บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา
ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้
บทความนี้ถูกเข้าชม 10,828 ครั้ง
คุณสามารถอบเค้กโดยใช้ไมโครเวฟแทนเตาอบแก๊สหรือเตาอบไฟฟ้าแบบเดิมได้ โดยจะอบเค้กทั้งก้อนสำหรับงานวันเกิดหรือปาร์ตี้ หรือจะอบเค้กในถ้วยกาแฟเพื่อทานเป็นของหวานหลังมื้อเย็นก็ได้ ในบทความนี้มีทั้งสูตรเค้กช็อกโกแลตสำหรับทานทั้งครอบครัวและสูตรเค้กช็อกโกแลตในถ้วยกาแฟที่ใช้เวลาทำไม่ถึงหนึ่งนาที และยังมีไอเดียการเพิ่มฟรอสติ้งให้ดูน่าทานอีกด้วย
ส่วนประกอบ
- ไข่ 1 ฟอง
- น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
- กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา
- แป้ง self-rising (แป้งอเนกประสงค์ที่ผสมผงฟู) 3 ช้อนโต๊ะ
- เนยหรือมาร์การีน 1 ช้อนโต๊ะ
- ช็อกโกแลตชิพ 2 ช้อนโต๊ะ
- มาร์การีน ¾ ถ้วย
- น้ำตาล ¾ ถ้วย
- แป้ง self-rising (แป้งอเนกประสงค์ที่ผสมผงฟู) ⅔ ถ้วย
- ผงโกโก้ ⅓ ถ้วย
- นม 3 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ขนาดกลาง 3 ฟอง
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
ขั้นตอน
- เลือกถ้วยกาแฟ. คุณสามารถเลือกใช้แก้วกาแฟแบบใดก็ได้ ถ้วยกาแฟที่กว้างจะทำให้เค้กมีเนื้อนุ่มและชุ่มฉ่ำมากขึ้น ส่วนถ้วยกาแฟที่เล็กและตื้นจะทำให้เค้กมีเนื้อแน่นยิ่งขึ้น
- ผสมแป้งเค้ก. ใส่น้ำตาลทรายหรือน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา และแป้ง 3 ช้อนโต๊ะ (50 มล.) ลงไปในถ้วยกาแฟ
- คุณสามารถใช้แป้งทั่วไปแทนได้หากไม่มีแป้ง self-rising แต่เค้กที่อบออกมาจะมีเนื้อสัมผัสเหมือนบราวนี่มากกว่า
- ตอกไข่ลงไป. ข้อดีของการอบเค้กในถ้วยกาแฟคือไม่มีอะไรต้องทำความสะอาดมากนัก เพียงโยนเปลือกไข่ทิ้งลงถังขยะเท่านั้น
- เติมเนย. นำเนยสดวางตั้งทิ้งไว้ให้นิ่มลง และตักเนย 1 ช้อนโต๊ะใส่ลงไปในถ้วยกาแฟ คุณสามารถเลือกใช้เนยเค็ม เนยจืด หรือมาร์การีนก็ได้
- เติมช็อกโกแลตชิพ 1-2 ช้อนโต๊ะ (เพิ่มเติม). การเติมช็อกโกแลตชิพลงไปจะทำให้ได้เค้กรสช็อกโกแลต หากต้องการทำเค้กวานิลลา คุณสามารถเติมกลิ่นวานิลลาเพิ่มลงไป 1 ช้อนโต๊ะแทนได้
- ผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน. ใช้ช้อนคนส่วนผสมทั้งหมดในถ้วยกาแฟให้เข้ากัน โดยคนจนกระทั่งช็อกโกแลตชิพละลายหรือส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ขอบถ้วยกาแฟอาจเลอะเทอะไปบ้างเล็กน้อย แต่สุดท้ายเมื่อนำเข้าไปอบในไมโครเวฟแล้วเค้กก็จะฟูขึ้นมา
- อบเค้ก. อบเค้กในไมโครเวฟนาน 50 วินาทีด้วยความร้อนสูงสุด หลังผ่านไปแล้ว 50 วินาที ลองเช็คดูว่าเค้กสุกแล้วหรือยังโดยใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มลงไปจนถึงตรงกลาง หากไม้จิ้มฟันสะอาดแสดงว่าเค้กสุกแล้วเรียบร้อย แต่หากมีเนื้อเค้กเหนียวๆ เหลือติดอยู่บนไม้จิ้มฟัน ให้นำเค้กกลับเข้าไปอบในไมโครเวฟเพิ่มอีก 30 วินาทีจนสุก[1]
- ควรระวังอย่าอบนานจนเกินไป เพราะจะทำให้เนื้อเค้กแห้งเกินไปได้ ไม่ควรอบเค้กนานเกิน 2 นาที
- ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับรูบนเค้กที่เกิดจากไม้จิ้มฟัน คุณจะมองไม่เห็นรูนี้หลังจากแต่งหน้าเค้กเสร็จแล้ว
- วางทิ้งไว้สักพัก. ไมโครเวฟจะให้ความร้อนไม่สม่ำเสมอต่างจากเตาอบ หลังอบเสร็จแล้ว จึงควรวางเค้กทิ้งไว้บนเคาน์เตอร์ประมาณ 1-2 นาที เพื่อให้ความร้อนกระจายจนทั่วถ้วยกาแฟ
- ทานได้เลย!. หยิบช้อนและเริ่มทานได้เลย หรือจะเพิ่มฟรอสติ้งและตกแต่งหน้าเค้กก่อนก็ได้
- นำแก้วกาแฟออกจากไมโครเวฟอย่างระมัดระวัง ควรใช้ถุงมือจับของร้อนหรือผ้าขนหนู เพราะถ้วยกาแฟอาจร้อนเกินไปจนถือไม่ไหว
โฆษณา
- ผสมแป้งเค้ก. ใส่เนยที่นิ่มแล้วหรือมาร์การีน ¾ ถ้วย น้ำตาล ¾ ถ้วย และแป้ง ⅔ ถ้วยลงไปในชามใบใหญ่ ใช้ช้อนหรือไม้พายซิลิโคนคนให้เข้ากัน
- คุณสามารถใช้แป้งทั่วไปแทนได้หากไม่มีแป้ง self-rising แต่เค้กที่อบออกมาจะมีเนื้อสัมผัสเหมือนบราวนี่มากกว่า
- เติมส่วนผสมที่เหลือเพิ่มลงไป. เติมนม 3 ช้อนโต๊ะ ไข่ขนาดกลาง 3 ฟอง ผงฟู 1 ช้อนชา และกลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชาเพิ่มลงไป
- คุณสามารถเลือกใช้นมครบส่วน นมขาดมันเนย นมพร่องมันเนย หรือนมชนิดอื่นๆ ที่คุณต้องการ
- เติมรสชาติ. หากต้องการทำเค้กช็อกโกแลต ให้เติมผงโกโก้ ⅓ ถ้วยลงไปผสม และหากต้องการทำเค้กวานิลลา ให้เติมกลิ่นวานิลลาเพิ่มอีก 1 ช้อนชา
- ผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน. ใช้ส้อมหรือเครื่องผสมอาหารผสมส่วนผสมทั้งหมดไปเรื่อยๆ ประมาณ 4-5 นาทีหรือจนกระทั่งเข้ากัน หากมีเครื่องเตรียมอาหาร คุณสามารถใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไปในเครื่องเตรียมอาหารและผสมไปเรื่อยๆ ประมาณ 60 วินาทีแทนได้
- เทแป้งเค้กลงไปในชามสำหรับไมโครเวฟ. ห้ามใช้ถาดโลหะอบในไมโครเวฟโดยเด็ดขาด
- การใช้จานตื้นจะทำให้เค้กออกมาน่าทานยิ่งขึ้น
- อบเค้ก. อบเค้กในไมโครเวฟนาน 3-4 นาทีด้วยความร้อนสูงสุด เค้กที่อบในไมโครเวฟจะขึ้นฟูเหมือนอบในเตาอบ หากเค้กเริ่มขยายตัว (แต่ยังคงขยับขึ้นลงอยู่) แสดงว่าอบเสร็จเรียบร้อย[2]
- ลองเช็คดูว่าเค้กสุกแล้วหรือยังโดยใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มลงไปจนถึงตรงกลาง หากไม้จิ้มฟันสะอาดแสดงว่าเค้กสุกแล้วเรียบร้อย แต่หากมีเนื้อเค้กเหนียวๆ เหลือติดอยู่บนไม้จิ้มฟัน ให้นำเค้กกลับเข้าไปอบในไมโครเวฟเพิ่มอีก 1 นาทีจนสุก
- ควรระวังอย่าอบนานจนเกินไป เพราะจะทำให้เนื้อเค้กแห้งเกินไปได้
- ทานได้เลย!. หากเสิร์ฟเค้กในขณะที่ยังอุ่นอยู่ เนื้อเค้กจะชุ่มฉ่ำเป็นพิเศษและอร่อยจนไม่สามารถหยุดทานได้ หรือจะเพิ่มฟรอสติ้งและตกแต่งหน้าเค้กก่อนก็ได้โฆษณา
- เลือกฟรอสติ้งตามที่ต้องการ. คุณสามารถหาซื้อฟรอสติ้งได้จากร้านค้าหรือจะทำฟรอสติ้งเองก็ได้ คุณอาจทำฟรอสติ้งช็อกโกแลต วานิลลา เลมอน หรือรสอื่นๆ ที่คุณชื่นชอบ ลองทำฟรอสติ้งดูหลายๆ รสเพื่อหารสชาติโปรดของคุณ
- ปล่อยให้เค้กเย็นลงก่อนเริ่มเพิ่มฟรอสติ้ง ไม่เช่นนั้นฟรอสติ้งอาจละลายได้
- เตรียมฟรอสติ้งให้มากพอ จำไว้ว่ามีฟรอสติ้งเหลือทิ้งยังดีกว่าหมดก่อนแต่งหน้าเค้กเสร็จ
- เพิ่มฟรอสติ้ง. ควรเพิ่มฟรอสติ้งในอุณหภูมิห้อง ใช้ไม้พายยางหรือช้อนปาดฟรอสติ้งบนหน้าเค้ก
- แต่งด้วยผลไม้. หั่นสตรอว์เบอร์รี่สดเป็นแผ่นบางๆ และนำไปตกแต่งลงบนฟรอสติ้งโดยจะวางตามแพทเทิร์นหรือวางแบบสุ่มๆ ก็ได้ ใช้แปรงทาแยมทับลงไป[3]
- คุณสามารถใช้มะม่วง กล้วย หรือผลไม้เนื้อนุ่มอื่นๆ แทนสตรอว์เบอร์รี่ได้
- หากคุณใช้ผลไม้สด ให้แต่งผลไม้ในขั้นตอนสุดท้าย เพราะถ้าหากผลไม้เปียก อาจทำให้ฟรอสติ้งหลุดหรือละลายเล็กน้อย[4]
- แต่งด้วยน้ำตาลแต่งหน้าเค้ก. การแต่งด้วยน้ำตาลแต่งหน้าเค้กจะช่วยเพิ่มสีสันให้กับเค้กของคุณ คุณยังสามารถเติมน้ำตาลแต่งหน้าเค้กลงไปผสมกับแป้งเค้กก่อนอบได้อีกด้วย
- แต่งด้วยลูกกวาด. โปรยมาร์ชเมลโล่ชิ้นเล็กๆ ลงบนหน้าเค้กเพื่อเพิ่มความหวานเป็นพิเศษ และโรยน้ำตาลไอซิ่งเพิ่มลงไปเล็กน้อย
- แต่งด้วยช็อกโกแลต. หากต้องการเพิ่มความกรุบกรอบให้เค้กช็อกโกแลตของคุณ ให้นำช็อกโกแลตแท่งที่ชื่นชอบมาบดเป็นชิ้นเล็กๆ และวางลงบนหน้าเค้ก หรือจะโปรยช็อกโกแลตชิพลงไปแทนก็ได้
- แต่งด้วยมะพร้าวอบแห้ง. คุณสามารถผสมมะพร้าวลงไปในแป้งเค้กหรือจะนำมาตกแต่งก็ได้ มะพร้าวจะดีต่อสุขภาพมากกว่าน้ำตาลแต่งหน้าเค้กหรือลูกกวาด และยังทำให้เค้กดูน่าทานอีกด้วย ปาดฟรอสติ้งเล็กน้อยแล้วจึงตกแต่งด้วยมะพร้าว
- มะพร้าวมีรสชาติที่อ่อน จึงสามารถนำไปตกแต่งหน้าเค้กได้มากมายหลายชนิด ทั้งเค้กที่มีรสอ่อนอย่างวานิลลาและเลมอน หรือเค้กที่มีรสเข้มอย่างช็อกโกแลตหรือแครอท
- แต่งด้วยถั่ว. คุณสามารถใช้ถั่วตกแต่งเค้กทั้งก้อนตั้งแต่หน้าเค้กจนถึงก้นเค้ก หรือจะโปรยลงบนหน้าเค้กเพียงเล็กน้อยก็ได้
- หากคุณทำเค้กช็อกโกแลต ถั่วพีแคนหวานจะเข้ากันกับเค้กเป็นอย่างดี
โฆษณา
เคล็ดลับ
- การอบเค้กในไมโครเวฟจะไม่ทำให้หน้าเค้กเป็นสีเหลืองเกรียมเหมือนอย่างเตาอบ ดังนั้น หากคุณอบเค้กวานิลลา เค้กที่ออกมาจึงอาจดูซีดเล็กน้อย ให้เติมโกโก้หรือกาแฟชงสด 2 ช้อนโต๊ะเพิ่มลงไปเพื่อให้เค้กดูน่าทานมากขึ้น[5]
- เมื่ออบเค้กในไมโครเวฟเสร็จแล้ว ให้วางทิ้งไว้ประมาณ 1-2 นาทีเสมอ เพื่อให้ความร้อนกระจายไปทั่วเค้ก
- ขั้นตอนทั้งหมดทั้งการเตรียมส่วนผสม การอบ และการทำความสะอาด ควรใช้เวลาประมาณ 20 นาที ซึ่งหมายความว่าคุณจะมีเวลาเหลือมากมายสำหรับเพลิดเพลินไปกับการทานของหวานแสนอร่อยที่คุณได้เตรียมไว้
- ซื้อถ้วยกาแฟเป็นของขวัญให้เพื่อนพร้อมเค้กแสนอร่อยข้างใน
คำเตือน
- เค้กที่เพิ่งอบเสร็จจะร้อนมาก จึงควรจับด้วยความระมัดระวัง
สิ่งของที่ใช้
- ชามผสม
- ส้อม
- ช้อน
- เครื่องผสมอาหาร
- ไมโครเวฟ
- จานสำหรับไมโครเวฟ
- ไม้พายยาง
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=8MscAxRx6Zo
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=8MscAxRx6Zo
- ↑ http://www.realsimple.com/food-recipes/cooking-tips-techniques/baking/easy-cake-decorating-ideas
- ↑ http://www.goodtoknow.co.uk/recipes/pictures/35200/20-easy-ways-to-decorate-a-cake/10
- ↑ http://www.which.co.uk/home-and-garden/home-appliances/guides/more-from-your-microwave/microwave-baking-how-to-bake-cakes-in-your-microwave/
- Videos provided by OnePotChefShow
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.