ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความX
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Rahti Gorfien, PCC. ราห์ติ กอร์เฟียนเป็นไลฟ์โค้ชและผู้ก่อตั้ง Creative Calling Coaching, LLC ราห์ติเป็นไลฟ์โค้ชที่มีใบรับรองจาก International Coach Federation ให้เป็น Professional Certified Coach (PCC), เป็นโค้ช ADHD Coach โดยสถาบัน ADD Coach Academy และ Career Specialty Services Provider (CSS) เธอได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งในไลฟ์โค้ชที่ดีที่สุด 15 คนในนิวยอร์กโดย Expertise ในปี 2018 เธอจบด้านการแสดงจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์กและเป็นศิลปินแสดงละครเวทีมานานกว่า 30 ปี
บทความนี้ถูกเข้าชม 26,847 ครั้ง
จากการศึกษาพบว่า การตอบสนองของมนุษย์ที่มีต่อคนอื่น หรือเหตุการณ์ต่างๆ นั้น ส่วนใหญ่จะได้รับอิทธิพลมาจากความเข้าใจและทัศนคติส่วนตัวที่ตัวเองมีอยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่การมองตามความเป็นจริงจากสิ่งที่คนอื่นเป็น หรือเหตุการณ์นั้นเป็น[1] หากคุณมีทัศนคติด้านลบอยู่ โอกาสที่คุณจะส่งผลกระทบด้านลบๆ ต่อสิ่งรอบข้างคุณก็จะมีมากขึ้น ดังนั้น ลองทำตามวิธีการที่เราได้แนะนำไว้ด้านล่าง เพื่อที่คุณจะได้ปลูกฝังความคิดเชิงบวกให้ตัวเอง และสามารถต่อสู้กับทัศนคติเชิงลบ และปรับเปลี่ยนมันได้
ขั้นตอน
รับผิดชอบต่อความคิดและการกระทำของตัวเอง. คุณเป็นคนเดียวที่สามารถควบคุมชีวิตตัวเองได้ ซึ่งสถานการณ์เชิงลบและความคิดเชิงลบต่างๆ ที่คุณปิดซ่อนไว้นั้น ล้วนได้รับอิทธิพลโดยตรงจากตัวคุณเองทั้งนั้น และเพื่อการรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง คุณสามารถเริ่มต้นตัดเอาความคิดเชิงลบออกไปจากชีวิตคุณ และสร้างความคิดเชิงบวกขึ้นมาแทนได้[2]- ความคิดเชิงลบนั้น เป็นสิ่งที่คอยบ่มเพาะให้เกิดการกระทำเชิงลบ หากคุณอยากจะให้ตัวเองมีทัศนคติที่ดี คุณจะต้องปลูกฝังและปรับเปลี่ยนความคิดต่างๆ ให้เป็นเชิงบวก[3]
- ตัวอย่างเช่น หากคุณไม่ได้รับการเลื่อนขั้นในที่ทำงาน นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้านายของคุณไม่ชอบคุณ เพราะจริงๆ มันอาจจะเกี่ยวกับตัวผลงานที่คุณทำไว้ก็ได้ ดังนั้น แทนที่จะไปโทษเจ้านายคุณ ให้คุณปรึกษากับเจ้านายว่าคุณจะต้องปรับปรุงงานของคุณยังไงบ้าง จากนั้นก็เดินหน้าปรับปรุงสิ่งที่เจ้านายบอกอย่างกระตือรือร้น
ลิสต์สิ่งต่างๆ ที่เป็นด้านลบในชีวิตคุณลงบนกระดาษ แล้วเดินหน้าปรับเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้น. การที่ตัวคุณได้รับรู้ว่ามีอะไรในชีวิตที่เป็นด้านลบบ้าง จะทำให้คุณมองเห็นหนทางที่ใช้ควบคุมและปรับเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้น และให้คุณเผากระดาษลิสต์นั้นทิ้งไป เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการตัดขาดจากสิ่งต่างๆ ที่เป็นแง่ลบออกไปจากชีวิต- ในแผ่นกระดาษ ให้คุณลิสต์อะไรก็ได้ในชีวิตคุณ ที่คุณคิดว่ามันเป็นไปในด้านลบ จากนั้นอ่านลิสต์นั้น แล้วเช็คสิ่งที่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์เชิงลบที่มีกับคนอื่น ด้วยการเอาพวกเขาออกไปจากชีวิต หรือไม่ก็แก้ไขปัญหาด้านการเงิน ด้วยการเริ่มต้นสะสมเงินเก็บ
- เมื่อถึงจุดที่คุณคิดถึงวิธีการปรับเปลี่ยนอิทธิพลเชิงลบในชีวิตคุณแล้ว ให้คุณเผากระดาษลิสต์นั้นทิ้งไป เพื่อเน้นย้ำว่าคุณได้เอาสิ่งไม่ดีเหล่านั้นออกไปจากชีวิตแล้ว จากนั้นให้คุณเขียนลิสต์ใหม่ที่เกี่ยวสิ่งต่างๆ ที่เป็นเชิงบวกในชีวิตคุณขึ้นมา
ปล่อยวางความคาดหวังออกไป. สิ่งต่างๆ ที่เป็นด้านลบ มักจะเริ่มต้นมาจากความคาดหวัง ทั้งจากตัวเองและจากคนอื่น การปล่อยวางความคาดหวังต่างๆ ออกไป ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนทัศนคติได้เท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมเชิงบวกให้กับตัวคุณอีกด้วย- ยอมรับกับตัวเองว่าไม่มีอะไรเพอร์เฟคไปหมดซะทุกอย่าง ความไม่สมบูรณ์แบบจะช่วยเพิ่มคาแรคเตอร์ให้ตัวคุณ และการปล่อยวางความคาดหวังต่อความสมบูรณ์แบบ จะช่วยให้คุณโฟกัสอยู่กับด้านบวกของคนอื่นๆ และของสถานการณ์ต่างๆ ด้วย
- เมื่อใดก็ตามที่มีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้น ให้คุณรีบๆ ลืมมันไปให้หมด แล้วจินตนาการถึงสิ่งต่างๆ ที่คุณอยากให้เกิดขึ้น นอกจากนี้ หากมีคนพูดอะไรเชิงลบมา ให้คุณคิดถึงสิ่งเหล่านั้นแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งก็พอ จากนั้นให้ปล่อยมันไป เพราะถ้าหากว่าคุณเก็บสิ่งแย่ๆ นั้นไปคิด มันจะยิ่งทำให้คุณรู้สึกในแง่ลบมากกว่าเดิม
ให้อภัยตัวเองและคนอื่น. การเก็บความขุ่นเคืองและติดอยู่กับความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเองนั้น จะยิ่งไปเน้นย้ำทัศนคติเชิงลบให้ชัดขึ้น การเป็นคนที่พร้อมจะให้อภัย และปล่อยวางต่อสิ่งต่างๆ จะช่วยทำให้คุณโฟกัสอยู่กับสิ่งดีๆ ในตัวคุณและตัวคนอื่นได้[4]- การให้อภัยจะช่วยลบล้างทัศนคติเชิงลบต่างๆ ออกไป และยังช่วยสร้างพื้นที่สำหรับทัศนคติเชิงบวก นอกจากนี้ก็ยังช่วยลดความตึงเครียด และเพิ่มความสงบสุขให้กับชีวิตคุณด้วย[5]
จำกัดหรือตัดคนที่มีความคิดลบๆ ออกไปจากชีวิต. ผู้คนที่อยู่รอบตัวเรานั้น ย่อมมีผลกระทบสำคัญต่อทัศนคติของเราอยู่แล้ว การจำกัดหรือตัดผู้คนที่มีทัศนคติเชิงลบออกไปจากชีวิต จะช่วยคุณปรับเปลี่ยนทัศนคติของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น- หากคุณไม่สามารถตัดขาดจากคนเหล่านั้นได้จริงๆ หรือคุณไม่อยากที่จะทำร้ายจิตใจพวกเขา คุณอาจจะเจอพวกเขาให้น้อยลงก็ได้ นอกจากนี้คุณยังสามารถตอบโต้ทัศนคติและมุมมองแบบลบๆ ของพวกเขาได้ โดยการชี้ให้เห็นถึงด้านดีของสิ่งที่พวกเขาทำหรือพูดออกมา วิธีนี้จะช่วยไม่ให้คุณเคลิ้มตามความคิดลบๆ ของพวกเขาได้[6]
ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง. อารมณ์เชิงลบมักจะมาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงเสมอ และวิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงก็คือ ตอบสนองต่อสิ่งนั้นแบบไม่ใช่การตอบโต้ โดยให้คุณตอบสนองในเชิงบวกกับทุกสถานการณ์ที่ได้เจอ เพราะนี่จะทำให้คุณสามารถอยู่ห่างจากสิ่งต่างๆ ที่เป็นด้านลบได้[7]- คุณไม่สามารถควบคุมทุกสถานการณ์หรือทุกคนได้ แต่คุณสามารถเลือกวิธีการโต้ตอบสิ่งเหล่านั้นได้ การเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เชิงลบหรือคนที่มีความความคิดด้านลบ ด้วยทัศนคติด้านบวกของตัวเองนั้น จะทำให้คุณรักษาทัศนคติเชิงบวกของตัวเองเอาไว้ได้ อีกทั้งยังส่งผลในเชิงบวกต่อสิ่งต่างๆ ด้วย[8]
- ตัวอย่างเช่น หากมีคนส่งอีเมลหยาบคายมาหาคุณ อย่าตอบโต้แบบทันทีทันควัน ให้คุณเก็บร่างอีเมลตอบกลับของคุณไว้ก่อน แล้วรอสัก 24 ชั่วโมงแล้วค่อยส่ง โดยหลังจากที่รอให้ผ่านไป 24 ชั่วโมงแล้ว ให้คุณเข้าไปดูอีเมลนั้นใหม่อีกรอบ มันจะทำให้การตอบโต้ของคุณซอฟต์ลง ซึ่งจะไม่ทำให้สถานการณ์บานปลายไปกว่าเดิมด้วย
- หากมีสิ่งแย่ๆ เกิดขึ้น เช่น ตกงาน ให้คุณขอบคุณนายจ้างของคุณสำหรับโอกาสที่เขาเคยได้ให้คุณ แล้วบอกกับตัวเองว่า “นี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลง เพื่อที่เราจะได้ค้นหาสิ่งที่ดีกว่าเดิม ที่เรารักและอยากจะทำจริงๆ ”
ก้าวเดินต่อไป. คุณอาจจะมีความคิดลบๆ เป็นบางครั้งบางคราว ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาและสามารถยอมรับได้ แต่อย่าไปเก็บสิ่งแย่ๆ พวกนั้นเอามาคิดมากจนไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่น การใช้ชีวิตต่อไปข้างหน้าเพื่อค้นหาสิ่งดีๆ จะทำให้คุณปรับเปลี่ยนทัศนคติเชิงลบของตัวเองได้โฆษณา
มองทุกอย่างในแง่ดี. ความคิดและทัศนคติในแง่ลบนั้นก็เหมือนกับการระบายน้ำ ถ้าหากคุณยอมแพ้ต่อความคิดเหล่านั้น มันก็จะยิ่งหลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ ดังนั้น การมองหาด้านดีของคนอื่นๆ หรือสถานการณ์ต่างๆ จะช่วยเปลี่ยนมุมมองคุณให้เป็นไปในทางบวกได้[9]- แม้ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแค่ไหน จำไว้ว่ายังไงก็ต้องมีสิ่งดีๆ ในสถานการณ์นั้นอยู่เสมอ ซึ่งมันอาจจะใช้เวลาสักหน่อยกว่าคุณจะมองเห็นด้านดีๆ ของสถานการณ์เหล่านั้น ซึ่งการที่คุณสามารถเห็นด้านดีๆ ของสิ่งต่างๆ ได้ จะยิ่งทำให้คุณหลีกเลี่ยงทัศนคติลบๆ ได้มากกว่าเดิม
- มีงานศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า ทัศนคติเชิงบวกจะเป็นตัวที่นำพาไปสู่ความสำเร็จได้มากกว่าสิ่งอื่นๆ รวมทั้งความรู้หรือทักษะต่างๆ ด้วย[10]
ทำลิสต์เกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกยินดี. การรู้สึกยินดีกับสิ่งต่างๆ จะช่วยคุณบ่มเพาะทัศนคติเชิงบวกได้ และการลิสต์ถึงสิ่งต่างๆ ที่คุณรู้สึกยินดีในชีวิตนั้น จะช่วยคุณต่อสู้กับทัศนคติเชิงลบต่างๆ ที่อาจจะมีมากขึ้นหากไม่รีบหยุดไว้- เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้คุณรู้สึกถึงแต่สิ่งที่เป็นด้านลบ ให้คุณอ่านลิสต์สิ่งที่คุณยินดีในชีวิต เพราะนี่จะเป็นสิ่งที่ช่วยเตือนคุณให้มองโลกในแง่ดี
ใช้คำพูดเชิงบวก. ภาษาที่คุณเลือกใช้นั้น มีอิทธิพลสำคัญต่อทัศนคติและการแสดงออกทางอารมณ์ของคุณด้วย การใช้คำพูดเชิงบวกในชีวิตประจำวันของคุณ จะช่วยให้คุณมองโลกในด้านบวก และต่อต้านกับความคิดในแง่ลบได้[11]- ใช้วลีอย่างเช่น “ฉันมีความหวัง” หรือ “เราจะเจอทางออก” นี่จะช่วยทั้งคุณและคนรอบข้างคุณ ให้มีมุมมองในเชิงบวกได้[12]
- การให้คำมั่นสัญญาเชิงบวกกับตัวเองทุกเช้าหลังตื่นนอน จะทำให้คุณเริ่มต้นวันใหม่อย่างสวยงามได้ ตัวอย่างเช่น คุณพูดกับตัวเองว่า “วันนี้จะต้องเป็นวันที่ยอดเยี่ยม และฉันก็รู้สึกดีมากด้วย ฉันพร้อมที่จะทำสิ่งใหม่ๆ แล้วล่ะ”
- เขียนคำพูดที่เป็นเชิงบวกไว้แล้วติดไว้ในที่ๆ คุณสามารถเห็นได้ เพราะถ้าหากคุณมีเครื่องเตือนสติเหล่านี้ โอกาสที่คุณจะมีความคิดและความรู้สึกเชิงบวกในระหว่างวันก็จะมีมากขึ้น[13]
อยู่คลุกคลีกับคนที่มองโลกในแง่ดี. การมีคนที่คอยให้การสนับสนุนอยู่ใกล้ๆ ตัวคุณ จนสามารถทำให้โลกทัศน์ของคุณชัดเจนขึ้นได้นั้น เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการปลูกฝังทัศนคติเชิงบวก เพราะการอยู่ใกล้ๆ คนเหล่านี้จะช่วยคุณต่อต้านความคิดด้านลบ และช่วยคุณปรับเปลี่ยนทัศนคติของตัวเองได้[14]
ช่วยเหลือคนอื่น. การมีเมตตาต่อคนอื่นและช่วยเหลือคนอื่น สามารถสร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้กับทัศนคติคุณได้ เพราะไม่ใช่แค่ว่าสิ่งนี้จะช่วยเปิดโลกทัศน์ของคุณเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถช่วยให้คุณอยู่ห่างจากปัญหาต่างๆ และยังทำให้คุณมองโลกในแง่ดีกว่าเดิมอีกด้วย[15]- ลองเป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาลหรือโรงทานที่แจกอาหารให้คนยากไร้ดูก็ได้ เพราะการที่คุณได้ตระหนักว่าตัวเองเป็นคนที่สมบูรณ์พร้อมที่จะช่วยเหลือคนอื่น และเป็นคนที่มีความหมาย โลกทัศน์ของคุณก็จะชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยกระตุ้นให้คุณตั้งหน้าตั้งตาปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ที่เป็นด้านลบของชีวิตคุณได้อีกด้วย
- การได้ช่วยเหลือเพื่อนๆ และคนในครอบครัว สามารถช่วยคุณปรับเปลี่ยนทัศนคติแย่ๆ ได้ เพราะว่าคุณกำลังทำให้พวกเขารู้สึกดี และผลที่ได้ก็คือ คุณก็รู้สึกดีตามไปด้วย
- การมอบ-รับความรักและการสนับสนุน จะทำให้มุมมองในชีวิตของคุณเป็นไปในทางบวกมากขึ้น[16]
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.mindbodygreen.com/0-17106/how-to-change-your-attitude-when-you-cant-change-your-situation.html
- ↑ http://tinybuddha.com/blog/10-tips-to-overcome-negative-thoughts-positive-thinking-made-easy/
- ↑ http://tinybuddha.com/blog/10-tips-to-overcome-negative-thoughts-positive-thinking-made-easy/
- ↑ http://www.crosswalk.com/faith/women/how-to-change-negative-attitudes-to-positive-ones.html
- ↑ http://www.crosswalk.com/faith/women/how-to-change-negative-attitudes-to-positive-ones.html
- ↑ http://tinybuddha.com/blog/10-tips-to-overcome-negative-thoughts-positive-thinking-made-easy/
- ↑ http://www.crosswalk.com/faith/women/how-to-change-negative-attitudes-to-positive-ones.html
- ↑ http://www.crosswalk.com/faith/women/how-to-change-negative-attitudes-to-positive-ones.html
- ↑ http://tinybuddha.com/blog/10-tips-to-overcome-negative-thoughts-positive-thinking-made-easy/
- ↑ http://www.crosswalk.com/faith/women/how-to-change-negative-attitudes-to-positive-ones.html
- ↑ http://www.mindbodygreen.com/0-17106/how-to-change-your-attitude-when-you-cant-change-your-situation.html
- ↑ http://www.mindbodygreen.com/0-17106/how-to-change-your-attitude-when-you-cant-change-your-situation.html
- ↑ http://tinybuddha.com/blog/10-tips-to-overcome-negative-thoughts-positive-thinking-made-easy/
- ↑ http://tinybuddha.com/blog/10-tips-to-overcome-negative-thoughts-positive-thinking-made-easy/
- ↑ http://tinybuddha.com/blog/10-tips-to-overcome-negative-thoughts-positive-thinking-made-easy/
- ↑ http://www.crosswalk.com/faith/women/how-to-change-negative-attitudes-to-positive-ones.html
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
ไลฟ์โค้ช
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Rahti Gorfien, PCC. ราห์ติ กอร์เฟียนเป็นไลฟ์โค้ชและผู้ก่อตั้ง Creative Calling Coaching, LLC ราห์ติเป็นไลฟ์โค้ชที่มีใบรับรองจาก International Coach Federation ให้เป็น Professional Certified Coach (PCC), เป็นโค้ช ADHD Coach โดยสถาบัน ADD Coach Academy และ Career Specialty Services Provider (CSS) เธอได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งในไลฟ์โค้ชที่ดีที่สุด 15 คนในนิวยอร์กโดย Expertise ในปี 2018 เธอจบด้านการแสดงจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์กและเป็นศิลปินแสดงละครเวทีมานานกว่า 30 ปี บทความนี้ถูกเข้าชม 26,847 ครั้ง
หมวดหมู่: สุขภาพจิตและการสร้างสมดุลทางใจ
มีการเข้าถึงหน้านี้ 26,847 ครั้ง
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.
โฆษณา
