมน้ำตาลลงในอาหาร และตรวจดูฉลากอาหารด้วย นอกจากนี้ก็ควรลดแป้งและแอลกอฮอล์ที่มักมีน้ำตาลสูง
4. 
   4
   รับประทานกระเทียม. กระเทียมมีคุณสมบัติฆ่ายีสต์ จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยป้องกันและรักษาการติดเชื้อยีสต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรับประทานกระเทียมสุกหรือดิบสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้งเป็นวิธีรักษาสุขภาวะของอวัยวะเพศได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังว่ากันว่ากระเทียมช่วยลดกลิ่นเหม็นที่อวัยวะเพศได้ด้วย
5. 
   5
   ฝึกขมิบกล้ามเนื้อรอบช่องคลอด. การฝึกขมิบกล้ามเนื้อรอบช่องคลอดทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานและกล้ามเนื้อ Pubococcygeus แข็งแรง กล้ามเนื้อเหล่านี้มักจะหย่อนและอ่อนแอลงตามวัยและหลังคลอด การทำให้กล้ามเนื้อเหล่านี้แข็งแรงจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงภาวะบางอย่าง เช่น ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้ และยังเพิ่มความพึงพอใจทางเพศได้อีกด้วย ในการฝึกขมิบกล้ามเนื้อรอบช่องคลอดนั้น ให้คุณทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ :

   • จัดท่ากล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ในการทำเช่นนี้ ให้คุณทำเหมือนว่าคุณกลั้นปัสสาวะกลางคัน กล้ามเนื้อที่คุณใช้เพื่อกลั้นปัสสาวะนั้นคือกล้ามเนื้อที่คุณต้องขมิบ
   • เกร็งกล้ามเนื้อแล้วค้างไว้ 3 วินาที จากนั้นคลาย ทำซ้ำ 15 ครั้ง
   • ฝึกขมิบกล้ามเนื้อรอบช่องคลอดต่อไปทุกวัน ค้างไว้นานขึ้นและเพิ่มจำนวนครั้งหลังจากที่คุณควบคุมได้แล้ว
6. 
   6
   หาวิธีออกกำลังกายอวัยวะเพศในแบบอื่นๆ. กิจกรรมและความพึงพอใจทางเพศทำให้อวัยวะเพศแข็งแรงขึ้น เพราะเพศสัมพันธ์ทำให้กล้ามเนื้ออวัยวะเพศกระชับและยืดหยุ่น การมีเพศสัมพันธ์เป็นประจำเป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยให้คุณแข็งแรง เน้นการเกร็งและการคลายอวัยวะเพศระหว่างมีเพศสัมพันธ์เพื่อให้อวัยวะเพศได้ออกกำลังกายมากที่สุด

   • การใช้ไวเบรเตอร์ก็ให้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน
   • หยกไข่ โคนโยนี เบนวาบอล และที่ยกน้ำหนักช่องคลอดเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อให้อวัยวะเพศได้ออกกำลังกายผ่านเทคนิค "ยกน้ำหนัก"

ส่วน 4

ส่วน 4 ของ 4:

รับมือกับการติดเชื้อและอาการอื่นๆ

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ใช้ยาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปรักษาอาการติดเชื้อยีสต์. ผู้หญิงส่วนใหญ่ติดเชื้อยีสต์เป็นบางครั้งบางคราว และสามารถรักษาอาการให้หายเองได้ด้วยการซื้อยาต้านเชื้อราแบบครีมหรือยาเหน็บ ยาจะมาในปริมาณที่ต้องใช้เป็นเวลา 1 3 5 หรือ 7 วันแล้วแต่ว่าติดเชื้อรุนแรงแค่ไหน ยารักษาอาการติดเชื้อยีสต์ส่วนใหญ่มาพร้อมกับยารักษาอาการคันที่สามารถใช้เพื่อบรรเทาอาการคันและแสบร้อนบริเวณปากช่องคลอด

   • หากคุณตั้งครรภ์ ให้แน่ใจว่าได้พบแพทย์เพื่อปรึกษาเรื่องสุขภาพก่อนใช้ยาต่างๆ ถึงแม้คุณจะแน่ใจว่าคุณติดเชื้อยีสต์ก็ตาม
   • ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าอาการที่คุณเป็นคืออาการติดเชื้อยีสต์หรือเปล่า คุณก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้แน่ใจอีกครั้ง อาการติดเชื้อยีสต์คือ มีของเหลวเหลืองๆ คล้ายนมเปรี้ยวไหลออกมาจากช่องคลอดและมีกลิ่นเหม็น คันและแสบร้อนอวัยวะเพศ ผื่นขึ้นบริเวณปากช่องคลอด และมีอาการแสบร้อนหรือปวด
   • ถ้าอาการติดเชื้อรายังไม่หายหลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์หรือประมาณ 1 สัปดาห์ ให้นัดพบแพทย์เพื่อให้ได้ยาตามแพทย์สั่งที่จะช่วยรักษาอาการติดเชื้อยีสต์ให้หายขาดได้
   • นอกจากนี้คุณยังสามารถรับประทานโยเกิร์ตหรืออาหารหมักดองอื่นๆ เพิ่มเป็นสองเท่าจากปกติได้เพื่อเพิ่มแบคทีเรียที่ "ดี" ในร่างกายของคุณ
2. 
   2
   พบแพทย์เพื่อรักษาอาการช่องคลอดอักเสบ. อาการช่องคลอดอักเสบอาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อยีสต์ การติดเชื้อแบคทีเรีย ปรสิต และสาเหตุอื่นๆ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากการมีของเหลวที่มีกลิ่นคาวไหลออกจากช่องคลอด แสบร้อนและคัน และมีผื่นขึ้นบริเวณปากช่องคลอด คุณสามารถซื้อตัวยาชนิดครีมจากร้านขายยาทั่วไปเพื่อรักษาอาการที่น่ารำคาญเหล่านี้ได้เอง แต่คุณก็ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับยาตามแพทย์สั่งตามความจำเป็นด้วย
3. 
   3
   ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำ. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เช่น เฮชพีวี คลามัยเดีย หูดที่อวัยวะสืบพันธุ์ และอื่นๆ สามารถสร้างความเสียหายในระยะยาวได้หากไม่ได้รับการรักษา ถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันและรู้สึกว่าเป็นไปได้ที่ตัวเองจะติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้นัดพบแพทย์หรือคลินิกสุขภาพ ในหลายกรณีคุณอาจจะเข้ารับการตรวจได้ฟรีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานพยาบาลของรัฐ
4. 
   4
   พบแพทย์ถ้าคุณสังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติ. ผู้หญิงหลายคนไม่คุ้นเคยกับอวัยวะเพศของตัวเองว่าหน้าตาเป็นแบบไหนและรู้สึกอย่างไร พวกเขาเลยไม่รู้ตัวเวลามีบางอย่างเกิดขึ้น อวัยวะเพศของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน และคุณก็ต้องรู้ว่าปกติแล้วอวัยวะเพศของคุณหน้าตาเป็นแบบไหน มีความรู้สึกอย่างไร และมีกลิ่นอย่างไร เพื่อที่เวลามีอะไรแปลกไปคุณจะได้สังเกตเห็นและเข้ารับการตรวจทางการแพทย์หากจำเป็น พบแพทย์ถ้าคุณสังเกตว่าสีเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน มีหูดหรือมีตุ่มอื่นๆ มีของเหลวที่กลิ่นหรือหน้าตาแปลกไปจากปกติ หรือรู้สึกปวดอวัยวะเพศ

เคล็ดลับ

• อาบน้ำเป็นประจำและใช้น้ำเยอะๆ ล้างอวัยวะเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่มีประจำเดือน
• ดื่มน้ำมากๆ
• หลังมีเพศสัมพันธ์ให้ล้างทันที
• มีวุฒิภาวะขณะปฏิบัติตามขั้นตอนในข้างต้น การรักษาสุขภาวะที่ดีของอวัยวะเพศเป็นส่วนหนึ่งของหลักการรักษาสุขอนามัยที่ดีทั่วไป
• ถ้าคุณรู้ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับอวัยวะเพศ อย่ามีเพศสัมพันธ์หรือช่วยตัวเอง
• ดื่มน้ำแครนเบอร์รี่ 100%
• การเข้ารับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั้งตัวคุณและคู่นอนเป็นวิธีที่ดีที่จะแน่ใจได้ว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นหรือเปล่า อย่ากลัว เพราะสุขภาพของคุณขึ้นอยู่กับมัน
• การกำจัดขนออกจากบริเวณอวัยวะเพศนั้นอาจทำให้เกิดการระคายเคือง ขนที่อวัยวะเพศมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้อวัยวะเพศอับชื้นเกินไปและทำให้อากาศในบริเวณนั้นถ่ายเท แม้ว่าการกำจัดขนอวัยวะเพศจะไม่ได้มีผลร้ายแรงอะไร แต่การกำจัดขนอวัยวะเพศก็ไม่ได้มีประโยชน์ในด้านการรักษาสุขอนามัยที่ดีเช่นเดียวกัน
• อย่าล้างอวัยวะเพศด้วยสบู่หรือสารเคมีอื่นๆ เพราะจะทำให้อวัยวะเพศระคายเคืองและติดเชื้อ
• รักษาอวัยวะเพศให้แห้งอยู่เสมอและใส่กางเกงในผ้าฝ้ายสะอาดๆ

คำเตือน

• ถ้าคุณเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จริงๆ ให้เข้ารับการรักษาให้เร็วที่สุด เพราะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หากปล่อยไว้อาจทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงในอนาคต
• ถ้าคุณมีเลือดออกจากอวัยวะเพศที่ผิดปกติ มีเลือดออกเล็กน้อยในช่วงที่ไม่ได้มีประจำเดือน เลือดออกครั้งละหลายสัปดาห์ หรือผ้าอนามัยแผ่นใหญ่มีเลือดชุ่มหลังจากใส่ไปได้ 1 ชั่วโมงและเป็นอย่างนี้อยู่หลายชั่วโมง ให้พบแพทย์ เพราะคุณมีโอกาสเป็นโรคหรือปัญหาต่างๆ หลายโรคเลยทีเดียว